Chereads / ิฺBangkok in a Sense the memory of passed / Chapter 12 - ยังไงก็สู้คน ๆ นั้นไม่ได้

Chapter 12 - ยังไงก็สู้คน ๆ นั้นไม่ได้

ชุดกิโมโนสีแดงลวดลายของดอกอายาเมะสีเหลืองๆ และสีม่วงสดยังคงถูกวางพับไว้อย่างเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นภายในห้องพัก แต่หลังจากที่คล้อยหลังของสึบากิไปได้สักพัก มาซายูกิก็อยากออกไปยืนอยู่ที่ระเบียงห้องพักของเธอ

มาซายูกิแหงนหน้าเฝ้ามองดวงจันทร์ที่อยู่ไกลลิบๆ แต่พระจันทร์เพียงดวงเดียวที่เขาจำเป็นจะต้องแอบมองก็คือเธอ.. ฟูจิวาระ

" อีเลฟเวนท์ กับ...ฟูจิ โนะ ฮานะ ฟูจิวาระ ! "

" คุณชอบชื่อไหนมากกว่ากัน ! " เขาเฝ้าถามอิเลฟเวนท์

และแม้บางครั้งสายตาที่ยังคงผิดหวัง เพราะว่าอิเลฟเวนท์ไม่ได้ยอมสวมชุดกิโมโนสีแดงสดแต่ยังคงสวมชุดกางเกงฮากาม่าสีกรม

" ดอกฟูจิ...ถึงแม้จะสวย ! " เธอยิ้มให้กับคำถามของไทระ

" แต่ว่า..."

" มันก็มีพิษ !! " และยังตอบคำถาม

" หึๆ " มาซายูกิหัวเราะออกมาเบาๆ และพยักหน้า

" ใช่ !!! "

" ฟูจิวาระ ! "

และอิเลฟเวนท์ได้แต่แหงนหน้ามองดูพระจันทร์ และมิหนำซ้ำเธอยังต้องแอบยิ้มให้กับคำพูดคำจาของมาซายูกิที่แสนจะอ้อมค้อม และบางครั้งเธอก็ยังจะแอบได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจเข้าออกสั้นสลับยาวไปๆ มาๆ ของพวกเขา

และมาซายูกิที่ต้องคอยชำเลืองแอบมองสายตาของอิเลฟเวนท์ทุก ๆ ครั้ง

" ตอนนั้น ผมเพิ่งที่จะอายุสิบห้า " และก็ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องราวระหว่างพวกเขาสองคนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และสายตาที่ดูผิดหวังจริงๆ จังๆ เวลาย้อนนึกกลับไป

" ทำไมตอนนั้น !คุณถึง ! "

" ไม่เป็นแบบนี้น่า..." เพราะว่ามาซายูกิอยากมีทรงจำครั้งแรกสำหรับเธอให้ดีกว่าตอนนั้น

" ฉันรู้ ! " เธอพยักหน้ารัวๆ และแอบอมยิ้ม และเขาก็หัวเราะตาม

" ฟูจิวาระ ผมจะบอกอะไรคุณให้ก็ได้ ! " มาซายูกิยังคอยชำเลืองสายตาของเธออยู่เป็นครั้งคราว

" ถึง..ตอนนั้น คุณไม่ได้อยากให้ผมเรียนรู้วิธีการจับดาบ ! "

แต่ถึงยังไงๆ ซะ...ผมเองก็ต้องหาทางจับมันอยู่ดี ! "

" และดูเหมือนว่า..ตอนนี้นะ ! "

" ผมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณเลยด้วยซ้ำ!! " และท่าทางที่ดูพองหางพองขนของเขาที่อยากจะโอ้อวดความเป็นชาย

" เธอคงยังไม่ตื่นจากความฝันละซินะ ไทระ ! " เธอรีบเบือนหน้าหนี

แต่ทว่าเขากลับคอยหันไปหาอิเลฟเวนท์ และแอบมองริมฝีปากของพวกเธอเอาไว้ เพราะว่าถ้าหาก เธอแสดงรอยยิ้มเล็ก ๆ บริเวณมุมปาก

" ฟูจิวาระ !! " และน้ำเสียงของเขาที่ละมุนมากขึ้นในเวลาที่เห็นเธอแสดงรอยยิ้มพวกนั้น

