Chereads / ิฺBangkok in a Sense the memory of passed / Chapter 21 - เลือดไหลหนองแล้ว

Chapter 21 - เลือดไหลหนองแล้ว

ฉึก !!!!

มินาโมะโตะ ทัตสึจิทรุดนั่งคุกเข่าลงทันทีใกล้ๆ กับร่างที่นอนจมกองเลือดของมินาโมะโตะ อาซามิที่เพิ่งถูกยิงเข้าที่กลางหลัง แต่ว่ามุรามาสะกลับยืนตัวสั่น ๆ และหยดเลือดที่เปรอะติดอยู่ที่ปลายดาบคาตะนะ

เพราะทั้งทัตสึจิกับอาซามิที่ต่างพาตัวเองเข้าไปขวางไม่ให้อิเลฟเวนท์ถูกทำร้ายด้วยอาวุธและคมดาบ !

ปังๆๆๆๆ และเสียงปืนที่เริ่มจะทยอยดังไปทั่วทั้งบริเวณบ้านมินาโมโตะ

" ไป !!!! " เพราะฉะนั้นมุรามาสะยิ่งต้องรีบตะโกนให้พวกเขาทุกคนหนีไป

แต่ว่ามุรามาสะที่ยังคงลังเลในขณะที่หันกลับมามองหน้าพ่อแท้ ๆ และน้องสาวของตัวเองที่งี่โง่เง่ายอมสละชีวิตให้กับคนที่เห็นแก่ตัว และยังหันไปมองอิเลฟเวนท์ด้วยความโกรธแค้นจนไม่คิดว่าตัวเองชาตินี้จะยอมให้อภัย

ทัตสึจิยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นแม้ว่าเวลานี้เลือดจะทยอยไหลซึมออกมาจากบริเวณทรวงอก แต่ว่าสายตาที่มองย้อนกลับมาที่มุรามาสะกลับเป็นสายตาที่ก็มีแต่ความห่วงใยต่อบุตรก็เท่านั้น

ปังๆ เสียงปืนยังคงทยอยใกล้เข้ามาที่ห้องหนังสือ เพราะฉะนั้นมุรามาสุก็เลยต้องรีบหาทางหนีออกไปก่อน

และอิเลฟเลฟเวนท์ยังคงคอยช่วยอาซามิที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนตัก !

" หมอ !!!! " เธอยังคอยตะโกนเรียกร้องหาความช่วยเหลือซ้ำๆ และในขณะที่ฮัน ยูซองก็รีบเข้าไปยึดปืนในมือของฮง ฮเยจีคืนกลับมาจนได้

" อีเลฟเวนท์ !!! " หมอดิษฤรนรีบร้อนวิ่งกลับเข้ามาในห้องหนังสือ และยังวิ่งเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่เอนไอเอสเอสคนอื่น ๆ

และหมอที่รีบเข้าไปช่วยประคองตัวของทัตสึจิทันทีที่สังเกตเห็นรอยแผลร่องลึกกลางหน้าอก และซอ ฮเยมีที่รีบเข้าไปนำตัวของฮง ฮเยจีกลับออกมาจากห้องหนังสือ แต่ว่าฮง ฮเยจีกำลังยืนตัวสั่น ๆ และเริ่มมองอิเลฟเวนท์ด้วยความกลัวและสงสัยขึ้นทุกทีๆ

อิ แทวอน ยุน แจอิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นกำลังช่วยกันเข้าไปปิดล้อมบริเวณบ้านมินาโมะโตะ และทุกๆ คนต่างพยายามไล่ตามจับตัวมุรามาสะกับพวกของเขา

แต่ว่าฮัน ยูซองที่กำลังพยายามจะเข้าไปช่วยประคองทัตสึจิกับหมอ แต่ว่าเพื่อนของเธอกลับไม่ได้ดูรีบร้อนที่จะพาคนบาดเจ็บกลับออกไปรักษาทันที แต่หมอคนนั้นกลับรีบเข้าไปคว้าและจับชีพจร

" อีเลฟเวนท์ ! เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม !! " หมอดิษฤรนลนลานเข้าไปสำรวจอาการบาดเจ็บตามร่างกายของอิเลฟเวนท์ก่อน

แต่อิเลฟเวนท์ที่รีบดึงมือออกและผงกหัวให้กันรัวๆ

" หมอ ! ฟังฉันนะ !!! "

" อาซามิ !!! "

