และแม้ว่าในขณะที่สายฝนยังคงตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง และต้นไผ่ที่ไหวเอนลู่ตามลมยังคงเสียดสีกันต้นต่อต้น แต่อิเลฟเวนท์ก็ยังคงตวัดดาบญี่ปุ่นอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าพายุลมฝน
ปัง !!!
ฮัน ยูซองยิงปืนขึ้นฟ้าออกไปหนึ่งนัด ในขณะที่เขากำลังมองเห็นว่า พวกผู้คนของมุรามาสะ มินาโมะโตะพากันแต่จะรุมทึ่งอิเลฟเวนท์อยู่ที่ริมหน้าผากลางป่าไผ่
ปัง ! ปัง !!
เขายิงปืนเป็นครั้งที่สอง เพราะว่าพวกของลูกชายทัตสึจิที่ไม่ใครคิดจะสนใจกับเสียงปืน และมิหนำซ้ำคนพวกนั้นก็ยิ่งใช้ดาบเข้าไปตีรันฟันแทงกับทั้งเธอและทั้งกับไทระ
แต่ว่าอิเลฟเวนท์และก็มาซายูกิที่ต่างคนก็ต่างรีบตะโกนห้าม เมื่อพวกเธอเห็นฮัน ยูซองเดินดุ่มๆ เข้ามาท่ามกลางดงของคมดาบ
" หนีไป !!! " อิเลฟเวนท์ตะโกนห้ามไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ และในขณะที่มาซายูกิหันมาชักสีหน้า
" นาย !! กำลังจะเป็นภาระให้กับเธอ !!! " มาซายูกิตะโกนด่าทอฮัน ยูซองต่อหน้ามุรามาสะ
" นายต่างหาก มาซายูกิ ! ที่เป็นภาระสำหรับเธอ " แต่ว่าเขาที่จ้องแต่จะตะโกนสวน
" หุบปากสักที ! ได้มั้ย !!! " เพราะฉะนั้นเธอถึงต้องหันไปตะโกนห้ามพวกเขาเลยทั้งคู่
ในขณะที่ตัวเธอเองยังคงเอาแต่ย้ำอยู่บนร่างศพของพวกมินาโมะโตะ มุรามาสะ และหยดเลือดที่สาดกระเซ็นจนแดงฉานเลอะเทอะเปรอะเปื้อนอยู่ที่พื้นหินปนทรายนั้น
มุรามาสะที่ได้แต่มองและยังคอยแสยะยิ้มออกมา
" อีเลฟเวนท์ !!! "
" ฉัน ! ชักอยากจะรู้จริงๆ ว่า ชาตินี้.... !!! "
" เธอจะเลือกใคร ให้เป็นผู้ชนะ !!! " และทันทีที่พูดจบประโยค มุรามาสะก็รีบร้อนถือดาบออกไปไล่ล่า
ฉับ !!!!
ฉับ !! พวกของมุรามาสะ2 คน ค่อยๆ ล้มฟุบอยู่ใกล้ๆ กับข้างหลังของเขา ! และอิเลฟเวนท์ที่รีบสะบัดเลือดที่ติดอยู่ปลายดาบของตัวเองทิ้งต่อหน้าต่อตาของฮัน ยูซอง
แต่ว่าเธอก็ไม่ได้กล้ามองสบตาของเขาในทันที เพราะเลือดที่สาดกระเซ็นบนใบหน้าของเธอเองมีมากจนเกินไป
ฮัน ยูซองแม้จะไม่กล้าขยับเข้าใกล้เธอในทันที แต่ว่าก็พอสังเกตเห็นสายตาที่ดูว่างเปล่าจนน่ากลัวของอิเลฟเวนท์ได้อย่างชัดเจน และเธอก็ยังรีบร้อนเดินกลับออกไปต่อสู้ท่ามกลางสายฝนเทกระหนำ และเขาก็ยังจะมองเห็นอิเลฟเวนท์มองเห็นเธอปลิดชีวิตใครต่อใครก็ได้ด้วยเพียงการตวัดปลายดาบเท่านั้นจริง ๆ
สายตาของฮัน ยูซองที่เฝ้ามองเธอถือดาบโบราณญี่ปุ่นออกไปเฆ่นฆ่า วิธีการจับดาบที่ช่ำชอง และฝีไม้ลายมือ และการรู้จักหลบหลีบปลายดาบของอีกฝั่งมันชั่งดูเหมือนผู้ชายที่ถูกฝึกฝนศิลปะการร่ายรำวิชาฟันดาบมาอย่างดี แต่ว่าอิเลฟเวนท์ที่เขาเห็นก็ยังคงเป็นเพียงผู้หญิง..
