Chapter 9 - รสจูบ

ทัตสึจิค่อยๆ ช่วยเลื่อนปิดฉากกั้นบานพับของห้องหนังสือช้า ๆ แต่ทว่าในขณะที่เขากำลังจะเดินออกจากห้องเก็บของประจำตระกูล

" รองประธานฮัน !!! "

ทึตสึจิตกใจมากจริงๆ ที่เห็นรองประธานของเอ็มไพร์เข้ามายืนอยู่ภายในห้องเก็บของ ๆ พวกเขาในกลางดึก และทัตสึจิที่แอบใช้หางตามองไปที่หลังฉากกั้นประตูบานพับของห้องหนังสือชั่วครู่ แต่ฮัน ยูซองกลับเป็นฝ่ายที่เดินเข้ามาหากันถึงที่

" พอดีว่า.... คุณอาซามิ "

" เธอบอกเอาไว้ว่า ที่นี้ "

" มีภาพวาดสวยๆ ที่น่าสนใจ " ฮัน ยูซองตั้งคำถามกับมินาโมะโตะ ในขณะสายตาพยายามมองผ่านทะลุฉากกั้นบานพับตรงหน้า

และทัตสึจิที่พยายามจะผงกหัวขึ้นลง

" อ้อ !!! "

" ก็คงจะจริงอย่างที่เธอว่า " และไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงแต่ว่าตอนนี้ทัตสึจิที่พยายามจะชวนเขาเดินออกไปทางอื่นก็เท่านั้น

" ถ้าอย่างนั้น ผมจะพารองประธานฮัน "

" ทำความรู้จักกับตระกูลมินาโมะโตะของเราให้มากขึ้นกว่านี้ "

" ไม่ทราบว่า รองประธานจะสนใจมันมากน้อยสักแค่ไหน " แต่ว่าทัตสึจิที่พยายามจะหยั่งเชิงว่า รองประธานของเอ็มไพร์เข้ามาภายในห้องนี้นานแค่ไหนแล้วต่างหาก

ฮัน ยูซองที่ไม่เพียงไม่เดินตามทัตสึจิ แต่ว่าเขากลับเดินไปหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างงานภาพเขียนของผู้หญิงสองคน และผู้หญิงคนหนึ่งที่ดีดพิณกับผู้หญิงที่ถือร่ม

" ภาพวาดของผู้หญิงสองคนนี้ ! "

" มันมีความสำคัญอย่างไงกับตระกูลมินาโมะโตะของคุณ " และเขาที่หันไปถามทัตสึจิ

" ผมว่า....รองประธานฮัน " และทึตสึจิที่ถึงจะแปลกใจแต่ก็ยอมที่จะพยักหน้าและยอมรับ

" เป็นคนที่ตาถึงใช้ได้ "

แต่ว่าเขาที่กำลังสนอกสนใจภาพวาดของผู้หญิงอีกคนที่กำลังยืนถือร่ม ผู้หญิงที่เป็นหญิงสาวหน้าตาของเธอถ้าไม่ร้องไห้ก็คงจะสะสวย

" น่าแปลก " และยังต้องคอยคิดเสียงดังให้ทึตสึจิฟังไปด้วย

"ภาพวาดพวกนี้ดูไม่เหมือนของเก่าประจำตระกูลแบบนั้น "

" เหมือนพวกมันจะถูกวาดขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยซ้ำ " เขายิ้ม

แต่ในระหว่างนั้นทัตสึจิที่ไม่ได้สนใจคำพูดของฮ้น ยูซอง มากไปกว่าคอยหันชำเลืองไปที่หลังฉากกั้นประตูบานพับของห้องหนังสืออยู่เป็นระยะ

" เป็นอะไรหรือเปล่าครับ " แต่ว่าเขาที่สังเกตเห็นและพยายามที่จะเหลียวมองตามทัตสึจิไป

" เปล่าหรอก " ทัตสึจิยิ้มแห้ง

" ผมก็แค่กำลังคิดว่านี่ก็ดึกมากแล้ว "

