เพี้ยะ !!!!
อีเลฟเวนท์ใบหน้าข้างขวามีเลือดฟาด เพราะว่าไม่กี่นาทีที่แล้วเธอเพิ่งถูกทายาทของอู่ต่อเรือดำน้ำของเกาหลีใต้ KRM industrial อย่าง ยุน แจอินตบหน้าบริเวณด้านหลังศาลเจ้าอาซะมะ
แต่ว่าเธอก็ยังคอยยืนนึกถึงแววตาของ ยุน แอจิน ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ก็ยังคงดูเหมือนทำใจยอมรับการจากไปของคู่หูของตัวเองที่ชื่อTea Rose ไม่ได้ และแววตาที่เต็มไปด้วยความอัดอัดและก็สงสัยของ ยุน แจอิน ที่ๆ พวกมันรั้งแต่จะพลอยทำให้เธอนึกถึงความรับผิดชอบที่มีต่อพวกเขาทั้งสองคน
และ.ก็หยดน้ำตารื้นๆ ที่มีอยู่เต็บขอบดวงตาของ ยุน แจอิน ตลอดเวลาที่พวกเขาเอาแต่พูดถึง Tea Rose ....ของพวกเธอ
แต่หลังจากที่เธอถูกยุน แจอินตบหน้ากันฉาดใหญ่ และเธอยังต้องเผชิญกับคำต่อว่ากันที่แสนจะรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเหตุการณ์ที่แสนแล้วร้ายต่อ Tea Rose ของเธอซ้ำๆ
" อีเลฟเวนท์ ! เธอ....มันเป็นคนเห็นแก่ตัว !!! " ถ้อยคำสบทและคำพูดตวาดด่าทอของเขาหลังจากที่ตบหน้าเธอจนสะใจ !
" อีเลฟเวนท์ ! เธอ...มันไม่ใช่คน !!! "
" เธอ .. !!! มันเป็นคนไร้หัวใจ !! " กับถ้อยคำต่างๆ นานา ของ ยุน แจอินที่ต่อว่าถึงความเห็นแก่ตัวของเธอ
" และฉัน ! "
"...ก็จะของสาปแช่งเธอ ! อีเลฟเวนท์ !!! "
" ฉันขอสาปแช่งให้เธอ...!!! "
" ไม่ได้ !!! อยู่กับคนที่เธอรัก !!! "
" คนรักของเธอ ! "
" เขาจะไม่มีวันได้อยู่กับเธอไปจนตลอดชีวิต !!! "
" เพราะว่า เธอมันเป็นคนที่เห็นแก่ตัว และขี้ขลาด ! " ถ้อยคำสาปแช่งสารพัดของยุน แจอินได้ประณามเธอไว้ที่บริเวณหลังศาลเจ้าอาซะมะจำลอง และมันยังดังกึกก้องในหูมาจนถึงตอนนี้
อิเลฟเวนท์ที่ต้องคอยปาดน้ำตาแห่งความขี้ขลาดทิ้งไป และหันกลับไปก้มมองแม่น้ำปลอมๆ ที่อยู่ใต้สะพานไม้หลังจากการแสดงเดินแฟชั่นโชว์ของ Si...^am ที่ยิ่งใหญ่ตระกาลตาได้จบลงไปแล้ว และหลงเหลือเพียงเมืองจำลองคะมะกุระที่แทบจะว่างเปล่าไร้ผู้คนหวนคืนกลับมาอีกครั้ง และแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ทยอยดับลงเหลือเพียงโคมไฟในตะเกียงหิน
เธอคอยมองลงไปในแม่น้ำมินะจำลองถึงแม้จะเป็นเพียงฉากหนึ่งของหน้าจอขนาดใหญ่ แต่ทว่าก็ยังดีที่กลีบบ๋วยและกลีบซากุระกลับเป็นของธรรมชาติร่วงโรยมาจากต้นมาสู่พื้น และโชคดีที่มีแสงไฟจากยอดปราสาทขนาดใหญ่พอจะเอื้อเฟื้อพากันฉายสาดแสงไฟลงมาที่ผืนหน้าจอแอลอีดีถึงตรงนี้ซะจน !
