โคมไฟกระดาษรูปร่างสี่เหลี่ยมหลากหลายสีสันกำลังถูกแขวนประดับประดาอยู่บนราวไม้ไผ่นับร้อยนับพันดวง และโคมไฟสว่างไสวจนกระทั่งมองเห็นทางเดินที่ปูลาดด้วยหินศิลาแลงขรุขระระยะทางราวๆ จวนจะเกือบ 650 เมตร และทางเดินที่ยังสลับปูด้วยแผ่นหินทรายสีน้ำตาลเข้มรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดหกสิบเซ็นติเมตรใช้ปูลาดบนทางเดิน และอีกทั้งแผ่นหินทรายบางแผ่นก็ยังจะมีตราสัญลักษณ์เป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิดกลับหัวซ้อนกันอยู่จนสุดทางเดินหินศิลาแลง
และโคมไฟหินยกฐานสูงจากพื้นศิลาแลงราวๆ หนึ่งเมตร กับอีกห้าสิบห้าเซนติเมตรเพื่อประดับประดาตามเส้นทางเดินเข้าสู่ปราสาท โคมไฟหินและโคมไฟกระดาษย้อมสีที่ ๆ ก็ต่างพากันสอดส่องไปจวบจนถึงต้นบ๋วยสีชมพูอมขาวนับร้อยกว่าต้น และต้นดอกซากุระสีขาวอมชาพูอีกนับร้อยๆ ผสมแทรกซึมไปตามต้นสนสามใบเขียวขจี และก็ยังจะบรรดาตึกจำลองมีร้านค้า ร้านน้ำชานับสิบ และเรียวกังจำลองเอาไว้สองข้างทาง
และก็ยังพอมีสายลมพัดมากระทบเหล่าต้นไม้พวกนั้นบ้าง จนกระทั่งพลอยที่จะทำให้ดอกบ๋วยกับดอกซากุระพัดพาดอกไม้ที่สวยงามร่วงโรยของอาคารจำลองข้าง ๆ ริมทางเดินหินศิลาแลง
ร้านค้าจำลองเสมือนจริงข้างทางเดินหินที่อยู่ใต้ต้นบ๋วย อย่าง...ร้านน้ำชาที่มีป้ายผ้าญี่ปุ่นบอกชื่อร้านเป็นภาษาจีนโบราณและแปลออกมาว่า" มิกิโอะ " ร้านน้ำชาของแม้หม้ายที่ชื่อว่า มิกิโอะ หลังคาทรงจั่วหน้าทึบของร้านน้ำชา หน้าจั่วทรงโค้งดูราวๆ เหมือนกับคลื่นน้ำ 3 คลื่นใหญ่บานประตูเลื่อนฟุสุมะสีขาวล้วนทางเดินแคบ ๆ ตรอกทางเข้าร้าน โต๊ะ ตั่ง เก้าอี้ที่พร้อมสรรพ และที่ขาดเสียไม่ได้สำหรับร้านน้ำชาที่เคยเลื่องชื่อลือชา ก็คือ ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่สันทัดเรื่องพิธีชงชายังคอยแสดงวิธีชงชารสเลิสอยู่จริงๆ ทางฝั่งทิศใต้ของร้าน และผู้คนที่ต่างสวมชุดญี่ปุ่นดั่งเดิมและสมัยร่วมนิยมรอต่อเข้าคิวจิบน้ำชายามใกล้ตะวันตกดิน
ร้านขายข้าวสารจำลองทรงหลังคาเพิงหมาแหงนขนาดห้องเล็ก ๆ ห้องเดียว ร้านขายข้าวสารที่กระสอบข้าวจริงๆ นำออกมาวางขายอยู่หน้าร้านที่มีชื่อเดียวกับเจ้าของร้าน ที่ชื่อ
" มิกะ คุโจ "
อาคารไม้จำลองร้านเหล้าขนาดใหญ่มากถึงสามห้อง ร้านเหล้าที่มีโคมไฟสีเหลี่ยมเขียนด้วยพู่กันจีนอ่านว่า " จิ๋ว" และชื่อร้านบนป้ายผ้าญี่ปุ่นสีน้ำเงินใหม่ๆ ที่เรียง ๆ กันอยู่ที่ตรงชายคา " ทานะกะ "
