หลังจากทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จเยว่ชิงก็หิ้วจิวอิงไปหาของกิน ก่อนจะพูดคุยจนรู้ว่าที่จริงแล้ว จิวอิงเป็นเด็กกำพร้าจากบ้านกำพร้าของเกอ ที่มีเด็กๆรวมทั้งจิงอิงด้วยก็สามคน แต่อีกสองคนกำลังเรียนมัธยมตอนปลาย
"ไม่มีใครอยากคุยกับผม ยกเว้นพี่"นั่นคือคำพูดของเด็กที่นั่งซึมตรงหน้า เยว่ชิงเลยตั้งใจผูกมิตรกับอีกฝ่าย ก่อนจะมองเห็นตัวเองทับซ้อนลงบนตัวของจิวอิง เหล่าเกออย่างเราๆมักจะเจียมตัวเสมอว่าตัวเองจะไปได้ถึงไหนในอนาคต
บางทีอาจจะถึงเวลาที่เยว่ชิงจะฮึดสู้สักครั้ง เมื่อเจ้าตัวแยกจากจิวอิงก็มายืนในเขตที่เจ็ด เขตพื้นที่จิตวิญญาณของเกอ แน่นอนว่ามันเงียบเหงา ไม่มีแม้แต่ครูฝึกมีเพียงแม่บ้านที่ทำความสะอาดทิ้งไว้
" ภารกิจที่6
ใช้เวลาฝึกจิตวิญญาณเน้นการต่อสู่ แบบครึ่งจิตวิญญาณ 180ชั่วโมง
ใช้เวลาฝึกจิตวิญญาณร่างจำแลงจิ้งจอกหิมะ 180ชั่วโมง
รางวัลภารกิจ1:มิติพิเศษยกระดับจิตวิญญาณจากระดับFไประดับE
รางวัลภารกิจ2:ความยืดหยุ่นของหางจิ้งจอก ปรากฏหางที่สอง ยึดตำนานจิ้งจอกเก้าหาง เพื่อขึ้นระดับศักดิ์สิทธิ์ "
"สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ระดับSSSเลยนะ จะทำได้จริงๆเหรอระบบ"เยว่ชิงเดินเข้าห้องฝึกจิตวิญญาณก่อนจะเปิดไฟจนสว่าง ไม่ช้าหูสีขาวและหางสีขาวก็ปรากฏ ภาพด้านหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ช่องตามผนังเปิดออกเป็นช่องสี่เหลี่ยม จากนั้นปืนของเล่นบรรจุกระสุนสีก็เด้งออกมา
[แน่นอนครับโฮสต์ ไม่มีอะไรที่ระบบทำไม่ได้] ระบบเอ่ยอย่างมั่นใจ
เยว่ชิงตั้งสมาธิเสียงหวีดหวิวด้านด้านหลัง เจ้าตัวเอี้ยวหลบไปทางด้านขวา ก่อนที่จมูกจะได้กลิ่นเนื้อหรือก็คือตอนนี้เขาต้องรับบทผู้ล่า กระโจนไปยังพื้นที่ที่ได้กลิ่น เมื่อได้ยินเสียงแหวกอากาศก็กลิ้งตัวหลบ เมื่อได้กลิ่นนักล่าที่มีระดับสูงกว่าตัวเองก็วิ่งหนี
การฝึกจิตวิญญาณของเกอมีแค่ระดับพื้นฐานให้เรียนรู้การรับมือเพียงเท่านั้น เยว่ชิงทำการฝึกซ้ำไปซ้ำมาจนผ่านไปห้าชั่วโมงก่อนจะนอนแผ่หราไปกับพื้น จากนั้นก็กลับห้องพักไปอาบน้ำเตรียมตัวไปร้านกาแฟ
วันนี้ยังคงเป็นแบบเดิมแต่มีออเดอร์กาแฟมากยิ่งขึ้น เยว่ชิงสาระวนอยู่กับเครื่องชงไปหลายชั่วโมง วันนี้ได้ยื่นแก้วกาแฟให้กับหลงจือหยางเองกับมือ แม้จะไม่ได้มองอีกฝ่ายนานเท่าวันอื่น แต่วันนี้เยว่ชิงก็มีความสุขดี