" พวกเราควรจะกลับออกไปก่อนดีกว่า " ทัตสึจิพยายามชวนให้ฮัน ยูซองเลิกสนใจสิ่งของต่างๆ ภายในห้องเก็บของ แต่ว่าฮัน ยูซองกลับไม่สนใจและเอาแต่จด ๆ จ้องๆ ไปที่ผู้หญิงสองคนในภาพแขวน

ฮัน ยูซองที่คอยเดินเข้าไปดูภาพแขวนพวกนั้นใกล้ๆ และเขาที่รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จนกระทั่งทัตสึจิที่ต้องคอยเหลียวมองตามอย่างแปลกใจ

" ผู้หญิงในภาพนี้....ทำไม ! "

" ดวงตาของพวกเธอ "

" ผมเหมือนเคยเห็นมันที่ไหน " เขาที่สงสัยเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ทัตสึจิอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ เพราะความเห็นของฮัน ยูซองอย่างไม่น่าเชื่อว่า เขาจะพูดมันขึ้นมา

" รองประธานฮัน !!! "

" นี่ ก็หมายความว่า..." และมิหนำซ้ำทัตสึจิที่กำลังคิดว่า ไม่แน่ จริง ๆ แล้วรองประธานของเอ็มไพร์อาจจะจำผู้หญิงสองคนในภาพนี้ขึ้นมาก็ได้อย่างนั้นหรือเปล่า

แต่ว่าทัตสึจิก็ยังที่จะหันไปเจอฮัน ยูซองที่เดินดุ่มๆ เข้าไปที่หน้าตู้กระจกที่เก็บสร้อยไข่มุกสีดำ และทัตสึจิที่พยายายามจะสังเกตว่าเขาจะมีความผิดปกติอะไรอีกหรือเปล่า และฮัน ยูซองที่กำลังเข้าไปเดินรอบๆ ตู้ใบนั้น

" สร้อยไข่มุก ! เส้นนี้ก็คือ...." เขาสนใจพวกมันพวกมันมากกว่าภาพแขวนพวกนั้นซะอีก

ทัตสึจิได้แต่ผงกหัวขึ้นลงตาม

" ถูกต้อง ! "

" พวกมันเป็นของ ฟูจิวาระ ที่เธอจะบริจาคพวกมันให้กับพิพิธภัณฑ์เร็วๆ นี้" และตอบฮัน ยูซองอย่างไม่อ้อมค้อม

" โหดร้ายจังเลยนะครับ " เขาบอกกับทัตสึจิทันที่เห็นของจริง และสายตาของเขาที่กำลังเปลี่ยนเป็นคงสงสัย

ทัตสึจิที่พยายามจะฝืนความรู้สึกอึดอัด แต่ก็ทำได้แต่ฝืนหัวเราะออกมาเบาๆ ทำได้เพียงเท่านี้

" มันก็แค่เครื่องประดับ " และทัตสึจิที่พยายามเหลียวหันไปที่ตู้เก็บดาบวากิซากิ

" พวกมันไม่ใช่อาวุธจะไปทำร้ายใครได้ยังไง " และทัตสึจิที่กำลังบ่ายเบี่ยงไม่อยากจะพูดถึงประวัติของสร้อย

ฮัน ยูซองที่กำลังยิ้มตาม

"ผมไม่ได้หมายความว่าสร้อยเส้นนี้จะไปทำร้ายใครได้ " เขาบอก

" ยังไง ! " ทัตสึจิหน้าถอดสีและยังหันกลับมามองสีหน้าของรองประธานเอ็มไพร์ และเขาที่เดินเข้ามาหา

ฮัน ยูซองที่พยายามมองหาความจริงใจจากทัตสึจิ มินาโมะโตะ

" อีเลฟเวนท์ !!! "

" ทำไมฝ่ามือของเธอ !!! "

" ทำไม ! พวกมันถึงได้เย็นเฉียบอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น " เขาพูดในสิ่งที่อยู่ๆ ก็แวบขึ้นมาในหัวทันทีที่เห็นสร้อยไข่มุกสีดำของเธอ

" ทำไม ! " เขาตั้งคำถามถึงอิเลฟเวนท์ต่อหน้าทัตสึจิอีกครั้ง แต่ทว่าทัตสึจิกลับทำแค่เพียงเบือนหน้าและหันมองไปทางอื่น

เปรี้ยงงงงง !!!!!