และศพแล้วศพเล่าบางคนก็เพิ่งจะถูกฟันเข้าที่ศีรษะ ศพแล้าก็ศพเล่าที่กำลังถูกปลายดาบคันทาชิของอีเลฟเวนท์ตัดเข้าที่ขั้วหัวใจเพียงแค่ครั้งเดียว
และทุกๆ เสี้ยววิของการตวัดปลายดาบคันทาชิของเธอก็เพื่อไม่ให้ ! พวกหน้าไหนได้เข้าไกล้เขา !!
แต่ทว่าในขณะเดียวกันไทระ มาซายูกิยังต้องคอยต่อสู้และเผชิญหน้าอยู่กับพวกมินาโมะโตะอยู่บริเวณริมหน้าผาหินปูน จนกระทั่งพวกเขามองเห็นมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง และคลื่นลมในทะเลจำนวนมหาศาลที่พัดเข้าหาฝั่งพลอยทำให้น้ำทะเลสาดกระเซ็นทะลุขึ้นมาจนถึงบริเวณหน้าผา และยังคงมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า
ฮัน ยูซอง กับ อิเลฟเวนท์ได้ตกอยู่ในวงล้อมของพวกมุรามาสะ และน่าจะมีคนของมุรามาสะเกือบ ๆ ครึ่งค่อนร้อยคอยแต่จะถือดาบญี่ปุ่นเข้าหาพวกเขา และโดยเฉพาะมุรามาสะที่เปลี่ยนเป้าหมายจากอิเลฟเวนท์มาเป็นเขา
และอิเลฟเวนท์จำเป็นต้องคอยประกบติดหลังของฮัน ยูซองเอาไว้ให้มากที่สุด เพื่อที่เธอจะปกป้องเขาให้หลุดรอดพ้นจากคมดาบของมุรามาสะ และถึงแม้ว่าฮัน ยูซองพยายามจะใช้ปืนเล็งไปที่คนพวกนั้น แต่ว่าพวกของมุรามาสะก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา
แต่ทว่าการต่อสู้กันระหว่างมินาโมะโตะ มุรามาสะกับไทระ มาซายูกิก็ยังดำเนินต่อไป และในขณะที่ต่างฝ่ายก็ต่างพยายามที่จะผลักอีกฝ่ายให้ตกลงไปในทะเล
ฉึก !!!!
มุรามาสะเพิ่งที่จะชักดาบคันทาชิออกมาจากกลางอกของไทระ และเลือดของมาซายูกิที่กำลังไหลไปตามคมดาบของมุรามาสะอยู่เรื่อยๆ
" ไทระ.... !!!!! " อิเลฟเลฟเวนท์แผดร้องสุดเสียงและกำลังจะวิ่งเข้าหามาซายูกิ แต่ว่าเธอก็ยังต้องหันหลังกลับ
อิเลฟเวนท์แทงดาบสวนเข้าไปที่ฮัน ยูซองเต็มๆ
ฉับ.....
ฉึก !!!
ฮัน ยูซองเริ่มที่จะตัวเงนเงนและใกล้จะล้มลงเข้าทุกทีๆ และอิเลฟเวนท์ก็รีบชักดาบกลับคืน
ตุบ !!!
พวกของมุรามาสะที่เพิ่งถูกอิเลฟเวนท์แทงเข้าที่กลางท้องน้อยจนล้มคว่ำอยู่ตรงหน้า แต่ว่าอิเลฟเวนท์ยังต้องรีบถลาเข้าไปรับฮัน ยูซองเอาไว้ให้ทัน
ฮัน ยูซองที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมานิด ๆ หน่อยๆ บ้างแล้วที่กลางหลัง ก็เพราะว่าร่องรอยบาดแผลที่ถูกฟันเข้าที่กลางหลัง
" ฮัน ยูซอง !!! " เสียงสะอื้นที่ก็เริ่มปะปนออกมากับหยดน้ำตาของอิเลฟเวนท์ ในขณะที่เข้าไปประคองสวมกอดฮัน ยูซองเอาไว้ในอ้อมกอด
" ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมว่า...."
