Chapter 44 - ตอนที่43.

เพราะมีการพักระยะเวลายาวนานถึงสามเดือน เยว่ชิงจึงใช้ช่วงเวลาว่างดังกล่าวเดินทางไปยังประเทศXเพื่อศึกษาผลผลิตทางการเกษตรซึ่งแน่นอนว่าผลออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจที่ผลผลิตทุกชนิดมีพลังวิญญาณจางๆอยู่

"อร่อยมากเลยครับ"เยว่ชิงเอ่ยชมหลังจากลองกินแอปเปิ้ลลูกสีแดงสวยที่ทุกขั้นตอนผ่านพลังของจิตวิญญาณแต่ละชนิด หญิงสาววัยกลางคนสองคนเดินตรงมาที่เยว่ชิงก่อนจะเอ่ยขอบคุณ

"พวกเราเป็นฝาแฝดที่มีจิตวิญญาณเป็นต้นแอปเปิ้ล ขอบคุณที่ทำให้พวกเรามีคุณค่าแบบนี้"

"ไม่เป็นไรเลยครับ ไม่ว่าใครก็มีคุณค่าทั้งนั้น"เยว่ชิงโบกมือปัดๆเล็กน้อย สองแฝดเอ่ยลา เยว่ชิงก็เดินไปดูส่วนอื่น

เกอจิตวิญญาณมดหลายพันตัวกำลังช่วยกันเกลี่ยดินไปมาอย่างขยันขันแข็ง พวกเขากลายเป็นเหมือนปุ๋ยที่บำรุงดินรองจากบุรุษที่มีจิตวิญญาณเป็นเครื่องมือเกษตรกร

จากนั้นสตรีแต่ละคนที่มีจิตวิญญาณสอดคล้องก็จะใช้พลังวิญญาณเร่งการเจริญเติบโตเพื่อเร่งการผลิต ตราบใดที่จิตวิญญาณเพิ่มระดับขึ้น ผลผลิตก็มากตาม

หลงจือหยางที่กำลังพูดคุยเรื่องการจ่ายเงินเดือนด้วยหินวิญญาณก็เดินเข้ามาก่อนจะจับมือเยว่ชิงเดินดูไปรอบๆ

"มันดีมากเลยนะครับ"เยว่ชิงพูดอย่างภูมิใจ ตอนที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาตอนแรกไม่คิดว่าจะทำสำเร็จจริงๆภายในเดือนแรก

"เป็นเพราะเรานั่นแหละ"หลงจือหยางยกมือยีหัวคนรักก่อนจะอวยยศความดีงามให้อีกด้วย

เข้าสู่เดือนที่สองหลังเคลียร์ชั้นที่สิบเก้าเรียบร้อยแล้ว ดันเจี้ยนยังผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะการผสมผสานระหว่างบุรุษ เกอและสตรีทำให้ตอนนี้ยังไม่มียอดผู้เสียชีวิต มีเพียงบาดเจ็บสาหัสจนต้องพักฟื้น

ในขณะที่คนกลุ่มใหม่ในกิลด์หมื่นดาบมีความพร้อมทั้งกายและใจ รวมทั้งความชำนาญในการต่อสู้คนกลุ่มนี้เลยได้เข้าดันเจี้ยนบ่อยๆรวมทั้งเข้าออกหอคอยเพื่อฝึกฝนฝีมือเป็นว่าเล่น

ยิ่งตอนนี้การเข้าถึงหินวิญญาณไม่ใช่เรื่องยากถึงแม้จะมีอยู่อย่างจำกัด ตราบใดที่มีความโดดเด่นขึ้นมาพวกเขาจะกลายเป็นกำลังหลักอย่างรวดเร็ว

ทางฝั่งของเกอเองก็มีการจัดระเบียบภายในมากขึ้น พวกเขาเรียนรู้เรื่องชนชั้นและความสำคัญของจ่าฝูง ที่นอกจากจะแสดงถึงความอหังการ์ในสนามรบยังรวมไปถึงการจู่โจมอย่างมีระเบียบแบบแผน