ครึ้ม...มมมมม !!!!!

เสียงของฟ้าร้องฟ้าผ่าดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยรอบๆ บ้านของทัตสึจิ มินาโมะโตะ และความเย็นเฉียบจากท้องฟ้าก็เช่นกันที่ทำให้ภายในห้องนี้เริ่มเย็นเฉียบขึ้นมาทันทีทันใด จนกระทั่งมือไม้ของทัตสึจิเองนั่นแหละที่เริ่มหนาวสั่น.. !

ครืด....ด !!!

เสียงเลื่อนเปิดฉากกั้นที่ห้องหนังสือของทัตสึจิถูกเลื่อนให้เปิดออกอย่างช้า ๆ เพราะฉะนั้นอิเลฟเวนท์ก็เลยต้องยอมถอยร่นให้ห่างจากประตู เธอปาดน้ำตาที่รื้น ๆ เล็กน้อยให้เกลี้ยงเกลา และถึงจะยอมหันมาเผชิญหน้ากัน ระหว่างเธอและฮัน ยูซอง

ฮัน ยูซองที่ไม่เพียงแต่จะเดินเปิดประตูเข้ามาหาเธอ แต่ทว่าเขายังเดินเข้ามาและจับมือของเธอเอาไว้ และรับรู้ถึงฝ่ามือของเธอที่กำลังเย็นเฉียบเย็นยะเหยือกราวกับน้ำแข็งที่ติดลบ และแวบแรกที่เธอถูกเขากุมมือ

แวบแรกของอิเลฟเวนท์ที่เหมือนถูกไฟฟ้าสถิตถ์สัมผัสผ่านปลายนิ้วมือเข้ามาจนถึงหัวใจ และตอนนี้น้ำตาของตัวเองที่กักเก็บเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป

ฮัน ยููซองยังคอยใช้มือข้างหนึ่งมาคอยจับประคองแก้มของอิเลฟเวนท์ที่มีคราบน้ำตาเปรอะบ้างแล้ว

" หินที่มีอยู่...ทั้งหมดในโลกใบนี้ ! " เขากระซิบบอกกับเธออย่างแผ่วเบาผ่านสายตาที่แสนจะอ่อนโยนกว่า

" ผมคงไม่สามารถที่จะขนและโยนมันทิ้งไปทั้งหมด ! ให้คุณได้ !! "

" แต่ว่าหินก้อนนั้น !!!

" ผมสามารถที่จะย้ายและพามันกลับออกมา !!! "

"ทับเอาไว้ตรงที่หัวใจของเราสองคน "

....เสียงกระซิบที่แสนจะแผ่วเบาของฮัน ยูซองที่ไม่เพียงจะพัดผ่านช่องอากาศระหว่างคนสองคน..

....แต่ทว่า เสียงกระซิบอันอ่อนโยนของฮัน ยูซองยังผัดผ่านไปจนถึงริมฝีปากของกันและกันอย่างช้าๆ

กลิ่นของน้ำฝนที่กำลังถูกลมบางเบาพัดโชยไปรอบๆ รั้วบ้านมินาโมะโตะ หยาดฝนที่ดูเหมือนว่าจะซาลงแล้วอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ยังพอมองเห็นละอองฝนพรำ ดวงดาวและพระจันทร์ ได้ก่อกำเนิดขึ้นแล้วท่ามกลางเมฆหมอกที่ค่อยๆ คล้อยหายไป ดวงดาวสุกสกาวแพรวพราวรายล้อมพระจันทร์ดวงใหญ่สีนวล ๆ ขาวๆ ที่มองเห็นที่ปลายของต้นไผ่หลังรั้วบ้าน