" ให้อยู่ !! ห่างๆ ฉันเอาไว้ !!! " ถ้อยคำพูดจาประชดประชันที่เธอยังมีให้เขา เพราะอยากให้ฮัน ยูซองเกลียดเธอให้มาก ๆ เข้าไว้ และเธอที่รู้ทั้งรู้เนื้อตัวของฮัน ยูซองที่เริ่มเย็นขึ้นมาบ้างแล้ว และอีกไม่นานมือไม้ของฮัน ยูซองก็จะเริ่มสั่นๆ เพราะว่าเสียเลือดมาก และคงจะไม่นานเท่าไหร่
และเขาก็เริ่มจะส่งเสียงหอบเหนื่อย และลมหายใจที่ขาดๆ เกินๆ ในขณะที่หลังก็ยังแทบไม่รู้สึกว่ามีบาดแผลร้าย
" อีเลฟเวนท์ !!! " เขาที่พยายามจะฝืนยิ้มให้กับเธอ
" คุณ !!! "
" คุณ เคยบอกเอาไว้ใช่ไหมว่า...ถ้าหากว่า ! "
" เรา ! รู้ว่าเรากำลังจะไปตาย แล้วเรา !!! จะพาคนที่เรารักไปด้วยไหม !!! " และน้ำเสียงพูดที่ค่อย ๆ หดหายเบาลงไปเรื่อยๆ ของฮัน ยูซอง
อิเลฟเวนท์รับรู้ได้ดีและพยายามจะพยักหน้าให้กับเขาถึงสองสามครั้ง และก็รอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากสำหรับเขาจริง ๆ เพราะฉะนั้นเธอถึงต้องคอยนั่งคุกเข่าและรอฟังคำพิพากษาของฮัน ยูซอง และเขาก็ยังคอยแต่จะเอื้อมมือขึ้นมาและคอยลูบไล้เช็ดน้ำตาที่เปรอะหน้าของเธอออกให้
ฮัน ยูซองยังคอยเฝ้ามองอิเลฟเวนท์ด้วยความห่วงหาและอาลัยอาวรราวกับ ว่า....จะต้องพรากจากกันไปไกลแสนไกลอีก
" แต่อย่างน้อย....ที่ ! "
" ผม !!! "
" ยัง !!! "
" เห็น..คุณมีชีวิตอยู่ !! " ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของฮัน ยูซองร่วงหล่นอยู่ภายในกำมือของอิเลฟเวนท์ในที่สุด...
ม่านหมอกสีเทาในค่ำคืนเริ่มต้นวันเปลี่ยนฤดูหลังวันที่ยี่สิบเอ็ดกำลังเคลื่อนย้ายออกจากดวงจันทร์ จนกระทั่งเริ่มมองเห็นดวงจันทร์ที่กำลังถูกฉาบด้วยสีคล้ายเลือด ค่ำคืนแห่งพระจันทร์สีเลือดที่กลับมาอีกครั้งและยังฉายแสงสีแดงอยุ่ท่ามกลางทะเลพลอยได้เห็นหยาดฝน และคลื่นลมทะเลคล้ายดั่ง..เพลิงลาวาที่ร้อนระอุ !
