Download Chereads APP
Chereads App StoreGoogle Play
Chereads

ิฺBangkok in a Sense the memory of passed

🇹🇭Faii_hathai
23
Completed
--
NOT RATINGS
21.5k
Views
Synopsis
ในค่ำคืนพระจันทร์สีเลือดผันเปลี่ยน พายุแห่งความเคียดแค้นก่อกำเนิดเพราะภาพจำในอดีตที่ลบล้างไม่อาจหวนคืน....และฟูจิโนะ ฮานะ ฟูจิวาระ หรือว่าจะเป็น " อิเลฟเวนท์ " คือเพียงคนเดียวที่มองเห็นโลกของความจริง !
VIEW MORE

Chapter 1 - แนะนำตัวกันอีกแล้ว ?

ค่ำคืนหนึ่ง ! ของ...พระจันทร์สีเลือดลอยตระหง่านเหนือต้นไผ่สี่เหลี่ยมจำนวนหลายร้อยหลายพันต้น และต้นไผ่สี่เหลี่ยมลำต้นสีเขียวเป็นมันเงาที่ปลูกเรียงรายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ และเป็นทิวแถวยาวสองฝากฝั่งของถนนพื้นคอนกรีตและรั้วกำแพงดินโบราณ

จ๋อม ! จ๋อม !!!

เสียงของหยาดฝนที่ค้างตามกิ่งไผ่และใบไผ่ทยอยพากันหยดไหลลงมาพื้นหญ้าและดินเบื้องล่าง และสายน้ำเล็กๆ ที่เกิดจากสายฝนก็พากันไหลจากต้นไผ่ต้นบนสุดไปจนถึงต้นไผ่ต้นที่อยู่ล่างสุด และเมฆหมอกสีดำทะมึนก้อนใหญ่ค่อยๆ จางจากฟากฟ้า เวลายามเย็นที่ค่อนข้างจะดูมืดครึ้มไปกว่าคืนวันไหนๆ

สายลมที่พัดไหวๆ ชวนให้ลู่ลมของกิ่งและใบ้ไม้ไผ่ที่ค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง เสียงและลำต้นของไผ่ที่หยุดการเสียดสีกันไปชั่วขณะ

เพราะว่าหลังจากที่พายุขนาดย่อมๆ ได้พัดผ่านเข้ามาภายในบริเวณบ้านเรือนไม้หลังใหญ่ที่มีสวนของดอก rising moon ดอกไม้สีขาวนวลดั่งวงพระจันทร์กำลังบานสะพรั่งแต่ก็พลอยเปื้อนหยาดฝน

และมิหนำซ้ำหลังคากระเบื้องสีดินเผาโบราณ เรือนไม้ชั้นเดียวหลังใหญ่ที่ถูกล้อมรั้วด้วยกำแพงดินสีเก่า ๆ ขนาด 24 ไร่ มีห้องหับต่าง ๆ อีกราว ๆ 26 หลัง และบ่อน้ำพุร้อนที่แยกระหว่างชายและหญิงที่ท้ายเรือนปลูกติดอยู่กับน้ำตกท้ายสวนหย่อมญี่ปุ่น

ต้นเมเปิ้ล อายุ 100 กว่าปีที่ปลูกภายในสวนหย่อมญี่ปุ่นของเจ้าของบ้านขนาด 24 ไร่ มีลำธารสายเล็ก ๆ ที่ก่อขึ้นมาจากหินธรรมชาติที่พากันไหลย้อนจากบริเวณต้นสนสามใบกลับไปที่น้ำตกท้ายเรือน

แสงไฟในตะเกียงหินสีเก่าๆ นับหลายสิบดวง พวกมันพากันส่องแสงประกายวิบวับสะท้อนแสงและเงา และปลาตะเพียนอีกเป็นร้อยๆ ที่ต่างพากันแหวกว่ายเข้ามาแย่งแสงไฟ

กระถางดินเผาเก่าๆ คร่ำคราของต้นบอนไซภูเขานับอีกเกือบๆ สามสิบสามต้น ทุก ๆ ต้นล้วนแล้วแต่เพิ่งจะโดนหยดฝน และละอองฝนห่าใหญ่หล่นชำละล้างเอาเศษดินเศษฝุ่นให้พลัดหล่นลงจากใบ

ต้นบอนไซภูเขาหลายต้นในกระถางถูกดัดดูคล้ายๆ กับภูเขาบ้างก้อนเมฆบ้าง ต้นบอนไซภูเขาบางต้นก็ดัดให้ดูเหมือนต้นโพธิ์ต้นใหญ่บ้าง และอีกหลายๆ ต้นที่ถูกดัดและตัดลิดรอนใบให้ดูเหมือนเป็นต้นไม้ในป่าใหญ่

แต่ทว่า.... ความเย็นจากพายุที่ยังคงก่อตัวจนหนาวเหน็บ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งคืนที่แสนเหน็บหนาวนี้ให้ผ่อนคลายลงไปได้ง่าย ๆ

กลิ่นหอมจางๆ ของใบไม้ที่เรียกว่า...ใบชา พวกมันที่ถูกผ่านการบดขยี้จากน้ำมือของมนุษย์มานับครั้งไม่ถ้วน กลิ่นของใบชาที่ถูกบดขยี้อย่างละเอียด และยังคงถูกต้มอยู่ในปั้นชาดินเผาใบเล็ก ๆ

กลิ่นหอม...ที่...ได้กลิ่นคล้ายๆ กับ ใบไม้เปียกที่ถูกขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า .... กลิ่นใบไม้เปียกที่ถูกขยี้ผ่านมาตามไอหมอก....