" เธอ !!! ไม่ได้ตัวคนเดียว !!! " เธอพยายามย้ำอาการขออาซามิกับเพื่อนของเธออยู่หลาย ๆ ครัั้ง

หมอดิษฤรนที่ดูเหมือนะเข้าใจภายในเสี้ยววินาที และรีบหันมาช่วยประคองอาซามิและรีบอุ้มตัวเธอกลับออกไปจากห้องหนังสืออย่างรีบร้อน แต่ว่าอิเลฟเวนท์ก็รีบกลับมาประคองทัตสึจิเอาไว้

" ไม่เป็นไร !!! " เสียงเหนื่อยหอบของทัตสึจิพยายามที่จะบอกกับอิเลฟเวนท์และคนอื่นๆ

" ผม ! ไม่เป็นอะไรเลยจริงๆ อิเลฟเวนท์ " ทัตสึจิพยายามบอกกับทุกคน

" ไม่ได้ !!! " อิเลฟเวนท์ส่ายหน้าให้กับทัตสึจิทันที

" ฉัน ! จะไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว !!! " และเธอยังพยายามจะช่วยพยุงร่างของทัตสึจิ

แต่ทัตสึจิก็คอยฝืนและยังพยายามที่จะจับมือคอยห้ามฟูจิวาระของตัวเอง

" ปล่อยผม ! ไปเถอะ !!! " และเสียงหายใจที่เริ่มจะติดๆ ขัดของทัตสึจิ

" ฟูจิวาระ !!! " การพยายามที่จะขอร้องอิเลฟเวนท์หลายๆ ครั้งของทัตสึจิ และก็บางครั้งสายที่ไม่เคยห่างหายจากอิเลฟเวนท์และก็ฮัน ยูซองที่พยายามเข้ามาช่วยกันประคองตัวเอง

" ทัตสึจิ !! " และยังเป็นครั้งแรกที่น้ำตาของอิเลฟเวนท์ที่กำลังไหลต่อหน้าพวกเขา

" คุณ !!! คิดที่จะต่อต้านฉัน ! ไปอีกนานเท่าไหร่ พอได้แล้ว ! " อิเลฟเวนท์ขอร้องทัตสึจิซ้ำๆ ว่าไม่ให้ห้ามเธอ

แต่ว่าทัตสึจิก็ยังยินยอมที่จะพยักหน้าให้เธออีกเป็นครั้งที่สองและสาม

" ก็เพราะว่า...พวกเรา ! เปลี่ยนแปลงคุณไม่ได้ !!! "

" ....การเพิกเฉย ต่อ ความกลัว !!! " และทัตสึจิที่พยายามฝืนความเจ็บปวดเพื่อจะขอต่อต้านเธอเป็นครั้งสุดท้าย

" บอกตามตรง !!! "

" ฟูจิ โนะ ฮานะ ฟูจิวาระ !! "

" ว่า....พวกเราคงทนไม่ได้ที่จะต้องมองเห็น ความจริงผ่านหน้าเราไป !!! "

" ความกลัว... ไม่ใช่ !!! "

" สิ่งที่..."

" ...น่ากลัว !!! "

" แต่...ความจริงซิ !!! ที่น่ากลัวมากที่สุด !!! " แต่ว่าคำตอบของทัตสึจิที่กลับไม่ยอมแม้แต่จะสบตาของอิเลฟเวนท์

และทัตสึจิก็ตั้งใจมองเข้าไปในดวงตาของฮัน ยูซองแทน

" ...จะเป็น ฟูจิวาระ หรือว่า...อีเลฟเวนท์ ก็ช่าง !!! "

" ทุก ๆ อย่าง...ล้วนแต่เป็นสิ่ง ! สมมติ !!! "

" อนาคต ! อดีต !! หรือว่าแม้แต่.. ความจริงที่เธอมองเห็น !!! "

" พวกมัน !!! "

" ไม่มีอะไรที่ได้มา !!! "

" โดยที่ไม่มี...เงื่อนไข !!! " และจนกระทั่งเสียงพูดที่ขาดๆ หาย ๆ ของทัตสึจิที่แต่จะแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ไปพร้อมๆ กับร่างกายที่กำลังใกล้จะดับสูญ

อิเลฟเวนท์ที่พยายามจะเข้าไปพยุงตัวทัตสึจิและพยายามจะพาเข้ากลับออกไปจากห้องหนังสือให้ได้