เธอได้มองเห็นความแตกต่างระหว่างกลีบบ๋วยกับกลีบซากุระได้อย่างชัดเจน เพราะว่ากลีบของดอกบ๋วยจะค่อนข้างกลมมน และก็กลีบของดอกซากุระสีขาวอมชมพูนั้นมีรอยย่นที่ขอบ
และเธอก็มองจับจดกับกลีบดอกไม้ จนกระทั่งเธอลืมไปว่าคนบางคนกำลังออกตามหาเธอ และก็เริ่มได้จะยินเสียงฝีเท้าของเขาแล้ว
" ทุก ๆ คนกำลังรอคุณอยู่ ! " ฮัน ยูซองกำลังก้าวเท้าเดินขึ้นมาบนสะพานไม้จำลองจากฝั่งคะมะกุระ
เธอรีบร้อนปาดน้ำตาทั้งหมดให้แห้ง
" อ้อ..!! "
" ค่ะ ! " เธอที่ไม่ได้หันหน้าไปมองฮัน ยูซองในทันที และยังต้องพยายามกักเก็บน้ำเสียงที่เคยสะอื้นเอาไว้
ฮัน ยูซองเดินเข้ามายืนอยู่ใกล้ๆ กันที่กลางสะพาน และเขาก็ยังคอยกวาดสายตาออกไปรอบๆ ทั้งปราสาทสีขาวและก็ที่สะพานไปจนถึงสายน้ำขนาดใหญ่
" ค่ำคืน... วันราตรีเสมอ "
" พวกมันเป็น..แบบนี้เองสินะ ! " เขายิ้มๆ และพลอยอดที่จะหันกลับไปมองบนยอดปราสาทสีทองด้วยไม่ได้
เธอพยักหน้าและพยายามฝืนยิ้มออกมา
" แล้วคุณกำลังคิดว่ามันเป็นยังไงละ ! " เธอถามแต่เพราะไม่ใช่อยากรู้ว่า อัน ยูซองจะรู้สึกอะไร แต่เธอถามเพราะอยากจะรู้ว่า ฮัน ยูซองจินตนาาเอการไว้อย่างไงต่างหาก
อิเลฟเวนท์ยังหันไปยืนจับที่ราวสะพานเพื่อรอฟังคำตอบ แต่ว่าฮัน ยูซองที่หันกลับมาหาเธอเข้าจนได้
และเขาก็คอยเขยิบเข้ามายืนใกล้ๆ และยืนหันหลังพิงราวสะพานหันหน้าไปทางทิศใต้ แต่เธอกลับจับราวะสะพานหันหน้าไปทางทิศเหนือ
" ก็...พวกมันเป็นวันที่ ! " และสายตาแห่งความปราถนาในตัวของฮัน ยูซองที่มีในตัวของเธอทุกคร้ั้ง
" ผมได้มีโอกาส.... "
"ได้มองเห็นคุณเป็นผู้หญิงจริง ๆ ซะบ้าง !!! " ฮัน ยูซองพูดและก็ยิ้ม และเหมือนจะมีหลายๆ ครั้งที่คอยจับผิดชุดกิมโมโนชุดนี้ของพวกเธอ และเธอเหมือนจะหุบยิ้มไม่ได้ซะด้วย
และเธอยังคงยิ้มๆ และคอยจับราวสะพานไม้เอาไว้ และฮัน ยูซองที่ยังคอยหันกลับมาและคอยยืนจับที่ราวสะพานไม้ฮิโรอิอยู่ด้วยกัน และพวกเธอที่พากันมองขึ้นไปบนยอดปราสาท และวินาทีนั้นสายลมที่พัดผ่านมาก็กลับมาเย็นเฉียบ
แต่ว่าเขาก็อยากหันกลับมาและมองหน้าอิเลฟเวนท์ชัด ๆ อยู่ดี
" อีเลฟเวนท์ !! " และน้ำเสียงที่แสนนุ่มนวลของเขาที่ก็แทบจะทำให้สายลมเย็นเฉียบอบอุ่นขึ้นมาได้
" คุณ...กำลังทำให้ผมนึกถึง ! "
" ภาพวาดภาพ ๆ หนึ่งที่บ้านของทัตสึจิ ! "สายตาของฮัน ยูซองที่ก็ไม่ได้ต่างจากหญิงสาวในภาพวาด
" ผู้หญิงคนที่ยืนกางร่มอยู่ที่สะพานภาพวาดอันนั้น " และก็ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาต้องคอยพูดถึงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเธอขึ้นมาได้
อิเลฟเวนท์ที่จนแล้วจนรอดต้องคอยก้มหน้าก้มตามองดูแม่น้ำ
" ผู้หญิงคนนั้น...."