บริเวณรั้วกำแพงดินเก่าๆ ของตระกูลมินาโมะโตะเต็มไปด้วยตะไคร้น้ำเขียวๆ ซ้อน ๆ กัน และต้นของดอกฮอลลี่ฮอก ทั้งสี ขาว สีชมพู และสีม่วง ขนาดราวๆ สูงเกือบจะ 8 ฟุต ต้นฮอลลี่ฮอกออกดกบานสะพรั่งอยู่ตามริมรั้วเป็นทิวแถว เพราะว่าดอกฮอลลี่ฮอกที่ดูคล้าย ๆ กับดอกฝ้าย หรือไม่ก็ดูคล้ายกันกับดอกไม้คาร์เนชั่น พวกมันมีกลีบดอกห้าดอก ปลายเป็นคลื่น เกสรตัวผู้เกาะกันเป็นละอองแน่นที่ปลายเกสรตรงกลางแต่ไม่พ้นดอก

กับอ่างน้ำวนที่ก็ทำมาจากหินอ่อนชั้นเยี่ยมติด ๆ กับสวนของต้นฮอลลี่ฮอก และหลังคาไม้ที่ตีเป็นรั้วระแนงถี่ๆ ทำเป็นหลังคา และฉากกั้นบานประตูพับวาดลวดลายของพวงดอกวีสทีเรียสีม่วงสด ๆ สูงราวๆ หนึ่งเมตรห้าสิบที่อยู่รายล้อมรอบๆ อ่างน้ำวนที่ทันสมัยที่อยู่ที่บริเวณหลังห้องพักห้องหนึ่งของครอบครัวมินาโมโตะกับพื้นไม้สักรอบๆ ของอ่างน้ำวนหินอ่อนที่ ถูกขัดทำความสะอาดอย่างดี

แต่ทว่า...ฮัน ยูซองยังคงคอยนั่งเอนกายพิงประตูเลื่อนโซจิกระดาษสาสีขาวๆ สว่างใกล้ๆ ที่อ่างอาบน้ำวน และเขายังมีอิเลฟเวนท์ที่คอยซุกซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวอยู่ตรงกลางระหว่างอกของเขา

และคนสองคนตอนนี้มีเพียงผ้าห่มผืนใหญ่สีขาว ๆ หนาๆ คอยปกคลุมร่างกายโดยที่ปราศจากเสื้อผ้าที่มิดชิดใดๆ

เขาและเธอยังคงคอยนั่งอิงแอบแนบชิดอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์อันริบหรี่ ปกคลุมด้วยละอองฝนและไอน้ำอุ่นตรงหน้า เพราะฉะนั้นเขาถึงต้องการที่จะกอดร่างกายของเธอเอาไว้ให้แนบชิดกันมากที่สุด เท่า ๆ ที่สามารถจะแนบชิดได้จนหมดจน !!!

และเธอที่พยายามมแลกเสียงลมหายใจเข้า ๆ ออก ๆในยามทีตัวเองหายใจเข้า และฮัน ยูซองที่หายใจออกสลับกันไปมาอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ และลมหายใจอุ่นๆ ที่ยังคงคอยแบ่งปันสับเปลี่ยนระหว่างกันไปๆ มา ๆ และซ้ำ ๆ

แต่ทว่าช่องว่าง....ระหว่างริมฝีปากที่ยังคงประกบกันไปมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น...

ฝ่ามือของพวกเขายังคงสัมผัสไปทั่วๆ ทุกอณูของร่างกายของเธอ และเธอยังคงพยายามผลักร่างกายทั้งหมดให้จมมิดลงไปในตัวของเขา และอีกอย่างฝ่ามือของพวกเธอเองที่เริ่มอุ่นขึ้นจนเกือบร้อนฉ่าขึ้นจนได้

และที่แน่นอนที่สุดเวลานี้...ไม่มีที่ใด ๆ ของร่างกายของพวกเธอที่หลงเหลือและรอดพ้นจากรส...จูบ

เสียงหัวใจของคนทั้งสองคน และพวกมันกำลังคอยแต่จะเต้นอึกทึกครึกโครมคอยพลัดกันไปมาท่ามกลางละอองฝนพรำกับท้องฟ้าในค่ำคืนที่มีดาวนับร้อยนับพันดวงจันทร์ที่สุกสว่างเจิดจ้าแสงอันริบหรี่ที่ ๆ ก็พอจะทำให้มองเห็น.....