เมื่อทำงานเสร็จก็ได้เวลาพักผ่อน ด้วยภารกิจของระบบที่ควบคู่สองภารกิจคือภารกิจที่สามกับหกต้องใช้เวลาหลายวัน เวลาสี่ทุ่มของทุกวันระบบจะมอบที่มาร์คหน้าให้หนึ่งผืน ให้มาร์คทิ้งไว้
[ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน จงอย่าหยุดสวย] และนี่คือคำตอบของระบบ ชื่อของระบบก็บอกอยู่ยิ่งขยันยิ่งสวย ถ้ายิ่งขยันยิ่งโทรมก็ทำลายตัวเองทิ้งเถอะ
ยามเช้าเยว่ชิงตื่นมาก็ลอกมาร์คหน้าออก มือน้อยๆตบแก้มเบาๆก่อนจะเดินไปส่องกระจก เจ้าตัวรู้สึกว่าหน้าจะวิ้งๆเปร่งประกายจนอ้าปากค้าง
[ฮิฮิ นอกจากจะลดขนาดรูขุมขนในทุกๆครั้งที่มาร์คแล้ว ยังกำจัดขนบนใบหน้าเล็กๆออกอีกด้วย มีพลังช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ต่อให้โฮสต์เอาขี้หมามาละเลงหน้า ก็อย่าได้กังวล]
"ใครจะเอาขี้หมามาละเลงหน้ากัน ระบบเลอะเทอะ"เยว่ชิงยู่ปากก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ เมื่ออาบน้ำกินข้าวเรียบร้อยก็ไปยังตึกคลาสรวมปีสองนั่งฟังการบรรยายของอาจารย์ตลอดหนึ่งชั่วโมงเต็ม ก่อนจะย้ายถิ่นฐานไปยังเขตแปด
"สวัสดีครับพี่เยว่ชิง"จิวอิงเอ่ยทักทาย เยว่ชิงก็ทักทายกลับ ก่อนทั้งคู่จะพูดคุยกัยโดยที่มือก็ยังคงทำงานต่อไป
ช่วงบ่ายเยว่ชิงก็เข้าห้องฝึกจิตวิญญาณ พยายามเก็บเวลาให้มากที่สุดในแต่ละวัน ซึ่งวันหนึ่งได้ราวๆห้าชั่วโมง ซึ่งเยว่ชิงคิดจะใช้วันเสาร์อาทิตย์เก็บให้เต็มสิบห้าชั่วโมงต่อวัน เพื่อย่นระยะเวลา
หากทำแค่ห้าชั่วโมงต่อวัน กว่าจะเสร็จภารกิจคงกินเวลาไปราวๆเจ็ดสิบวัน เพราะถูกเยว่ชิงบ่นรึอะไร ระบบเลยให้เครื่องมิติเวลามาให้ใช้ ซึ่งหนึ่งชั่วโมงภายนอกจะเท่ากับสองชั่วโมงภายใน จากวันละห้าชั่วโมงเป็นสิบชั่วโมงต่อวันทันที
ถึงจะเหนื่อยล้าไปบ้างแต่หากไม่มีระบบเยว่ชิงจะกลายเป็นก้อนขนสีขาวสุดขี้เกียจเหมือนเดิม ไม่คิดจะทำอะไรแบบนี้แน่ๆ นอกจากร่างกายจะกระชับแนบแน่นของกล้ามเนื้อมากขึ้น
สัญชาตญาณของเยว่ชิงก็เพิ่มเช่นกัน ยามนี้ร่างจำแลงของเยว่ชิงเป็นจิ้งจอกหิมะขนขาวลำตัวยาวหนึ่งเมตรครึ่ง และความสูงจากพื้นดินหนึ่งเมตร กำลังนอนดูดซับพลังวิญญาณเข้าไปด้านใน เพราะห้องจำแลงมีการฝังหินวิญญาณเพื่อให้เกอหลายๆคนยกระดับ