" ทำไม !! " และถามอย่างแผ่วเบา เพราะว่าเธอยังต้องเก็บความลับเรื่องของผู้หญิงในภาพวาดนั้นเอาไว้ต่อไปให้ได้ แต่ทว่าสายตาของเขานั้นมันช่างไม่ต่างอะไรกันเลย
สายตาของอัน ยูซองที่อยากจะเคียงข้างเธอ
" สายตา...ของผู้หญิงคนนั้น ! " ฮัน ยูซองที่มองอิเลฟเวนท์ด้วยความทะนุถนอมและอยากจะดึงตัวเธอเข้ามากอด
" มัน...เหมือนกับผมตอนนี้ ! "
" พวกมัน...ที่เฝ้ารอคอยว่า ! "
" อีเลฟเวนท์ !! "
" คุณจะอยู่กับผม ! ตลอดไป !!! " และสายตาที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด และมือของเขาที่ขยับเข้ามากุมมือของเธอเอาไว้ที่ราวสะพานตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และเธอที่รู้แต่ว่ามือที่เคยเย็นเฉียบตลอดเวลาได้รับความอบอุ่นจากเขากี่ครั้งแล้วนะ
" มือของคุณ...อุ่นขึ้นมาบ้างแล้วซินะ " เขาที่อ่อนโยนกับเธอมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ
" ฮัน ยูซอง ! " เธอสบตาของฮัน ยูซองอีกครั้ง
" คุณไม่อยากรู้บ้างหรือว่า...ภาพของสะพานไม้ที่บ้านของทัตสึจิ !! "
" กับ..สะพานที่อยู่ตรงนี้ !!! " เพราะว่าเธอต้องการที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่างในตัวของฮัน ยูซองจริงๆ ให้ได้
" ไม่เอาน่า !!! " แต่ว่าเขากลับหัวเราะออกมาและก็เอาแต่ยิ้ม ๆ
" พวกมัน..คงจะไม่ใช้ชื่อว่า สะพานสายลม ! "
" เหมือนกับสะพานที่คุณตั้งชื่อให้ ! ใช่ไหม " เขาพูดทีเล่นทีจริง
" ใช่ !!! " แต่เธอกลับยอมรับ
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้หันกลับมาหาเธอ และยังคอยแต่จะโน้มตัวเข้าหากันใกล้ๆ ซะจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกุหลาบที่เหมือนจะเคลือบชุดกิมโมโนของเธอไว้ และคอยมองหน้าเธอให้ชัด ๆ และคอยจดจำใบหน้า ดวงตา และก็รีบฝีปาก
" อีเลฟเวนท์ ! " และน้ำเสียงของพวกเขาที่คอยแต่จะอ้อนวอนให้เธอเห็นใจ
" คุณรู้หรือเปล่าว่า... ผม ! "
" ชอบชื่อนี้... "
" ผมชอบชื่อ...สะพานสายลมของคุณ " และจนในที่สุดเขาต้องคอยกระซิบกันใกล้ๆ กับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ และสายตาเป็นประกายของพวกเขาที่คอยแต่จะดูดดื่มกลืนร่างกายของเธอเข้าไปซะให้ได้เต็มที
และร่างกายแทบจะอ่อนปวกเปียกของอิเลฟเวนท์ และไม่ใช่ร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่อ่อนระโหยโรยแรงกับความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากข้างในตัวของฮัน ยูซองซึมซาบผ่านมือเข้ามาในร่างกายเธอ
