Chapter 17 - บทที่ 17 สลัม

"วันนี้เบอร์โต้กลับดึกจังเลยนะ" เด็กชายพูดขึ้นมา เปลวไฟในตะเกียงขยับเล็กน้อย บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของการผุพัง สายลมเย็นๆ พัดเข้ามาภายในห้องผ่านรอยแตกบนกำแพง 

ที่นี่คือเขตสลัมของเฮเวนฟอร์ด สลัมแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณภูเขาขยะ มักจะถูกผู้คนในพื้นที่เรียกกันว่ารังหนู 

ครอบครัวนี้เป็นแค่ครอบครัวเล็กๆ มีพี่ชายคนโตเบอร์โต้ น้องชายคนรองโรแลนด์ และน้องสาวคนเล็กลอเรนด์ ทั้ง3คนไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่แค่มาอยู่ด้วยกันเพราะต่างก็ต้องการความรักและความอบอุ่น 

"บางทีวันนี้พี่อาจจะไปกับแก๊งพวกนั้นอีกแล้ว" ลอเรนด์พูดด้วยเสียงพึมพำแผ่วเบา ในขณะที่ยังคงขยับมือเย็บเสื้อผ้าอย่างแข็งขัน

"งี่เง่า..." โรแลนด์พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด เด็กชายก้มหน้าลงตั้งใจอ่านหนังสือในมือต่อไป 

หนังสือเก่าๆ เล่มนี้ถูกนำมาให้โดยเบอร์โต้ เขาไปเจอมันมาจากกองขยะ ชายคนนี้ยังหวังว่าเหล่าน้องๆ ของเขาจะสามารถอ่านออกเขียนได้ภาษาเลเวนฮุคซึ่งเป็นภาษาสากลที่ผู้คนหลายประเทศใช้ได้ทั่วไป

ในอนาคตข้างหน้า ถ้าสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนในจักรวรรดิเทอร์โมนิสได้ ก็จะได้กลายเป็นคนใหญ่คนโตไม่ต้องมาใช้ชีวิตในรูหนูแบบตอนนี้อีก อย่างที่รู้กันว่าจักรวรรดิเทอร์โมนิสเป็นประเทศแห่งความรู้ ถึงจะยากจนแค่ไหนแต่ถ้าฉลาดก็ยังสามารถเติบโตในประเทศนั้นได้

"แต่ว่านี้มันนานเกินไป" ลอเรนด์หยุดขยับมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเด็กชายตรงข้าม ลักษณะภายนอกของพวกเราสามคนแตกต่างกันมาก เธอมีผมสีทอง โรแลนด์มีผมสีน้ำตาล เบอร์โต้มีผมสีดำ เมื่ออยู่ด้วยกันก็มักจะโดนคนอื่นล้อเรื่องนี้เสมอว่าเป็นกลุ่มหนู3สี

เบอร์โต้ในฐานะคนที่อายุเยอะที่สุดในบ้านหลังนี้ ถึงจะยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายของราชอาณาจักรไฮเซินที่ว่าเด็กชายจะบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุ20ปี แต่สำหรับสลัมแห่งนี้เด็กผู้ชายอายุ16ปีก็ถูกยอมรับว่าโตพอจะดูแลครอบครัวได้แล้ว

เขาทำงานเป็นคนเก็บขยะ ต้องไปตามเก็บขยะพวกนั้นจากตามถนนและท่อระบายน้ำ เมื่อมีเวลาว่างพวกเราทั้ง3ก็จะมานั่งแยกขยะด้วยกัน หวังว่าจะเจอสมบัติบางอย่างที่สามารถเอาไปขายทำเงินต่อได้

โรแลนด์ถูกเบอร์โต้ยอมรับว่าเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในบ้าน ครั้งหนึ่งเขาเคยพยายามจะตามพี่ชายไปเก็บขยะด้วย แต่สุดท้ายก็ถูกห้ามเอาไว้เสมอ ลอเรนด์ที่เป็นเด็กสาวคนเดียวมักจะถูกปกป้องจากพี่ๆ ตลอด เธอมักที่จะรับซ่อมเสื้อผ้าจากครอบครัวอื่นๆ เพื่อให้ได้เศษเงินไม่กี่ฟาร์ธิง เป็นครอบครัวขนาดเล็กที่ถึงจะยากจนแต่ก็อบอุ่น