.....เขาและเธอเป็นของกันและกัน !!!!

ฮง ฮเยจีเดินวนเวียนๆ ไปๆ มา ๆ ภายในห้องสวีทของโรงแรมที่พักใจกลางกรุงโตเกียว และเธอเองที่คอยก้มมองนาฬิกาข้อมือไปอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สาเหตุก็เพราะว่าหลังจากที่ พวกเธอได้พบกับมุรามาสะ มินาโมโตะ รองประธานของ Holding & Industrial ที่ห้องอาหารตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันจนกลับมา และจนป่านนี้ทั่วทั้งโตเกียวก็ยังจะมีลมพายุฝนเทกระหนำตกลงมาอย่างหนักทั้งวัน จนกระทั้งปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งกว่า ๆ เข้าไปแล้ว แต่ว่าฟ้าฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดลงไปง่ายๆ

และฮง ฮเยจีที่คอยเดินเข้าไปยืนชิดติดผนังห้องที่เป็นกระจกของโรงแรม และมองผ่านท้องฟ้าและพวกตึกสูงพยายามมองไปให้ไกลที่สุดและได้แต่คิดวนไปวนมาซ้ำ ๆ เรื่องของรองประธานของThe Empire Group ที่ยังไม่มีวี่แววจะโผล่มาที่นี้เลยด้วยซ้ำ และการขาดการติดต่อจากเขามาเกินกว่าสิบชั่วโมง

ฮง ฮเยจียังคอยครุ่นคิดตลอดเวลาว่า เรื่องลูกชายคนโตของท่านประธานทัตสึจิรองประธานของ Holding & Industrial มาพูดกับเธอเมื่อตอนกลางวันนั่นนะ ! เรื่องที่มุรามสะที่อุตส่าห์ตั้งใจมาบอกกับเธอถึงที่นี้ !

เรื่องนั้นที่ทางรองประธานของ Holding & Industrial ที่ๆ พวกเขาอุตส่าห์มาบอกับเธอด้วยตัวเองแบบนั้นทำไม

และเหตุผลอะไร ! ลูกชายของท่านประธานมินาโมะโตะดูเหมือนไม่อยากให้เธอกลับไปที่บ้านของเขาอีก

และผู้หญิงไทยคนที่มีชื่อเหมือนชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อ..ฟูจูวาระคนนั้น ทำไม ! ถึงเดินทางไปที่บ้านของพวกเขาที่ซะกะพร้อมกันกับฮัน ยูซอง

และไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามที่ฮง ฮเยจีพยายามจะคิดให้ออกว่า เพราะอะไร !

ทัตสึจิและอาซามิ มินาโมะโตะคอยสวมยูกะตะ และยังคอยเดินออกมาส่งฮัน ยูซอง รองประธานของเอ็มไพร์ที่หน้าบ้านช่วงเวลาสาย ๆ ด้วยกันเพียงลำพัง แต่ว่าอยู่ๆ ก็มีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน และฮง ฮเยจีที่รีบร้อนเปิดประตูรถโดยไม่รอพวกบอร์ดี้การ์ด

" อรุณสวัสดิ์ ! "

" คุณหนูฮง ฮเยจี !! " ทัตสึจิไม่ได้แปลกใจอะไรและยังสุภาพ

ฮง ฮเยจีโน้มตัวเล็กน้อยให้กับท่านประธานกรรมการใหญ่ของ Holding & Industrial และลูกชายของพวกเขา

" อรุณสวัสดิ์ค่ะ ! "

" ท่านประธานมินาโมโตะ !! " ฮง ฮเยจีสุภาพตอบ ว่าแต่สายตาของที่พวกเธอที่ยังคอยชำเลืองมองไปที่ว่าที่คู่หมั้น

ฮัน ยูซองดูประหม่าและพยายามทำตัวให้ปกติต่อหน้าของเธอ

" ฮเยจี !! "