แต่ทว่า....เสียงกระซิบจากริมฝีปากของฮัน ยูซอง เวลานี้..พวกมันได้คายไอร้อนผ่านริมฝีปากของตัวเองเข้ามากลืนกินข้างในหัวใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ไปซะแล้ว
" ฉันก็เหมือนกัน !!! "
อิเลฟเวนท์เพียงกระซิบเบาๆ บอกกับฮัน ยูซองว่า เธอก็ชื่นชอบสะพานฮิโรอิ แต่ก็คงดูเหมือนว่าฮัน ยูซองจะไม่ได้ยินเสียงกระซิบของเธอเอาซะเลย จนกระทั่งรู้ตัวมือทั้งสองข้างของพวกเขาก็เอื้อมมือประคองสายโอบิที่รัดเองของเธอขึ้นมาแล้วจนเธอมาตกอยู่ในอ้อมกอด
ฮัน ยูซองใช้ทั้งสองมือคอยประคองตัวอิเลฟเวนท์เข้ามาใกล้ ๆ จนกระทั่งริมฝีปากของพวกเขาใกล้แทบจะสัมผัสเป็นเนื้อเดียวกัน
" สุขสันต์...วันเกิด !!! "
" ผม ! รักคุณ !!! "
" อีเลฟเวนท์ !!! " ริมฝีปากระหว่างเขาและเธอได้ประจบแนบชิดกันอีกครั้งแล้ว
และแม้ว่าจุดเริ่มต้นที่เธออาจจะยังคอยฝืนความต้องการของตัวเองไปบ้าง แต่พอถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากของฮัน ยูซองเนิ่นนานไป
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า....เธอจะยอมปล่อย !
โครมมมมมมมมมมมมม !!!!!!!
ร่างของมาซายูกิลอยเคว้งขึ้นไปบนอากาศ
ตุบ !!!!
และร่างของมาซายูก็ค่อยๆ ร่วงลงมากระแทกพื้นกลางถนน และตามร่างกายที่เกิดร่องรอยของบาดแผลที่แขนข้างซ้ายและเลือดที่กำลังไหลหนองเต็มพื้น และสายฝนที่อยู่ๆ ก็ตกลงมาอย่างหนักไปทั่วบริเวณรอบๆ ปราสาทสีขาว
แต่ว่ามาซายูกิที่ไม่ได้หมดสติลงไปในทันที และก็ยังพยายามจะฝืนร่างกายให้ลุกกลับขึ้นมาให้ได้โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บหรืออะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะสายฝนที่ตกลงมาได้กลายเป็นอุปสรรคเดียวที่ทำให้ตัวเองลุกขึ้นมาอย่างอยากลำบากจริงๆ
และแม้ว่ามาซายูกิพยายามที่จะลืมตาขึ้นมาต่อสู้กับสายฝนที่เทลงมาอย่างบ้าคลั่งต เพราะว่าเขาเองต้องการจะบันทึกภาพเหตุการณ์ก่อนที่จะเจออุบัติเหตุอันเลวร้ายในคืนราตรีเสมอ เพราะฉะนั้นเขาถึงต้องประคองตัวเองให้มีสติและรอจนกว่าคนที่ทำให้เขาต้องได้รับบาดเจ็บปรากฏตัว
แต่ทว่าสายลมท่ามกลางพายุฝนในคืนราตรีเสมอที่ยังคงเป็นอุปสรรค กลีบของดอกบ๋วยและกลีบของดอกซากุระที่ปลิดปลิวพัดมาตามสายลมก็แทบจะบดบังสายตา และกลีบดอกไม้ก็พลอยแต่จะร่วงหล่นไปทั่วท้องถนนมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งแทบจะคลุมทั้งร่างกายที่แสนบอบช้ำขึ้นเรื่อยๆ ของ...ไทระ มาซายูกิ...
และกลีบดอกบ๋วยใกล้จะฉีกขาดนับร้อยกลีบจากสายฝนกำลังไหลเอื่อย ๆไปตามกระแสเลือดของไทระซะจนท่วมชุดยูกะตะของตัวเอง...