"ถ้าโดนตำรวจจับขึ้นมาจะทำยังไง!! ไม่เห็นต้องเรียนก็ได้แท้ๆ..." กลุ่มคนที่เบอร์โต้ไปคลุกคลีด้วยเป็นกลุ่มเด็กในสลัมที่มีความชื่นชอบในการขโมย ถึงจะทำเงินได้ง่ายและเร็วแต่ก็มีความเสี่ยงมากมายตามมา วันไหนดวงซวยก็ได้แผลฟกช้ำดำเขียวกลับมาด้วยแถมยังไม่ได้เงินสักเพนนีเดียวอีกต่างหาก

"ก็พี่เขาอยากให้พี่ได้เรียนนี่นา" การเรียนมีราคา ความรู้คือสิ่งที่ต้องใช้เงินซื้อมา เบอร์โต้ตั้งความหวังไว้กับน้องชายคนรองไว้มาก ตั้งใจว่าจะหาเงินให้เขาได้เข้าโรงเรียนเหมือนพวกเด็กชนชั้นกลางให้ได้

"..." แต่ถ้าเบอร์โต้เป็นอะไรไปก่อนก็ไร้ความหมาย

ลอเรนด์มองพี่ชายของตนก่อนจะมองลอดผ่านรอยแตกของบ้านไปยังภูเขาขยะภายนอก ได้แต่ภาวนาว่าพี่ชายคนโตของเธอจะกลับมาอย่างปลอดภัย

 

"เฮ้!! มีใครอยู่ไหม!! ออกมาเดี๋ยวนี้!!" เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน เด็กทั้งสองที่นอนกอดกันอยู่ในผ้าห่มต่างก็สะดุ้งตื่น เมื่อรับรู้ว่าเมื่อคืนเบอร์โต้ไม่ได้กลับบ้านก็ต่างพากันหน้าซีดด้วยลางสังหรณ์ไม่ดี

"เกิดอะไรขึ้น...พี่!!" เด็กทั้งสองมองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว เบอร์โต้ที่มักจะทำหน้าขี้เล่นสดใสร่าเริง แต่ตอนนี้กลับตัวซีดขาวไร้สีเลือด ท้องของชายหนุ่มชุ่มด้วยเลือดไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้วสีของเลือดบนเสื้อถึงได้เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ 

โรแลนด์ปากซีดมือสั่น ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเรียกสติกลับคืนมา รีบวิ่งไปหาเบอร์โต้ด้วยความกังวล

"ฉันเอาเขามาคืนที่บ้านตามสัญญา จะทำอะไรต่อก็เรื่องของพวกแกเลย" ชายคนนี้ส่งเสียงจิ๊ปากด้วยความขัดใจเมื่อเห็นว่าเสื้อของตนเปื้อนเลือดของเบอร์โต้ ก่อนจะหันจากไปอย่างไม่ไยดี

"เดี๋ยว!! จะทิ้งกันไปแบบนี้ได้ยังไง" โรแลนด์มองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ชายคนนั้นหันมามองคนทั้งสามด้วยความขบขัน

"ฉันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ก็หมอนี้พลาดโดนตำรวจยิงเอง เป็นเรื่องของมันนี้ ทำอะไรก็รับผิดชอบเอาเองแล้วกัน" ชายตรงหน้าชักมีดออกมาขู่ ทำให้เด็กทั้งสองก้มหน้าลงด้วยความกลัว ก่อนที่จะเดินหัวเราะจากไป

โรแลนด์และลอเรนด์ใช้แรงทั้งหมดในการพาร่างของเบอร์โต้เข้ามาในบ้าน ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างว่างเปล่า พยายามนำผ้าที่มีทั้งหมดมากดห้ามเลือดเอาไว้

"ทำยังไงดี ทำยังไงดี..." โรแลนด์พึมพำซ้ำๆ ด้วยความสับสน ถ้าหากยังปล่อยไว้แบบนี้เบอร์โต้ได้ตายจริงๆ แน่ 

พวกเขาเคยเจอแต่แค่รอยช้ำกับแผลเล็กๆ เท่านั้น เมื่อมาเจอกับแผลถูกยิงอย่างนี้ก็จนปัญญาจะรักษา

"พี่!! เราต้องพาไปหาหมอ!!" ลอเรนด์พยายามค้นตามมุมบ้าน นับรวมเงินทั้งหมดที่พวกเขาเก็บสะสมมาตลอดก็มีแค่2ชิลลิงกับ6เพนนีเท่านั้น 

"ลองไปตามหมอในสลัมดูก่อน..." ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วตัดสินใจ โรแลนด์ให้น้องสาวคอยดูอาการพี่ชายก่อนที่ตนจะวิ่งออกไปยังคลินิกในสลัม