" นี่...เธอ ! มาทำอะไรที่นี้ !!! " เพราะเขาที่ดูจะนึกไม่ถึงว่าพวกเธอจะมาที่นี้เพียงลำพัง และฮง ฮเยจีที่พยายามจะเดินเข้ามาใกล้

สายตาของฮง ฮเยจีที่เป็นกังวลและเป็นห่วง

" พอดีว่า....เมื่อวานฝนตกหนัก! "

" และฉันก็ติดต่อพี่ไม่ได้ " ฮง ฮเยจีแสดงความเป็นห่วงเป็นใย

" พอดีว่า...เมื่อวานที่นี้ ! " อาซามิที่ตั้งใจเดินเข้าหาพวกเขา

" ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักมากจริงๆ ค่ะ " ลูกสาวของมินาโมะโตะอธิบาย และบางครั้งก็แอบยิ้ม"

" เพราะว่าฝนตกหนัก เพราะฉะนั้นรองประธานฮัน ยูซอง "

" ก็เลยต้องติดกับดัก !

" ไม่ใช่สิ ! "

" ท่านรองประธานฮันที่พลอยติดฝนไปด้วย " และพวกเธอที่แสร้งยิ้มแย้ม

ฮง ฮเยจีได้แต่มองไปที่ลูกสาวของมินาโมะโตะสลับไปคอยกับว่าที่คู่หมั้น และเธอที่ยังไม่เข้าใจในทันที แต่ถึงอย่างนั้นเธอที่ยังรู้สึกว่าที่นี้ไม่ปลอดภัย

อีเลฟเวนท์รีบร้อนเดินถือเสื้อสูทสีดำคอยเดินไปตามทางเดินแคบ ๆ ระหว่างตู้คอนเทรนเนอร์เป็นจำนวนหลายร้อยหลายพันตู้บริเวณพื้นที่เรียบชายหาด และเรือขนส่งสินค้าอีกหลายร้อยลำที่คอยจอดเทียบท่าบริเวณริมชายฝั่งของปากอ่าวอิเสะ

แต่ว่าเสียงย้ำฝีเท้าหนัก ๆ และรวดเร็วของรองเท้าหนังสีน้ำตาลไหม้ประเภท Toe Cap และเสียงฝีเท้าที่ทำให้มุรามาสะ มินาโมะโตะจนต้องรีบหันหลัง

" มาไว...จริงนะ ! "

" ฟูจิวาระ !!! " มุรามาสะในขณะที่ก้มมองรองเท้าของอิเลฟเวนท์ก็อดไม่ได้ที่จะคอยทักทาย แต่ว่าเธอก็แค่ยืนฟังเงียบ ๆ

เพราะฉะนั้นในระหว่างที่มุรามาสะกำลังคอยเดินเข้าหา และเขาก็ให้ความสนอกสนใจชุดสูทเท่ห์ ของห้องเสื้อ...แบรนด์ชื่อดัง Si…^am นอกเหนือจากรองเท้า ที่แสนแพงของฟูจิวาระและก็ไหนจะเนกไทสีดำลายทางกำลังถูกจับยัดลงไปในกระเป๋ากางเกงที่โผล่มา

" ฟูจิวาระ ! " และตามมาด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ

" นี่เธอ ! คงจะขับเครื่องบินมาจากที่ซะกะ ! "

" มาที่นี้.เองเลยละสิ !!! " และมุราสะที่คอยฉีกยิ้มกว้างให้ แต่ก็คงไร้วี่แววการตอบโต้จากพวกเธอ

" หึ ! " มุรามาสะแสร้างหัวเราะอีกที

" หรือว่า...ที่เธอมาถึงที่นี้ !! "

"หรือว่า...เธอเปลี่ยนใจ " มุรามาสะต้องการให้อิเลฟเวนท์ยอมเปิดเผยท่าที แต่ดูเหมือนเธอจะพยายามสงวนมัน

อิเลฟเวนท์ที่แค่อยากจะยืนอยู่เฉยๆ และปล่อยให้มุรามาสะได้คิดแทนคนอื่น

" เมื่อก่อน "