ร้านเหล้าทานะกะยังมีโครงสร้างแบบหลังคาทรงปั้นหยามีมุกยื่นออกมา และปิดด้วยกระเบื้องลวดหลายหยินหยางสีดำสลับขาวที่หัวเสา และโต๊ะเก้าอี้ไม้ที่วางยาวเหยียดเข้าไปในร้านอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่จำลองแต่ใช้ได้จริงๆ
สถานที่รื่นเริงสำคัญของชาวญี่ปุ่น อย่าง... โรงละครคาบุกิ ที่ๆ มีแผ่นป้ายผ้าฝ้ายขนาดใหญ่สี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวพอ ๆ กับบานประตูฟุสุมาเกือบสองเมตร
" อิซามุ " แผ่นป้ายผ้าสีน้ำเงิน ๆ สลับกันเป็นแถวๆ หน้าโรงละครขนาดกว้างราว ๆ ห้าถึงหกห้องจนเต็ม ภายในโรงละครของอิซามุกว้างขวาง แถวที่นั่งที่ใช้ไม้ท่อนสุงแบ่งพื้นที่เอาไว้บนเสื่อทาทามินับสิบช่อง แถวที่นั่งสองชั้นด้านฝั่งซ้าย และแถวที่นั่งสามชั้นทางฝั่งด้านขวาของโรงละครคาบูกิของอิซามุ เพดานที่ยังนำเอาโคมไฟกระดาษสาสีขาวๆ ที่มีรายชื่อของนักแสดงมาเขียนกำกับติดเอาไว้ที่โคม และอีกทั้งที่ฝั่งของเวทีด้านหน้า เวทีพื้นไม้ขนาดใหญ่ราว ๆ สิบเมตรและกว้างเกือบๆ จะเท่ากัน ฉากเวทีก็ยังจะมีภาพวาดฝูงนกกระเรียนบนต้นสนสูงใหญ่สีเขียวตั้งตระหง่านบนผืนผ้าใบ
และ.." โรงตีดาบมาซามุเนะ" สร้างเป็นหลังคาทรงจั่วมุงสูงมุงด้วยหญ้าคา พื้นที่ก็ราวๆ สามถึงสี่เมตรกว้างคูณยาวโดยประมาณ บริเวณภายในจัดแสดงเพียงดาบจำลอง และภาพถ่ายของดาบต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น
และอาคารจำลองเรียวกังที่มีชื่อว่า " คะมะกุระ " ที่จำลองขนาดย่อม ๆ มาไว้ที่บริเวณภายในสวนของปราสาทแห่งนี้ คะมะกุระเรียวกังหลังคาทรงปั้นหยาจั่วทึบโค้งก้อนเมฆกระเบื้องสีเขียว
คะมะกุระคังที่เป็นเรียวคังเก่าขนานแท้ดั่งเดิมในยุคสมัยคะมะกุระของญี่ปุ่นโบราณ เรียงคังห้องแถวไม้ขนาดใหญ่สี่ชั้นที่ประดับประดาเต็มไปด้วยโคมไฟที่ห้อยย้อยอยู่ที่จั่วหลังคาและชายคานับเกือบร้อยๆ ดวง
และอย่าง...ศาลเจ้าอาซะมะจำลองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคะมะกุระเรียวกัง และซุ้มประตูโทริอิสีแดงที่ตั้งขวางอยู่ที่หน้าศาลเจ้าอาซะมะ และก็เชือกแขวนกระดิ่งหน้าศาลเจ้า
ซุ้มประตูโทริอิสีแดงบริเวณหน้าศาลเจ้าอาซะมะทีมีลักษณะเหมือน ๆ เสาชิงช้าสองชั้นแต่ใช้เสาเพียงต้นเดียว และรั้วสองฝั่งสำหรับคำยันเสาทั้งสองต้นเอาไว้ กับต้นวีสทีเรียสีม่วงที่กำลังชูช่อเป็นพวงระย้าสีม่วงๆ อีกทั้ง 2 ต้น ต้นวีสทีเรียจำลองขนาดลำต้นใหญ่สองคนโอบสองต้นบริเวณหลังซุ้มประตูโทริอิ