" ว่า..." เธอตอบแต่ไม่ยอมหันไปสบตา

" ทำไม ! คุณถึงได้" แต่เป็นมาซายูกิที่แอบมองเธออยู่แค่ข้างเดียว

" ใจร้าย !!! "

" กับ...ผมมากถึงขนาดนี้นะ !!! " และสายตาของมาซายูกิที่ยังคงเฝ้ามองพระจันทร์ดวงเดียวของตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอย่างมีความหวัง

" ทำไม !! "

" คุณ..ได้ยอมให้ผมเกลียดคุณ ! ในตอนนั้นได้ !! "

" มันเป็นเพราะเหตุผลอะไรของคุณกันแน่ "

" ยูกิจัง ! " และเธอที่กำลังนึกหาเหตุผลจริงๆ

" เธอ...เป็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารมากจริง ๆ " และเหตุผลนั้นมันอาจจะเพียงพออยู่แล้วก็ได้

มาซายูกินิ่งเงียบไปสักพักและถึงหันมายอมรับอย่างลูกผู้ชาย

" ยูกิจัง ! เธอเป็นรักแรกของผมจริงๆ นั้นแหละ "

" เพราะว่า...ยูกิ ต้องมาเป็นกำพร้าทั้งพ่อและก็แม่ ! "

" ก็เพราะ..เรา " สีหน้าที่ค่อยๆ สลดลงของมาซายูกิพลอยทำให้ต้องเบือนหน้าหนีหันไปมองทางอื่น

" ฉันคนเดียวต่างหาก ! " เธอปฏิเสธคำตอบพวกนั้น

" เห้อ.... !!! " เสียงผ่อนลมหายใจออกของมาซายูกิที่ฟังดูแล้วเหมือนจะไม่เหนือความคาดหมายของเขาสักเท่าไหร่

" ยูกิ !! "

" ตอนนี้ เธอคงจะไปได้สวยกับพระเอกคนดังเกาหลีคนนั้น " และเขาที่พยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุยที่ทำให้เธอเครียด ๆ

เธอพยักหน้าแต่ไม่ใช่เพราะมาซายูกิยอมเปลี่ยนเรื่องคุย

" ยูกิ ! "

" ..เธอตั้งใจกับงานเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ของ Si…^am ครั้งนี้เอามากๆ "

"เห้อ..... " แต่ว่าเสียงผ่อนลมหายใจออกของมาซายูกิที่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะซาลงไปสักนิด

" ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแน่ๆ นั่นละ "

" เพราะว่าไหนๆ คุณก็อุตส่าห์ช่วยติดสินบนใครต่อใคร "

"ซะจน ! ท่านประธานของ Si…^am ของพวกเรา "

" ได้ใช้ปราสาทนาโงย่า ! ในการจัดงานแสดงของพวกเธอไปแล้ว " และมาซายูกิที่ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็อดเสียวสันหลังวูบวาบขึ้นมาให้ได้ซะทุกที ๆ

" ตอนนี้นะ ! "

" ยูกิ เธอไม่ใช่คุณหนูที่เอาแต่ร้องไห้เพราะไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้วน่า... !!! "

" เผลอ ๆ ตอนนี้. "

" ยูกิ...น่าจะเป็นยายตัวร้าย ! ด้วยซ้ำไป !!! " มาซายูกิทั้งหัวเราะและก็ยิ้มออกมา

และพอได้ยินเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของมาซายูกิแบบนี้ อิเลฟเวนท์ก็พลอยอดอมยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ และถึงแม้จะมีบางครั้งที่ๆ เธอรู้สึกถึงการคาดหวังของมาซายูกิที่มีต่อตัวเธอเองอีกครั้งแล้ว

บาร์เครื่องดื่มทำด้วยไม้สนรูปโค้งเป็นตัวแอลขนาดราวๆ ไม่เกินสามเมตร บริเวณภายในภัตตาคารของอะไคชิซันคัง และแสงสว่างจ้าจากโคมไฟสี่เหลี่ยมลวดลายที่ดูคล้ายกับรังนกที่เรียงแถวอยู่ด้านบนบาร์เครื่องดื่ม และบริเวณด้านหลัง ตู้และชั้นวางเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายหลายชนิด อุปกรณ์และแก้วรูปทรงต่างๆ และลิ้นชักเก็บของถัด ๆ กันลงมา แจกันเครื่องปั้นดินเผาสีดำล้วนที่ปักดอกปักษาสวรรค์ทิ้งเอาไว้ที่มุม ๆ หนึ่งบนเคาน์เตอร์ เตาและหม้อต้มน้ำเครื่องปั้นดินเผาสีน้ำตาลๆ ถาดและอุปกรณ์ชาชงที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ขนาดกลางตั้งอยู่บริเวณตรงกลางลานภัตตาคาร