" ฉันก็คงต้องขอยอมรับว่า.ฉันก็เคยเป็นคนที่ลังเล "

" เคย..เป็นแบบนั้น ! " เธอที่ก็ไม่ใช้ว่าจะปฏิเสธ

" แต่ว่า..." และเธอยังหันมาเผชิญหน้ากับมุรามาสะแบบตาต่อตาโดยไม่สนพวกลูกสนุมราวๆ ห้าสิบหกสิบคนที่พากันยืนเสนอหน้าอยู่ที่ท่าเทียบเรือ และโดยเฉพาะพวกเขาทุก ๆ คนยังพากันรุมจ้อง

" ฉันไม่อยากที่จะอธิบายอะไรอีกเป็นครั้งที่สอง " เพราะว่าสาเหตุที่...เธอเองมาที่นี้ก็เพื่อที่จะคอยเตือนกันเป็นครั้งสุดท้ายให้กับมุรามาสะ มินาโมะตะ

" ฮ่าๆๆ " มุรามาสะหัวเราะและคอยเดินๆ เข้ามายืนใกล้ๆ ก็เพื่อจะคอยปะทะฝีปากกันใกล้ๆ

" ฟูจิวาระ..."

" เธอคงจะเสียใจมากที่ !! "

" ไม่ได้ ! "

" เกิด..เป็นผู้ชาย ! " และมุรามาาสะจงใจที่จะคาดคั้นอิเลฟเวนท์ให้ยอมเปิดเผยความจริงเรื่องราวของตัวเองที่ซ่อนอยู่ออกมาให้ได้

แต่เธอก็ไม่เคยคิดแม้แต่ที่จะสนใจคำพูดยั่วยุ

" เอาเป็นว่า...."

" ทัตสึจิ !!! "

" เธอจะไม่มีวันหาพ่อที่ดีแบบเขาได้อีกแล้ว " เธอคอยเตือนสติมุรามาสะ

"เหอะ !!! " มุรามสะที่คราวนี้หันมาฉีกยิ้มเพราะว่าความสมเพชเวทนาในตัวของคนตรงหน้า

" ฟูจิวาระ..."

" เธอเอง...นั่นแหละ !!! "

" ที่...น่าจะหัดเคารพนบน้อบพ่อของฉันให้มาก ๆ เข้าไว้ " และแววตาของมุรามาสะที่เต็มไปด้วยความเหยียดกัน

" คำก็ทัตสึจิ !!! "

" สองคำก็ทัตสึจิ !!! "

" ฟูจิวาระ ไม่ใช่ !! "

" เอาจริง ๆ เธอมันก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกเรานักหรอก !!! "

" อีเลฟเวนท์ !!! " มุรามาสะบีบคั้นให้อิเลฟเวนท์ยอมคายความลับของตัวเองออกมาต่อหน้าพวกเขาทุกคน

อิเลฟเวนท์ที่ต้องยอมหลบสายตามุรามาส

" แล้วทำไม !

"มันถึงจะต้องเป็นดาบเล่มนั้น !!!! " ในระหว่างนั้นน้ำตาของอิเลฟเวนท์ก็เริ่มคลอเบ้า แต่ทว่ามุรามาสะที่พยายามเดินเข้าหา

มุรามาสะที่เฝ้ามองสายตาของอิเลฟเวนท์ด้วยความเคียดแค้นขึ้นทุกชั่วขณะ

" ก็เพราะว่า !! "

"... ดาบเล่นนั้น !!!! " และสายตาของมุรามาสะที่แทบจะแนบสนิทไปกับดวงตาของพวกฟูจิราวะอย่าง...อิเลฟเวนท์ ! ดวงตาที่มองเห็นแต่คราบเลือดของพวกเขา...ระหว่างมินาโมะโตะ !

