หลังจากผ่านหอคอยชั้นที่สิบห้าทางร้อยสามเสาหลักก็ประกาศหยุดพักชั่วคราวเป็นเวลาสามวัน เป็นเหตุให้เยว่ชิงหยุดพักคุยกับระบบที่กลับมาแล้ว ส่วนหลงจือหยางไปประชุมกับเสวียนอวี้
"เป็นงี้นะ....เรื่องมันก็แบบ....แล้วก็เป็นแบบ..."ระบบที่กลับมาถึงก็ได้แต่มึนงง ใครกินเด็กน้อยขี้อายของเขาไป ส่วนที่สิงร่างอยู่ก็คงเป็นนกแก้วนกขุนทองพูดเก่ง เล่าเก่ง อวยคนรักเก่ง
"ระบบฟังอยู่ไหม"จิ้งจอกขาวสะบัดหางทั้งเก้าพรึบพรับ ใบหูสีขาวลู่ลงอย่างน่าสงสารยิ่งเจ้าตัวน้อยยกผ้าห่มปิดครึ่งหน้ากระมิดกระเมี้ยน
[แน่นอนโฮสต์]โดนเข้าสิงอยู่จริงๆสินะ ระบบได้แต่ปลอบใจตัวเอง
"เนอะ หลงจือหยางน่ะนะ...."
[....(-_-)....]ระบบก็ยังคงฟังเด็กน้อยขี้อวด ที่ยังคงเล่าเรื่องราวความหล่อของหลงจือหยางตลอดหลายชั่วโมง ไม่คิดเลยว่าการหายไปไม่กี่วัน เด็กน้อยของเขาจะมีเรื่องเล่ามากขนาดนี้
"พลังวิญญาณมันผันผวนหนักมากจริงๆ นายเลยบอกให้ทุกคนหยุดสามวันสินะ"เสวียนอวี้ยืนพิงขอบหน้าต่างมองยอดบนสุดของหอคอยจนเห็นพลังวิญญาณที่เลือนรางหมุนวนอยู่ข้างๆ
"แล้วจะเคลื่อนไหวไหม"เสวียนอวี้หันไปถามเพื่อความแน่ใจ หลงจือหยางส่วยศีรษะ เรื่องบางอย่างเข้าไปขวางก็ยิ่งยุ่งและที่สำคัญบางครั้งก็ต้องปล่อยวางลงไป อย่างที่เทพโชคชะตาเคยพูด ไม่ว่าจะคนหรือเทพต่างก็มีชะตาของกันและกัน
"รอฟังข่าวดีกว่า"หลงจือหยางตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งในเรื่องนี้ ทางเสวียนอวี้เองก็พยักหน้าต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับไปนอนกอดคนรักให้คุ้มกับที่พักผ่อนสามวัน หรืออาจจะไม่ถึง
"กลับบ้านเป็นแล้วรึไง"หวังเค่อซวนเอ่ยทักลูกชายคนเล็กที่มีสีหน้ายียวนไม่หยี่ระต่อคำทักทายของคนพ่อเลยสักนิดเดียว
"ก็นี่บ้านผม ถ้าพ่อไม่ให้ผมเข้าบ้าน ผมจะไปจุดธูปฟ้องแม่"เมื่อโดนลูกชายตัวดีข่มขู่คนพ่อก็เงียบกริบ ไม่ว่าอะไรในเรื่องนี้อีก
"แกก็เพลาๆบ้างละ"หลายวันที่ผ่านมาในตระกูลหวังนอกจากหวังเค่อซวนก็ลูกชายตัวดีที่เข้าหอคอย จนตอนนี้จิตวิญญาณอีกฝ่ายอยู่ระดับC ถึงแม้จะขัดคำสั่งของเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคภูมิใจในตัวบุตรชายไม่น้อย
"หือ แน่นอนครับ"หวังจีเว่ยกระตุกยิ้มมุมปาก ตาแก่ปากแข็งเสียจริง
"หวังจีเว่ย กินข้าวเย็นที่บ้านไหม"หวังเซียวหมิงที่เดินลงบันไดเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องครัว
"ถ้าไม่กินข้าวที่บ้านแล้วผมจะกินที่ไหน"หวังจีเว่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ การที่เขาอยู่บ้านนี่มันแปลกตามากเลยรึไงกัน