 

"อืม หนักจริงๆ มีเงินอยู่เท่าไหร่ล่ะ"

"มีอยู่1ชิลลิง 6เพนนี มีอยู่เท่านี้" โรแลนด์พูดออกไปด้วยความกังวล ถึงยังไงพวกเขาสองพี่น้องก็ต้องกินต้องใช้อยู่ อีกอย่างหมอพวกนี้ก็ไม่ได้ดีอะไรนัก ถึงได้มาทำอาชีพอยู่ในสลัมแบบนี้ เมื่อรักษาเสร็จก็ต้องเป็นพวกเขาที่ต้องคอยดูแลพี่ชายต่อ

หมอตรงหน้าไม่พูดอะไรมาก นำเครื่องมือออกมาก่อนจะเริ่มการรักษาทันที สองพี่น้องกอดกันแน่น หน้าซีดเผือดคล้ายจะเป็นลมเมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของพี่ชายตน หมอเถื่อนพวกนี้ไม่มีการดมยา พวกเขาทำแค่ดึงกระสุนออกแบบหยาบๆ เท่านั้น

"พี่...พี่.." หลังจากที่หมอใช้ผ้าพันแผลเสร็จแล้วจากไป ลอเรนด์ก็พูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้เห็นกระบวนการรักษาพวกนั้นก็ยิ่งหวาดกลัวว่าพี่ชายของพวกเขาจะไม่รอดจริงๆ

โรแลนด์พยายามปลอบโยนน้องสาว ก่อนจะฝากฝังให้เธอช่วยดูแลพี่ชาย ในเมื่อเสาหลักของบ้านล้มไปแล้วแบบนี้ ในฐานะพี่ชายคนรองก็ต้องออกไปทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว

โรแลนด์ไปยังกลุ่มคนเก็บขยะ ถ้าเป็นตอนปกติเบอร์โต้ก็คงจะห้ามเขาไม่ให้ทำงานแบบนี้ แต่ในตอนนี้เบอร์โต้ไม่เหลือแรงจะลุกออกจากเตียงด้วยซ้ำ จึงไม่มีใครมาคอยห้ามตนอีก

งานแรกของเขาคือการเก็บขยะในท่อระบายน้ำ โรแลนด์ขมวดคิ้ว พยายามอดทนต่อกลิ่นเหม็นรุนแรงพวกนั้น ก่อนจะไล่เก็บขยะทำตามหน้าที่ของตนต่อไป

"อุ๊บ...!!?" เด็กหนุ่มปิดจมูกแน่น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก พร้อมมองไปยังศพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว 

เป็นศพหลายศพนี้มีสภาพเน่าเปื่อยแต่ก็ยังสามารถมองเห็นรูปร่างของมนุษย์คร่าวๆ สภาพการตายก็ดูแปลกพิลึกจนดูผิดธรรมชาติ แขนขาหักงอไปคนละทิศละทาง สภาพโดยรอบก็เลอะเทอะไปหมด

"อะไรๆ โอ้...อย่าไปเข้าใกล้พวกนั้นเลย" คุณลุงนักเก็บขยะที่เดินผ่านมาเห็นก็เงียบปากไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบลากเด็กคนนี้ให้ถอยห่างจากศพพวกนั้น

"นั้นอะไร...เราต้องแจ้งทางการไหม...?"

"จุ๊ๆ เบอร์โต้ไม่ได้บอกอะไรมาเลยสินะ เจ้าหนู"

"ถ้าตอนทำความสะอาดไปเจอศพพวกที่โดนปล้นโดนแทงก็ไปบอกทางการได้อยู่หรอก แต่ถ้าครั้งไหนไปเจอกับพวกศพแปลกๆ ที่ตายแบบพิสดารก็อย่าไปยุ่งด้วยจะดีกว่านะ"

"ศพพวกนั้นมันชอบเกี่ยวกับ องค์กร สมาคม กับพวกลัทธิแปลกๆ ทั้งนั้น พวกนี้เส้นสายใหญ่โต ถ้าสืบเจอรู้ว่าใครเป็นคนแจ้งก็จะแย่เอา"

"ครับ..." นี้พี่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ทุกวันเลยงั้นเหรอ โรแลนด์ทำงานต่อไปพร้อมพยายามที่จะลบภาพพวกนั้นออกไปจากหัว

 