"ใครๆก็รู้ว่าเกอหลายๆคนไม่ค่อยมาใช้บริการที่นี่ หากจะหลบเลี่ยงสาวๆก็มาที่นี่เท่านั้น"คนพูดเดินนำคนอื่นๆเข้ามาด้านในก่อนจะพบจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่นอนหลับตาพริ้มในห้องเพาะจิตวิญญาณ
"ไหนแกบอกไม่มีเกอไหนใช้งานไง แล้วที่เห็นนั่นอะไร"อีกคนชี้นิ้วไปที่ก้อนขนขาวๆที่ขดเป็นก้อนกลม
"ก็ ไม่เคยเห็นนี่หว่า"เจ้าตัวบ่นอุบ คนที่เดินรั้งท้ายก็ก้าวเข้าไปเปิดประตู จิ้งจอกที่นอนอยู่ก็ยังคงหลับ หลงจือหยางเลยพูดกับอีกสี่คนที่อยู่ด้านนอกห้อง
"เข้ามานั่งก็อย่าเสียงดังจนรบกวนอีกฝ่ายก็พอ"ทุกคนต่างพยักหน้า
มีแค่พื้นที่เขตเจ็ดของเกอเท่านั้นที่พวกเขาสามารถหลบเลี่ยงสายตาได้ หากจะไปเขตหนึ่งถึงสามคงไม่แคล้วมีคนตาม จะไปเขตสตรีคงออกมาไม่ได้แน่ ส่วนเขตแปดก็วุ่นวาย พวกเขาไม่อยากกลับหอเพราะช่วงเย็นยังต้องไปประชุมต่อ ที่นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ทั้งห้าคนแยกย้ายบางคนก็นอนบางคนก็นั่งแล้วแต่สะดวก ส่วนเยว่ชิงนะเหรอหลับไปแล้ว
การหลับในร่างจำแลงจิตวิญญาณหรือการย้ายจิตก็เพื่อดูดซับหินวิญญาณ ที่ใกล้เคียงกับการจำศีลของสัตว์ทั่วไปอย่างหมี
ผ่านไปห้าชั่วโมงภายนอก สิบชั่วโมงในเครื่องมิติเวลาเยว่ชิงก็เปิดตาขึ้นก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นห้าคนในห้อง
"มิ้ววว"เสียงเล็กๆเรียกสายตาทั้งห้าคนหันไปมอง จิ้งจอกที่นอนขดอยู่ยืดแข้งขาอย่างตลก เจ้าจิ้งจอกตัวใหญ่ค่อยๆหดร่างกายเท่าแมวตัวหนึ่งจากนั้นก็ดวงตาก็เลิกลั่กค่อยๆเอาตัวแนบกำแพงอีกฝากฝั่งของห้องแล้ววิ่งหนีออกไป
"ฮ่าๆ"คนแรกที่หัวเราะออกมาก็คือคุณชายโจว ตามด้วยคุณชายจ้าวที่นิสัยราวกับฝาแฝด
"เพิ่งเคยเห็นเกอวิ่งหนีพวกเราเป็นครั้งแรก สงสัยคุณชายเสวียนจะน่ากลัวเกินไป"เสวียนอวี้ ทายาทตระกูลเสวียนหรือตระกูลมาเฟีย ได้รับฉายาเทพสงคราม เจ้าตัวมีอาวุธวิญญาณเป็นเคียวยาวของยมทูต กล่าวได้ว่าเดินไปที่ไหนย่อมมีเลือดเปอะเปื้อนพื้นที่นั่น
"หุบปากไป ไม่คิดว่าสายตานั่น จ้องไปที่คุณชายหลงเรอะ"เสวียนอวี้เอ่ยออกมาก่อนจะพยักหน้าไปทางหลงจือหยางที่ชันเข่าหนึ่งข้าง
"ก็นะ คนมันหล่อ"หลงจือหยางเองก็ไม่คิดปฏิเสธ
"ว๊ากกกก"เยว่ชิงที่กลับคืนสภาพเดิมได้แต่เงยหน้าอ้าปากส่งเสียงร้องว๊ากระบายความอัดอั้นตันใจ ก่อนจะเดินเข้าหอพักอาบน้ำไปทำงานตามปกติ