บนโต๊ะไม้ญี่ปุ่นขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าไร้รวดลายศิลปะมีเพียงเตาถ่านเครื่องปั้นดินเผาขนาด 12 นิ้ว ปั้นชาเครื่องปั้นดินเผาขนาด 16 นิ้ว ที่ใส่น้ำเปล่าเอาไว้ครึ่งหนึ่งกับเหยือกน้ำที่มีน้ำใส่อยู่เกือบเต็ม และปั้นชาเครื่องปั้นดินเผาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดราว ๆ 6 นิ้ว ที่ถูกวางอยู่บนถาดชงชาที่เป็นตระแกรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างและยาวราว ๆ ห้าสิบเซ็นต์ โถเหยือกน้ำเครื่องปั้นดินเผาขนาดสูง 6 นิ้วครึ่ง ที่กรองชาที่ทำด้วยไม้ดูคล้ายช้อนน้ำแกงอันใหญ่ และ ถ้วยชาดินเผาอีก 5 ใบ วางคว่ำอยู่บนถาดชงชา

และก็ยังมีโถเซรามิกสีฟ้าวาดลวดลายดอกซากุระสีขาวขนาดกำลังพอดีมือกับกระบอกไม้ไผ่สีธรรมชาติที่ใส่ ไม้เขี่ยใบชา คีบคีบชา ไม้ปรายแหลม และกระบวยไม้ไผ่กับผ้าขาวบางสะอาดๆ วางอยู่ด้วยกันอีกหนึ่งผืน

และก็พนักงานหนุ่มสวมชุดยูกะตะสีเทาท่าทางสุภาพเรียบร้อยประมาณสองถึงสามคนที่คอยช่วยกันสลับผลัดเปลี่ยนเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหาร

นากามุระและมาซายูกิสวมชุดยูกะตะสีน้ำเงินเหมือนกัน และพวกเขาสองคนที่ยังคงนั่งรออยู่บนเบาะเก้าอี้ไม้สนมีพนักอิงสี่เหลี่ยมทรงสูงที่ถูกวางเรียง ๆ กันเป็นแถวจำนวนทั้งหมด 8 ตัว และลูกค้าคนอื่นๆ ที่ได้เข้ามานั่งรับประทานอาหารค่ำกันอีกสองสามโต๊ะถัดๆ ไปทางด้านหน้าของเคาน์เตอร์ และก็ยังมีลูกค้าสามีและภรรยาชาวจีนราวๆ สี่สิบถึงห้าสิบ ที่ๆ ทั้งคู่พากันสวมชุดยูกะตะสีเขียวเข้มพิมพ์ลายใบไผ่ออกมานั่งดื่มด่ำกับอาหารค่ำ

และลูกค้าโต๊ะที่ถัด ๆ กันห่างออกไปอีกสองโต๊ะ ลูกค้าผู้ชายวันใกล้เกษียณที่สวมชุดสูทสีดำที่กำลังดื่มสาเกอยู่กับลูกชายที่สวมสูทสีเดียวกันที่เพิ่งจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยในกรุงโตเกียวได้ไม่นาน

และถัดๆ กันก็ลูกค้าชาวฮ่องกงคนที่เป็นผู้หญิงสูงวัยราว ๆ มากกว่า 70 ปี สวมชุดกิโมโนสีเขียวสดพิมพ์ลายลิลลี่ภูเขาที่มีสีเหลืองแซม และยังนั่งคุกเข่าคอยนั่งรับประทานอาหารค่ำอยู่ที่โต๊ะตามลำพังเงียบๆ

เพราะฉะนั้นทั้งสึบากิกับโคบายาชิและก็มาซายูกิ และพวกเขาทุกคนก็ยังต่างนั่งรอกันอย่างสำรวมในขณะที่ร่วมโต๊ะอาหารเช้า แต่ทว่าในระหว่างที่ทุกคนกำลังรอใครบางคนกันอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาก็เริ่มจะได้ยินเสียงของรองเท้าเกี้ยะไม้ญี่ปุ่นดังใกล้เข้ามา

