ขณะที่พวกของมุรามาสะนับแล้วประมาณสองร้อยกว่า และพวกเขายังคงสวมชุดดำปิดหน้าปิดตาคอยแต่จะกระโจนใช้ดาบเข้าไปต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างดุเดือดทามกลางพายุสีเลือดกับอิเลฟเวนท์ที่ยืนสู้เพียงลำพัง
มินาโมะโตะ มุรามาสะในขณะที่ยืนใกล้ๆ ริมหน้าผา และคอยเฝ้ามองดูการตวัดดาบคันทาชิที่อยู่ในมือของอีเลฟเวนท์ในทุก ๆ ฝีก้าว และก็น่าเหลือเชื่อที่เขากลับไม่เคยมองเห็น อิเลฟเวนท์จะก้าวถอยหลังเลยสักครั้ง และก็แค่อิเลฟเวนท์ตวัดปลายดาบคันทาชิเล่มนั้นร่างกายคนก็พร้อมที่ฉีกขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ในพริบตา
และบริเวณคมดาบคันทาชิของพวกเธอก็ยังจ้องแต่เชือดเฉือนเข้าที่กลางหลัง ฟันเข้าที่กลางหน้าผากและยังหั่นเอ็นที่ข้อมือของคู่ต่อสู้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
มุรามาสะและทุกคนที่เฝ้ามองอิเลฟเวนท์พยายามตัดร่างกายของคนให้ฉีกขาดออกจากกันเป็นสองท่อนก็ด้วยเพลงดาบเดียว
เธอที่ทำแค่เพียงคอยตวัดดาบนิฮองโดะขึ้นลงเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ! มุมแหลม !!! คอยตวัดปลายดาบอยู่รอบตัวเอง !!!!
แต่ทว่ามิหนำซ้ำที่ไอหมอกควันสีขาวๆ ก็ยังทยอยพวงพุ่งออกมาจากดาบคันทาชิเล่มนั้น ซะจนแทบจะบดบังตัวเธอเอาไว้จนเกือบจะมองไม่เห็น
ฉึก !!!!
อีเลฟเวนท์เพิ่งจะกระชากปลายดาบคันทาชิกลับออกมาจากลำคอของพวกมุรามาสะคนสุดท้าย ในขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้มุรามาสะอีกคนเพียงเอื้อม
มุรามาสะแสยะยิ้มทันทีที่ เพราะในที่สุดเขาก็ได้เห็นเธอฟาดฟันนักรบตระกูลมินาโมโตะจนไม่เหือสิ้นซากจริงๆ เหมือนในสมุดบันทึกของเธอที่พ่อแท้ๆ เป็นคนเขียน
"หึ !!! " รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจของมุรามาสะ และเธอที่มองเห็นมันชัด ๆ เต็มสองลูกกะตาทีเดียว
" คืนนี้ !!! "
" เธอ !!! ฆ่าคนไปอีก ! เท่าไหร่ !!! " มุรามาสะยังคงแสร้งยิ้ม แม้ว่าจะไร้ผู้คนสนับสนุนข้างกายอีกต่อไปแล้ว
และมุรามาสะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับอิเลฟเวนท์จนแทบจะได้ยินเสียงเสียงหอบเหนื่อยของพวกเธออย่างชัดเจน
อิเลฟเวนท์ในที่สุดก็กลับหันมายืนตัวตรงๆ ก็เพื่อที่จะได้คอยหันมาตวัดคมดาบกลับมาเช็ดรอยเลือดที่แขนเสื้อคลุมฮาโอริสีเขียวซีด ๆ
และมุรามาสะที่ในที่สุดก็ได้มองเห็น อีเลฟเวนท์คอยเช็ดดาบที่เปื้อนเลือดของตัวเองอย่างช้าๆ กับแขนเสื้อคลุมที่ขาด ๆ อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานจากวัดที่นารา
และเธอที่บรรจงเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่ที่ปลายของจิฮาดะน้อยนิดอย่างใจเย็น ๆ ก่อนที่จะหันกลับมาถือดาบคันทาชิตวัดปลายดาบให้ทิ่มลงไปที่พื้น
" สามร้อย...ห้าสิบห้า !!!! "
" และยังขาดอีกศพ !!! "
อิเลฟเวนท์ตอบคำถามอย่างหน้าตาเฉย และบางครั้งหางตาก็ยังต้องคอยแอบหันมองไทระ มาซายูกิที่ใกล้จะหมดลมหายใจอยู่ข้างหน้าก็ตามที
