[พลังวิญญาณผันผวนไม่ทราบแหล่งที่มาชัดเจน มีการเชื่อมต่อภายใน ระบบถูกรบกวนชั่วคราว]
"อื้อ"เยว่ชิงครางรับในลำคอเมื่อได้ยินเสียงระบบดังขึ้น ก่อนจะเห็นแสงจากระบบกะพริบวิบวับ หลงจือหยางกระชับอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้น
"ตื่นแล้วเหรอ"เยว่ชิงพยักหน้างึกงักก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง หลงจือหยางลุกขึ้นก่อนจะเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวและมุ่งตรงไปยังห้องครัว ทำกับข้าวเอาใจเมียรัก
"ระบบเกิดอะไรขึ้น"เยว่ชิงมองหลงจือหยางออกไปไกลสายตาก็เอ่ยกับระบบ ได้ยินเพียงเสียงซ่าๆที่ดังขึ้นเป็นระยะราวกับฝนกำลังเทกระหน่ำลงมา
[รอสักครู่]
ร่างกายของเยว่ชิงวูบไหวราวกับมีหินก้อนใหญ่ทับลงมาที่ศีรษะจนหนักอึ้งไม่สามารถประคองร่างกายและความคิดได้ก่อนจะวูบหลับลงไป
เยว่ชิงปรากฏตัวในที่ว่างเปล่า มีเพียงสีขาวดำที่กำลังถ่ายทอดออกมาให้เห็น ไม่นานเจ้าตัวก็ได้ยินเสียงของแตกกระจายที่ชั้นบน
เยว่ชิงเดินขึ้นบันได้บ้านราคาแพงก่อนจะทะลุประตูเข้าไปด้านใน เยว่ชิงมองเห็นแค่ลำตัวก็รู้ว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งแต่ใบหน้ากับขมุกขมัวไปด้วยหมอกหนาทึบสีดำ
"แม่งเอ๊ยไอ้แก่ คิดจะให้ตระกูลหลบอยู่ใต้ปีกรึไง"เยว่ชิงสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินประโยคนี้ออกมา ไม่นานร่างกายของคนตรงหน้าก็มีหมอกควันดำลอยออกมา จนกลายร่างเป็นใบหน้ากลมๆใบหนึ่ง มันฉีกยิ้มกว้างแบบไม่มีฟันไม่มีอะไรมีแต่เสียงในความว่างเปล่า แต่เยว่ชิงดันได้ยินทุกคำพูด
"อยากเป็นใหญ่ ก็แค่ร่วมมือกับข้า"มันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงันราวกับทุกอย่างบนโลกนี้หยุดนิ่ง
"เจ้าเป็นใคร"อีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
"ส่วนลึกในจิตใจของเจ้า"มันตอบก่อนที่เยว่ชิงจะไม่สามารถรับฟังสิ่งใดได้อีก ร่างกายลอยหวือไปยังที่แห่งใหม่ เยว่ชิงจับสังเกตถึงบางอย่าง ยิ่งมีความเกลียดชังมากเท่าไหร่เจ้าใบหน้ากลมๆก็จะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย
มันออกมาจากร่างกายของมนุษย์คนแล้วคนเล่า เยว่ชิงมึนงงสับสนก่อนที่ร่างกายจะถูกดึงกลับ
"แฮ่กๆมันคืออะไรระบบ"เยว่ชิงมั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพหลอน สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเขามันกรีดร้องราวกับถอยห่าง อย่าได้ลืมเชียวว่าเขามีส่วนหนึ่งที่เป็นถึงเทพอสูร แต่กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวและข่มขวัญเขาได้