" ฉันจะพานายไปรักษา ! " เธอพูดกับทัตสึจิโดยที่เป็นตัวเองโดยแท้

" ฉันต้องให้พวกเขารักษานายให้ได้ " เธอพูดพร้อมทั้งน้ำตา

ฮัน ยูซองพยายามพาตัวของทัตสึจิออกไปจากห้องหนังสือให้ได้ แต่ทัตสึจิกลับคอยแต่จะจับมือห้ามพวกเขาเอาไว้ และทัตสึจิยังจะคอยหมอบรอยยิ้มให้กับเขา

" ถึงยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงอยู่ดี " ทัตสึจิบอกกับฮัน ยูซอง และคอยแต่จะจับมือห้ามทั้งเขา และก็อิเลฟเวนท์ไปพร้อมๆ กัน

" เพราะฉะนั้นมา...จนถึงตอนนี้ !! "

" พวกเราที่ในที่สุดก็ได้ยอมรับความเป็นจริงนี้ได้สักที "

" ว่า....อีเลฟเวนท์ !!! "

" เธอ !!! ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ !!! "

" อีเลฟเวนท์ ! เพราะว่า...เธอเองที่ก็ไม่อาจหาหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้สำเร็จจริง ๆ อย่างที่...เธอว่า ! " คำพูดและลมหายใจติดๆ ขัด ๆ ของทัตสึจิยังคงแผ่วเบาลง

มุรามาสะรีบร้อนและนำพาผู้คนติดตามคนอื่นๆ รีบวิ่งหนีเข้าไปในป่าไผ่สี่เหลี่ยมบริเวณเนินเขาหลังบ้านมินาโมะโตะ แต่แล้วอยู่ๆ พวกของมุรามาสะกลับต้องหยุดวิ่งลงกลางทางระหว่างทางขึ้นภูเขา

แต่ทว่ามุรามาสะที่รีบชักดาบคาตะนะเล่มสีทองออกมายืนขวางเอาไว้ทันทีที่เห็น เงาของใครบางคนคอยยืนถือดาบราวๆ สามค่อนสี่ชะกุรอคอยอยู่ท่ามกลางความมืดและฝนที่เพิ่งจะเริ่มทยอยตกลงมาบนเนินเขา

มุรามาสะคอยถือดาบและเดินเข้าไปเผชิญกับบุคคลที่อยู่ตรงหน้า จนกระทั่งเจอกับไทระ มาซายูกิตัวเป็นๆและมาซายูกิก็ตั้งใจยืนประคองถือดาบคาตะนะเอาไว้ใหแน่นๆ และดูเหมือนว่าเส้นผมที่ค่อนข้างจะเริ่มยาวลงมาปรกหน้าและก็เนื้อตัวที่กำลังเปียกปอนของเขา แต่ว่ามิหนำซ้ำหยดเลือดเป็นเส้นเป็นสายก็ยังคงคอยไหลย้อยลงมาจากบาดแผลๆ บริเวณที่มีผ้าพันแผลปิดทับเอาไว้ที่ขมับด้านซ้าย เสื้อยืดคอกลมของไทระ มาซายูกิที่สกรีนลวดลายของเจดีย์ห้าชั้นของญี่ปุ่น และไหนจะกางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำเงินกรมท่าห้าส่วนมีจั๊มที่เริ่มจะเปียกชุ่มไปจนหมด และรองเท้าหนังแตะรัดข้อสีดำที่ย้ำน้ำและดินโคลน

และทั้งไทระ และทั้งมินาโมะโตะต่างคนก็ต่างพยายามมองหาคมดาบของอีกฝั่ง ที่ ๆ ในยามนี้คมดาบฮาจิดะสะท้อนอยู่บนแอ่งน้ำฝนใต้ต้นไผ่

ปังๆๆๆๆๆ !!!

อิ แทวอนกับยุน แจอินกำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของญีปุ่นพยายามเข้าตรวจค้นภายในบ้านของมินาโมะโตะภายในค่ำคืนวันที่ 22 มีนาคม

และอยู่ๆ ลมพายุวูบใหญ่ก็พัดเข้ามาปะทะกับกำแพงรั้วบ้านของมินาโมะโตะ จนเกิดเสียงดังโครมครามราวกับเสียงฟ้าร้อง และฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนมองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร และแสงไฟรอบๆ บ้านมินาโมะโตะที่เริ่มทยอยดับลง

เพล้ง !