แต่ว่ามุรามาสะยิ่งเข้าใกล้ดาบเล่มนั้นมากเท่าไหร่ และเขาก็ยิ่งมองเห็นลวดลายของจิฮาดะที่เกิดจากการตีทับเหล็กร้อนๆ ทบกันไปมาเป็นหมื่นๆ แสน ๆ ครั้ง จนกระทั่งเกิดเป็นลวดลายของ ๆ ดาบคะตะนะเล่มๆ นั้น ลวดลายของเหล็กกล้าที่ถูกตีจนบี้แบนจนกลายเป็นทิวเขาที่สลับซับซ้อนอยู่บนคมดาบคันทาชิ
" ยัง ! นับเลขเก่งเหมือนเดิม !!! " จนกระทั่งสุดท้ายแล้ว มุรามาสะต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากชื่นชมกันจริงๆ
" ฟูจิวาระ !!! " และก็ตามด้วยชื่อญี่ปุ่นของเธอ ตามที่พ่อแท้ๆ ของเขาเป็นคนตั้งให้
แต่ว่าเธอยังคอยถือดาบคันทาชิและยืนนิ่งๆ แม้จะเห็นมาซายูกิกำลังกระอักเลือด
" มุรามาสะ !!! " แต่ทว่าน้ำเสียงที่พยายามจะกดให้ต่ำลงทุกทีๆ ของเธอ
" รู้มั้ยว่า...ทำไม !!! " และเธอที่ยังจะตั้งคำถามกับพวกเขา
" ดาบคันทาชิ ! สองเล่ม !!! "
" พวกมัน !!! "
" ถึงได้... ! มองดูเหมือนดาบพี่ดาบน้อง !!! " เธอกำลังอธิบาย แต่ก็ยังพอมองเห็นมุรามาสะพลอยแต่จะหันคมดาบมาที่ตัวเอง
" ทิ้งดาบซะ !!! " และคำขอร้องของมุรามาสะที่ในที่สุดก็ยอมเปิดเผยความในใจจริงๆ ออกมาได้สักที
" และเรา !! จะมาสร้างโลกนี้ขึ้นมาใหม่ ! "
" ฟูจิวาระ !!! " และพร้อมๆ กับบอกเหตุผลว่า
" ละทิ้งดาบนั้น !!!! "
" และหันมามองหาอนาคต ที่...ซ่อนภายใต้ดาบ !! ด้วยกัน !!! "
" ฟูจิวาระ !!! " และน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนอยากจะขอร้องสำหรับมุรามาสะอีกคน
"หึ!" และถึงคราวที่เธอขอหันมาแสยะยิ้มให้กับพวกเขาบ้าง และมุรามาสะก็เลยได้เห็นรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากของจริงซะเต็มตาว่าจริงๆ แล้วมันก็น่ากลัว
และเธอที่ยังคอยยิ้มให้กับดาบพวกนั้น
" เพราะว่า....พวกมัน !!! "
" มี....เจ้าของ !!! "
" ...คนเดียวกัน ! มาตลอด...." และเธอก็สารภาพ
อิเลฟเวนท์ในขนะที่ยืนต่อปากต่อคำก็แอบพลิกข้อมือและหัวนิ้วมือตรงกระบังมือให้ค่อยๆ หงายขึ้นมาอย่างช้าๆ จนผลิกกลับด้าน และเธอก็คอยแต่จะใช้หัวแม่มือลูบๆ คลำๆ อยู่แต่ดวงตาหยกสีอำพันที่กระบังมือของด้ามจับ และยืนสงบนิ่งท่ามกลางซากของศพที่ตัวเองเฆ่นฆ่า
" หึๆๆ " และดูเหมือนว่าเสียงหัวเราะเยอะของฝ่ายที่เคยคิดมาตลอดว่าจะเป็นฝ่ายตรงกัมอย่างมุรามาสะ มินาโมะโตะกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะที่น่าผิดหวังของเขา
อิเลฟเวนท์ก็เลยต้องยอมหันกลับมาสบตาของเจ้าของเสียงหัวเราะนั้น และบัดนี้เธอก็มองเห็นแล้วว่า จริงๆ แล้ว พวกเขาก็กลัวการเปลี่ยนแปลงจริงๆ
" ยอมรับมาซะเถอะ !!! "
" มุรามาสะ !!! " และเธอยังคอยขอร้องให้พูดความจริง
" ฟูจิวาระ !!! " มุรามาสะรู้สึกเสียหน้าจนทำท่าว่าจะถือดาบขึ้นมาและข่มขู่
" ฉัน !!! ไม่เคยกลัว !!! " แต่ว่ามุรามาสะยังคงปฏเสธความน่ากลัวของอิเลฟเวนท์
และมุรามาสะที่ยังคอยต้้งท่าถือดาบทำคล้ายๆ กับวิธีของอิเลฟเวนท์อย่างไม่ผิดเพี้ยนด้วยการหันคมดาบสวนเข้าหาลำตัว และแววตายังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะเอาชนะ
" เธอมัน! ไม่ใช่ ! "
" ผู้ !!! หยั่ง...รู้ !!! " และคมดาบคันทาชิของมุรามาสะก็พุ่งสวนออกไปทันที
ฉับ !