"เยว่ชิงจะเข้าหอคอยชั้นแรกๆรึเปล่า"เนื่องจากมาตรการความปลอดภัยทางร้อยสามเสาหลักจึงไม่ให้คนภายนอกเข้าไปด้านใน เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์คนที่มีจิตวิญญาณระดับFเข้าไปแล้วเลือกหอคอยชั้นที่พิชิตล่าสุด
พอถูกฟาดกลับมาก็กลายเป็นหวาดผวา หวาดกลัว เพราะถึงชั้นที่พิชิตไปแล้วจะไม่ได้ตายจริง แต่ความเจ็บนั้นได้รับแน่นอน ทางเสาหลักจึงออกกฏห้ามผู้ที่มีจิตวิญญาณนะดับFเข้าเด็ดขาด ยกเว้นมีคนอื่นอยู่ด้วย
ช่วงเดือนสุดท้ายก่อนการพิชิตชั้นถัดไป จำนวนผู้เข้าออกเยอะมากขึ้น จึงมีหลายสายตาพอสอดส่อง หากเกิดเหตุแบบเดิมซ้ำก็แค่ลากออกมา ไม่ใช่ตายแล้วฟื้นเกิดอาการช็อกไม่สามารถขยับตัวได้ จนโดยฟาดครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกิดอาการหวาดผวาในภายหลัง
"คงไม่ครับ ตอนนี้เน้นไปที่การยกระดับจิตวิญญาณดีกว่า"เยว่ชิงตอบเนื่องจากไม่มีภารกิจใดๆจากระบบ แค่ภารกิจที่หกเขาก็แทบไม่มีเวลาไปทำอะไรแล้ว
"โอเคงั้นพี่ไปหน้าหอคอยนะ ไปทำกาแฟที่นั่น วันนี้มีพนักงานเสริฟเข้ามาใหม่ๆ ถ้าใครสร้างปัญหาในช่วงที่ผู้จัดการไม่อยู่ เราก็จัดการได้เลย"
"เพราะบางทีผู้จัดการต้องไปรับขนมจากด้านนอกเข้ามาเลยอาจจะไม่อยู่ ถ้ามีคนสร้างปัญหาจริงไล่ออกไปซะ อย่าเก็บเอาไว้พี่บอกผู้จัดการไว้แล้ว ไปนะ"หวงจือหมิงโบกมือลาก่อนจะเดินออกไปอย่างสง่างาม ทิ้งเยว่ชิงให้ยืนอยู่ที่หน้าเครื่องทำกาแฟ
เวลาไหลผ่านอย่างช้าๆก่อนจะพบเจอกลุ่มคนที่ตอนนี้ยังไม่อยากเจอเท่าไหร่ พอนึกว่าตัวเองทำอะไรบ้างตอนนั้นก็แทบทรุดนั่งกอดเข่าร้องไห้
"เหมือนเดิมครับ"เยว่ชิงลงมือทำทั้งห้าแก้วก่อนจะส่งให้พนักงานคนใหม่ที่รับเข้ามาทำงานชั่วคราวแล้วบอกหมายเลขของโต๊ะ
โครม! เสียงของตกดังพื้นเรียกทุกสายตาให้หันไปมอง เยว่ชิงยกมือกุมขมับก่อนจะเดินไปเรียกผู้จัดการร้าน โชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ออกไปไหน
"ขอโทษนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"หญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นพูดขึ้น ด้านหน้ายังมีผู้ชายห้าคนนั่งอยู่ ตรงหน้าของหญิงสาวคือหลงจือหยางเจ้าตัวเงยหน้าช้อนสายตา ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส
เพียงแต่ว่า มารยาแบบนี้หลงจือหยางมักจะเจอบ่อยมาก จึงมีเพียงร้านนี้ที่เข้ามาบ่อยๆแต่ก็มักจะมีปัญหาทุกคราที่เจ้าของร้านไปอยู่ที่หน้าหอคอย