เพล้ง !!!!

หมอดิษฤรนรีบหันหลังกลับไปมองภายในบ้านของทัตสึจิทันทีที่ได้ยินเสียงของกระจกที่แตกดังมาจากห้องเก็บของ

" ไม่นะ !!! " สีหน้าถอดสีของหมอดิษฤรนกำลังทำให้ทุกคนรอบข้างอดสงสัยไม่ได้ และหมอที่พยายามจะรีบวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องหนังสือ แต่เพราะลมพายุและก็ฝนก็แทบจะพัดพวกเขาจนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง

" ไม่นะ !! " แต่ว่าหมอยังพยายามตะโกนและร้องห้าม

" อย่าคิดอะไรบ้าๆ !!! "

" อีเลฟเวนท์ !!! อย่าเด็ดขาด !!! " หมอดิษฤรนที่พยายามจะตะโกนหาอิเลฟเวนท์ในขณะที่เกิดพายุและลมแรง และคอยแต่จะพยายามมองหาอิเลฟเวท์ไปจนทั่ว และจนกระทั่งพวกเขาก็มองเห็นฮัน ยูซองวิ่งสวนออกมา

" หมอ !!! "

" อีเลฟเวนท์ !!! " ฮัน ยูซองวิ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยหน้าตาตื่นตระหนกและตกใจ

" เธอ ! หายไป !!! " เขาบอกกับทุกๆ คนท่ามกลางลมพายุฝน

ตุบ !!

ตุบๆ

หมอดิษฤรนที่อยู่ๆ ก็พุ่งถลาเข้าไปชกหน้าฮัน ยูซองจนหน้าหัน และเขายังถูกหมอซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว

" ฮัน ยูซอง !!! " และเสียงด่าทอของหมอที่พยายามตะโกนใส่หูของพวกเขา

" ไม่เคยมี ใคร !! "

" เคยบอกกับ นาย !!! เลย..ใช่ไหมว่า !!! "

" อย่าให้ !!! "

" เธอ.! ได้จับดาบ !! " หมอทั้งพยายามซ้อมฮัน ยูซอง และตั้งใจตะโกนกลอกหูให้ได้ยินชัดๆ

อิ แทวอนกับ ซอ ฮเยมีที่ต้องรีบผละออกฮง ฮเยจีและรีบกรูเข้ามาช่วยกันแยก

" หมอ ! คุณทำบ้าอะไรอยู่!! " ซอ ฮเยมีได้แต่ร้องตะโกนห้าม

และในขณะที่พวกเขาทุกคนต่างก็ล้มลุกคลุกคลานและเปียกปอนกันอยู่ท่ามกลางสายฝน

" หมอ.. !! "

" นี่...นายกำลังทำบ้าอะไร ! " ยู ฮีวอนกำลังวิ่งออกมาจากในบ้านตะโกนห้าม

" ปล่อยเพื่อนของฉัน ! เดี๋ยวนี้ !! " ซอ ฮเยมีที่ริบวิ่งตามเข้ามาห้ามหมอด้วยอีกคน

และก็ยุน แจอินที่กำลังยืนพิงเสาบ้านเฝ้าดูคนพวกนี้

หมอดิษฤรนเพิ่งโดนอิ แทวอนกระชากตัวเขาออกมาจากฮัน ยูซอง

" อีเลฟเวนท์ ! " แต่หมอก็ยังตะโกนด่าทอฮัน ยูซองไม่ยอมหยุด

" ถ้าคราวนี้ !!! " หมอพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากอิ แทวอน และเฝ้ามองดูหน้าของพวกเจ้าหน้าที่เกาหลีทุกๆ คน

" เธอ !!! "

" ไม่กลับมา ..!!!

" ฉัน !!! จะตามไปฆ่านาย !! "

" ฮัน ยูซอง !!! " และหมอก็รีบเดินหนีพวกอิ แทวอนกลับไปที่รถพยายาล

และเพราะคำพูดของหมอดิษฤรนทำให้ทุกๆ คนต่างพลอยทำหน้าสงสัยว่า จริงๆ แล้วกำลังเกิดอะไรขึ้นกับอืเลฟเวนท์กันอยู่แน่ๆ

แต่สิ่งที่พวกเขาทุกคนรู้ก็คือ อยู่ๆ ตอนที่ไฟเริ่มดับ และเสียงตู้กระจกที่แตก แต่ทว่าตอนที่พวกเขาหันกลับไปอีกที

อิเลฟเวนท์ก็หายตัวไปพร้อมกับสร้อยไข่มุกสีดำที่เคยเก็บอยู่ในตู้บานนั้นและก็ดาบเล่มสีทองของเธอ !