" พวกมันจะช่วยให้เธอ !! "

" และช่วยพวกเรา ! "

" ได้ปลดปล่อย ! ความลับที่ฝั่งอยู่ใต้ดิน "

" ให้..พวกมันได้ถูกเปิดเผย !!! " จนแล้วจนรอดที่มุรามาสะพยายามบีบบังคับให้เธอได้คลายความจริงของโลกใบนี้

เพราะฉะนั้นอิเลฟเวนท์ถึงต้องยอมหันหน้ากลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง และเธอที่เฝ้ามองมุรามาสะอีกคนด้วยความหนักอกหนักใจเป็นร้อยหนพันหน

" สงคราม...ใช่ไหม !! "

" ต้องการให้เกิดสงครามจริงๆ อย่างนั้นใช่หรือเปล่า " เธอถามย้ำ

" ความลับ ! ที่....เธอเป็นคนกุมมันอยู่ !! " และไม่มีครั้งใดที่มุรามาสะจะไม่ดาหน้าเข้าหา และเฝ้ามองด้วยความโกรธและเกลียด

" นั่นนะ !!!! " มุรามาสะที่จ้องลูกนัยนต์ตาของพวกเธอเป็นร้อยหนพันหน

" ฉัน...เคย !!! " และเธอพยักหน้ารับรู้ถึงความโกรธแค้นในใจของมุรามาสะอย่างเต็มเปี่ยม

" ผ่านสงครามมาแล้วทุกรูปแบบ !!! " และเธอก็แค่อยากจะเล่าให้มุรามาสะได้รู้ไว้

" ใช่ !!! " มุรามาสะพยักหน้ารับรู้ตามๆ ไปด้วย

" และพวกเราก็เหมือนกัน !!! "

" พวกเราทุกคนเคยผ่านการทำสงครามมาจนมากมาย..!!! "

" แต่ว่า..."

" แต่ว่าอะไร !!! "

" ที่ตอนนี้...พวกมันกำลังกัดกินข้างในของเธออยู่เรื่อยๆ กัน "

" ฟูจิวาระ !!! " มุรามาสะที่ก็ยังคอยจ้องแต่ที่จะคอยตั้งคำถามของเธอพวกนั้น

แต่ทว่าอิเลฟเวนท์ที่มาคราวนี้ถึงกับต้องค่อยๆ เบือนหน้าหลบสายตาที่ก้าวร้าวของมุรามาสะให้ห่างออกมาอยู่เรื่อยๆ

" ทัตสึจิ !!! "

" อาซามิ !! "

" อย่าทำร้ายพวกเขา. !!!! "

" อีก...!!! " เธอทำได้แค่ขอร้องเรื่อง

แต่มุรามาสะที่หลบสายตาทันทีจนต้องเดินถอยและหันไปมองทางอื่น

" มินาโมะโตะของเรา !! "

" ที่เคยรุ่งโรจน์มาแล้วหลายร้อยปี !!! "

" แต่แล้วที่....วันหนึ่ง"

" แค่เพียงสงครามจากน้ำมือของคน ๆ หนึ่ง ! "

" ทัตสึจิ ! " และน้ำเสียงที่ฟังแล้วดูสั่นเครือของมุรามาสะเวลาพูดถึงคนที่อาวุโสที่สุดในมินาโมะโตะ

" เขาอาจจะตกหลุมคำโกหก ! หลอกหลวง !! ในเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระของเธอ "

" ฟูจิวาระ !!! "

" แต่ว่า..ฉันไม่ใช่ !! " มุรามาสะต้องการปฏิเสธในสิ่งที่เธอเป็น

เพราะฉะนั้นอิเลฟเวนท์ถึงได้หันหลังกลับ แต่ในขณะที่เธอจะก้าวเท้าถอยให้ห่างๆ มุรามาสะ มินาโมะโตะคนเดิม

" สำหรับ...ฉัน !!! "

" สายเลือด...ของฟูจิวาระ ! "

" มันก็อาจจะยังพอมีหลงเหลืออยู่ !!! " เธอบอกกับมุรามาสะ และคิดว่าครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วในชีวิตก่อนที่จะเดินกลับออกจากท่าเทียบเรือออกไป

และเป็นอีกครั้งแล้วที่ ..มุรามาสะ มินาโมะโตะต้องมาเป็นฝ่ายเฝ้ามองตามหลังของฟูจิวาระซ้ำแล้วซ้ำเล่า