ฉึก !!!!!
มุรามาสะเห็นอิเลฟเวนท์ยังถือดาบแนบอยู่ที่ลำตัว แต่ว่าที่เท้าซ้ายของเธอกลับก้าวขึ้นมาเล็กน้อย และก็หยดเลือดที่ค่อยๆ ซึมหายเข้าไปในคมดาบลวดลายของภูเขาทั้งสาม !
" เชิญ.. !!!!!! "
" ...ไปถามความจริง ! ในนรก !!!! " เธอสบตาของมุรามาสะอีกครั้งจนได้ และเธอก็รีบทิ้งดาบลงพื้น
ดาบคันทาชิที่ๆ กำลังทยอยร่วงหล่นจากมือของมุรามาสะ
ตุบ !
และดาบคันทาชิที่ดูคล้ายกันกับอย่างฝ่าแฝดที่ถูกวางพาดกันจนเป็นรูปกากบาทอยู่ท่ามกลางพื้นทราย
และอิเลฟเวนท์ยังคงใช้แค่หางตามองดูดาบทั้งสองเล่ม
" ชื่อ...นี้ !!!! "
" มุรามาสะ !!! "
" ฉันจะใช้ !!! แค่....
" ครั้งเดียว ! "
อิเลฟเวนท์ที่ไม่ได้พูดหรือว่าคุยกับมินาโมะโตะ แต่ว่าเธอที่กำลังพูดอยู่กับดาบของตัวเองทั้งสองเล่มพวกนั้นต่างหากละ !
และแล้วมุรามาสะก็ล้มลงอย่างช้าๆ อยู่ข้างๆ กับดาบฝาแฝด และเขายังมองเห็นเพียงอิเลฟเวนท์กำลังยกเท้าเดินข้ามดาบคันทาชิสองเล่มนั้นไปอย่างไม่แยแส
มิหนำซ้ำเธอยังเมินเฉยต่อซากศพที่ตายเกลื่อน และก็กับมาซายูกิที่กำลังนอนหายใจรวยระรินและเกือบจะเป็นลมหายใจสุดท้ายอยู่ข้างหลัง
มุรามาสะที่ตอนนี้กำลังล้มลงในท่านั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ติดกับคาบคันทาชิของอิเลฟเวนท์ จนกระทั่งได้มองเห็นจิฮาดะของดาบคันทาชิทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน
จิฮาดะ...ของดาบคันทาชิเล่มหนึ่ง !!! ที่ดั่งเปลวเพลิงลุกโหม... !!! คอยทาโทม !!!! ข่มทับ !!!! วางผาดทับกันกับดาบคันทาชิอีกเล่มหนึ่งจนเป็นรูปกากบาท !!!!
พญาวิหค....แห่งเปลวไฟแห่งนรก !!! แต่ก็ยังด้อยกว่า....พญาวิหคเพลิงแห่งขุนเขาแห่งสายลมเพลมพัด !!!!!