และรูปปั้นของสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวผู้และตัวเมีย 2 ตัว ตรงทางเดินเข้าออกศาลเจ้าตรงทางเดินบันไดหินทรายราว ๆ ทั้งหมด 7 ขั้นของบันได รูปปั้นของสุนัขจิ้งจอกตัวเมียที่คาบรวงข้าวไปทางซ้ายฝั่งตรงทางเดินทางขวา และสุนัขจิ้งจอกตัวผู้ที่คาบรวงข้าวสุกไปทางขวาฝั่งตรงทางเดินด้านซ้าย
แต่ทว่าสองข้างทางของทางเดินหินศิลาแลงยังจะร้านค้าแผงลอยข้างทางที่เยื้องติดกับศาลเจ้าอาซะมะ อย่างเช่น ร้านซาลาเปาๆ ข้างทางที่พากันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนของไส้นานาชนิด ไส้ถั่วแดง ไส้ถั่วดำ ไส้แกง หรือแม้แต่ ไส้หมูคอยส่งกลิ่นหองยวนยั่วชวนให้น้ำหลายไหล
และร้านขายราเม็งสองร้านที่ผู้คนสามารถเดินเข้ามานั่งที่หน้าร้านและสั่งราเม็งรสชาติโปรดได้ทันที และยังจะมีร้านขายซูชิรสเริสที่เรียงรายถัด ๆ กันไปอีกนับเกือบสิบร้าน
และร้านขายขนมญี่ปุ่นแบบโบราณ ๆ อย่างเช่น ขนมมิซุโยวคัง ขนมอาฮางิ ไดฟุกุ หรือแม้แต่ขนมที่มีสวนผสมทำมาจากถั่วแดงชนิดอื่นๆ อย่าง ขนมโจนามะคาชิ ขนมโคมาคูระโคะนะไส้ถั่วแดง ขนมวาราบิโยมิ หรือแม้แต่ขนมวุ้นที่โรยด้วยถั่วเหลือง อย่าง ขนมวาราบิโมจิ ที่ถูกจัดวางอยู่หน้าร้านข้างทางจนสุดมุมถนน
และร้านขายขนมชื่อดังอื่น ๆ ทั้ง.. ขนมดังโงะ ขนมที่ทำมาจากข้าวเหนียว และนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ คล้ายกับ ลูกชิ้นเสียบไม้และจึงนำมาชุบถั่วเหลืองบ้าง ชาเขียวบ้าง งาดำ หรือแม้แต่ห่อสาหร่าย
และก็สะพานไม้จำลอง ที่กำลังพาดผ่านแม่น้ำจำลอง แม่น้ำมินะแม่น้ำสายสำคัญที่กำลังไหลผ่านสะพานไม้ซุงขนาดย่อมๆ
และหน้าจอแอลอีดีขนาดใหญ่ขนาดมหึมาที่อยู่เหนือแม่น้ำมะเนะจำลอง และบนจอก็ยังคอยแสดงภาพของแม่น้ำที่มีความงดงามใสสะอาด ป่าของต้นไผ่ริมแม่น้ำ ฝูงนกโบยบินสะท้อนอยู่ในผืนน้ำกับแสงไฟสปอร์ตไลท์อีกนับหลายสิบดวงที่ส่องลงไปที่หน้าจอ
เสียงรองเท้าเกี้ยะเดินสับก้าวยาวๆ บนทางเดินหินศิลาแลงของอิเลฟเวนท์ และเธอยังสวมชุดกิโมโนสีแดงชาดพิมพ์ลายดอกอายาเมะสีม่วงๆ เหลือง ๆ คอยสวนกับพวกสตาฟของ Si...^am ภายในงานเดินแบบที่ออกแบบเป็นเมืองคะมะกุระ
อิเลฟเวนท์เร่งฝีเท้าและเดินเข้าไปหยุดรออยู่ที่ใต้ต้นบ๋วย และยืนอยู่ที่ฝากหนึ่งของสะพานไม้ก่อนที่จะข้ามไปยังปราสาท และสะพานไม้ซุงจำลองที่มีป้ายชื่อเป็นตัวอักษรญี่ปุ่นคะตะกะนะเป็นรูปบ้านปักเอาไว้ตรงที่หัวสะพานว่า " ฮิโรอิ " และความหมายของมันก็คือสะพานแห่งสายลมคอยใช้ข้ามแม่น้ำมินะ