แต่ทว่า...สายลมที่เคยทำให้หนาวเหน็บเย็นยะเหยือกไปจนสุดเบื้องลึกของหัวใจ บัดนี้สายลมได้กลับกลายเป็นความร้อนที่คอยแต่จะเผาไหม้หัวใจ....ของอิเลฟเวนท์
และพวกของมุรามาสะที่ยังคงต่างทยอยกันออกมาจากป่าไผ่สี่เหลี่ยมอย่างไม่หยุดหย่อน และก็ยังรวมไปถึงกองซากศพที่ค่อยๆ เพิ่มปริมาณนอนตายกลื่อนกราดอยู่ตามบริเวณหน้าผา และป่าไผ่สี่เหลี่ยม
อิเลฟเวนท์ยังคงถือดาบคาตะนะ และเธอยังคงยืนอยู่ท่ามกลางซากศพ แต่ว่าปลายดาบคาตะนะของเธอก็ยังคงไร้เลือดสาดกระเซ็นเข้ามาติดอยู่ที่คมดาบ แต่ว่ามีเพียงไอหมอกควันสีขาวๆ ต่างหากที่พวยพุ่งออกมาจากปลายของดาบคันทาชิของเธอแทน..เลือด
เพราะฉะนั้นมุรามาสะที่กำลังขยับเท้าออกมาให้ห่างๆ จากมาซายูกิที่กำลังนอนพะงาบๆ อยู่ที่ริมหน้าผาห่างออกมา และก็ทิ้งให้มาซายูกินอนหายใจรวยรินเหมือนคนใกล้ตาย
มาซายูกินอนจมกองเลือดอยู่ริมหน้าผา และยังมองเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มปะปนกับหยดเลือดที่ไหลซึมตามร่างกายจนซึมสู่ผืนดินทราย แต่ว่ามาซายูกิก็ไม่อาจทีจะละสายตาจากฟูจิวาระของเขาได้แม้ในขณะที่เธอยังคอยสวมกอดฮัน ยูซอง
อิเลฟเวนท์ที่เพิ่งจะขยับถอยออกมาจากร่างของฮัน ยูซองที่ได้นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นทรายที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด และเธอก็พยายามลุกกลับขึ้นมาในขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝนสีเลือดและลมพายุเดือดพล่าน และดวงตาที่ดูไร้ความปราณี และยินดียินร้ายค่อยๆ พุ่งทะยานเปล่งรัศมี ที่เกินกว่าคำว่าอำมหิตต่อหน้า..มุรามาสะอีกคน
และเธอ ! ยังต้องคอยใช้มือข้างขวาถือดาบคันทาชิและคอยตวัดดาบอ้อมขึ้นบนท้องฟ้า และยังต้องหันปลายของดาบคันทาชิสวนทางกลับเข้าหาตัว และหัวแม่มือนิ้วข้างขวาที่ยังคงคอยแนบชิดติดอยู่ที่กระบังมือด้วยแผ่นทองคำผสมดีบุกตีเป็นรูปพญาวิหคเพลิงกางปีก
แต่ดวงตาของพวกยามต้องแสงจันทร์สีเลือดก็กลายเป็นสีแดงได้ แต่ทว่านิ้วมือทั้งสี่ที่ ๆ ก็กำลังดูเหมือนจะจงใจคอยกรีดนิ้วออกมา ราว ๆ กับ นั่งมองพัดโอกิ.ที่ถูกคลี่ และเท้าข้างขวาพวกเธอที่ค่อยๆ ขยับถอยไปข้างหลังอย่างช้า ๆ และส่วนมือที่เหลืออีกข้างก็ยังต้องคอยพายยื่นฝ่ามือออกเบื้องหน้า และ.ลูกนัยน์ตาที่เคยเป็นสีดำของเธอก็กลับกลายเป็นดวงตาสีแดงเพลิง
ดวงตาอิเลฟเวนท์แดงก่ำและคอยจะควานหาดาบนิฮองโดะนับร้อยๆ เล่มที่รายล้อมรอบอยู่รอบตัวใกล้หน้าผาหินปู และเธอที่ได้แต่ภาวนาว่า
"สงคราม...ครั้งสุดท้าย ! "
และเสียงของดาบนิฮองโดะนับสองร้อยในยามค่ำคืนผันเปลี่ยนฤดูกาล ในวันเวลาของการเริ่มฤดูกาลของใบไม้ผลิ แต่ก็ยังมีเสียงการปะทะกันระหว่างคมดาบและเลือดเนื้อของมนุษย์นับร้อยๆ ท่ามกลางป่าต้นไผ่
และเพียงสายลมพัดวูบเดียวจากการตวัดดาบคันทาชิของเธอ สายฝนที่จู่ๆ ก็ยังต้องแตกกระเจิดกระเจิงพากันหนีหายไปจนหมด....อยู่ที่กลางทะเล !!!!