[ในอดีตกาลตั้งแต่เกิดดันเจี้ยนและหอคอย พลังวิญญาณที่มันมอบให้มนุษย์ผ่านรูปแบบจิตวิญญาณมีเศษเสี้ยวของหอคอยชั้นบนสุด มันฝังอยู่ภายในจิตใจของมนุษย์]
เยว่ชิงชะงัก เหมือนมันมอบความหวังและพลังอันยิ่งใหญ่เอาไว้ให้ แต่สุดท้ายมันกลายเป็นกับดักที่ฝังพวกเขาทุกคน
[ตราบใดที่มีความเกลียดชังอยู่เต็มอก ทะเยอทะยานจนเกินพอดี มันจะปรากฏตัวออกมา]
เยว่ชิงพยักหน้าเข้าใจ เขาผ่านการมองเห็นมาแล้ว มันเป็นไปตามที่เยว่ชิงพูด
[ตราบใดที่มนุษย์ร่วมมือกันอย่างดีฝั่งเราจะชนะ มันจึงต้องการความร่วมมือจากมนุษย์คนอื่นๆให้หักหลังกันเอง สุดท้ายเมื่อทุกคนตายเจ้าตัวที่อยู่ชั้นบนสุดจะเป็นฝ่ายชนะ]
"ทำไมมันมั่นใจว่ามนุษย์จะร่วมมือ"เยว่ชิงกระซิบเสียงแผ่วเบาราวกับเลื่อนลอย ไม่มีใครยอมรับความจริงนี้ได้หรอก ความจริงที่ว่าพวกเขาต่างก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น
[กิเลสความโลภไม่สิ้นสุด]ระบบบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมอบภารกิจให้แล้วหายไป
" ภารกิจพิเศษ
ถล่มดันเจี้ยนและหอคอย
ข้อกำหนด
:ถล่มดันเจี้ยนให้มากกว่าสิบแห่ง
:ปิดฉากหอคอยแต่ละชั้น จนถึงชั้นที่19
รางวัลภารกิจ:กำหนดความงามได้สองอย่างระดับเพชรและpoint ตามความสำเร็จ "
ระบบรีบกลับคืนหน้าผาก่อนที่จะปรากฏร่างโปร่งแสงของจิ้งจอกและแมว ทั้งสองคนกุมมือกันแน่นเมื่อรับรู้เรื่องราวผ่านระบบ
"หากเป็นแบบนี้ต่อไป"คนทั้งคู่รู้สึกกระวนกระวายจิตใจเป็นอย่างมาก ลูกชายของเขาเพิ่งมีความสุขได้ไม่นานจะถูกพรากความสุขไป ไม่ว่าพ่อแม่คนไหนก็ไม่ยอมทั้งสิ้น
"ไม่น่าจะมีปัญหา การที่อีกฝ่ายยืดระยะเวลาสี่เดือนต่อหนึ่งชั้น แสดงว่าพลังของมันยังไม่แข็งแกร่งพอ"ระบบเอ่ยขึ้นอย่างใช้ความคิด
"งั้นเยว่ชิงลูกเราละ"เจ้าแมวสีขาวถามอย่างเป็นห่วงตอนนี้วิญญาณของพวกเขาเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงให้กับเปาเป่าตัวน้อย หากอีกฝ่ายไม่อยู่กับเยว่ชิงเขาก็จะไม่ได้อยู่ด้วย
"ไม่น่าจะมีปัญหา"ระบบเอ่ยอย่างมั่นใจแต่สายตาก็หลุกหลิกไม่น้อย อย่าลืมว่าเขาเป็นคนที่แทรกพลังวิญญาณบนโลกนั้นไปบางส่วน เหล่าเกอได้ถูกปลุกสัญชาตญาณกันหมด
และที่สำคัญเยว่ชิงเป็นถึงเทพอสูร ขนาดเทพอสูรยังมีความหวาดหวั่นต่อสิ่งนั้น ระบบกังวลว่าอีกฝ่าย จะเป็นเทพเช่นกัน แต่เป็นเทพที่เป็นมนุษย์มาก่อน
เนื่องจากสัตว์อสูรแต่ละตัวไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆแต่มันไม่ใช่กับมนุษย์
ระบบตั้งใจจะวนกลับไปยังดินแดนเทพเพื่อสืบข่าวว่ามีเทพองค์ใดที่ถูกจองจำในช่วงหลายแสนปี เทพที่มีพลังแกร่งกล้ามากพอที่จะสร้างหุ่นจำลองขึ้นเพื่อกักขังตัวเองเป็นฉากหน้าแต่จิตวิญญาณอยู่บนหอคอย