"พี่ก็แค่ถามนั่นแหละ"หวังเซียวหมิงคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นการต่อต้านเล็กๆ
....ใช้ช่วงเวลาชีวิตที่เหลือไปเถอะ ก่อนที่จะไม่ได้ใช้ร่วมกับครอบครัว
"ทำอะไรกันวุ่นวายจริงเลย"ผู้เฒ่าหลงเจียนเจี๋ยเอ่ยถามเมื่อคนรับใช้กำลังวุ่นวายจัดเตรียมสถานที่
"เห็นพี่ใหญ่บอกให้ฉลองที่เด็กๆหลายคนในตระกูลเลื่อนระดับจิตวิญญาณ"หลงจือฮ่าวเอ่ยออกมา ทางผู้เฒ่าหลงก็พยักหน้าเข้าใจ เรื่องน่ายินดีแบบนี้ก็ควรฉลองๆจริงๆ
และอีกหลายตระกูลที่จัดงานเลี้ยงฉลอง
ยามค่ำคืนที่มีแสงไฟสีขาวสลัวมี เสียงหัวเราะเฮฮาเต็มไปด้วยความสุขแทบจะปรากฏทุกพื้นที่ในยามค่ำคืนนี้ ผู้คนที่อยู่ในเงามืดต่างก็ได้รับข้อความสำคัญ ยามนี้ต้องชั่งใจระหว่างครอบครัวหรือความยิ่งใหญ่ในอนาคตในช่วงนาทีสุดท้าย
"ลงมือเดี๋ยวนี้" เพียงประโยคนี้ประโยคเดียว เสียงหัวเราะเฮฮาก็กลายเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงม
ท่ามกลางแสงไฟสลัวมีควันและเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมา เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่พื้นที่เดียว มันเกิดในหลายพื้นที่ แน่นอนว่ามีการประโคมข่าวขึ้นมาในชั่วพริบตารายการข่าวก็เข้าสู่การถ่ายทอดสด
"คงต้องเรียกประชุมร้อยสามเสาหลัก"หวังเค่อซวนที่นั่งดื่มกับลูกเขยเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องนอนเพื่อกดปุ่มฉุกเฉินเรียกประชุม
"เวลานี้เหรอครับ"หวังเซียวหมิงขมวดคิ้ว เมื่อหวังเค่อซวนเดินขึ้นชั้นสองของตัวบ้านเจ้าตัวก็เดินตาม
"ยังไงพ่อฝากดูหวังเจียวมี่กับหวังจีเว่ยหน่อยนะ ไม่รู้ว่าประชุมกินเวลากี่โมง"หวังเค่อซวนเดินเข้าห้องยามที่เปิดประตูเข้าไปดวงตาก็พร่าเลือนขึ้นมาทันควัน ทุกย่างก้าวต่างก็แข็งทื่อจนก้าวขาไม่ออก
"ได้สิครับ ผมจะดูแลอย่างดี"หวังเค่อซวนมองปลายมีดที่เสียบจากด้านหลังทะลุหน้าอกฝั่งซ้าย ยามที่หันไปมองก็เห็นลูกเขยตัวเองดันแว่นตาขึ้นแล้วแสยะยิ้มออกมา
"อีกไม่นาน พวกเขาจะไปอยู่กับคุณพ่อนะครับ"หวังเซียวหมิงคลี่ยิ้มออกมา เมื่อทุกอย่างใกล้จะสำเร็จ
"ไอ้ อั๊ก"หวังเค่อซวนสมกับเป็นตาเฒ่าที่ทรงพลัง จนขนาดที่ปลายมีดเสียบทะลุหัวใจขนาดนี้ยังสามารถด่าออกมาได้ หวังเซียวหมิงเลยดึงมีดออกแล้วเสียบใหม่ซ้ำๆจนในที่สุดหวังเค่อซวนก็แน่นิ่ง
"นะ...นี่มันอะไร"หวังเจียวมี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใสที่ไหลรินจนบดบังภาพเบื้องหน้า เจ้าตัวพยายามส่ายศีรษะปฏิเสธความเป็นจริงว่าคนที่ลงมือฆ่าพ่อของเธออย่างเลือดเย็น ไม่ใช่คนที่ตัวเอกรักและเป็นพ่อของลูกเธอ