หลังจากรับเงิน เด็กชายก็รีบไปอาบน้ำที่บ่อน้ำบาดาล ใช้นิ้วเช็ดตามตัวจนแดงไปหมดทำซ้ำจนแน่ใจว่าน้องสาวของตนจะไม่ได้กลิ่นอะไรแย่ๆ จากเขา

"พี่...ทำไงดี พี่ชายไม่ยอมกินอะไรเลย" ลอเรนด์ที่พยายามจะป้อนข้าวต้มให้พี่ชายพูดด้วยเสียงสั่นเทา บาดแผลที่ท้องก็เริ่มแดงก่ำจนน่ากลัว แถมยังมีหนองไหลออกมาอีกด้วย

เด็กชายมึนหัวไปหมด พยายามคิดหาหนทางในอนาคต ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างขึ้นมาในเวลานั้น

"เราพาพี่ไปโรงพยาบาลของสมาคมเสียงศักดิ์สิทธิ์กันเถอะ"

"พี่!!" 

สมาคมเสียงศักดิ์สิทธิ์ฉากหน้าเรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่มสมาคมของผู้ที่ชื่นชอบในการเผยแพร่คำสอนของเทพแห่งพันธสัญญา แต่ฉากหลังกลับแอบนับถือในเทพแปลกประหลาดตนอื่น 

คนในพื้นที่บางส่วนต่างก็รับรู้สิ่งนี้แต่ก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรเลย เพราะใครที่ต้องการฟ้องทางการก็ต่างก็มีอันต้องหายไปอย่างปริศนาทุกราย

ทั้งคู่จ้องหน้ากันไม่นาน ก็ตัดสินใจทำตามความเห็นของพี่ชายคนรอง ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทั่วไปนั้นแพงเกินไป โดยเฉพาะในเมืองท่าแห่งนี้ 

พวกเขาที่ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่หวังพึ่งพวกสมาคมแปลกประหลาดพวกนั้น สถานที่ตั้งของที่นี่ไม่ได้อยู่ห่างกับสลัมมากนัก แต่กลับมีสภาพแวดล้อมที่ดูดีกว่าราวกับคนละโลก ตัวอาคารก็ถูกขึ้นสร้างอย่างสวยงาม

"โอ้ จะมาขอความช่วยเหลืองั้นเหรอ เข้ามานี้สิ"

"เอ่อ...ใช่" โรแลนด์มองชายแก่คนหน้าด้วยความแปลกใจ

สมาคมเสียงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเขาแย่อย่างที่คิด ทุกคนที่นั่นต่างก็ยิ้มแย้มทักทายกันอย่างเป็นมิตรจนทั้งสองพี่น้องเกือบจะเผลอหลงไปกับฉากหน้าพวกนั้น

โรแลนด์พยายามเตือนสติตัวเองตลอด แต่ก็เหมือนมีบางอย่างที่ค่อยๆ ครอบงำสติของทั้งคู่อย่างช้าๆ เพียงไม่นานเด็กทั้งสองก็หลงลืมไปแล้วว่าสถานที่แห่งนี้น่าสงสัยเพียงไหน มีแค่ภาพของสมาคมผู้ใจบุญที่คอยช่วยเหลือเหล่าคนยากไร้เท่านั้น

"ได้โปรดช่วยด้วย...พี่ชายของเราเขามีแผลถูกยิง ตอนนี้พี่เขาอาการไม่ดีขึ้นเลย..." น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของลอเรนด์ เธอส่งเสียงของความกลัวออกมา เด็กชายพยายามปลอบโยนน้องสาวของตน

"แย่จริงๆ เลย"

"เป็นฝีมือของพวกตำรวจอีกแล้วสินะ"

"อีกแล้วงั้นเหรอ..."

"หัวหน้าสมาคม!!" 

ผู้คนรอบตัวหลบทางให้กับชายคนหนึ่ง เด็กทั้งสองจ้องมองชายตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ผมสีทองและดวงตาสีแดงแปลกประหลาดนั้นน่าดึงดูดจริงๆ ชายตรงหน้ามีไฝเม็ดเล็กอยู่ที่มุมตาขวา ใบหน้าก็สวยงามจนดูไม่เหมือนมนุษย์

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเสียงทุ้มนุ่มนวลกับผมที่ตัดสั้นนั้น ทั้งคู่ก็คงจะคิดว่าหัวหน้าสมาคมผู้นี้เป็นผู้หญิงไปแล้ว

"เป็นเรื่องที่แย่ใช่ไหมล่ะ ชายหนุ่มที่พยายามหาเงินจุนเจือครอบครัวแต่กลับต้องมาโดนยิงบาดเจ็บแบบนี้ ตำรวจพวกนี้ทำเกินกว่าเหตุจริงๆ"

"ใช่แล้ว!!"