เนื่องจากทางกิลด์ตำหนักเทพอสูรมีการบันทึกผลการลงดันเจี้ยนตลอดเวลา ตั้งแต่มีจ่าฝูงพวกเขาก็แทบไม่บาดเจ็บเลยสักครั้ง เพราะมีจ่าฝูงและแม่ทัพคอยออกคำสั่งรวมทั้งปกป้องพวกพ้องอย่างทันท่วงที

ทางฝั่งสตรีเองหลังจากสร้างกิลด์หมื่นบุปผาขึ้นมา นอกจากจะคอยจำแนกประเภทเพื่อคัดให้รวมกลุ่มผสมผสานให้ลงตัวก่อนจะเข้าดันเจี้ยนเพื่อฝึกฝน ความสามารถเองก็ไม่แพ้คนอื่นๆ

ทุกคนต่างทำผลงานได้ดีตามความสามารถของตัวเอง เยว่ชิงมองภาพรวมด้วยความตื้นตันใจ

ตั่งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ เยว่ชิงอยากจะรักษาวิถีชีวิตแบบนี้เอาไว้ตลอด แต่ก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ตราบใดที่เทพหลงเยี่ยนหมิงจิตวิญญาณเทพยังไม่สูญสลายตลอดกาล

มีหนทางเดียวเท่านั้น คือการบังคับให้อีกฝ่ายเข้าสู่การหลับใหลอันเป็นนิรันดร์

จนในที่สุดก็ครบสามเดือนหลังเคลียร์ชั้นที่สิบเก้า หลงจือหยางเรียกประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการเคลียร์หอคอยชั้นที่ยี่สิบ

"งั้นก็จัดลำดับตามนี้"หลังจากประชุมได้ราวๆสิบนาทีหลงจือหยางก็เริ่มเรียงตำแหน่งเพื่อสร้างความได้เปรียบมาที่ฝั่งมนุษย์

เยว่ชิงมองคนรักด้วยสายตาวิบวับอย่างภาคภูมิใจ คนหล่อไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากจบประชุมก็ไปต่อที่กิลด์แจ้งเรื่องประชุมและแผนการก่อนจะให้ทุกคนไปพักผ่อนเพื่อเข้าหอคอยในวันถัดไป

เยว่ชิงที่ล้มตัวนอนในอ้อมกอดของหลงจือหยางก็สัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง เจ้าจิ้งจอกน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง มองคนรักที่ตอนนี้กำลังยิ้มล่อลวง

"แต่งงานกับพี่นะครับ หลังจบสงครามตัดสิน"เยว่ชิงพยักหน้างึกงักแต่แววตายังคงกังวลเรื่องของเทพหลงเยี่ยนหมิงอยู่ดี

"พี่จะบังคับให้หลงเยี่ยนหมิงเข้าสู่การหลับใหลอันเป็นนิรันดร์"หลงจือหยางลูบศีรษะคนรักให้คลายความกังวล แต่เจ้าตัวน้อยก็ยังคงเม้มปากแน่น หลงจือหยางรู้ดีว่าการบังคับเทพสักองค์ให้เข้าสู่การหลับใหลอันเป็นนิรันดร์ต้องใช้พลังมากขนาดไหน

"เชื่อในตัวพี่ก็พอ เราจะแต่งงานมีลูกๆน่ารักๆด้วยกันที่นี่ ยามที่กลับขึ้นไปยังดินแดนเทพพี่จะสู่ขอน้องใหม่อีกครั้ง"หลงจือหยางยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงเด็กน้อยหลายคนที่มีทั้งเขาและเยว่ชิงเป็นส่วนผสมในนั้น อาจจะมีลูกจิ้งจอกขาวที่เหมือนเยว่ชิง หรือไม่ก็เป็นลูกที่หล่อเหลาเหมือนกับเขา

"แต่งครับ ผมจะแต่งกับพี่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม"จิ้งจอกขาวปราบปลื้มเอามากๆจนหางขาวๆและใบหูโผล่ออกมาแสดงถึงความดีใจอย่างชัดเจน

ภาพบรรยากาศเดิมๆยามที่รวมตัวกันเพื่อเคลียร์หอคอยกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีผู้ที่อยู่ระดับต่ำกว่าEเข้าร่วม เนื่องจากแต่ละคนได้เลื่อนระดับมาอยู่ที่ระดับDและบางคนสามารถเลื่อนระดับมาถึงCได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน

เมื่อเปิดบานประตูชั้นที่ยี่สิบเข้าไปเสียงอันเก่าแก่แบบเดิมก็ดังขึ้น

{ ผู้เข้าร่วมท้าทายหอคอยชั้นที่ยี่สิบ ไม่สามารถกลับออกไปได้ตราบใดที่บอสยังไม่ตาย ผู้ที่พิชิตจะได้รับสินสงครามตามสมควร อีกสิบนาทีเตรียมการปะทะ}

"สามเดือนที่ไม่ได้ยินเสียงนี้ คิดถึงนิดหน่อย"เฉินจงอีกระตุกยิ้มมุมปาก แต่ละคนเริ่มจัดวางตำแหน่งของตัวเองโดยผสมผสานกันไป ด้านหน้าสุดเป็นสตรีที่มีจิตวิญญาณเป็นดอกไม้ประเภทพิษเพื่อใช้ตัดกำลัง

ด้านหลังเป็นสตรีที่ถือครองจิตวิญญาณดอกลำโพงที่ทุกคนช่วยกันดันอีกฝ่ายจนมาถึงระดับC ภายในสามเดือน ทำให้ดอกลำโพงมีขนาดใหญ่กระจายเสียงได้กว้างขึ้นและดังมากขึ้น ข้างๆกันเป็นคนของกิลด์หมื่นดาบที่มีจิตวิญญาณแห่งเสียงเพลงที่ทำให้การเคลื่อนไหวของศัตรูช้าลง ส่วนพันธมิตรอย่างมนุษย์จะมีความเร็วเพิ่มขึ้นตามเวลาที่กำหนด

และเพราะอีกฝ่ายอยู่ระดับBทำให้บทเพลงนี้ยาวนานกว่าครึ่งชั่วโมงที่ทางฝั่งมนุษย์จะได้เปรียบมากที่สุด

ไม่นานวงแหวนสีขาวก็ปรากฏขึ้นตามด้วยหมาป่าขนาดต่างๆ ในขณะที่บอสของชั้นที่ยี่สิบอยู่ด้านหลังสุดมีขนาดความสูงอยู่ราวๆเจ็ดเมตร

"เริ่มโจมตี"สิ้นเสียงของหลงจือหยาง สตรีด้านหน้าสุดเผยจิตวิญญาณก่อนที่ดอกไม้จะบานออกแล้วละอองพุ่งเข้าใส่หมาป่าด้านหน้า ก่อนที่พวกเธอจะถอนตัวไปด้านหลังนับจากนี้หน้าที่ของพวกเธอคือการลากคนเจ็บออกมาจากสนามรบ

เกาเทียนเย่ยังคงเป็นเกาะกำบังให้กับสตรีได้เป็นอย่างดีจึงเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ท้ายสุด จากนั้นก็โจมตีเท่าที่ทำได้

ดอกลำโพงและบทเพลงที่ดังเข้าหูทำให้การเคลื่อนที่ของพวกเขาเร็วขึ้น จำนวนประชากรทั้งสองฝั่งไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ถึงแม้ว่าอีกฝั่งจะมีหมาป่าเกือบๆสองแสนตัวในสนามรบก็ตาม

เยว่ชิงเปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกขาวสูงเก้าเมตรกระโดดเข้าปะทะบอสของดันเจี้ยน ในขณะที่หลงจือหยางกับเสวียนอวี้รับมือกับบรรดาแม่ทัพหมาป่า ส่วนจิวอิงก็ลงมือกับหมาป่าระดับต่ำ

จิ้งจอกขาวและหมาป่ายักษ์ส่งเสียงคำรามขึ้นพร้อมกันเพื่อประกาศถึงการเป็นราชาที่แม้จริง จากนั้นหมาป่าก็กระโจนเข้าใส่หวังตวัดเล็บแหลมคมเข้าที่เนื้อ

แต่น่าเสียดายหลังจากที่ระบบขึ้นไปจัดการบางอย่าง เยว่ชิงและอีกสามคนก็ทะลุระดับศักดิ์สิทธิ์ของโลกนี้เป็นที่เรียบร้อย การจะจัดการกับอสูรตรงหน้านับว่าง่ายดาย เพียงแต่หลงจือหยางกล่าวไว้ว่าให้ออมมือ