"งั้นก็ไปหาลูกเขยกัน ถึงจะสิ้นเปลืองพลังไปเล็กน้อยก็ตาม คิดว่าไง"หนึ่งจิ้งจอกหนึ่งแมวพยักหน้า พลังจากร่างกายของพวกเขาไหลรินไปที่ระบบก่อนจะปรากฏตัวในหัวสมองของหลงจือหยางที่นั่งทำงานในห้อง
พอเยว่ชิงตื่นขึ้นมากินข้าวเสร็จก็กระตือรือร้นอยากจะออกไปทุบตีดันเจี้ยน ในฐานะสามีที่รักภรรยามากก็ย่อมตามใจ ปล่อยภรรยาไปกับเกอหลายสิบคน
หลงจือหยางปวดหัวจี๊ดก่อนจะได้ยินเสียงเรียกว่าลูกเขยอยู่หลายครั้งจนขนลุกซู่ ไม่ใช่ว่าเยว่ชิงถูกเขารังแกหนักจนต้องปักธูปฟ้องพ่อตาแม่ยายใช่ไหม
"ลูกเขย ตายแล้วเห็นแม่ยายแล้วเคลิ้ม สวยสินะจ๊ะ ถ้าตอนนั้นเราโตสาบานเลยเป็นสามีแม่แน่นอน"เผอิญแม่ชอบคนหล่อ ตราบใดที่มีดีแค่หน้าตาแม่ก็พร้อมกระโจนเข้าใส่
"ที่รักแบบนั้นไม่ได้สิ"คนเป็นพ่อชะงักกุมมือแม่แมวสีขาวสะบัดหางฟูฟ่อง จิ้งจอกหนุ่มก็คว้าหางคนรักไว้
"อ่า พวกคุณนี่เอง"หลงจือหยางพยักหน้าก่อนจะนึกออกว่าเคยเห็นสองคนนี้ที่ไหน สองสามีภรรยาที่โอ้อวดลูกจิ้งจอกของตัวเองว่าดียังงั้นดียังงี้ในดันเจี้ยน จนหลงจือหยางรู้สึกเอือมระอาแต่ก็ไม่ได้ไล่อีกฝ่ายออก
ส่วนหนึ่งเพราะอยากรู้เรื่องราวครอบครัวของอีกฝ่ายแบบที่หลงจือหยางไม่เคยสัมผัส จากนั้นก็กลายเป็นเหม็นขี้หน้าจิ้งจอกน้อยเพราะอิจฉา ไม่คิดเลยว่าโตมาจะทำทุกวิธีทางล่อลวงจิ้งจอกตัวนั้นขึ้นเตียง
"ฟังไว้ดีๆนะพวกเรามีเวลาไม่มาก"หลงจือหยางพยักหน้าอย่างว่าง่าย ถ้าคนในตระกูลมาเห็นก็คงเขวี้ยงโต๊ะตัวใหญ่อย่างอารมณ์เสีย
บัดซบ...ผีห่าซาตานตัวไหนเข้าสิงมันจนเชื่อฟังขนาดนี้
หลงจือหยางฟังจบก็ยังไม่คลายหัวคิ้วที่ขมวดก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
"ผมจะไม่ปล่อยให้เยว่ชิงเป็นอะไรไปเด็ดขาด ผมสาบาน"สองสามีภรรยามองลูกเขยด้วยสายตาที่พึงพอใจ ก่อนจะกำชับอย่างดีเพราะไม่ยากให้เยว่ชิงรู้ เด็กน้อยควรเสียใจเรื่องพวกเขาแค่ครั้งเดียว ไม่ควรเสียน้ำตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ได้ครับ หากมีโอกาสผมหวังว่าจะได้เจอพวกคุณ"
"เรียกพ่อแม่ได้แล้วลูกเขย เราเป็นครอบครัวเดียวกัน"หลงจือหยางรู้สึกอุ่นวาบในใจก่อนจะพยักหน้า
"ครับพ่อ แม่ ผมจะดูแลน้องอย่างดี อยู่ทางนั้นได้โปรดดูแลตัวเอง"ภาพสองสามีภรรยาสลายหายไป ทิ้งหลงจือหยางที่หนักอึ้งไปทั้งตัวยกมือเสยผมอย่างคิดมาก
เขาไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นใครบ้าง เพราะจิตวิญญาณเชื่อมต่อกับหอคอย คนพวกนั้นก็ไม่รู้ว่ามีใครบ้าง มีเพียงภารกิจที่ทางหอคอยมอบให้ทำเท่านั้น
