Chapter 35 - ตอนที่34.

ในอีกทางฝากฝั่ง กลุ่มคนทรงอิทธิพลบางกลุ่ม ภายในหัวของพวกเขาต่างก็ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบา น้ำเสียงชวนขุนหัวลุกที่พวกเขาคุ้นเคย นายท่านของพวกมันที่ยื่นพลังอันลึกลับให้

"เจ้าพวกทาสของข้า แย่งชิงเจ้าเด็กจิ้งจอกนั่นมาให้ข้า"

แต่ละคนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อในหัวของแต่ละคนปรากฏจิ้งจอกขาวเพียงตัวเดียวบนโลกนี้ และเป็นที่รู้จักกันดีว่าอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหนรวมทั้งคนรอบข้างที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกองทัพสัตว์อสูร

"นายท่าน ข้าต้องการให้ท่านออกคำสั่งใหม่"ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาหรูหรามองออกไปนอกคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความพึงพอใจ แต่จะพอใจมากกว่านี้ หากมันอยู่ในกำมือของเขาแต่เพียงผู้เดียว

"นายท่านอาจจะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายมีคนคอยปกป้อง ควรให้คำสั่งหาทางกำจัดผู้ชายคนนั้น ไม่นานนายท่านจะได้จิ้งจอกขาวไปแน่นอน"

"ชายคนนั้นชื่อหลงจือหยางครับ"สิ้นคำพูดไปได้ไม่นาน พวกเขาที่อยู่ในเงามืดก็ได้รับคำสั่งใหม่ออกมา 

มันกลายเป็นว่าพวกเขาต้องกำจัดหลงจือหยางชายที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก

"ฮ่าๆๆครั้งนี้แกตายแน่ไม่เด็กเวร"เสียงหัวเราะเสียงดังกังวานไปทั่วทั้งห้อง ชายคนนี้หลงจือหยางย่อมรู้จักดี เพราะชายคนนี้มีแซ่หลง

"อีกไม่นานตระกูลหลงต้องเป็นของกูแค่คนเดียวเท่านั้น ถ้าใครกล้าขวางกูจะฆ่าให้หมดทุกคน"ด้วยอำนาจของพลังและเงินตรา บางคนไม่สามารถเอาชนะสิ่งยั่วยวนได้ บทสรุปสุดท้ายก็กลายเป็นทาสของมัน

"หือ เปลี่ยนคำสั่ง ทำไมกันนะ"ชายในชุดสุภาพเรียบร้อยค่อยๆดึงหนังสือจากชั้นบนก่อนจะวางทับหนังสือสามเล่มที่อยู่บนแขน ก่อนจะก้มหัวทักทายเพื่อนร่วมงาน

"แถมยังเปลี่ยนเป็นหลงจือหยางอีก มีคนในตระกูลหลงจริงๆ"ชายคนนั้นพูดอย่างขบขัน หลายคนในแวดวงชั้นสูงต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่าหลงจือหยางไม่แยแสตระกูลตัวเองแม้แต่น้อย 

"แต่ว่านะ คงยาก"เขาพูดขึ้นพร้อมดันแว่นเข้าที่ ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนร่วมงาน

"อ้าว อาจารย์หวังยังไม่ไปสอนเด็กๆเหรอคะ"อาจารย์สาวเอ่ยถาม ตอนนี้ทั้งเขตมหาลัยมีแต่ปีสูงๆที่เข้ามาเรียน เนื่องจากเด็กๆหลายคนยังไม่เข้าโรงเรียนส่วนหนึ่งก็เพราะดันเจี้ยน ทางโรงเรียนเลยลดชั่วโมงการเรียนลง

"กำลังไปครับ เผอิญเด็กๆอยากรู้จักลักษณะจิ้งจอกขาวมากขึ้น"ว่าจบก็ชูหนังสือที่เพิ่งนำลงจากชั้นให้อีกฝ่ายดู

"แหม่ อาจารย์หวังเซียวหมิงนี่ละก็ ขยันจริงๆเลยนะคะ"อาจารย์สาวพูดคุยด้วยเล็กน้อยก็ขอตัว