ฉับ !!!!!

ตุบ...

คนบางคนที่แต่งกายคล้ายพวกนินจาอยู่ๆ ก็ล้มคว่ำบนพื้นทราย และน้ำฝนก็ชะเลือดของพวกเขาบนพื้นทรายไหลไปตามสายน้ำ และอิเลฟเวนท์กำลังเก็บดาบคาตะนะคืนเข้าฟัก และยังยืนอยู่ท่ามกลางต้นไผ่สี่เหลี่ยมที่กำลังไหวเอนลู่ไปกับลมนับพัน ๆ ต้น

แต่ว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ต่างสวมชุดคล้าย ๆ กันแบบพวกนินจาสมัยโบราณ และทุกคนยังมีผ้าสีดำโผกปิดอำพรางใบหน้านับแล้วตอนนี้น่าจะราวๆ ห้าสิบคนขึ้นไป และพวกเขากำลังค่อย ๆ พากันหันหลังกลับไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรมที่เพิ่งจะถูกดาบของอิเลฟเวนท์ฆ่าทิ้ง

และมุรามาสะที่กำลังเผชิญหน้าฟาดฟันกับมาซายูกิก็ต่างหยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นคาวเลือด

" อีเลฟเวนท์ !! " มุรามาสะยิ้มให้เธออย่างกับเห็นของเล่น และยังรีบร้อนเดินแหวกผู้คนที่ติดตามพุ่งเข้าไปหา

" ไม่ว่ายังไงๆ ซะ "

" เล่เหลี่ยมของเธอก็ยังคงใช้ได้ " และมุรามาสะยังคอยแต่จะชอบอกชอบใจ และมิหนำซ้ำยังมองหันกลับไปไทระที่ยังยืนตากฝนผมเผ้ากระเซอะกระเซิง

อิเลฟเวนท์ที่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกซะจากเสียงของลมฝนข้างหน้าตัวเอง เพราะฉะนั้นเธอจึงหันมาจับและกระชับด้ามดาบคันทาชิในมือ และก็เท้าซ้ายก็เริ่มจะถอยร่นไปข้างหลังเล็กน้อย และลำตัวของพวกเธอที่เอี้ยวไปทางซ้ายก่อนเล็กน้อย

เพราะฉะนั้นมุรามาสะกับพวกของเขาคนอื่นๆ ก็เลยต้องรีบหันมาชักดาบคาตะนะ และคอยดูท่าทีของเธอ

และอิเลฟเวนท์แม้จะก้มมองลงต่ำไม่สนใจที่จะเด็ดหัวพวกเขาในทันที แต่ว่าเธอก็พอจะมองเห็นคมดาบคาตะนะเล่มนั้นท่ามกลางสายฝนภายในอุ้งมือของมุรามาสะอีกคน แสงสะท้อนของคมดาบในมือมุรามาสะสะท้อนประกายวิบวับราวกับยืนมองภูเขาสูงสามลูกโดดเด่นอยู่บริเวณสันดาบ

และมุรามาสะที่เฝ้ามองดูดาบคาตะนะในมือของอิเลฟเวนท์ที่ ๆ พวกมันแทบไม่ต่าง และต่างคนก็ต่างกระโจนเข้าฟาดฟันกันทันที และเสียงกระทบกันรัวๆ ของเหล่านักนินจาล่องหนก็ต่างตวัดปลายดาบเข้าใส่ทั้งอิเลฟเวนท์และก็ไทระ มาซายูกิท่ามกลางป่าไผ่สี่เหลี่ยมท่ามกลางสายฝนป่าไผ่สี่เหลี่ยมในค่ำคืนหลังวันเปลี่ยนฤดูในเดือนมีนาคม

และแสงสะท้อนเงาของคมดาบคันทาชิที่ยกขึ้นเป็นลวดลายก้อนเฆมมหึมาของไทระ มาซายูยังคอยแต่จะกระทบกันรัวๆ กับคมดาบคันทาชิเล่มอื่นๆ รอบทิศที่พยายามจะเข้าไปทำร้ายอิเลฟเวนท์ให้ได้ และอิเลฟเวนท์ที่ยังคงตวัดเพียงปลายดาบนิฮองโดะของตัวเองเข้าหาคนของมุรามาสะจนกระเด็นกระดอนพัดหายเข้าไปในป่าไผ่บ้างก็มี

และแม้ว่าทั้งมุรามาสะ และคนของเขาจะพยายามช่วยกันรุมตวัดดาบใส่ทั้งอิเลฟเวนท์และก็ไทระ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ทำได้แค่พัดลมเข้าหาพวกเธอสองคนได้ก็เท่านั้น !