.....กลีบของดอกซากุระสีขาวอมชมพูนับพัน.....ที่ถูกฉาบเต็มไปด้วยคราบเลือดไหลหนองเต็มพื้น และถุงผ้าสีน้ำเงินเล็กๆ ที่ตกอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือของ..ไทระ
มาซายูกิยังต้องพยายามจะตะเกียกตะกายพยายามจะเอื้อมมือคว้าถุงผ้าสีน้ำเงินใบนั้น แต่มันกลับยากเกินกว่าจะไขว่คว้าได้ แต่ที่น่าเจ็บใจเสียยิ่งกว่าก็คือ... สายฝนที่กำลังเล่นตลกกับชีวิตของตัวเอง และก็เสียงของลมหายใจที่ใกล้จะขาดใจตาย และก็หยดน้ำตาที่ไหลออกมาปะปนไปกับหยดฝนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
" ฟูจิ...."
" วา...ระ !!! " เสียงสะอื้นรวยรินใกล้จะขาดใจของมาซายูกิเป็นครั้งสุดท้าย และการเอื้อมมือไขว่คว้าหาของสำคัญก็สิ้นสุดลง
คราบน้ำตาของมาซายูกิที่คอยผสมกับหยดน้ำฝนและก็เลือดภายในตัวของเขา และยังเป็นเพียงสิ่งๆ เดียวที่สัมผัสไปถึงถุงผ้าสีน้ำเงินใบเล็ก ๆ ที่ตกอยู่ใกล้ตัว
และดวงตาของพญาอินทรีย์ของไทระ...กำลังกลับกลายเป็นสีแดงก่ำจนใกล้มองไม่เห็นอะไรนอกซะจาก...ภาพสุดท้ายของคนที่อยู่ในความคิด
" ฟูจิ โนะ ฮานะ ฟูจิวา...ระ " คำพูดคำสุดท้ายของไทระ มาซายูกิก่อนจะหมดสติลงไปด้วยความทรมานทางกาย
ฮง เยจี ! รีบร้อนเดินลงมาจากรถยนต์คันสีขาวที่จอดอยู่กลางถนนหน้าปราสาท และร่องรอยของฝากระโปรงรถและรอยร้าวของกระจก และก็หยดเลือดที่ค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากศรีษะ
สายฝนที่ตกลงมาอย่างบ้าคลั่งในคืนวันราตรีเสมอก่อนฤดูใบไม้ผลิ และสายฝนที่เทกระหนำตกลงมาแทบจะตลอดเวลาท่ามกลางป่าต้นสนอายุมากกว่าแปดร้อยหกสิบห้าปี ป่าสนนับพัน ๆ ต้น และต้นเมเปิ้ลอายุนับหลายร้อยนับพันปีบนภูเขา และวัชพืชกับตะไคร้น้ำที่ต่างพากันเกาะอาศัยอยู่ตามลำต้นสนสามใบและต้นเมเปิ้ลแดงที่เริ่มจะผลิใบ และมิหนำซ้ำสายฝนที่พัดพากันกระเซ็นซัดซาดถล่มลงมาจนทำให้เกิดลำธารเล็กๆ ระหว่างทางเดินตามต้นสนคู่หลายพันต้น
เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าที่ต่างพากันร้องระงมเสียงดังสนั่นโครมโครมไปทั่วทั้งผืนป่า จนกระทั่งบดบังแม้แต่เสียงจักจั่น หรือแม้แต่เสียงของนกชิโคริ
แต่ว่าอีเลฟเวนท์ก็ยังคอยเดินลุยลำธารหย่อมๆ กลับเข้าไปในป่าด้วยกางเกงฮากาม่าสีกรมท่าหม่นๆ และเสื้อกีสีขาวมัวหมองทับเอาไว้ด้วยเสื้อฮาโอริเสื้อคลุมตัวยาวสีเขียวซีดมีรอยขาดยาวที่ด้านหลัง และเธอที่พาพวกเขาเดินไปจนถึงที่บริเวณโคนต้นสนสามใบอายุมากกว่าแปดร้อยปีที่อยู่ตรงทางขึ้นภูเขานะชิซัง
และเธอก็ยังต้องคอยกวาดสายตามองบริเวณระหว่างโคนต้นของต้นสนแฝดไปๆ มา ๆ เพราะว่าตะไคร้น้ำที่พากันเกาะอาศัยตั้งแต่รากแก้วที่ยึดพ้นดินไปจนโคนต้นและลำต้นที่สูงชะลูดของต้นสนฝาแฝด เธอค่อย ๆ นั่งชันเข่าลงไปบริเวณโคนต้นสนฝาแฝดคู่พี่น้อง แต่ทว่าสายตาก็ยังต้องคอยควานหาอะไรบางอย่างใต้วัชพืช
อิเลฟเวนท์เอื้อมมือเข้าไปดึงและปัดวัชพืชที่โคนต้นสน จนกระทั่งมองเห็นรอยขีดรูปวงกลมขนาดหนึ่งฝามือ และยังมีตราสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ฉายแสงถูกวาดขึ้นมาจากคมดาบของวากิซากิ
ควับ !!!