ถ้วยชาทำจากกระเบื้องลายพร้อยสีฟ้าๆ เขียวๆ ทั้งหมดจำนวนหกถ้วยด้วยกัน และถ้วยชาทุกถ้วยยังคงถูกวางเอาไว้อยู่บนโต๊ะไม้เตี้ยๆ โบราณที่ทำมาจากต้นสนทาทับสีแดงๆ เก่า ๆ กลางห้องรับแขกขนาดใหญ่

ตู้เก็บของโบราณทำมาจากไม้สนเนื้อดีทาทับด้วยสีแดงใบหนึ่ง และตั้งอยู่ตรงทางเข้าออกของประตูเลื่อนฟุสุมะ

ประตูบานเลื่อนฟุสุมาที่บรรจงเขียนวาดเป็นลวดลายของทุ่งดอกฮิกัน ดอกไม้ที่คอยเบ่งบานต้อนรับในวันวสันตวิษุวัต....

...ที่ ! ทุ่งดอกฮิกันเป็นร้อยๆ ต้นคอยชูช่อคอยแบ่งบาน อยู่เบื้องหน้า...มีทิวเขาฟูจิที่ทอดกายเป็นฉากอยู่เบื้องหลัง.....

ทุ่งดอกฮิกันสีแดงๆ สลับสีขาวๆ และเหลือง ดอกไม้ประเภทเดียวกันกับลิลลี่ภูเขา ดอกฮิกันลำต้นสูง แต่ละต้นมีดอกชูช่อราวๆ ห้าดอก กลีบดอกมีทั้งหมดหกกลีบเท่า ๆ กัน

.....กลีบขอบดอกฮิกันที่มีรูปร่างเรียวยาวคล้ายขนนก และยังมีเกสรตัวผู้ชูโผล่ออกจากตรงกลางดอก...

ประตูบานเลื่อนฟุสุมาขนาดความกว้างคูณยาวราวๆ สี่เมตรครึ่งทางด้านทิศตะวันออกตรงทางเข้า และฉากกั้นห้องโซจิสีขาว ๆ โปร่งแสงที่สามารถทำให้สะท้อนเห็นแสงไฟสว่าง ๆ ขาวๆ จากด้านใน

และก็..โต๊ะไม้สนเตี้ยๆ ที่ถูกขัดทาทับด้วยยางไม้สีดำ ๆ มันเงาขนาดความกว้างประมาณหนึ่งศอก และความยาวประมาณสองศอก

บนโต๊ะไม้สน ที่ ๆ ยังคงตั้งวางอยู่ทางทิศใต้ของห้องรับแขก และบนโต๊ะที่มีกระถางของต้นบอนไซภูเขาทั้งหมดด้วยกัน 2 กระถาง

กระถางหนึ่ง ! ต้นบอนไซภูเขาที่ถูกจัดและถูกดัดให้ขึ้นทรงให้เป็นรูปร่างที่มีหน้าตาที่คล้าย ๆ กับ ป่าสนต้นโพธิ์ขนาดใหญ่

อีก...กระถางหนึ่ง ! ต้นบอกนไซภูเขาที่ได้ถูกปล่อยให้เจริญเติบโตเป็นธรรมชาติของต้นไม้ ๆ ต้นเล็ก ๆ แต่คงเพียรพยายามที่จะแตกหน่อและแพร่กิ่งก้านสาขา

ห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายๆ เหมือนเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่ ประดับประดาด้วยงานภาพเขียนพู่กัน และภาพเขียนสีสันสวยงามตระกาลตา

ภาพเขียนสีพู่กันรูปนกยูงยืนหันหลังแต่ไม่รำแพน ภาพแขวนนี้ที่แขวนไว้ที่มุมๆ หนึ่งทางเหนือของห้องรับแขก และที่ด้านล่างของภาพเขียนยังคงมีลายมือคนวาดหวัด ๆ เป็นตัวอักษรจีนโบราณคอยประทับตราเป็นเจ้าของ และอ่านออกเสียงอย่างเราๆ ว่า

"เท..อิกะ " !!!

ภาพเขียนสีพู่กันรูปของดอกไม้วีสทีเรีย ที่..กำลังเบ่งบานสะพรั่งเต็มต้น แต่กลับต้องเขียนให้เป็นสีของพู่กัน สีดำบนพื้นกระดาษขาว ดอกไม้เครือเถาแบบวิธีของชาวญี่ปุ่น

ช่อ..ของพวงดอกวีสทีเรีย ที่ดูคล้ายกับรวงข้าวสุก ชูช่อตระหง่านเดียวดายอยู่เพียงต้นเดียวเพียงลำพัง เพราะฉะนั้นจึงปราศจากสี....