" เธอมาแล้ว !! " สึบากิร้องเสียงหลงที่หันไปเจอเจ้าของต้นเสียงรองเท้าเกี๊ยะจนได้

และทั้งนากามุระกับมาซายูกิที่รีบพากันเหลียวมอง ผู้หญิงที่ชื่ออิเลฟเวนท์พยายามจะเป็นผู้หญิงที่ชื่อฟูจิโนะ ฮานะ ฟูจิวาระ

แต่ทว่า..ความสวยงานนั้นเทียบกันไม่ได้อย่างสิ้นเชิงของพวกเธอ เมื่อเปรียบกับความหมายของชื่อ...ฟูจิโนะ ฮานะ ที่แปลว่าดอกไม้รวงข้าวที่แสนสวย

ก็เพราะว่า อิเลฟเวนท์พยายามที่จะถลกกระโปรงชุดกิมโมโนขึ้นมาเกือบจะครึ่งเข่า และก็ยังสวมรองเท้าเกี้ยะญี่ปุ่นโดยไม่สวมถุงเท้า ผมเผ้าของเธอที่แค่รวบหลวมๆ ที่ท้ายถอยยังคงเหมือนเดิม กับการผูกโอบิที่ดูน่าเกลียดเหมือนกับอย่างผูกเชือกรองเท้าอย่างไงอย่างงั้น !

" ฉันบอกเธอไปแล้วใช่ไหม สึบากิ ! " สีหน้าที่ดูผิดหวังของนากามุระจนต้องเหลียวหันไปโค้งให้ลูกค้าคนอื่นๆ ของอะไคชิซันคังที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

และโดยเฉพาะมาซายูกิที่ทำหน้าตาผิดหวังกว่าใคร ๆ ทั้งหมด

" ไม่จริง !!! "

" ใช่ไหมเนี้ยะ " มาซายูกิถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดไม่ฟันว่า อิเลฟเวนท์จะสวมใส่ชุดกิมโมโนได้ห่วยมากขนาดนี้เลยจริงๆ

อีเลฟเวนท์ต้องคอยขยับชุดกิโมโนสีแดง ๆ สดๆ ปักลวดลายของดอกอายาเมะสีเหลืองและสีม่วงสด และก็ใช้ความพยายามขยับสายคาดโอบิสีน้ำตาลแดงแถบเขียวปักลายภูเขาสามลูกอยู่บนทุ่งดอกฮิกัน ที่ ๆ ตอนนี้กลายเป็นภูเขาลูกเดียวกับทุ่งดอกไม้ที่ดูไม่ออกว่าพวกมันยังจะเป็นทุ่งดอกไม้อยู่หรือเปล่า

" เรียบร้อย ! " เธอขยับสายคาดโอบิจนพอใจตัวเอง แต่พอหันไปเจอสายตาของสึบากิและคนอื่น ๆ ที่พากันมองมาอย่างประหลาดใจ

" ไม่ต้องเลย... "

" ไม่ต้องชมก็ได้ค่ะ " เธอยิ้มเขินๆ นิดหน่อย

แต่ในขณะที่นากามุระกับมาซายูกิจะพลั้งปากพูดอะไรออกไป เพราะฉะนั้นสึบากิถึงได้รีบเดินเข้าไปหาอิเลฟเวนท์และยังรีบช่วยจัดแจงชุดกิมโมโนของตัวเองที่เพิ่งจะยกให้เธอไปให้เรียบร้อยและสวยขึ้น

" แต่ถึงยังไง "

" อย่างน้อย !! "

" พวกเราก็จะถือซะว่า...เป็นบุญตา ที่ได้เห็น !! "

" ใช่ไหมค่ะคุณ ! "

" ใช่ไหม ! มาซายูกิ ! " เพราะว่ารอยยิ้มแห้ง ๆ ของสึบากิยิ่งพลอยทำให้ทั้งนากามุระ และทั้งมาซายูกิจำใจพยักหน้า

ว่าแต่ว่านากามุระที่เผลอยกชาร้อนๆ ขึ้นมาดื่มโดยไม่รู้ตัวจนน้ำเหอะเลอะเทอะเปรอเปื้อนไปหมด

" ไม่รู้สิ ! นะครับ !! " แต่มาซายูกิที่ก็ยังต้องแกล้งชม และแม้จะต้องคอยหลบสายตาของพวกเธออยู่บ้าง