ปลายดาบคาตะนะยาวราวๆ แปดสิบเซ็นต์ที่กำลังเข้ามาพาดขวางอยู่ที่ลำคอของเธอในระยะกระชั้นชิด
" เชื่อเถอะว่า ! "
" ฮิ ซาโต้ ! "
" เขาคงไม่อยากเห็นฉันชักดาบขึ้นมาแน่ๆ " อิเลฟเวนท์ไม่ได้สนใจผู้คนสวมชุดนินจาสีขาวคอยถือดาบคาตะนะนับสิบ ๆ คนต่างพากันห้อมล้อมเธออยู่ภายในป่าต้นสน
แต่ว่าฮิ ซาโต้ก็ยังคอยสวมกางเกงฮากาม่าสีเทาและเสื้อกีสีเขียว และพวกเขาที่ได้แต่คอยถือดาบคาตะนะกระชับแน่นไว้ในมือ
อิเลฟเวนท์ยืนขึ้นมาและคอยมองออกไปรอบ ๆ จนกระทั่งสังเกตเห็นร่องรอยเส้นทางที่เคยเป็นที่สัญจรในอดีตภายในป่่าแห่งนี้ แต่ถึงอย่างไงซะเธอก็ยังต้องคอยกวาดสายตามองหารูปสัญลักษณ์รูปวงกลมที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีตามโคนต้นไม้
เพราะฉะน้ั้นซาโต้กับพวกของเขาที่ยังคงคอยเดินถือดาบคอยตามประกบอิเลฟเวนท์ไปติดๆ โดยไม่ให้คลาดสายตา และโดยเฉพาะแววตาที่มุ่งมั่นของพวกนินจาชุดขาวกับซาโต้ที่เฝ้ามองการค้นหาของอิเลฟเวนท์อย่างมีความหวังขั้นสูงสุด
ซาโต้กับคนอื่นๆ มองเห็นอิเลฟเวนท์กำลังนั่งลงไปบริเวณใต้ต้นเมเปิ้ลเก่าแก่ และต้นเมเปิ้ลที่อยู่ถัดมาจากต้นสนต้นแรกมาประมาณเกือบๆ สามร้อยเมตร
และเธอก็มองเห็นสัญลักษณ์รูปวงกลมที่เกิดมาจากคมดาบคะตะนะอีกรูป และลวดลายสัญลักษณ์ที่อยู่ในรูปวงกลมเท่ากับฝ่ามือ แต่มีลายเส้นที่หนากว่าสัญลักษณ์ของอันแรก
" พระอาทิตย์... ดวงเดียว !!! " อิเลฟเวนท์นั่งมองรูปพระอาทิตย์ในวงกลมสัญลักษณ์ใต้ต้นเมเปิ้ลที่มีเพียงมอสปกคลุม
ซาโต้กับคนอื่นๆ ที่พากันเดินเข้ามาดูสัญลักษณ์
" สัญลักษณ์พวกนี้ !! "
" พวกมัน ! มีความหมายว่าอะไรกันแน่ !! " พวกเขาที่ยังจะตั้งคำถามกับเธอ
เธลุกขึ้นมาและบางครั้งยังคอยสบตากับทั้งซาโต้และคนอื่นๆ ที่คอยแต่จะถือดาบคาตะนะหันปลายดาบเข้าหา
" สัญลักษณ์ที่...เจ้าของดาบ !! "
" ทำขึ้นเอาไว้ " เธอบอกในขณะที่ยังคอยกวาดสายตามองไปรอบๆ ผืนป่า
และซาโต้ที่ได้แต่มองตามสายตาของอิเลฟเวนท์ตามกันไปติด ๆ
" เจ้าของดาบอย่างงั้นเหรอ "
แต่ว่าเธอก็ยังคงมุ่งหน้าเดินเข้าไปภายในป่าต้นสนพันปี ทั้งๆ ที่สายฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้ง่ายๆ