หวังเซียวหมิงเขยคนโปรดของตาเฒ่าหวังเค่อซวนดันแว่นขึ้นก่อนจะพลิกนาฬิกาเพื่อดูเวลาก่อนจะจ้องหน้าปกตำนานจิ้งจอกเก้าหาง จากนั้นก็เดินไปยังห้องที่จะสอน

"น่าแปลกใจที่นายไม่เคลื่อนไหวไปกับเขาด้วย"บุตรชายคนเล็กของตระกูลหวังเอ่ยขึ้นกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

"ฉันไม่วิ่งพาตัวเองไปตายหรอกไม่ต้องห่วง"เฉินอีตวัดสายตามองก่อนจะถามถึงเรื่องสำคัญ

"ไอเทมชิ้นนั้นที่ขายให้นายไปเป็นไงบ้าง"คนที่ขายไอเทมให้กับหวังจีเว่ยคือเฉินอีกับคนในกิลด์

"นายนี่ดูเป็นคนดีจริงๆ"หวังจีเว่ยเอ่ยชมพร้อมยกนิ้วโป้งให้

"ก็ไม่ได้ชั่วขนาดนั้นโว้ย"เฉินอีอยากจะพลิกโต๊ะใส่อีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ

"มีอะไรรึเปล่าครับ"เยว่ชิงที่เห็นหลงจือยืนมองโทรศัพท์ในมือราวกับว่าอยากปาทิ้งเต็มทน หลงจือหยางเก็บโทรศัทพ์ก่อนจะเงยหน้ามองเยว่ชิงที่สวมชุดนอนเส้นผมเปียกชื้นดูเย้ายวนสายตาทุกย่างก้าว

"เสวียนอวี้มันโทรมาบอกว่ามีการเคลื่อนไหวแล้ว"หลงจือหยางบอกอีกทั้งยังเดินเข้ามาหาโอบอุ้มคนน้องนั่งบนท่อนแขนก่อนจะวางบนเก้าอี้ พ่อบ้านคนหล่อแย่งผ้าซับผมก่อนจะซับผมให้คนน้องอย่างเคยชินราวกับทำเป็นประจำ

"ถ้าแค่นั้นไม่น่าเครียดเท่าไหร่นี่ครับ ก็พี่อยากให้เจ้าพวกนั้นออกจากเงามืดนี่น่า"เยว่ชิงพูดขึ้นหลังจากนึกขึ้นได้ว่าหลงจือหยางต้องการให้คนกลุ่มนี้เคลื่อนไหว เพราะนอกจากจะต้องการจับอีกฝ่ายก็ยังมีเรื่องของจำนวนคนที่เข้าร่วมอีกด้วย

"พี่ไม่ได้เครียดเรื่องนั้นครับ"หลงจือหยางพูดพรางสางผมให้อย่างเบามือจากนั้นก็โน้มใบหน้าก้มดมปลายเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มนิ่มมือ

"แล้วเครียดเรื่องไหน"เยว่ชิงเงยหน้าถาม

"เสวียนอวี้มันบอกจะมีลูกกับจิวอิงสิบคน พี่ยอมไม่ได้จริงๆ" เยว่ชิงยกมือตีแขนคนพี่ไปหนึ่งที เรื่องแบบนี้ยังจะขิงกันอีกเหรอเนี่ย นึกว่าตอนนั้นแค่อยากอวดกันเฉยๆ

"ไปอาบน้ำเลยครับ"เยว่ชิงดันหลังหลงจือหยางให้เข้าห้องน้ำ ก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียง ดึงผ้าห่มคลุ่มถึงแก้มขาวๆริมฝีปากภายใต้ผ้าห่มเม้มแน่น

เยว่ชิงนึกภาพตามที่เห็นลูกๆทั้งสิบคนวิ่งเล่นอยู่รอบตัว หัวใจดวงน้อยก็เต้นตุบตับอย่างรุนแรง ผ่านไปสักพักหลงจือหยางก็ออกจากห้องน้ำขึ้นไปนอนสวมกอดคนน้องตามความเคยชิน ใช้ปลายจมูกถูไถดมความหอมของคนรักก่อนจะหลับตาลง