"อ่าาา...เห็นแล้วสินะ"หวังเซียวหมิงก้าวพริบตาประชิดตัวอีกฝ่าย ฝ่ามือกอบกุมลำคอบางก่อนจะกระชากให้เข้าห้องของหวังเค่อซวนจากนั้นก็ปิดประตู
"ตอนแรกว่าจะให้ไปอย่างไม่ทรมานเสียอีก"หวังเซียวหมิงถอนหายใจอย่างเสียดาย หวังเจียวมี่ยกมือกุมมือใหญ่ที่กอบกุมลำคอ ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวไปด้วยความทรมาน ดวงตาคู่สวยทอประกายความเกียจชังอย่างชัดเจน
"อึก...เคย รักกัน...บ้างไหม"หวังเจียวมี่เค้นเสียงเอ่ยถาม
"อ่า คงต้องตอบความจริงสินะ"เมื่อเห็นท่าทีของหวังเซียวหมิง หวังเจียวมี่ก็หลับตาลงไม่เพียงแค่หัวใจที่ร้าวราน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำท่าไม่รักกันมากเท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งแตกสลาย
"ผมไม่เคยรักคุณเลยสักนิด ที่ทำทุกอย่างก็เป็นเพียงแผนการเท่านั้นแหละ ลาก่อนนะ...ที่รัก"คมมีดเฉือนเข้าที่ลำคอก่อนที่เลือดจะทะลักออกมา หวังเซียวหมิงเริ่มลงมือทำลายห้องของหวังเค่อซวนก่อนจะออกจากห้อง
เสี้ยวพริบตาแส้สีแดงเพลิงก็ตวัดเข้าที่หน้า หวังเซียวหมิงกระโดดหลบทันควันมองน้องเมียแล้วแสยะยิ้มออกมา
"นึกว่าต้องไปหาถึงที่เสียอีก"หวังเซียวหมิงเลียริมฝีปากเมื่อเห็นหวังจีเว่ยยืนหอบหายใจราวกับกำลังบ้าคลั่ง
"ไอ้เหี้ยเอ้ย พ่อกูพี่กูไปทำอะไรให้มึงฮะ"ยิ่งอีกฝ่ายหงุดหงิดมากเท่าไหร่หวังเซียวหมิงก็ยิ่งชื่นชอบ หากได้เอาน้องเมียขึ้นมา ได้ปราบพยศอีกฝ่ายบนเตียงไม่รู้จะดีขนาดไหน
"เอาชนะกูให้ได้สิไอ้ลูกหมาแล้วกูจะบอก"หวังเซียวหมิงเอ่ยท้าทาย ไม่นานหวังจีเว่ยก็พุ่งเข้าใส่
"แกคิดจะทำอะไรไอ้ลูกทรพี"ตาเฒ่าหลงเจียนเจี๋ยมองบุตรชายคนโตที่ลงมือฆ่าผู้คนในตระกูล อีกทั้งคนในตระกูลบางส่วนยืนเคียงข้างอีกฝ่าย
"คิดอะไรนะเหรอ ผมก็จะสร้างความยิ่งใหญ่ของตระหลงไง"อีกฝ่ายตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยิ่งตอนนี้คนอื่นๆนอนตายแทบเท้าจะเหลือก็แต่น้องชายขี้ขลาดและคนตระกูลหลักบางส่วน
"โดยการกำจัดลูกหลานในตระกูล แกมันบ้าไปแล้ว"ผู้เฒ่าหลงพูดจบก็กระอักเลือดออกมา ด้านหลังยังมีคนในตระกูลทยอยล้มตายส่วนหนึ่งเกิดจากพิษที่ได้รับ ยิ่งเห็นก็ยิ่งกระอักเลือด
"บ้าแล้วยังไง ผมเป็นลูกคนโตแท้ๆ แต่พ่อมองข้ามไปส่งต่อผู้นำตระกูลให้กับมัน"อีกฝ่ายชี้ไปที่หลงจือฮ่าวที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ยินดียินร้ายในสิ่งที่เกิดขึ้น ยามนี้เขาลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีแต่ต้องไปให้สุดทาง
"แกมันไอ้ลูกไม่รักดี ไม่ว่าแกหรือไอ้จือฮ่าวทั้งๆที่ฉันมอบตระกูลให้แก แต่แกก็ยังทำเรื่องแบบนี้อีก"