ยามที่เราอยู่ในที่แสงสว่างแต่มีคนในเงามืดต้องการจัดการกับเรา ให้แกล้งหลอกเป็นหมูกินเสือ หลอกล่อว่าเรายังคงอ่อนแออยู่มาก ยามที่อีกฝ่ายวิ่งเข้าหาพวกเขาค่อยตลบหลังอีกที

สองชั่วโมงชั่วโมงผ่านไปเสียงแจ้งเตือนผลงานก็ดังขึ้น คราวนี้คือหินวิญญาณสามเท่า ที่จะช่วยยกระดับพวกเขาไปอีกขั้น แน่นอนว่าสินสงครามในครั้งนี้ทำเอาทุกคนยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว

"ก็ไม่เท่าไหร่ พอเกิดสงครามจริงๆพวกเราย่อมชนะแน่นอน"หวังจีเว่ยเอ่ยขึ้นหลังจากได้รับสินสงครามเป็นที่เรียบร้อย

"คงเป็นเช่นนั้น พวกเราจะแพ้ได้ไงละ จริงไหม"เฉินจงอีก็เห็นดีเห็นงามกับอีกฝ่าย

"กลับกันเถอะ จะได้พักผ่อนเพราะทุกคนก็เหนื่อยพอตัว"ทุกคนต่างก้าวขาออกจากหอคอยทันที ตอนนี้นอกจากจะอยากอาบน้ำแล้วพวกเขายังอยากดูดซับหินวิญญาณสามเท่าอีกด้วย

"พวกมันกล้าท้าทายข้า เจ้าพวกมนุษย์โอหัง"ยามที่ประตูชั้นที่ยี่สิบปิดลงโดยที่ไม่มีใครตาย ทำให้ผู้สูงสุดของหอคอยไม่พอใจอย่างมาก ยามนี้กำลังพลนับแสนของเขาเองก็พร้อมแล้วเช่นกัน

ยามสายตาตวัดมองมนุษย์ฝั่งตนเอง พวกมันก็คุกเข่าลงแสดงความเคารพหลังจากที่สามารถเชื่อมต่อจิตวิญญาณที่สองได้จริง ยามนี้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากและมีความทะเยอทะยานที่จะแสดงถึงพลังที่พวกเขาได้รับมา

อยากที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่คนอื่นเคารพกราบไหว้ หวาดกลัวต่อพลังอำนาจ

"อีกเจ็ดวัน ข้าจะส่งพวกเจ้าลงไป"ฝ่ามือของหลงเยี่ยนหมิงเกิดวังวนสีดำแดงก่อนจะปรากฏขึ้นที่นอกดันเจี้ยน

ยามที่ผู้คนทยอยออกจากหอคอยก็มุมปากกระตุก เมื่อเห็นดันเจี้ยนปรากฏบนท้องฟ้า ไม่ใช่แค่เหนือบนหอคอยแบบเดิมแต่กลายเป็นครอบคลุมทั้งประเทศ

เนื่องจากหอคอยครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศทำให้แสงจากพระอาทิตย์ส่องลงมาไม่ถึง ทุกคนได้แต่มองกันและกันผ่านความมืด บรรยากาศของมันสร้างความหดหู่ไม่น้อย

"ดูท่าจะมีสงครามในเร็ววัน"เยว่ชิงเอ่ยออกมา ริมฝีปากบึนขึ้นอย่างไม่พอใจ

"โชคดีที่เราเตรียมการเรียบร้อยเช่นเดียวกัน"จิวอิงพูดขึ้นก่อนจะพยักหน้ากับตัวเองงึกงักโดยมีเสวียนอวี้คอยให้ท้ายอยู่เสมอ

"แยกย้ายกันไปพักผ่อนเราจะเปลี่ยนเวรยามเพื่อเฝ้าระวังและคอยแจ้งเตือนในยามที่ดันเจี้ยนเปิดออก"

สิ้นคำพูดของหลงจือหยางพวกเขาก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อดูดซับหินวิญญาณที่ได้มา เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งอีกครั้งก่อนสงครามครั้งใหม่

...ที่จะชี้ชะตาว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