สะพานฮิโรอิทำจากวัสดุเสมือนไม้ทรงโค้งสิบห้าองศา สะพานที่ยกขึ้นเหนือจอภาพแอลอีดี ที่แสดงฉายให้เหมือนมีสายน้ำอยู่เบื้องล่างจริงๆ สายน้ำที่ผู้คนสามารถเดินเหยียบย้ำเล่นอยูบนนั้นได้ราวกับเวทีการแสดงละครโรงใหญ่ และหัวสะพานของทั้งสองฝั่งก็ยังมีเสาโคมไฟหินและตะเกียงเหล็กโบราณจุดแสงไฟในตะเกียงอยู่คนละฝั่ง
และพอมองข้ามผ่านพ้นสะพานฮิโรอิมองขึ้นไปตามกำแพงหินสีขาวใหญ่ราวกับยืนมองดูเทือกเขาเตี้ยๆ โอบล้อมพระราชวังห้าชั้น และคูน้ำโอบลอบกำแพงปราสาทนาโงย่าตลอดจนสิ้นสุดที่แม่น้ำซารุซะวะ และต้นซากุระพันธุ์โซเมะอิ โยชิโนะอีกเป็นร้อย ๆ ต้นคอยโอบล้อมกำแพงหินของปราสาท
ซากุระพันธุ์โซเมะอิดอกซากุระสีชมพูอมขาวที่จะมีดอกกลีบเพียง 5 กลีบ เท่ากันทุก ๆ ต้น และจะบานหลังดอกบ๋วยหลังจากนั้นไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่บ๋วยโรยราก่อนถึงฤดูใบไม้ผลิเพราะลมแรง
หลังคาปราสาททรงจั่วหน้าทึบ ทรงโค้งตีเกลียวคลื่นทะเลสามลูกหลังคามุงด้วยชิบิสีเขียว และตามหัวเสาของคานที่ยังจะประดับชิบิ หรือ กระเบื้องที่แกะสลักลวดลายของโอะนิอสูรกายอย่างเช่น ยักษ์ และยอดหลังคาของประสาทนาโงย่าห้าชั้น " คินซาชิ " หรือ ปลาหัวเสือทองคำ ประดับอยู่บนยอดของหลัง
คันซาชิทางทิศเหนือเป็นเพศผู้ และคันซาชิสีทางทิศใต้ซึ่งเป็นเพศเมีย
ตัวปราสาทที่สร้างอย่างดีจากไม้สนหอมฮินิโกะก่อสร้างจนเป็นปราสาทขนาดมหึมาที่งดงาม และปราสาทถูกทาทับด้วยสีขาวให้ราวดูอยู่บนสรวงสรรค์ และยกฐานปราสาทสูงด้วยหินแกรนิตเพื่อให้สมกับฐานะของปราสาทสมัยปลายยุคเอโดะของท่านโชกุนผู้มีชื่อเสียงขจรขจายของโชกุนผู้เป็นเจ้าของ โชกุนโตกุงาวะ อิเอะยาสึ
รูปทรงของอาคารทั้งหลังของปราสาทออกแบบให้เป็นทรงของเลขาคณิตสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังคาหน้าจั่วทึบคล้ายกับปิ่นโตสี่เหลี่ยมเหล่านั้นมาวางซ้อน ๆ กัน และลดลั่นกันตามชั้นของหลังคาตั้งแต่กว้างสุดไปจนถึงยอดสุดของบนปราสาท
ปราสาทของท่านโชกุนอิเอะยาสึในยามมองดูไกลๆ แล้วเหมือนยืนมอง " จูบะโกะ " กล่องข้าวญี่ปุ่นที่ถูกนำมาวางเรียงซ้อนๆ กันทั้งหมดห้าชั้น การตกแต่งปราสาทที่เน้นความเรียบง่าย ที่ ๆ มีเพียง หน้าต่างบานคู่ อยู่ใต้ชายคาหลังหน้าจั่วสันทึบ ทีมีทั้งหมด16 ยอด ทั้งหมดสี่ทิศของปราสาท..