ขณะเดียวกันมุรามาสะที่ยังคงช่วยกันระดมกำลังเพื่อที่จะเฆ่นฆ่าอิเลฟเวนท์กับมาซายูกิ แต่หลายๆ ครั้งพวกเขาเหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวด...ออกมาจากดาบของเธอ

เวลานี้...สายตาของเธอเลือดเย็นซะจนไม่อยากจะมองหนังหน้าของใครทั้งนั้น และเธอก็แค่ใช้สายตามุ่งหาเจ้าของดาบตัวต่อตา

แววตาอิเลฟเวนท์ที่ว่างเปล่าจนไม่สามารถจะเดาใจเธอได้ว่า จริงๆ แล้ว เธอกำลังคิดที่จะเฆ่นฆ่าหรือว่าแค่ขู่ให้กลัว ศพแล้วศพเล่าของบรรดาผู้จงรักภักดีต่อมุรามาสะ ณ ลานกว้างของป่าต้นไผ่สี่เหลี่ยมพายุเป็นร้อยๆ ปี และยังคงอยู่ท่ามกลางพายุและลมฝนที่ ๆ ยังคงบ้าคลั่ง

และเพียงแค่การตวัดดาบเพียงแค่หนเดียวของอิเลฟเวนท์ ใบไผ่ที่ปลิวว่อนมาเฉียดก็ยังขาดสะบั้น และราวกับว่า ใบไม้ไผ่ที่เคยเขียวชอุ่มต้องกลับกลายเป็น...ใบไม้แห้งได้ในพริบตา !!!!

และสายลมที่กำลังหอบเอาใบไผ่นับล้านๆ คอยแต่จะร่วงหล่นทับอยู่บนศพพวกนั้นตามรายทาง...

แต่ทวา่สายลมก็เกือบจะทำให้เสื้อคลุมฮาโอริสีเขียวซีดของอิเลฟเวนท์ ให้ดูซีดจากลงไปอีก และสายฝนที่คอยแต่จะสาดกะเซ็นคอยชำละล้างคราบเลือดที่ติดปลายนิฮองโดะของเธอ

จนกระทั่งมุรามาสะที่ได้พาพวกของเขากวาดต้อนอิเลฟเวนท์กับมาซายูกิประดาบกันไปจนถึงบริเวณลานกว้างเวิ้งว้างหินปนทรายใกล้ๆ กับหน้าผาหินปูน และพวกของมุรามาสะที่ยังคอยทยอยแห่กันออกมาจากป่าไผ่เพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว

และทุกๆ คนต่างก็กระโจนเข้าหาแค่เพียงอิเลฟเวนท์เพียงคนเดียว แต่ว่าไทระก็กลายเป็นขวางหนามสำหรับพวกของมุรามาสะไปด้วย

ไทระ มาซายูกิยังคงจ้องคอยแต่กระโจนกระโดดและตวัดดาบพุ่งเข้าหามุรามาสะจนแทบจะชิดติดหน้าผา แต่มุรามาสะก็ใช้ดาบคันทาชิในมือคอยฟาดฟันกับไทระจนเสียงดาบของพวกเขาดังราวกับพายุหมุน

ดาบคันทาชิของมุรามาสะแม้กระทั่งเวลาฟาดฟันดาบท่ามกลางพายุ พละกำลังของมันดั่งพายุงวงช้างที่คอยแต่จะกระทบกับคู่ต่อสู้ จนกระทั่งดาบของมาซายูกิแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

และมิหนำซ้ำมาซายูกิยังต้องพยายามฝืนความเจ็บปวดจากบาดแผลหลังจากถูกรถชนมาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก็เพื่อออกมาตามหาและช่วยเหลืออิเลฟเวนท์ และเลือดที่ยังคงไหลซึมไม่ยอมหยุดจากผ้าพันแผลที่บริเวณศรีษะ