พญาวิหคเพลิงตาบอด..ผู้พายแพ้...ให้กับพญานกจากขุนเขารูปสามเหลี่ยม
ดาบนิฮองโดะคู่พี่น้อง และดาบเล่มหนึ่งที่ดวงตาของดาบยังคงมืดบอดและยังคงต้องคอย...ควานหา " ความหวัง ! หลังความตาย "
และดาบอีกเล่มหนึ่งที่ยังคงใช้ดวงตาคู่เรืองรองคอยสอดส่องหา " ความหวัง ! ที่จะมีชีวิตรอด
....และฝูงนกคะซะซะงินกประเภทจำพวกอีกาฝูงใหญ่นับเป็นพันๆ ที่ต่างพากันโบยบินถลาออกมาจากในป่าต้นไผ่สี่เหลี่ยมนับพันพัน
แต่ทว่าพวกมันต่างหากที่ต่างพากันโบยบินต่อๆ กันไปทีละตัวๆ บินโฉบเข้าไปหาพระจันทร์สีเลือด ทั้งๆ ที่พวกมันไม่มีทางรู้ได้ว่า จะรอดหรือจะตาย แต่พวกฝูงนกซะซะงิก็ยังคงบินต่อไปเรื่อยๆ และจนกระทั่งพวกมันบินเลือนหายไป
แถวที่นั่งวีไอพีห้องกระจกด้านบนขวาสุดของสนามเบสบอลของเมืองนิชิโนะมิยะประเทศญี่ปุ่นที่มีบรรดาผู้หญิงผู้ชายที่คอยสวมสูทชุดสีดำต่างทยอยเข้ามายืนอออยู่ที่ระเบียงกระจกและก็อีกทั้งบรรดาเหล่าชายฉกรรจ์ที่พากันสวมชุดสูทสีดำอย่างเรียบร้อยอีกหลายต่อหลายสิบก็ต่างคอยยืนห้อมล้อม และล้อมหน้าล้อมหลังผู้ชายชาวญี่ปุ่นอายุราวๆ เกือบใกล้จะห้าสิบปีบริบูรณ์
ผู้ชายชาวญี่ปุ่นหัวล้านตัวน้อยในวัยเริ่มจะห้าสิบสวมชุดสูทสีดำสนิทราคาแพงที่ผลิตภายในประเทศ และพวกเขาก็ยืนอย่างใจจดใจจ่อเพื่อที่จะรอชมการแข่งขันกีฬาเบสบอล ระหว่างทีมเบสบอลที่เคยเจอกันมานับครั้งไม่ถ้วน
ระหว่างทีมที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปสิงโต และเหล่าผู้เล่นในทีมทั้งหมด 9 คนก็สวมเสื้อชุดสีน้ำเงินล้วนสกรีนรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษสีน้ำเงินตัวใหญ่ คำว่า " L " เอาไว้ที่หน้าอกด้านขวาและก็หมวก
และทีมเบสบอลของเหล่าเป็ดขาวตัวผู้ ผู้เล่มสวมชุดลายทางสีขาวดำและหมวกที่สกรีนตัวหนังสือภาษาอังกฤษตัวใหญ่สีดำ " M " เอาไว้ที่หน้าอกด้านขวาและก็หมวก และเสียงโห่ร้องยินดีทันทีที่ผู้เล่นของทั้งสองทีมเดินลงสู่สนามในรอบชิงชนะเลิศ
อิเลฟเวนท์สวมชุดสูทลวกๆ และกำลังเดินตามเหล่าบอร์ดี้การ์ดเข้ามานั่งอยู่แถวหน้าสุดของชั้นวีไอพี และเธอก็ยังเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวที่ใกล้ๆ กับผู้ชายหัวล้านวัยห้าสิบ และพวกเขาที่ยังคงนั่งสนอกสนใจอยู่แต่กับการแข่งเบสบอลนัดชิงชนะเลิศของสนามนี้
" คนเบื้องบน !!! "
" ฝากมาบอกว่า ขอขอบใจ !!! " รอยยิ้มเล็ก ๆ จากผู้ชายในวัยห้าสิบกำลังขอบคุณเธอ
อิเลฟเวนท์ที่ทำเพียงนั่งมองผ่านกระจก และมองไปที่สนามเบสบอลที่กว้างใหญ่กับผู้คนคับคั่งในสนาม แต่ว่าผู้ชายวันห้าสิบ อย่าง ยามาดะ อิเกดะก็ยังคอยแต่จะตั้งคำถามอีกจนได้
" อีเลฟเวนท์ !
" เธอว่า...การแข่งขันวันนี้ ! "
" ใคร ! จะเป็นฝ่ายชนะ !!! " เพราะว่าพวกเขาที่ก็แค่อยากรู้ว่าเธอจะทำนายผลแม่นจริงๆ สมคำเล่าลือจริงๆ ไหม แต่ว่าอยู่ๆ พวกเขาก็เห็นอิเลฟเวนท์เธอลุกขึ้นมา
อิเลฟเวนท์ที่ไม่ได้สนใจกับคำถามเท่าไหร่ เพราะเธอยังคงสังเกตฝีไม้ลายมือผู้เล่นของทีมที่อยู่ตรงหน้า
อิเลฟเวนท์ที่บอกกับพวกเขาแค่ว่า
" พนันได้เลยว่า...."
" ให้แทง...!!!"