จะเป็น....ดอกวิสทีเรีย.... หรือว่าจะเป็น....ดอกฟูจิ โนะ ฮานะ !!!! ก็ยังคงเป็น...ดอกไม้...ในหน้าฤดูน้ำค้างยอดหญ้า....อยู่ดี

และภาพเขียนสีน้ำนักรบชุดเกราะซามูไรสีแดงที่ถูกตั้งแขวนดูเด่นเป็นสง่าอยู่ฝั่งทางทิศใต้ ภาพเขียนของนักรบชุดเกราะซามูไรสีแดงที่ถูกติดเอาไว้ที่พนังห้องเรือนไม้ชั้นดี

เบาะรองนั่งสีเทาๆ ที่ปูลาดอยู่บนเสื่อทาทามิผืนขนาดใหญ่ที่มีจำนวนมากถึงหกที่นั่ง และสำหรับเบาะรองนั่งที่มุมบนหัวโต๊ะ

" สวัสดี !!! "

เสียงพูดภาษาอังกฤษของผู้ชายชาวญี่ปุ่นวัยใกล้ๆ หกสิบ ที่นั่งสวมชุดยูกะตะผ้าฝ้ายสีเทาๆ ตั้งใจเป็นอย่างดีที่จะหันไปขอบคุณบรรดาแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย

" ผม ! "

" ทัตสึจิ มินาโมะโตะ " ทัตสึจิที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะผ้าฝ้ายอยู่ตรงกลางระหว่างบุตรชายคนโต และบุตรสาวคนสุดท้อง

มุรามะสะ มินาโมะโตะ บุตรชายคนโตของบ้านมินาโมะโตะ บุตรชายทัตสึจิสวมชุดยูกะตะชุดและสีเดียวกัน และยังนั่งคุกเข่ารออยู่ใกล้ๆ ทางขวามือ

และอาซามิ มินาโมะโตะ บุตรสาวเพียงคนเดียวของทัตสิจิในชุดกิมโมโนสีขาวสะอาดลวดลายของดอกริโกะ และเธอก็นั่งคุกเข่าอยู่เบาะถัดจากพี่ชาย

แต่ว่าทัตสึจิก็หันไปนั่งมองคนที่กำลังคอยนั่งสวมชุดสูทอย่างชาวตะวันตกสากลสีกรมท่า ที่ ๆ พวกเขาก็กำลังนั่งถัดอยู่ทางขวามือของโต๊ะรับแขก

" และคนๆ นี้ก็คือ...."

" ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของญี่ปุ่น "

" ฮิ ซาโต้ ! " ทัตสึจิยังคอยแนะนำให้กับแขกวันนี้ของบ้านอีกทั้งสี่ท่าน และทุกๆ คนก็กำลังร่วมนั่งรอชมและจิบน้ำ

ฮิ ซาโต้ผู้ชายวัยราว ๆ เลขสามปลาย ๆ เป็นผู้ชายชาวญี่ปุ่นตัวสูงใหญ่เอามาก ๆ โครงหน้าสี่เหลี่ยม จมูกโด่งและเชิด ริมฝีปากหนา และยังจะมีใฝ่อยู่ที่หางคิ้วด้านซ้าย และซาโต้ที่เพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมารับคำทักทายของคนที่อยู่ข้างๆ อย่าง ไทระ มาซายูกิ แล้วก็ผู้หญิงที่ดูมีนัยน์ตาเย่อหยิ่งคนนั้น

ผู้หญิงนัยน์ตาเย่อหยิ่งคนที่ซาโต้คอยแต่ชำเลืองมองกิริยาท่าทางของเธอ ผู้หญิงผิวขาวอมเหลือง ใบหน้ารูปไข่ส่วนสูงมาตรฐาน ไว้ผมยาวตรงสีดำขลับ ริมฝีปากล่างหนา และจมูกงุ้มเล็กน้อย และหลังจากที่เธอโค้งคำนับให้กับฮิ ซาโต้ก่อน ทั้ง ๆ เธอยังต้องคอยระแวดระวังสายตาของมาซายูกิคนที่นั่งใกล้ๆ และยังคอยนั่งมองผู้ชายและผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม

" สบายดีนะค่ะ " เธอกล่าวทักทายทุกๆ คนด้วยภาษาของที่นี้ และแม้ว่าพวกเธอจะคอยนั่งขัดสมาธิอยู่ทิศด้านซ้ายมือของซาโต้

ซาโต้โค้งเล็กน้อยและจึงหันมาสบตา

" ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ "

" และก็ขอขอบใจที่...."

" ช่วยส่งหมอบของสำคัญคืนให้กับประเทศของเรา " ซาโต้พูดเพียงเพราะรักษามารยาท

ผู้หญิงนัยน์ตาเย่อหยิงคนนั้นก้มหัวลงเล็กน้อย และแสดงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก และแม้ว่าจะมีบางครั้งหางตายังต้องพะวงกับสายตาของผู้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามอยู่ซ้ำ ๆ อย่าง เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นอายุราวๆ ยี่สิบเก้าปี ตัวสูงโย่ง แต่ก็ยังพอมีกล้ามเนื้อ ผิวขาวอมชมพู หน้าเรียวเล็ก และปากที่เล็กยิ่งกว่าที่ชื่อมาซายูกิ

และแม้ว่าเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นคนนี้จะเป็นเพียงคนเดียวที่แม้จะไม่ได้สวมชุดดั่งเดิมของญี่ปุ่นในทันที แต่เขาก็สวมชุดสูทสีดำลายทางที่ดูเรียบร้อยเข้ามานั่งถัดมาจากผู้หญิงนัยนต์ตาเย่อหยิงคนนั้น แต่ทว่าสายตาทุกๆ คนยังคงจับจดไปที่ผู้ชายและผู้หญิงสองคนตรงหน้า