" เจ้าของดาบทั้ง ! "
" สิบเจ็ด ! เล่ม !!! " แต่ว่าเธอก็ยังยินดีทีจะเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ
" เหลือเชื่อ !!! " ซาโต้ที่เอาแต่ส่ายหน้าไปมา
" ว่า...คนเดียวๆ จะมีดาบถึงสิบเจ็ดเล่ม !!! "
" พวกเราชักอยากที่จะเจอหน้าของเจ้าของดาบทั้งสิบเจ็ดเล่ม ! อย่างที่เธอว่าจริงๆ " แต่ว่าซาโต้ที่ไม่อยากจะเชื่อคำโกหกหลอกลวง
เพราะฉะนั้นในระหว่างที่ซาโต้คอยบังคับให้อิเลฟเวนท์หาดาบในตำนาน เพราะฉะนั้นในระหว่างทางขึ้นภูเขานะชิซัง พวกของซาโต้ที่ได้ช่วยกันพยายามมองประกบอิเลฟเวนท์อย่างไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว
และพายุฝนบนเทือกเขานะชิซังที่ตกมาตั้งแต่หลังเที่ยงคืนจนล่วงเลยมากเกือบๆ สามชั่วโมง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในคืนเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิหลังวันวสันวิษุวัติจบสิ้น จนกระทั่งอิเลฟเวนท์พาพวกเขาเดินมาจนถึงยอดเขานะชิซัน และบริเวณหน้าผานะชิที่เบื้องล่างยังเป็นน้ำตกที่สูงราวๆ 133 เมตร
ซาโต้กับพวกของเขาคนอื่นๆ พากันยืนถือดาบคอยห้อมล้อมอิเลฟเวนท์เอาไว้ที่บริเวณหินก้อนขนาดใหญ่ทั้งสองลูกใกล้ๆ ริมหน้าผา
" ฟูจิวาระ ! "
" เธอแน่ใจนะว่า คืนนี้ ! "
" เธอจะหาดาบเล่นนั้นเจอจริงๆ " ซาโต้กำลังเดินเข้าไปหาอิเลฟเวนท์ที ๆ เธอกำลังมองลงไปบริเวณน้ำตก เพราะว่าความไม่อกมั่นใจว่าเธอจะสามารถค้นหาดาบเล่นนั้นจนเจอ
แต่ว่าเธอก็ยังคงมองลงไปที่บริเวณหน้าผา
" แน่นอนอยู่แล้ว ! "
" เพราะว่า.. "
" ฉันเป็นคนทิ้งดาบเล่มนั้นไป ! ด้วย..มือของฉันเองนี่หน่า !!! " เธอบอกกับซาโต้ และคนที่ติดตาม
แต่ทว่าแววตาของฮิ ซาโต้ที่อยู่ๆ ก็รู้สึกเกลียดชังในคำบอกเล่าของตัวเธอ
" ดาบ..ของมุรามาสะ !!! "
" พวกมันไม่เพียงจะพลิกประว้ติศาตร์ของชาติ "
" แต่ว่า พวกมันจะลบล้างความเชื่อเดิมๆ ไปทั้งหมด " ซาโต้ยังคงคอยย้ำกับอิเลฟเวนท์ และในขณะที่เขามองลงไปที่น้ำตกบริเวณหน้าผา
" ฟูจิวาระ !!! "
" มันน่าเสียดายที่...ความสามารถพิเศษของเธอ !!! "
" พวกมัน ! ช่วยเหลือเธอได้เพียงคนเดียว !!! "
" เอาเชือก ! มาให้เธอ !! "