" ตรงกันข้าม !!!! "
อิเลฟเวนท์ที่พอตอบคำถามแล้วก็รีบร้อนเดินออกจากห้องชมเบสบอลที่ดีที่สุดกลับออกไปอย่างปัจจุบันทันด่วน
"หึๆ " และรอยยิ้มของยามาดะที่กำลังยิ้มให้กับความหุนหันพลันแล่นของตัวเอง
สถานีโทรศัพท์ชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นกำลังนำเสนอข่าวด่วนเรื่อง การบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้กับพิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น !!
ว่า...เมื่อบ่ายของวันนี้ !
ท่านรองนายกรัฐมนตรีของประเทศนาย ยามาดะ อิเกดะ ได้ช่วยสนับสนับบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้กับพิพิธภัณฑ์ดาบของประเทศ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 30,000,000 ล้านเยน !!
ทั้งนี้ ! ผู้ใกล้ชิดของ นายยามาดะ อิเกดะ ได้พากันเปิดเผยว่า นายยามาดะ ได้ชนะพนันเงินก้อนใหญ่จากการทายผลการแข่งขันเบสบอล
โดยทีมสัญลักษณ์รูปสิงโตยังคงเอาชนะ ทีมสัญลักษณ์เป็ดขาวตัวผู้ด้วยคะแนนที่ท่วมท้น !!!!
อิเลฟเวนท์ยังคงสวมใชุดสูทสีดำลวกๆ และนั่งอยู่ด้านหน้าของจอทีวีแอลอีดีขนาดใหญ่ภายในสนามบินนาริตะภายในเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น และก็ยังจะมีผู้ชายในชุดสูทสีขาวรองเท้าหนังกลับเดินเข้ามาและนั่งลงใกล้ๆ
" ไม่น่าเชื่อ ! ว่า !! " อิ แทวอนที่เพิ่งจะหย่อนก้นนั่งติดๆ กัน
" ฉันจะต้องมาส่งเธอ ! "
" ที่นี้ !! " และพวกเขาที่คอยกลืนคำล่ำลาที่เยิ่นเย้อกลับลงไปก่อน
และเธอก็แค่ผงกหัวให้พวกเขา เพราะว่ามัวแต่สนอกสนใจดูข่าวบนหน้าจอทีวีที่กำลังเสนอข่าวเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งตระกูลมินาโมะโตะเป็นผู้บริจาค
อิ แทวอนที่ยังนั่งมองอิเลฟเวนท์ที่ยังสนใจเพียงข่าวบนหน้าจอของสนามบิน
" งั้น...ทีนี้ !!! "
" ฉัน ! จะบอกในสิ่งที่ๆ เธอเองต้องการที่จะฟัง !!! "
" เท่านั้น !!! " พวกเขาตั้งใจที่จะบอกกับเฉพาะเรื่องจำเป็นอย่างที่บอก
" ขอบใจ !!! " และเธอก็ผงกหัวเบาๆ แต่ว่าพวกเขาก็ยังคอยแต่จะนั่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
อิ แทวอนรู้สึกกระอักกระอวนนิดหน่อยก่อนที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
" อาซามิจัง และก็..."
" เด็กในท้อง !!! "
" พวกเธอสบายดีทั้งคู่ !!! " และพอพวกเขาพูดจนจบประโยค อิ แทวอนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นและขยับสูทแบรนด์ si...^am สีขาวเล็กน้อย
" อย่าขาดการติดต่อกับ .."
" กับพวกเราให้มันนานนักนะ "
" อิเลฟเวนท์ ! " แต่พวกเขาที่อดย้ำๆ ด้วยไม่ได้
อิเลฟเวนท์ยังคงนั่งดูข่าวในทีวีต่อไป แต่เธอก็พอจะได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่เริ่มทยอยออกห่างกันไปอยู่เรื่อยๆ และก็เวลานี้ผู้คนภายในอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศก็ได้ทยอยมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาเร่งด่วน
แต่ว่าเธอยังต้องคอยขยับเสื้อสูทเบลเซอร์สีดำหลวมๆ ที่ไม่ค่อยจะดูเรียบร้อย และจับผมหางม้าขยับจัดแจงพวกมันแบบลวกๆ และถึงค่อยลุกกลับขึ้นมา และเธอก็กำลังเริ่มจะขยับเท้าเดินออกไปข้างหน้า
และก็....เสียงฝีเท้าที่คอยแต่จะย้ำหนักๆ ก็เตรียมพร้อมที่จะเดินเข้าหาอนาคตอันใกล้และอนาคตอีกต่อไปเรื่อยๆ จนกว่า..อิเลฟเวนท์จะพบเส้นทางใหม่บนทางเดินที่แสนจะรีบร้อนของเธอ
.....ไร้เงา...