และทัตสึจิที่ยังคงแนะนำบุรุษรูปงามที่นั่งใกล้ๆ

" และก็คนๆ นี้ ก็คือเจ้าของเรียวกังที่เก่าแก่ แท้ และดั่งเดิมของประเทศญี่ปุ่น "

" มาซายูกิ ไทระ" ทัตสิจิแนะนำหนุ่มหน้าตาดี ๆ ที่นั่งชิด ๆ กับผู้หญิงสวมชุดสูทล้ำสมัยสีดำใกล้ ๆ กับซาโต้

เพราะฉะนั้นทัตสึจิก็เลยยิ่งต้องรีบแนะนำ ๆ แขกสำคัญถึง 2 คน ทั้งเขาและเธอที่ยังคงนั่งรออยู่ที่โต๊ะชงชาใกล้ๆ ที่ฝั่งตรงกันข้ามของมาซายูกิ

" คน ๆ นี้ก็คือ...."

" ท่านรองประธานของ The Empire Group !"

" ฮัน ยูซอง ! "

" ที่จะมาเป็นคนเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินของเรา ที่เกาะโอกินาว่า " ทัตสึจิช่วยแนะนำผู้ชายชาวเกาหลีหน้าตาดี ที่นั่งฝั่งตรงข้าม

" และ คุณหนู ฮง ! "

" ฮง ฮเยจี !! " ทัตสึจิที่พยายามจะแนะนำผู้หญิงคนที่มีท่าทางสง่างามราวกับนางฟ้าที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับฝั่งของมาซายูกิ

ฮง เยจี ผู้หญิงสาวชาวเกาหลีใต้รูปร่างดี ผิวขาว หน้ารูปไข่ มีดวงตาที่เป็นประกาย ริมฝีปากบนเล็ก และมีริมฝีปากล่างที่อิ่มเอิบ และเธอที่สวมชุดกระโปรงทันสมัยในโทนสีฟ้าเรียบร้อย รวบผมยาวของพวกเธอเอาไว้ที่ท้ายถอย ปล่อยปอยผมที่ข้างหน้าเหลือเอาไว้อยู่นิดหน่อย

" ดิฉัน ฮง ฮเยจี "

" วันนี้...จะมาเป็นเลขาให้กับท่านรองประธานเองค่ะ "

" ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค่ะ " ฮเยจีก้มหัวลงเล็กน้อย

แต่ว่าทัตสึจิที่ยังคงคอยช่วยแนะนำเพื่อสร้างความสนิทสนมกันเอาไว้กับคู่ผู้หญิงและผู้ชายจากฝั่งของเกาหลี

" ได้ข่าวว่า....ท่านประธานฮัน วังซอง "

" พ่อของรองประธานฮัน "

" กำลังตระเตรียมเตรียมพิธีหมั้นให้กับพวกคุณทั้งสองคน "

" ขอแสดงความยินดีด้วย " ทัตสึจิและคนอื่นๆ ที่ต่างยิ้มแย้มแสดงความยินดี

แต่ก็คงจะไม่ใช่สำหรับทุกๆ คนที่นั่งร่วมโต๊ะน้ำชา แม้ว่าสายตาของผู้คนในมินาโมะโตะจะยังคอยจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่นั่งชิดติดกับซาโต้ก็ตาม

" ขอบคุณมากค่ะ " ฮง เยจีสบตาของทัตสึจิ และตามด้วยว่าที่คู่หมั้นของเธอ

" ขอบคุณครับ " ฮัน ยูซอง ว่าที่คู่หมั้นของเธอที่กล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม และแม้ว่าบางทีหางตาจะไปตกอยู่ที่ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่กับผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ญี่ปุ่น

ฮัน ยูซอง ผู้ชายนัยต์ตาคมสีน้ำตาลเข้มๆ ใบหน้ารูปหัวใจ รูปจมูกเป็นสัน และริมฝีปากล่างบางริมฝีปากบนหนา และเขาไว้ทรงผมที่ทันสมัยเหมือนอย่างกับพระเอกในซีรีย์แนวรักวัยใส

" เป็นการวางแผนอนาคตที่ดีมาก " แต่ว่าเธอก็ได้แต่ชื่นชมตามมารยาท และมาซายูกิที่พยายามจะสบตาของผู้ชายเกาหลีคนนี้ให้ได้

" หวังว่า ...พวกเราสองคน "

" คงจะมีโอกาสได้ไปร่วม "

" ทั้ง พิธีงานหมั้นและงานแต่งงานของท่านรองประธานแห่ง The Empire Group และ... ! "

" คุณหนูฮง !! " และก็ทำทีแสร้งยิ้ม

ฮัย ยูซองที่ก็เผลอแสร้งยิ้มด้วยไม่ได้ไปกันใหญ่

" การแต่งงานของเราสองคน "

" จะต้องเป็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ "

" จนทำให้ใครบางคน ! ต้องอิจฉา !!! " และน้ำเสียงของฮัน ยูซองที่พูดออกมาก็ช่างอยากให้คนอื่น ๆ พากันคิดแบบนั้น