"ทำไมถึงโทรไปบอกแบบนั้นละครับ"จิวอิงที่นั่งบนที่นอนเอ่ยถามหลังจากได้ยินเสวียนอวี้กำลังพูดถึงลูกชายลูกสาวอย่างเมามัน โดยที่ไม่ได้ถามจิวอิงเลยสักคำเดียว

"โถ่อิงอิง น้องไม่รู้อะไรตอนไอ้หยางมันจีบน้องเยว่นะ แถบจะหายใจเข้าก็มีเสียงบอกรักน้องเยว่ หายในออกก็มีเสียงบอกรักน้องเยว่ ยิ่งกว่าพี่อีก"เสวียนอวี้พูดขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆบนเตียง

"วันนี้ลองนอนเตียงเดียวกับพี่ดูนะ รับรองว่าพี่ไม่ทำอะไรน้องแน่ๆ"เสวียนอวี้เอ่ยอย่างมั่นใจ เทคนิคการหลอกล่อของเขามันล้ำเลิศยิ่งกว่าผู้ใดเสียอีก และที่สำคัญอิงอิงของเขาดูหลอกง่ายกว่าเยว่ชิงเยอะเลย

"ครับ"จิวอิงพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะค่อยๆนอนลงดึงผ้าห่มคลุมถึงคอ เสวียนอวี้กะพริบตาปริบๆ พี่ไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยรึไง

ทางจิวอิงที่มองเสวียนอวี้ทำสีหน้าแห้งเหี่ยวก็ได้แต่ยกยิ้ม เจ้าตัวน้อยนอนตะแคงข้างหันใบหน้าไปทางที่เสวียนอวี้นอน จากนั้นก็ดึงแขนอีกฝ่ายมากอด

จิวอิงซุกหน้าลงที่ท่อนแขนแล้วหลับตาลงกลายเป็นเสวียนอวี้ที่นอนลืมตาตลอดทั้งคืน ตัวน้องนุ่มนิ่มมากอยากจับๆลูบๆดู ตัวน้องหอมมากอยากจูบไปทั่วทั้งตัว

จิวอิงที่นอนอย่างเฝ้าระวังเมื่อได้กลิ่นกายหอมๆของเสวียนอวี้ก็หลับลงอย่างง่ายดาย นอนหลับง่ายจนกระทั่งคนที่นอนข้างๆอิจฉา

ในช่วงเช้าหลงจือหยางนัดเพื่อนคนสนิทที่ไว้ใจได้จริงๆเข้าประชุม อย่างแรกเรื่องหอคอยชั้นบนสุด กลุ่มคนในเงามืดที่ซ่อนตัวจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งการรับมือที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้

"แกจะบอกว่านั่นคือเทพที่ถูกถีบลงมา"หลงจือหยางพยักหน้าเมื่อเสวียนอวี้ถาม

"งั้นก็ดี อยากลองดีกับเทพดูบ้าง"คุณชายโจวกับคุณชายจ้าวคนเดิมนั่งกอดคอกันอย่างสนิทสนมรักใคร่กันดี พวกเขาตีมือกันเบาๆก่อนจะหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นทะเลาะกัน

คนในห้องประชุมนั่งท้าวคางมองดูเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เพื่อเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดของสมอง

"โชคดีที่เรามีเจ้าสองคนนี้ บางทีประชุมครั้งหน้าเราควรมีขนมและเครื่องดื่มเพื่อนั่งชม"บุรุษหลายสิบคนในห้องพยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง

"หมายความว่าไงคุณชายจ้าว ที่เจ้าเสวียนอวี้นั่นพูด"คุณชายโจวหันไปถามความเห็นจากเพื่อนรักเพื่อนแค้น

"คุณชายจ้าวคิดว่า ถ้ากิลด์หมื่นดาบไม่มีพวกเรา พวกเขาจะเหงามาก"คุณชายจ้าวกล่าวออกมาจากนั้นก็มองไปที่คุณชายโจวที่เอามือสีคางอย่างใช้ความคิด