และคราวนี้เธอก็ยังจะคอยถลกกระโปรงชุดกิมโมโนเข้าไปนั่งบริเวณโต๊ะที่จัดเตรียมไว้สำหรับพิธีชงชาสำหรับลูกค้าของอะไคชิซันคัง

" น่าเสียดายจริงๆ ที " และเธอพูดพลางและนั่งคุกเข่าลงบนเบาะของโต๊ะชงชา และสิ่งแรกที่เธอทำก็เริ่มดูก้อนฝืนร้อนๆ ในเตาไฟ

" งานเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ของ Si…^am ! ทั้งนากามุระกับสึบากิจะไม่ได้ไปร่วมงานกับเราด้วย " เธอฆ่าเวลารอถ่านฝืนให้ร้อนระอุกว่าเก่าด้วยการพูดคุย

และแม้ในขณะเดียวกันเธอก็ยังต้องคอยดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ภายใต้ชุดกิมโมโน แต่ทว่ารอยยิ้มเจื่อนๆ ของสึบากิก็คงไม่หลุดรอดพ้นจากสายตาของเธอไปได้ด้วยเหมือน ๆ กัน

แต่เพียงเพราะเธอไม่ได้ใส่ใจกับชุดที่สวมใส่มันอยู่เลยด้วยซ้ำไป เพราะเธอสนใจแค่ว่าจะทำให้พวกเขาที่มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้มองข้ามชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ห่มเพียงร่างกายเนื้อหนังนี้ไปได้อย่างไงมากกว่า

" ไหนๆ เราก็ไม่ได้ดื่มชาร่วมกันมาตั้งนาน ใช่หรือเปล่านะ " และประโยคบอกเล่าเก้าสิบของเธอพลอยแต่จะทำให้สึบากิและนากามุระรู้สึกถึงความหลัง

นากามุระกับคนอื่นๆ เลยต่างพากันหันกลับไปมองที่โต๊ะชงชาที่ตั้งอยู่ตรงกลางภัตตาคารของอะไคชิซันอย่างพร้อมเพียงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

และอิเลฟเวนท์ที่เริ่มหันมาหยิบจับถ้วยชาออกจากถาดเครื่องปั้นดินเผา เธอเลือกถ้วยชาขึ้นมาหนึ่งวางลงตรงหน้า และเลือกถ้วยชาอีกสองใบและนำไปวางคว่ำเอาไว้อยู่ที่มุมโต๊ะทั้งสองฝั่งทีมีตระแกรงไม้ไผ่ขัดเงาสีดำเอาไว้รองน้ำ

" บอกตามตรง ! " นากามุระในขณะที่รอน้ำเดือดก็เลยต้องห้นมาช่วยกันฆ่าเวลา

" พวกเรากับยูกิจัง !! "

" เจอกันบ่อยกว่าที่พวกเราเจอ ! กับเธอซะอีก " ความบอกเล่าเก้าสิบของนากามุระที่ทำให้สึบากิหันมายิ้มและเห็นด้วย

" นั่นนะซิ !! " สึบากิยิ้มแย้มมากขึ้นเวลาที่พูดถึงประธานของ Si...^am

" วันเกิดของฉันเมื่อเดือนที่แล้วนั่นนะ "

" ยูกิจังของเรา ก็อุตส่าห์ส่งโสมเกาหลีมาให้ ! "

" น่ารักไม่เปลี่ยนจริงๆ "

" เด็กคนนี้เนี้ย !! " และแววตาของสึบากิที่มีแต่ความคิดถึงพวกเธอ แต่พอสักพักก็ยังจะได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ ของสามีตัวเอง

" แต่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงมายังไง !! " และสีหน้าคร่าตาที่เคร่งเครียดของนากามุระที่เปลี่ยนไป

" หมู่นี้ ! "

" ท่านประธานของ Si…^am ! ถึงได้มีแต่ข่าวฉาวดังไปทั่วอินเตอร์เน็ตและบนหน้าปกนิตยาสาร "

" เรื่องที่...ยูกิ ! "

" เธอที่แอบไปเป็นมือที่สามของพระเอกคนดังของเกาหลี !! " นากามุระได้แต่คาดการณ์ไปต่างๆ นานา