และผู้หญิงที่นั่งตรงกันข้ามยังคงยิ้ม ๆ ให้พวกเขาที่มุมปากอยู่บ่อยๆ

" เราก็ได้แต่หวังว่า...มันคงจะต้องเป็นแบบนั้น " เธอรู้สึกยินดีมากจริงๆ โดยที่ไม่มีอะไรแอบแฝง

"เหอะ " สีหน้าแสแสร้างแกล้งทำเป็นยิ้มของฮัน ยูซอง มันช่างทำให้ทุก ๆ คนที่ร่วมโต๊ะชงชารู้สึกประหลาดใจ

" ฮง เยจี! "

" เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด " และเขาก็ยังหันมาสบตาของผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามอยู่บ่อยๆ

เธอผงกหัวขึ้นลงเล็กน้อย

" คุณหนูฮง "

" เธอช่าง ! เป็นผู้หญิงที่โชคดีมากจริงๆ " และเธอยังคงยิ้ม

แต่เขากลับส่ายหน้าเบาๆ

" เพราะว่าฮเยจี ! "

" เธอไม่เคยโกหกเลยสักครั้ง " ฮัน ยูซองยิ้มเพื่อเป็นการโต้ตอบ

และแม้ว่าการสนทนาช่างน่าอึดอัดระหว่างเธอ และรองประธานของ Empire group มันช่างชวนทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกๆ

"ฮ่าๆ " ทัตสึจิอยู่ๆ ก็รู้สึกขำขัน

" รองประธานฮัน ! คุณหนูฮง !! "

" เธอ...คนนี้ก็คือ "

" ฟูจิ โนะ ฮานะ "

" เธอ... กำลังจะมาบริจาคของโบราณล้ำค้ากลับคืนให้กับพิพิธพันธ์ของประเทศญี่ปุ่น " แต่ว่าทัตสึจิเองก็ยังจะช่วยหันไปแนะนำให้ทุก ๆ คนได้รู้จักและทำความสนิทสนมกันไว้

" หึ ! " และเสียงกระทบกระเทียบของไทระ มาซายูกิที่ถึงจะไม่ดัง แต่ก็ทำให้ผู้หญิงชาวเกาหลีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามรู้สึกตะขิดตะขวางใจไม่น้อย

" คุณฟูจิวาระ ดูไม่เหมือนคนญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ " ฮง ฮเยจีที่โผล่งความในใจพูดออกมาจนได้

" ไม่ยักรู้ว่า.... " และว่าที่คู่หมั้นของเธอที่เห็นด้วยทันที

" นอกจากจะชื่อ... อีเลฟเวนท์ แล้ว ! "

" เธอ... ยังจะมีชื่ออื่นอีก " แต่ว่าฮัน ยูซองพยายามอย่างกับว่า เขารู้จักเธอ

ฮิ ซาโต้ที่เหลียวมองไปทางทัตสึจิทันที

" และ ฟูจิวาระ "

" ก็คือ...นามสกุลเดิม ! "

" ของ...เธอ " และพยายามที่จะช่วยทัตสึจิแนะนำ และทัตสึจิที่ฝืนยิ้ม ๆ ให้กับรองประธานของ Empire group

" แต่ถ้าจะให้เรียก...อีเลฟเวนท์ "

" มันก็คงจะถูกต้อง ! ที่สุด !!! "

" ใช่ไหมละครับ " และทัตสึจิก็ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธ และบางครั้งสายตาก็ยังต้องคอยชำเลืองเหลียวมองท่าทีของอิเลฟเวนท์ หรือ ฟูจิวาระให้บ่อยขึ้น

ฮัน ยูซองที่ไม่ยอมหยุดมองเธอ

" นี่ ! ก็แสดงว่า... "

" คุณอีเลฟเวนท์ !"

" ไม่ใช่สิ !!! "

" คุณฟูจิวาระ "

" หลังจากที่.... ไปเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายระหว่างประเทศให้กับ !"

"ท่านรัฐมนตรีกลาโหมถึงที่ประเทศอังกฤษ " เขาที่พูดไปและยิ้มไปด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองใส่ทั้งคนในตระกูลมินาโมะโตะและก็เธอ

" พวกเขา "

" คงจะให้ค่าตอบแทน "

" ที่...สูงลิบลิ่ว! " น้ำเสียงพูดดังฟังชัดทุกถ้อยทุกคำของฮัน ยูซองที่พลอยแต่จะสบตา

และอิเลฟเวนท์ที่เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ จนได้

" ก็มากพอ...ที่จะ "

" ซื้อ...สกีรีสอร์ทสักแห่ง "

" ในเกาหลีใต้ได้ !! " เธอตอบอย่างอารมณ์ดีจริงๆ

"หึ !!! " น้ำเสียงประชดประชันเยาะเย้ยของเจ้าของสกีรีสอร์ทที่ดังตามออกมาติดๆ

" สกีรีสอร์ทสักแห่งในเกาหลี ! "

"อย่างนั้นเชียว " และแสร้งถามออกไปอย่างช่วยไม่ได้ และก็ไม่ได้ทันจะสังเกตสีหน้าของว่าที่คู่หมั้นของเขาที่ก็เอาแต่จะแอบมองไปที่ผู้หญิงไทยคนนั้น

ฮง ฮเยจีพอจะสังเกตแววตาของว่าที่คู่หมั้น และผู้หญิงไทยที่มีชื่อทั้งภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่นในคนๆ เดียวอย่างน่าประหลาด

ครื้มมมมม !!!!!!