..โดยไร้งานศิลปะที่ดาษดื่น ในขณะที่สายขององค์ประกอบของตัวปราสาทสอดส่องเข้าหากันอย่างเรียบง่ายตามหลักของรูปทรงเลขาคณิตตามรูปแบบสถาปัตยกรรมดั่งเดิมราวๆ ศตวรรษที่ 11 ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนานิกายชินโต ที่เรียกกันว่า โชอิน -ซุคุริ คือการการตกแต่งของอาคารที่ไม่จำเป็นน้อย
." อีเลฟเวนท์ ! ทางนี้ !! " น้ำเสียงที่หวานปานน้ำผึ้งแต่เป็นเสียงของผู้ชายที่เหมือนจะดังไกลข้ามมาจากสะพานไม้อีกฝั่ง
อิเลฟเวนท์ที่รีบหันไปมองหาเขา แต่เป็นเพราะว่าฉากกั้นบานพับที่สูงราวๆ เกือบสองเมตรนับสิบฉากกำลังถูกส่องด้วยไฟสปอร์ตไลท์สว่างไสวอยู่หลังสะพานทั้งซ้ายและก็ขวา เพราะฉะนั้นเธอถึงต้องรีบถลกกระโปรงชุดกิมโมโนขึ้นนิดหน่อยและรีบเดินข้ามสะพาน เธอที่เดินเข้าใกล้ฉากกั้นบานพับวาดลวดลายของดอกไม้นานาชนิดขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่น และลวดลายสีสันตระกาลตาบนผืนผ้าใบสมัยใหม่สีขาวและกรอบไม้หอมขึ้นชื่อ
" อีเลฟเวนท์ ! เร็วเข้า !!! " เสียงของผู้ชายคนเดิมที่พยายามจะตะโกนเรียกกันติด ๆ ในขณะที่พวกเขาทุกคนกำลังยืนอยู่หลังฉากกั้น
อิเลฟเวนท์ปล่อยชายกระโปรงกิมโมโนพวกนั้นลง และคอยเดินผ่านทางฉากกั้นบานประตูลวดลายของดอกไอรีสสีม่วงดอกเดี่ยว และฉากกั้นของดอกไม้อื่นๆ เช่นดอกนานาซีสกลีบสีขาวเกสรสีส้มๆ ดอกคิเคียวสีม่วง ดอกลิลลี่ภูเขาสีขาวเกสรสีอมชมพู และฉากกั้นแต่ละบานถูกวาดให้เป็นดอกไม้ดอกเดี่ยวเท่านั้น และฉากกั้นบานพับๆ ถัด ๆ กันไป อย่าง ดอกบ๋วย ดอกซากุระ ดอกกระดิ่งลม และดอกหญ้าโนโคงิริโช
" ได้ยินแล้ว ๆ " เธอตะโกนตอบกลับ
" กว่าจะได้ยิน !!! " ภาษาไทยของผู้ชายที่มีน้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้งเพิ่งจะโผล่พ้นฉากกั้นบานพับของดอกลิลลี่ภูเขาที่อยู่ติดกับสะพานไม้
" เวรละ !!! " และใบหน้าที่หวานไม่ยอมแพ้กันของผู้ชายสวมชุดยูกะตะสีน้ำเงินเพนท์ดอกซากุระสีขาว ๆ
" เอาจริง ! ใช่ไหม !!! " ผู้ชายหน้าหวานยืนมองและจ้องอิเลฟเวนท์อยู่นานสองนาน ก็เพราะสาเหตุที่ไม่คุ้นชินกับเสื้อผ้าหน้าผม
" เอ่อ !!! " อิเลฟเวนท์ตอบอย่างเป็นกันเองสุดๆ กับเขา แต่ว่าเธอก็อดจะไม่สนใจเสื้อผ้าหน้าผมของพวกเขาด้วยไม่ได้
" ก็ไม่ต่างนะหมอ ! " อิเลฟเวนท์พยักหน้าและบอกให้เขาก้มมองดูตัวเองด้วย
" ก็...ไม่มีอะไรจะเถียง " ผู้ชายที่อิเเลฟเวนท์พูดคุยด้วยยืนมองดูชุดที่สวมอย่างไม่เข้าใจและถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นชุดประจำชาติราคาแสนแพงก็เถอะ
แต่ว่าผู้ชายที่อิเลฟเวนท์เรียกแทนชื่อเขาว่าหมอยังไม่ทันจะพูดจนจบ เธอก็รีบเดินหนีเข้าไปที่หลังฉาก
" นี่ถามจริง ! " เพราะฉะนั้นเขาถึงต้องรีบเดินตามและบ่นตามกันไปติด ๆ ด้วย
" ไปไงมาไง ! เธอถึงได้สร้างเมืองโบราณพวกนี้ขึ้นมาเป็นรันเวย์ "
" ฉันเนี้ยนะ !!! "
" เหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ เธอรู้หรือเปล่า "
" ฉันขอบอกเธอไว้ก่อน !!