"มันยากตรงที่ไม่รู้ว่าใคร"หลงจือหยางกัดริมฝีปากก่อนจะเรียกคนสนิทเข้ามาหาเพื่อประชุมและเร่งรัดให้มีการโจมตีคอหอยชั้นถัดไปที่เร็วยิ่งขึ้น โดยใช้เสียงสนับสนุนจากกิลด์และตระกูลอื่นๆ
ไม่ว่าใครก็อยากได้ผลประโยชน์รวมทั้งความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น ไม่งั้นเจ้าหอคอยนั้นคงไม่เล่นกับความโลภของมนุษย์แน่นอน
จนมันหลงลืมไปว่า ความโลภก็จะย้อนเข้าหาตัวเองเช่นกัน
หลงจือหยางส่งเรื่องนี้ให้กับเสวียนอวี้โดยมีการประชุมภายในก่อนจะยื่นคำร้องไปที่ร้อยสามเสาหลัก แน่นอนว่าพวกเขาไม่เข้าใจตราบใดที่เราไม่เร่งขึ้นชั้นสูงๆเราจะยังมีเวลาปรับปรุงความแข็งแกร่งเสมอ
หลงจือหยางรู้ดีว่านั่นคือจิตสำนึกดั้งเดิมของจิตวิญญาณที่หอคอยยังควบคุมได้ จนตอนนี้มีหลายคนได้หลุดพ้นออกมาแล้วอย่างเช่นหลงจือหยางและเกอทั่วโลกจากการแทรกแซงของระบบ
"คิดอีกมุมหนึง ในสิบห้าวันสุดท้ายที่เราเข้าหอคอย จู่ๆดันเจี้ยนก็ปรากฏขึ้นและเกทแตกอัตโนมัติ อะไรจะเกิดขึ้น ในตอนนี้อย่าลืมว่าดันเจี้ยนมันผุดขึ้นทั่วโลกแล้วนะครับ"นี่คือคำแถของหลงจือหยางที่ทำให้ผู้คนต่างคล้อยตาม
ทางร้อยสามเสาหลักเองก็ชะงัก มันจริงอย่างที่หลงจือหยางบอก ในชั้นที่สิบพวกเขาต่างก็อยู่ในนั้นถ้าไม่มีเกอเหล่านี้คนข้างนอกคนตายหมดแล้วจะมีประโยชน์อะไรถ้าชนะมันมาได้ แต่เหลือคนแค่นิดเดียว
ในขณะที่ทางกิลด์และตระกูลก็กระหายต่อสินสงครามที่จะได้รับ พวกเขาไม่อยากตามหลังหลงจือหยางมากเกินไป การที่เจ้าตัวเสนอแบบนี้มันมีความหมายว่าหลงจือหยางต้องการยกระดับคนของตัวเองโดยเร็วที่สุด
ช่องว่างระหว่างอันดับหนึ่งกับอันดับสองแทบจะเทียบกันไม่ติดอยู่แล้ว กลายเป็นเฉินอีลงมติเห็นด้วยแทบจะทันที ตามด้วยเสียงสนับสนุนจากคนอื่นๆอย่างกระตือรือร้น
"งั้นชั้นที่สิบเอ็ดจะเริ่มเมื่อไหร่ดี"ที่ประชุมได้เปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา ทุกสายตาหันไปมองหลงจือหยางอย่างพร้อมเพรียง
"เราจะไม่บุกเข้าไปทั้งหมดแต่เป็นการจับฉลากเพื่อความเท่าเทียมในสงคราม กิลด์อันดับหนึ่งจะร่วมมือกับตระกูลระดับล่างๆในชั้นที่สิบเอ็ดเอง ส่วนชั้นอื่นๆก็ตกลงกันเอาเอง"
ทุกคนตาวาว กล่าวได้ว่าระดับชั้นที่เพิ่มสูงขึ้น ของรางวัลก็ดีตามไปด้วย
หลงจือหยางยกยิ้มมุมปาก เจ้านั่นใช้ประโยชน์จากความโลภของมนุษคย์ได้แต่ควบคุมได้ไม่กี่คน ในขณะที่หลงจือหยางรู้วิธีชักนำความโลภของคนที่ทรงพลังได้ทันที
จบชั้นที่สิบเอ็ดเมื่อไหร่ เชื่อสิ ไม่เกินหนึ่งเดือนกลุ่มต่อไปก็เข้าไปแล้วละ ทีนี้เขาก็ไม่ต้องลงแรงมากนัก รอคอยกลุ่มในเงามืดเคลื่อนไหวเพื่อขัดขวางพวกเขาดีกว่า