เปรี้ยง !!!!!!

เสียงฟ้าร้องคำรามลูกใหญ่และก็เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นลงมาอีกครั้งที่สอง และเพียงไม่กี่อึดใจสายฟ้าฟาดและลมพายุห่าใหญ่ก็พัดพาละอองฝนห่าใหญ่ตกลงมาอีกครั้ง

" ดูเหมือนว่า.. วันนี้ ฝนทำท่าว่าจะตกหนักมากจริง ๆ " ทัตสึจิที่หันกลับมาบอกกับทุกๆ คนที่ร่วมโต๊ะน้ำชา

" รองประธานฮัน คุณหนูฮง เยจี "

" ฝนตกหนักขนาดนี้ ! "

" เกรงว่า....เราคงจะขับรถพาพวกคุณลงจากเขา เพื่อไปที่ส่งถึงโรงแรมที่พักให้ในตอนนี้ไม่ได้ " ทัตสึจิที่พยายามจะหันไปถ้อยทีถ้อยออาศัยกับแขกคนสำคัญจากเกาหลีใต้ให้มากขึ้น

" ถ้าอย่างนั้น....ก็คงจะต้อง "

" ให้พวกคุณทั้งสองคนพักที่นี้กันสักคืนหนึ่งก่อน ! "

" และพรุ่งนี้ พวกเราค่อยออกเดินทางไปที่โอกินาว่ากันตั้งแต่เช้าตรู่ " ทัตสึจิที่ตั้งใจจะเป็นเจ้าบ้านที่ดี

แต่ทว่าในระหว่างนั้นพวกของเขาก็ยังคอยแอบมองระหว่างฟูจิวาระกับท่านรองประธานฮันกันเป็นระยะ ๆ

" รบกวนด้วยนะครับ ! "

" ท่านประธานมินาโมะโตะ " และฮัน ยูซอง กับ ฮง ฮเยจีโค้งคำนับคนในตระกูลมินาโมะโตะ

แต่ว่าทัตสึจิยังคงหันมาสนใจแต่กับผู้หญิงไทยกับเด็กหนุ่มญี่ปุ่น

" และส่วน...เธอ กับ ฟูจิวาระ "

" สงสัยว่า...คืนนี้คงยังจะกลับไปค้างที่เรียวกังของพวกเธอ ที่ฮายากาว่า "

" ในตอนนี้ ! ไม่ได้ด้วยเหมือนกัน " ทัตสึจิหันไปขอร้องมาซายูกิ

" และถ้าหากว่า... "

" มาซายูกิ เธอ ! จะไม่รังเกียจที่นี้ "

" มากจนเกินไปนัก " ท่าทีของทัตสึจิที่พยายามให้ความสำคัญกับฝั่งไทระมากกว่าคนอื่นๆ

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ๆ พวกเขาทุดคนกำลังให้ความสนอกสนใจในท่าทีของ ฟูจิโนะฮานะ ฟูจิวาระ กับ รองประธานรองประธานฮัน ยูซอง The Empire Group ที่ต่างคนก็ต่างมองกันด้วยสายตาที่แปลกๆ แฝงเอาไว้ด้วยความลับในแววตาของพวกคนทั้งคู่

สาวใช้ที่สวมชุดยูกะตะสีเทาสองสามคนกำลังช่วยเดินนำทางให้ท่านรองประธานของสกีรีสอร์ทของเกาหลีใต้ กับแขกชาวญี่ปุ่นคนไปตามทางเดินระเบียงไม้รอบบ้าน และระเบียงไม้ยังคงมีร่องรอยของคราบน้ำฝนที่เพิ่งจะถูกเช็ดไป ระเบียงทางเดินรายล้อมไปด้วยต้นสนสามใบ กระถางต้นบอนไซภูเขาที่คอยลัดเลาะไปตามสระน้ำ และปลาตะเพียนแหวกว่ายไปตามทางเดินทางซ้ายมือ

โคมไฟกระดาษสีขาวเขียนคำอวยพรก่อนที่จะถึงวันเปลี่ยนฤดูกาลอีกไม่กี่วันข้างหน้า โคมไฟกระดาษที่เขียนคำอวยพรและคอยจุดไฟสลัวๆ แขวนเอาไว้ตามหัวเสาตรงระเบียงทางเดินแสงไฟจากตะเกียงดินเผาสูงบ้าง เตี้ยบ้างถูกจุดประดับเอาไว้ที่สวนญี่ปุ่นตามทางเดินในสวน ทั้งโขดหินน้อยใหญ่สลับซ้อนกันเป็นภูเขา