"เกิดอะไรขึ้น เธอจงใจสร้างปัญหาใช่ไหม"น้ำเสียงของผู้จัดการร้านเต็มไปด้วยความโมโห มุขเดิมๆคนเดิมๆตัวปัญหาแบบเดิมและต้นเรื่องก็คนเดิม
ผู้จัดการร้านอยากจะทึ้งหัวแล้วชี้หน้าใส่หลงจือหยางแล้วถามเสียงดังๆว่า...แกอีกแล้วใช่ไหม
"ขอโทษแทนพนักงานด้วยครับ เดี๋ยวผมให้เยว่ชิงชงให้ใหม่ ส่วนเธอฉันไล่ออก"ตามด้วยพนักงานหญิงสองคนที่ตรงมาหิ้วปีกหญิงสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น
"ปล่อยฉัน ไม่รู้รึไงว่าฉันลูกใคร"เจ้าตัวหวีดร้องอย่างไม่พอใจ เมื่อโดนสายตาคมดุของหลงจือหยางตวัดมองเจ้าตัวก็หุบปากฉับ แถมมีสายตาข่มขู่ของเสวียนอวี้อีกคน ไม่นานเจ้าตัวก็หายไปหลังร้าน
ก่อนจะมีพนักงานเข้ามาเก็บกวาด เป็นจังหวะเดียวกับเยว่ชิงที่ยื่นผ้าขนหนูสีฟ้าให้อีกคนเพื่อเอาไว้เช็ดทำความสะอาด "ไปล้างคราบกาแฟก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมชงให้ใหม่"
เมื่อกลับมายืนอยู่หน้าเครื่องเจ้าตัวก็ยกมือปลอบประโลมหัวใจดวงน้อยที่เต้นตึกตัก ไหนจะร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้า เยว่ชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะลงมือชงกาแฟให้กับหลงจือหยาง รวมทั้งคนอื่นๆ ที่เข้ามาใหม่
เยว่ชิงวางกาแฟไว้จุดที่นั่งของหลงจือหยางก่อนจะมีเสียงฮือฮาจากทางด้านหลัง เยว่ชิงเมื่อหันหลังไปมองก็เห็นอีกฝ่ายปลดกระดุมออกจากกันจนหมด ไม่เพียงแค่ล้างคราบที่หน้าอก ยังมีหยดน้ำติดอยู่บนเส้นผม ทำให้เจ้าตัวเหมือนฟีโรโมนเดินได้
แถมฟีโรโมนคนนี้ยังมีเหล่าเกอและสตรีต่างหันมามอง มีแต่คนให้ความสนใจ เจ้าตัวทำเพียงเดินช้าๆใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเองก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้
เยว่ชิงใจเต้นตึกตักก่อนจะหลบเลี่ยงไปอีกทาง ใช้วิธีเป่าปากไล่ความร้อนผ่าวออกไปจากร่างกายให้หมด
กว่าจะจบการทำงานวันนี้ก็แทบลากขาเข้าห้องพัก
[ถือว่าฝึกซ้อมไว้โฮสต์ วันข้างหน้าไม่แน่โฮสต์อาจจะเป็นคนที่ได้ถอดเสื้อผ้าของหลงจือหยางด้วยมือตัวเองก็ได้]
"อ๊ากกก หยู๊ดดดดพูด"และแล้วยามค่ำคืนเยว่ชิงก็ฝันหวาน ร่างกายเขาโยกไหวไปตามแรงกระแทกของหลงจือหยางจนยามเช้านอกจากมันจะตั้งตรงมันยังพ่นพิษอีกด้วย
"แล้วแบบนี้จะกล้ามองหน้าอีกฝ่ายได้ยังไง"