จนกระทั่งสึบากิต้องพลอยหันมานั่งหายใจทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไปด้วยอีกคน แต่ว่ามาซายูกิก็ได้แต่นั่งฟังเท่านั้น

เพราะว่าตอนนี้พวกเขากำลังสนใจพิธีชงชาของอิเลฟเวนท์ที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า และที่สำคัญบรรดาแขกเหรื่อก็ต่างพากันหันมามองอย่างสนอกสนใจ

อิเลฟเวนท์เริ่มใช้กระบวยใม้ไผ่ตักน้ำในปั้นชาอันใหญ่จนเต็มแล้วก็นำน้ำร้อนรินลงในปั้นชาขนาดใบย่อมๆ อีกอันบนถาดเดียวกัน และปิดฝาปั้นชาที่มีน้ำเดือดปุดๆ อยู่ภายใน และเธอจึงค่อยๆ บรรจงยกปั้นชาอันย่อม ๆ ด้วยผ้าขาวและค่อยๆ รินน้ำลงไปใสถ้วยชาทั้งสามใบที่ระดับ 3 ส่วน 4

และส่วนนำร้อนที่เหลือติดก้นปั้นชาก็ยกพวกมันมาเทราดลรอบๆ ถ้วยชาที่คว่ำอยู่บนตระแกรงทั้ง 2 ฝั่ง และเทจนกระทั่งน้ำในปั้นชานั้นหมด

จน.... ได้กลิ่นระอุของดินเผาของถ้วยชา คล้ายกลิ่น...น้ำค้างคลุมดิน..

และเธอก็เปิดฝาโถเซรามิกอิมาริยากิสีฟ้า ๆ และใช้คีบคีบชาตักใส่ฝาโถเซรามิคก่อน และนำมาเทใส่ปั้นชาอันย่อม ๆ ในถาด

และลักษณะของใบชาเขียวที่ดูเหี่ยวแห้ง.. ..แต่ก็พอเห็นใบตูม ๆ และสีขนประกายเงินๆ ปกคลุมอยู่บ้างที่ใบชา

กระบวยไม้ไผ่ยังคงถูกตักฟองอากาศจากน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ ในปั้นชาบนเตา เธอคอยตักพวกมันเทลงไปที่หลังถ้วยชาสองอันที่คว่ำรอยู่ที่ตระแกรงอีกสามถึงห้ารอบ จนฟองอากาศเริ่มเหลือน้อย

และถ้วยชาทีละอัน ๆ ที่กำลังถูกยกขึ้นมาแกว่งวนไปมาซ้ำ ๆ ทวนเข็มนาฬิกา และจึงรินน้ำในถ้วยชาลงในตระแกรงไม้

และน้ำเสียงการรินน้ำชาลงในตระแกรงไม้ของอิเลฟเวนท์...ที่พอได้ยินได้ฟังก็ช่างคล้ายๆ เสียงน้ำฝนที่ไหลลงตีนเขา

กระบวยไม้ไผ่ยังคงทำหน้าที่ของมันตักน้ำร้อนและเติมลงไปใส่ปั้นชาอันเล็กๆ อีกสองถึงสามรอบจนเต็มปิดฝา และค่อยใช้กระบวยตักน้ำมาราดให้ทั่วทั้งปั้นชาที่วางอยู่บนตระแกรงไม้ไผ่ราดลงไปๆ จนได้กลิ่นน้ำค้างคลุมดิน

และนั่งรออย่างใจเย็นๆ คอยจนกระทั่งน้ำร้อนค่อยๆ ระเหยกลายเป็นไอหมอกสีจางๆ

อิเลฟเวนท์หยิบเอาที่กรองชาคล้าย ๆ กับช้อนตักแกงอันใหญ่วางลงไปที่ปากเหยือกเครื่องปั้นดินเผา และบรรจงรินน้ำชาลงไปในกรองเพื่อที่จะให้น้ำชาคอยผ่านกรองไหลลงไปในเหยือกดินเผาจนหมด จนกระทั้งเริ่มจะได้กลิ่นหอมๆ ของกลิ่นน้ำค้างบนยอดหญ้า