มาซายูกิและฮัน ยูซองคอยเดินตามสาวใช้วัยกลางคนของตระกูลมินาโมะโตะเพื่อกลับไปยังที่ห้องพักที่อยู่ค่อนไปทางทิศตะวันออกของบ้านมินาโมะโตะ และในขณะที่สาวใช้ในวัยสี่สิบกลางๆ ช่วยหันไปเลื่อนเปิดบานประตูฟุสุมาให้กับบรรดาแขกของเจ้าของบ้าน แต่แล้วอยู่ๆ แขกคนที่เป็นท่านรองประธานของสกีรีสอร์ทของเกาหลีใต้ก็กลับรีบที่จะคอยเดินตามเข้ามายืนขวางแขกที่เป็นผู้ชายชาวญี่ปุ่นอีกคนเอาไว้จนทำให้บรรดาสาวใช้ต่างตกใจและพากันเดินหนีไป

มาซายูกิที่ถึงขนาดเอื้อมมือไปกั้นบานประตูห้องของเขาเอาไว้ ในขณะที่สาวใช้พากันเดินหนีไปจนหมดซะจนต้องชักสีหน้ากับคนที่เข้ามาหาเรื่อง

" มีเรื่องอะไรอีก...ก็ว่ามา " และน้ำเสียงที่ไร้มารยาทของไทระกับฮัน ยูซองจนเขาที่ต้องปรี่เข้าหา

อัน ยูซองที่เอาแต่จ้องแต่จะค้นหาความจริงให้ได้จากมาซายูกิ

" อีเลฟเวนท์ !!! "

" เธอ.. ! มาทำอะไรที่นี้ " เพราะว่าเขาต้องการจะรู้

" เชอะ !!! " น้ำเสียงหมั่นไส้ลึก ๆ ของมาซายูกิก็เลยดังตามขึ้นมาติด ๆ และรอยยิ้มเยาะน้อย ๆ ของเขาที่มีให้กับท่านประธานของ Empire group

" นี่..นาย ! ยิ้มอะไร !!! " ฮัน ยูซองเกลียดที่สุดกับท่าทียียวนกวนประสาทของมาซายูกิ จนกระทั่งเขาอดไม่ได้ที่จะใช้น้ำเสียงที่แข็งกระด้างคาดคั้นถามกันเรื่อยๆ

มาซายูกิรีบชักสีหน้ากลับ และยังเดินเบียดชนเข้าที่หัวไหล่ของฮัน ยูซองกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองจนได้

แต่ว่าฮัน ยูซองที่ไม่ยอมหยุดและตั้งคำถามตามกันไปติด ๆ

" ฉันเชื่อว่า "

" ที่..เธอมาที่นี้ "

" คงไม่ใช่แค่เรื่องที่จะมาบริจาคสร้อยไข่มุกบ้าบอนั้น ! ใช่หรือเปล่า ! " เขาพยายามคาดคั้นมาซายูกิให้ถึงที่สุด เพราะว่าความอยากรู้

มาซายูกิเลยจงใจหันมาฉีกยิ้มกว้างๆ

" ทำตัว...เหมือนจะรู้จักเธอดี "

" ที่แท้..."

" ก็แค่....คิดเองเออเอง " มาซายูกิยิ้มหัวเราะเยาะ

แต่ว่าเขาก็กำลังทำเหมือนมาซายูกิกำลังทำ

" ฉัน !!" และน้ำเสียงที่ดุดันมากกว่า

" รู้จักเธอ.... "

" ทั่วทุก.. !! ซอกทุกมุม "

" มากกว่าที่นายรู้จักเธอ ! ซะอีก !!!! " และเขาก็ยังตั้งใจแสดงว่าตัวเองเหนือกว่า

" หึๆ !! " และมาซายูกิที่เป็นฝ่ายฉีกยิ้มบ้าง

" อย่างงั้นเหรอ " และรอยยิ้มของมาซายูกิที่กำลังมองฝั่งตรงข้ามอย่างน่าสงสารและอดสู่

" แล้วทำไม "

" ท่านรองประธานฮัน ยูซอง ! "

" ไม่ลองไปถามกับเธอดู..ด้วยตัวเอง ! " มาซายูท้า แต่ก็ยังรีบเดินกลับเข้าห้องไปอย่างเร่งรีบ

"เชอะ !! " แต่ว่าเขาที่ไม่ได้สนใจท่าทีหยิ่งผยองของมาซายูกิที่พยายามจะยั่วโมโหตัวเองเลยสักนิด เพราะสายตาก็คอยแต่จะมองข้ามสวนหย่อมญี่ปุ่นของทัตสึจิไปยังอีกฝั่งอยู่แล้ว

อาซามิ มินาโมะโตะเร่งฝีเท้าและช่วยเดินนำทางให้ทั้งอีเลฟเวนท์กับฮง เยจี ตามระเบียงรอบ ๆ สวนหย่อมเพื่อพากลับไปที่ๆ ห้องพักตรงฝั่งทางทิศตะวันออก และฮง เยจีพยายามที่จะมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณบ้านสไตล์ญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่ และตรงทางเดินที่ดูค่อนข้างจะสลับซับซ้อน และตรงะเบียงทางเดินไม้ ที่ๆ พวกเธอกำลังเดินลัดเลาะไปตามสวนต้นสนสามใบญี่ปุ่น และต้นบอนไซภูเขาน้อยใหญ่ในกระถางดินปูนเก่าๆ ทางด้านขวามือรวมไปถึงบ่อหินขนาดใหญ่เลี้ยงปลาตะเพียนหลายสิบตัว และโคมไฟหินสีดำเก่าๆ ที่ ๆ อยู่ ๆ ใกล้ ๆ กับ ต้นคะซะกิพวกนั้น