"ไม่ใช่ว่าพ่อรอให้หลงจือหยางกลับมารึไง ผมก็แค่หุ่นเชิดแล้วผมผิดตรงไหนถ้าจะทำแบบนี้ สร้างตระกูลหลงที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา ผงาดขึ้นโดยมีผู้คนบูชากราบไหว้"
สุดท้ายความยาวนานในค่ำคืนเฉลิมฉลองก็นองไปด้วยเลือด ตระกูลหลงเริ่มต้นที่ความโลภก็จบที่ความโลภ ถ้าจะผิดก็ผิดที่การเลี้ยงดูให้เจริญรอยตามความคิดเดิมๆของตระกูล
....ไม่ว่าจะต้องเสียสละอะไรสำคัญแค่ไหน ตราบใดที่ตระกูลหลงยิ่งใหญ่ได้ก็ต้องทำ
อนิจจา ผู้เฒ่าหลงสิ้นตระกูลหลงก็ล่มสลาย
"กระดาษใบนี้จากกิลด์หมื่นดาบ"เฉินจงอีที่ยืนมองท้องฟ้าและแสงไฟหลากสีก็ก้มมองกระดาษก่อนที่หัวคิ้วจะขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเรียบนิ่งแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ
"จีเว่ย ผู้เฒ่าหวัง"อีกฝ่ายเร่งรีบไปหา ใช้เวลาไม่นานก็เห็นหวังจีเว่ยเปลือยท่อนบน กำลังถูกพี่เขยตัวเองโลมเลียร่างกายอย่างหยาบโลน
"แม่งเอ้ย"เฉินจงอีตะโกนออกมาอย่างโมโห หวังเซียวหมิงที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็จิ๊ปากพุ่งไปทางด้านหลังแล้วเผาเรือนต่างๆให้วอดวายก่อนจะหายไปในความมืด
"จีเว่ย"เฉินจงอีรับร่างสะบักสะบอมของหวังจีเว่ย มองร่องรอยสีกุหลาบตามหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ แม้อีกฝ่ายจะเป็นบุรุษแต่ใบหน้าดันคล้ายคลึงกับหวังเจียวมี่ผู้เป็นพี่ ถ้าคนไม่รู้ก็อาจจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเกอมากกว่าบุรุษ
"จงอี เจ็บ"หวังจีเว่ยเม้มริมฝีปาก สายตาทอดมองไปที่ห้องนอนของคนเป็นพ่อ ที่มีร่างไร้วิญญาณสองร่างอยู่ด้านใน
"คนอื่นๆกำลังตามมา"
"พี่ครับ"เยว่ชิงกอดร่างกายของคนพี่แนบแน่นมากขึ้น หลงจือหยางลูบศีรษะแผ่วเบา ริมฝีปากจุมพิตที่หน้าผากกว้าง
"เราจะปล่อยไปแบบนี้จริงๆเหรอครับ"เยว่ชิงรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งด้านบนหอคอยมีพลังวิญญาณผันผวนมากเท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งกระวนกระวาย
"ถ้าน้องเจอเทพแห่งโชคชะตา"หลงจือหยางกล่าวถึงคู่อริที่มักจะพูดไม่ชัดเจนแล้วยิ้มให้คนอื่นที่กำลังยืนงงจากคำพูดของตัวเอง
"น้องจะท้าต่อย เขาบอกน้องว่าชะตาของน้องกับพี่ยังไม่ตรงกัน ตามจีบก็เท่านั้น ชิ"เยว่ชิงส่งเสียงหึขึ้นจมูก เทพก็มีชะตาของเทพ คนก็มีชะตาของคน ฟังจนเอือมระอา ฟังจนหลอนหูมาถึงทุกวันนี้
"ไปที่กิลด์กันครับ ดูท่าพรุ่งนี้เราอาจจะต้องรับศึกความวุ่นวายแต่เช้า"แม้จะส่งคนอื่นๆกระจายไปช่วยตระกูลหลักต่างๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้สักเท่าไหร่ หลงจือหยางขอให้โชคชะตาเข้าข้างฝั่งเขาแล้วกัน