แต่ทว่า ! เธอกลับนำน้ำชาร้อน ๆ ที่เพิ่งจะรินลงในเหยือกดินเผานำน้ำชารินราดกลับลงไปที่ถ้วยชาที่ ๆ วางคว่ำอยู่บนตระแกรงสาน และตักน้ำใส่กระบวยขึ้นมาใหม่ และไปรินน้ำร้อนๆ ซ้ำไปซ้ำมาให้ทั่วปั้นชาเล็กๆ และถ้วยชาน้อยๆ สุดท้ายก็หยิบเพียงผ้าขาวบางสะอาดๆ มาเช็ดคราบน้ำที่เปรอะติดขอบก้นปั้นชาและถ้วย

และเธอก็ยกถ้วยชาพร้อมกับเสิรฟพวกมันบนจานรองดินเผา และขยับจานรองเล็กน้อยเพื่อให้มีคนมาช่วยยกเสริฟต่อไป

นากามุระที่รับถ้วยชาจากมือของพนักงานของอะไคชิซัน และทันทีที่ได้กลิ่นและมองลงไปในสีของน้ำชาในถ้วย

" ราว ....กับกำลังนั่งแหงนมองดูยอดของภูเขาไฟฟูจิ ! ใน..ยามพระอาทิตย์ตกดินเชียวนะ "

" กับกลิ่นหอมของดอกไม้ "

" ผสมกันกับกลิ่นใบไม้ที่ถูกเด็ดยอดมาใหม่ ๆ "

" นี่จะใช่.... ! "

" น้ำชา....จริงไหม !! " นากามุระพร่ำพรรณนาอยู่ด้วยกันกับน้ำชาในถ้วยชาดินเผา และจวบจนกระทั่งบรรจงจิบลิ้มรสเบา ๆ

" อ่า....ห์ "

" นี่ ! ก็เป็นเพียงน้ำชาจริงๆ นี่แหละหน่า.. " นากามุระถึงขนาดแกล้งเล่นลิ้นกับน้ำชาในถ้วย

อีเลฟเวนท์ฉีกยิ้มกว้างๆ ขึ้นมาทันทีทันใด

" น่าผิดหวังจริงๆ ด้วย ! " เพราะฉะนั้นเธอต้องคอยแก้ตัว

แต่ทว่าคนอย่าง โคบายาชิ นากามุระ ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครแก้ตัวอย่างหน้าชื่นตาบานให้ฟังกันง่ายๆ

" อุตส่าห์นั่งคิด ! "

" ..อยู่ตั้งนานสองนานว่า...จะได้ลิ้มรสน้ำค้างบนยอดเขา " และนากามุระก็ยิ่งคิดก็ยิ่งแต่จะเสียดายที่ว่า..

" แต่ก็กลับกลายเป็นเพียง น้ำชา ! ที่แสนจะธรรมดาแบบนี้ไปซะได้ "

" มันช่างน่าผิดหวัง " แต่ทว่าสีหน้ากับท่าทางของนากามุระมันช่างตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขากำลังพูด

สึบากิ และมาซายูกิที่ต่างคนก็ต่างหันมาลองจิบน้ำชาทีละน้อยๆ

" กลมกล่อม !" และความขุ่นเคืองที่มีต่อเธอก็มลายหายไปจนหมดเมื่อได้รับคำขอโทษจากอิเลฟเวนท์กลายเป็นน้ำชาชั้นดีที่แสนจะธรรมดา

" ผมว่า ! " มาซายูกิออกความเห็นทันทีที่ถ้วยชาพ้นจากรีบฝีปาก

" รสชาติมันหวานเกินไปหน่อย ! " และตั้งใจโกหกเธอ

" หึ !! " เธอหัวเราะในลำคอและมองมาซายูกิอย่างไม่น่าคบหา

" มันจะมากไปหรือเปล่า " และเธอยังคอยปรามมาซายูกิ

" ก็คุณ ! เป็นคนสอนผมเองนี่ !!! " มาซายูกิรีบเถียงจนกระทั่งลืมไปว่า ตัวเองยังคงสูดกลิ่นถ้วยชาวนไปวนมาอยู่เลยด้วยซ้ำไป

" ชา...อิ๋นเจิ้น ! งั้นเหรอ " สตรีดูท่าทางสูงศักดิ์ในชุดกิโมโนพิมพ์ลายดอกลิลลี่ที่ได้กลิ่นชาจนอยากจะเดินเข้ามาชมใกล้ๆ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

จนกระทั่งนากามุระกับสึบากิพากันเหลียวหันและต้องรีบลุกกลับขึ้นมาและยังต้องโค้งคำนับถึงเก้าสิบองศา