"อ๋อ เป็นเช่นนี้เอง พวกเราแม่งโคตรสำคัญ ใช่ไหมเพื่อน"คุณชายโจวไม่รอช้ากอดคออีกฝ่ายแล้วยกยอปอปั้นตัวเองเสร็จสรรพ

"แน่นอนเพื่อน"คุณชายจ้าวกอดคอกลับคืน ก่อนทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็นั่งลงรอรับคำสั่งเพื่อทำภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้

"เอาละ เรามาแบ่งทีมล่ากันดีกว่า"หลงจือหยางแสยะยิ้มมุมปาก ไม่มีใครท้าทายเขามานานแล้วเหมือนกัน แล้วก็...เขาจะทำให้รู้ว่าการท้าทายคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกจะได้รับผลของการกระทำแบบไหน

หลงจือหยางขอความร่วมมือกับเกาเทียนเย่ในการสร้างสนามพลังชั่วคราวบริเวณที่ตั้งกิลด์และแถวๆหอคอย แน่นอนว่าเกาเทียนเย่ไม่ขัดอีกทั้งยังกระจายเกอหลายๆคนที่สามารถใช้ความสามารถของสนามพลังได้ ไปอยู่ประจำจุดต่างๆ

หลงจือหยางค่อนข้างพอใจต่อการกระทำของกิลด์ตำหนักเทพอสูรไม่น้อย ก่อนจะคิดในใจว่าคืนนี้จะมอบคำขอบคุณให้กับเยว่ชิงยังไงดี

"นายคงพอรู้ว่ามีใครบ้างที่อาจจะอยู่ในเงามืด"เสวียนอวี้วางมือลงที่บ่าของหลงจือหยางแล้วบีบมันเบาๆ

"อืม คงไม่พ้นลุงใหญ่"หลงจือหยางพูดออกมาอย่างชัดเจนโดยไม่มีความลังเล เพราะโดยส่วนตัวก็เข้าใจสันดานของคนในตระกูลดีส่วนหนึ่ง

"มั่นใจมากว่าเป็นลุงใหญ่แล้วลุงรองแกละ"

"ขี้ขลาดเกินไป ถ้าอีกคนที่นึกได้ก็คงพ่อฉัน ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ มันก็เป็นหลักฐานสำคัญว่าฐานะพวกเขาไม่ได้มั่นคง"

หลงจือหยางมั่นใจว่าต้องมีคนพวกนี้แน่นอน ลุกใหญ่เกิดก่อนพ่อของเขา อีกทั้งยังมีความทะเยอทะยานที่ได้มาจากปู่ แต่น่าเสียดายที่พลังจิตวิญญาณอ่อนแอไปเล็กน้อย

ในขณะที่พ่อของเขาก็อยากนั่งตำแหน่งตระกูลจนตัวสั่น รอคอยการมอบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ในมือ โดยไม่รู้ว่าถูกชายชราที่เป็นพ่อแท้ๆหลอกใช้อีกที อย่างตาแก่นั่นไม่มีทางส่งมอบอำนาจให้ใครในเร็วๆนี้แน่ ตราบใดที่อายุขัยเพิ่มมาหลายพันปี

ในทางกลับกันเมื่อหลงจือหยางไม่รับตำแหน่ง ตระกูลหลงก็ยังยืนได้อย่างมั่นคงในฐานะที่เขามีอิทธิพลมากที่สุดในโลก หรือถ้าเขาตั้งใจรับตำแหน่งผู้นำจริงๆตระกูลหลงก็จะพุ่งทะยานอำนาจไปไม่น้อย

แถมคนปู่ก็คงไม่คิดจะกำจัดเขาง่ายๆเพราะเยว่ชิงเป็นตัวแปรสำคัญ ทั้งหลานชายหลานสะใภ้ต่างก็เป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดในโลก ชื่อเสียงตระกูลและอำนาจของตระกูลก็เพิ่มขึ้น