" ถ้าคิดจะลากฉันมา ... !! "
" เพราะว่า เธอยากให้ฉันมาเป็นพ่องานนี้ให้กับ !!! "
" เหอะ ! "
" สู้ให้ฉัน ! อยู่ที่โซล ! " และอยู่ๆ เขาก็นึกอยากจะสะบัดหน้าหนีเธอให้ห่างๆ
" และให้ฉันไฟท์ ! กับยายคุณหนูลูกเจ้าของโรงแรมที่นู้นยังจะดีซะกว่า !!! " แต่ว่าเขาที่ยิ่งคิดก็ยิ่งแต่จะหงุดหงิด
" จริงดิ !! " เธอเอียงหน้ากระซิบถาม
" อะไร ! " แต่ผู้ชายเสียงหวานชักสีหน้ากลับ
" เอ้า !!! " เธอชักสีหน้ากลับบ้าง
" จะเอาอะไร ! " เพราะฉะนั้นเขาถึงต้องรีบหันมายืนจ้องกันไป ๆ มาๆ
" ไม่ต้องเลย ๆ นะ ! "
" เพราะว่าอย่างไงๆ ฉันกับยายคุณหนูไฮโซบ้านแตกนั่น !!! "
" อย่าได้มาสร้างวิมานในอากาศให้ฉันฟังอีกเป็นอันขาด ! " เขาประชดซ้ำๆ แต่เธอก็พยักหน้ารัวๆ
" ยายนิด !!! " อจิรวดีตะโกนออกมาจากหลังฉากกั้นห้องแต่งตัวหลังสะพานไม้
" มานี่เร็ว !!! "
" ฉันมีคนอยากจะแนะนำให้รู้จัก !! " และพยายามกวักมือเรียกพวกเธอ
และทันที่ที่ได้ยินเสียงเรียกของท่านประธานของ Si...^am เขาก็รีบเอียงหน้าเข้าไปกระซิบด้วยกันกับอิเลฟเวนท์ทันที
" น้องสาวของ ฮัน ยูซอง ! " เขากระซิบคุยกับเธอเบาๆ
" ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้น "
" นี่ถามเธอจริงๆ เลยนะ จากใจ ! "
" เธอยังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไปอีกนานไหม ! คุณอิเลฟเวนท์ " ถ้อยคำประชดประชันกันไม่หยุดไม่หย่อนของผู้ชายเสียงหวานดังกระทบเข้าหูอิเลฟเวนท์รัวๆ
แต่ว่าพวกเธอสองคนก็ยังต้องคอยเดินตาม และประธานอจิรวดีที่พาเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวของเหล่านายแบบและนางแบบ
แต่ว่าเธอกับเขาก็ยังไม่หยุดกระซิบกระซาบกันตลอดทางที่เดินตามหลัง ก็เพราะว่าชุดของท่านประธานอจิรวดี อมตะสยาม แห่ง Si…^am
" ชุดใคร !!! " พวกเธอสองคนอดทะแม่งๆ ในใจไม่ได้กับชุดกิโมโนสีชมพูแปร๋นของท่านประธาน Si..^am และเผลอ ๆ พวกมันยังจะพิมพ์ลายดอกกล้วยไม้ไทยสีส้มๆ เหลืองๆ ม่วงๆ ซะงั้น !!!!