" พวกเรา..ต้องขอโทษด้วยครับ !! " มาซายูกิผุดลุกขึ้นและโค้งต้อนรับ

" พอดีว่า... พวกเรากำลังช่วยกันทดลองชิมชาที่เพิ่งได้มาใหม่ ! " แต่ว่านากามุระกลับเป็นฝ่ายที่เดินเข้าไปอธิบาย

หญิงชราในชุดกิมโมโนสีเขียวปักลวดลวายของดอกลิลลี่ภูเขาก็เลยอยากจะเดินเข้าไปก้ม และมองดูเจ้าของพิธีนั้น

" คนญี่ปุ่น !! "

" งั้นเหรอ !! " ภาษาอังกฤษที่แสนจะนุ่มนวลของหญิงชราที่ช่างฟังดูนุ่มนวลกว่าใบหน้าและผิวพรรณของพวกหล่อนซะอีก !

และนากามุระที่พยายามชำเลืองมองอิเลฟเวนท์และพยักหน้าให้พวกเธออีกเล็กน้อย ๆ และเธอที่รู้ได้ทันที

" เวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นก็เป็น. คนญี่ปุ่น แต่ว่า "

" ถ้าถึงไทยเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั่น " อิเลฟเวนท์ตอบคำถามของหญิงชรา และเธอก็ยังไม่ลืมที่จะคอยรินน้ำชาจากปั้นชาสู่จอกถ้วยเล็กๆ ที่ตระเตรียมไว้ทั้งสองฝั่งของตระแกรงไม้ไผ่

หญิงชราพยักหน้าและแสดงรอยยิ้มเล็ก ๆ พอใจกับวิธีการของเธอ

" ยอดเยี่ยม ! ซะจริง ๆ เลยนะ " และหญิงชราที่กำลังมองสีน้ำในถ้วยปั้นดินเผา

" สีเหลืองนวลเล่นไฟดีนะ !!! "

" แล้วก็...กลิ่นของดอกไม้..."

" นี้ก็...."

" เหมือนว่ากลีบของดอกไม้ได้บดขยี้ !! "

" เข้ากับ ! "

"...น้ำค้างบนยอดหญ้าเลยทีเดียวเชียว !! " หญิงชราเพียงชื่นชมน้ำในถ้วยปั้นดินเผาเท่านั้น แต่ก็ไม่วายจะสังเกตเจ้าของพิธีชงชาที่สุดแสนจะประณีตพิธีพิถัน

" เยี่ยมยอดจริง ๆ รู้สึกว่าฉันจะใช้คำนี้ได้เปลืองกับผู้หญิงอย่างเธอมากไปแล้ว " หญิงชราบ่นอุบอิบ

"ก็เพียงเพราะว่า "

" ฉันก็แค่เห็น เธอ ! "

" จับพู่กัน ! และกำลังวาดศิลปะชิ้นเอกอยู่อย่างไง๋อย่างงั้น !! "

" แต่ฉันก็หวังว่า..เธอ "

" ..คง ! อยากจะจับพู่กัน "

" และเขียนแต่ตัวหนังสืออยู่แบบนั้น ! มากกว่า " และหญิงชราผู้สวมชุดกิมโมโนสีเขียวสดแค่เพียงพูดชื่นชม

และทั้งนากามุระ สึบากิ และมาซายูกิ เวลานี้ทุกๆ คนทำได้แค่เพียงก้มศรีษระลงและเฝ้ารอจนกว่าผู้หญิงที่สวมชุดกิมโมโนสีเขียวจะเสร็จภาระกิจเบื้องหน้า..

แต่ทว่า...สำหรับอิเลฟเวนท์กลับไม่ได้สนใจว่า หญิงชราในชุดกิมโมโนสีเขียวปักลวดลายของดอกลิลลี่สีสันสุดสวยด้วยฝีมือการปักอย่างหรูหราที่เข้ากับผ้าไหมแสนแพง..แต่อย่างใด ก็เพราะว่า เธอ ! กลับสนใจวิธีจิบรสชาของสตรีผู้นั้นมากกว่า

สตรีสูงศักดิ์ที่เวลาจิบชามักก็มักจะประคองจอกชาไว้ในมืออย่างละมุนละม่อน และพวกหล่อนมักจะไม่ดื่มรวดเดียวจนหมด แต่จะเพียงกระซิบจิบน้ำในถ้วยจนน้ำค่อยๆ เหือดหาย