"จริงด้วย..."

"ฉันก็คิดอย่างั้นเหมือนกัน"

เสียงเซ็งแซ่รอบๆ มากมายซ้อนทับกันจนทำให้เด็กชายมึนหัว เสียงต่างๆ เหมือนคล้ายกับเทปที่เล่นวนซ้ำจนทำให้ความคิดของเขาสับสนมึนงง

"ใช่แล้ว พวกตำรวจแย่มาก..." ลอเรนด์มองพี่ชายคนรองด้วยความตกตะลึง พี่ชายของเธอเบิกตากว้างมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยความตื้นตันใจ ก่อนที่เธอจะพูดอะไรก็ถูกขัดด้วยเสียงของหัวหน้าสมาคมเสียก่อน

"พี่ชายของคุณอาการหนักมาก อย่างที่รู้ว่าทุกการรักษาต่างก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก พวกเราสมาคมก็ต้องหาเงินมาเพื่อใช้รักษาพี่ชายของคุณเช่นกัน"

"เงิน?...ตอนนี้เรามีแค่1ชิลลิง6เพนนีเท่านั้น..." 1ชิลลิงที่เหลืออยู่และ6เพนนีที่พึ่งเก็บมาได้ แม้แต่ตอนนี้พวกเขาสองพี่น้องก็ต่างท้องว่างกันหมด 6เพนนีที่โรแลนด์หาได้ในวันนี้ต่างก็ยังไม่ได้ถูกใช้ซื้อสิ่งใดทั้งสิ้น

"ไม่เป็นไร สมาคมของเรามีงานอื่นให้พวกคุณทำอยู่แล้ว" หัวหน้าสมาคมส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะยื่นบางอย่างมาให้พวกเขา

"จดหมาย?...หรือว่า..." 

ทั้งคู่มองจดหมายซองนั้นด้วยความตกตะลึง เป็นที่รู้กันว่าการส่งจดหมายเถื่อนโดยไม่ผ่านสำนักข่าวสารสาธารณะ หรือBPI (The Bureau of Public Information) เป็นเรื่องผิดกฎหมายแถมยังมีโทษร้ายแรง 

ถึงจะพอรู้ว่าพวกองค์กรพวกนี้ชื่นชอบที่จะแอบส่งจดหมายกันเอง แต่ก็ไม่นึกว่าพวกเขาจะต้องมาทำหน้าที่แบบนี้ด้วย

"แล้วทำไมต้องกลัวล่ะ ไม่ว่าจะกฎหมายหรือว่าตำรวจพวกนั้นต่างก็ไร้เหตุผล ทำไมพวกเขาจะต้องมาควบคุมการสื่อสารของผู้คนด้วย" หัวหน้าสมาคมส่งรอยยิ้มมาให้

"เราจะปล่อยให้พวกเขาควบคุมเราไปตลอดงั้นหรือ ข่าวสารเป็นอิสระของผู้คน และพวกเขาไม่มีสิทธิ์มาปิดกั้นพวกเรา นี้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของพวกขุนนางพวกนั้นเท่านั้น"

"แล้วพวกเราล่ะ? คนธรรมดา คนยากจนที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ในเมื่อโลกนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อพวกเราอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงต้องสนใจกฎหมายพวกนั้นด้วย"

"นั้นมัน..." ทั้งสองมองไปยังดวงตาสีแดงของหัวหน้าสมาคมอย่างเหม่อลอย ดวงตานั้นคล้ายกับหลุมเลือดบนร่างกายมนุษย์ แต่พอมองเข้าไปลึกขึ้นก็เจอกันจุดสีดำที่เป็นเหมือนบ่อน้ำลึกไร้ก้น พวกเขาทั้งคู่คล้อยตามคำพูดนั้นโดยไม่รู้ตัว ต่างก็พากันพูดเห็นด้วยร่วมกันสมาชิกสมาคมคนอื่น

"โรแลนด์ ลอเรนด์ ยินดีต้อนรับสู่สมาคมของพวกเรา" ดวงตาสีแดงนั้นแปร่งประกายราวกับเลือด สะท้อนภาพเด็กชายและเด็กหญิงตรงหน้า ราวกับว่าทั้งคู่ได้จมลงไปในทะเลสีแดงที่ไม่มีวันหวนกลับ...