และมิหนำซ้ำ ฮง ฮเยจีที่ยังคอยชำเลืองมองไปทางทิศตะวันออกของเรือนใม้หลังใหญ่ และแอบสังเกตว่าที่คู่หมั้นกับมาซายูกิผู้ชายชาวญี่ปุ่นคนนั้นที่ๆ พวกเขาเพิ่งจะเดินหายกลับเข้าไปตรงที่มุมทางเดิน

แต่ว่าในระหว่างพวกเธอกำลังจะเดินผ่านตรงมุมทางเดิน จนกระทั่งเดินผ่านซุ้ม ๆ หนึ่งที่อยู่ติดอยู่มุมทางเดินทางขวาสุดติดกับสวนญี่ปุ่น

ซุ้มไม้ขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสหลังคาทรงปั้นหยาที่มีบาร์ไม้รอบล้อม มีเก้าอี้ไม้บาร์ทรงสูงกลมๆ และด้านหลังของซุ้มก็เหมือนว่าจะมีขวดสาโทขนาดเล็กบ้าง น้อยบ้างคอยประดับประดาเอาไว้ตามชั้นไม้ที่ดูคล้ายๆ ก็เหมือนชั้นเก็บไวน์

และซุ้มไม้โบราณเล็กๆ ที่มีป้ายไม้ขนาดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าประมาณไม่เกินราวๆ ฟุตกว่า ๆ แขวนติดเอาไว้ประดับที่ซุ้มตรงกลางและที่สำคัญก็มีภาษาจีนอีกสองสามคำเขียนเป็นอักษรสีดำๆ บนนั้น

" 艺术 " ภาษาจีน...ที่คนเกาหลีสมัยใหม่อย่างเธอไม่คุ้นเคย

ฮง เยจีหยุดเดินไปซะดื้อ ๆ ในขณะที่เดินผ่านซุ้มไม้เล็ก ๆ ตรงมุมทางเดินด้วยความสนใจ

" ที่ตรงนี้คือ... !! "

เพราะฉะนั้นอาซามิจำเป็นจะต้องหยุดเดิน และยังต้องหันไปสบตาของอิเลฟเวนท์ครู่หนึ่งก่อน

" ซุ้ม...อี๋ซู้ !! " อาซามิตอบคำถามของว่าที่คู่หมั้นของรองประธานของ Emprie group

" มีเอาไว้สำหรับ...."

" ออกมานั่งดื่มนะค่ะ " และยังคอยยิ้มให้ฮง ฮเยจี ในระหว่างที่ตอบคำถามอยู่บ่อยๆ

" ออกมานั่งดื่ม... อย่างงั้นเหรอค่ะ " ฮง เยจียังคงให้ความสนอกสนใจกับซุ้มไม้ที่จะว่าโบราณก็ไม่โบราณจะว่าสร้างขึ้นมาเลียนแบบของโบราณก็คงจะไม่ใช่ซะทีเดียว และบรรยากาศของซุ้มไม้หลังนี้ที่ช่างดูหลงไหลบวกกับเหมือนจะมีเรื่องราวต่างๆ และอาซามิที่ยังคอยชำเลืองมองอิเลฟเวนท์บ่อยๆ

" ใช่แล้วละค่ะ ! " อาซามิรักษามารยาทพลาง และชำเลืองอิเลฟเวนท์ที่ตั้งใจฟังกันอยู่ใกล้ๆ ไปด้วย

" เพราะว่า...ที่ตรงนี้ สามารถที่จะมองเห็นสวนของเราเกือบทั้งหมดได้ ! " แต่ว่าก็ยังอธิบายจนจบ

ฮง ฮเยจีพยักหน้าและขอบคุณสำหรับคำอธิบายของเจ้าของบ้านที่ดูดีไปทุกระเบียดนิ้วของลูกสาวท่านประธานทัตสึจิ

แต่อาซามิยังต้องรีบหันกลับไปเชิญทางว่าที่คู่หมั้นของท่านรองประธานของสกีรีสอร์ท และพาพวกเธอเลี้ยวไปตามทางเดินทางขวาที่อยู่ถัดไปจากซุ้มตรงนั้น

ครืด..... !!!

อาซามิช่วยเลื่อนบานประตูห้องให้กับว่าที่คู่หมั้นของรองประธานฮัน

" เชิญคุณหนูฮง ! ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อย "

" และอีกสักพัก "

" พวกเราจะให้สาวใช้พาไปที่ห้องรับประทานอาหารค่ำคะ ! " อาซามิบอกกับว่าที่คู่หมั้นของรองประธานฮันจบแล้วก็ปล่อยให้ฮง ฮเยจีอยู่ตามลำพังในห้องพัก

แต่ทว่าฮง เยจีถึงจำเป็นจะต้องบอกขอบคุณลูกสาวของทัตสึจิอยู่บ่อยๆ แต่สิ่งที่ตัวเธอเองกำลังแปลกใจก็คือ ผู้หญิงไทยที่มีสองชื่อคนนั้นกลับแสดงท่าทีที่คุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ซะเหลือเกินจริงๆ และมิหนำซ้ำเธอยังเห็นผู้คนในมินาโมะโตะให้ความนอบน้อมกับผู้หญิงคนนั้นจนเกินไปซะด้วยซ้ำ