Chapter 23 - บทที่ 23 ความหยิ่งยโส

เสียงของการต่อสู้ดังไปทั่วบริเวณ ตามร่างกายของอัลเลย์ปรากฏร่องรอยของบาดแผลและคราบเลือดกระจายอยู่ทั่ว

เขาจ้องมองไปยังเด็กสาวตรงหน้าด้วยความเกลียดชัง ถึงสถานการณ์ตอนนี้จะดูเหมือนทั้งคู่สูสีกัน แต่ตัวเขารู้ดีว่าสภาพร่างกายตอนนี้ไม่สามารถทนไปได้นานมากนัก

ต้นกุหลาบขนาดใหญ่มีจิตสำนึกและความนึกคิดเป็นของตัวเอง ไม่ต้องรอให้เด็กสาวสั่งการมันก็ทำการกระจายรากออกไปทั่วบริเวณกวาดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าราวกับรถไถดิน แม้แต่เจ้าหน้าที่ราชการบางคนก็ได้รับลูกหลงไปด้วย

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ฉลาดมากนัก เพราะไม่ได้ถูกควบคุมโดยเด็กสาวผมขาวตรงหน้า พลังทำลายของมันถึงได้กระจายเป็นวงกว้างมั่วซั่วไปหมด

อึก...

"เป็นไง? เหนื่อยเลยล่ะสิวันนี้" มิลาด้าหัวเราะสนุกสนาน เอียงตัวเล็กน้อยให้หลังได้พิงกับเสากระโดงเรือ ก่อนจะผิวปากล้อเลียนเด็กชายที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น

"เป็นเพราะอาจารย์เก่งเกินไปต่างหาก..." ใครจะไปชนะได้เล่า ตนพึ่งจะฝึกดาบได้แค่2วันเองนะ

แสงแดดส่องลงมาจากท้องฟ้าลอดผ่านผืนธงสีแดงของอาณาจักรธัมไฮล์จนมาตกกระทบบนใบหน้าเขา หยาดเหงื่อและความเหนื่อยล้าเห็นได้ชัดเจนบนใบหน้า ทำได้แค่พยายามเช็ดหยดน้ำเหล่านั้นก่อนที่มันจะไหลเข้าไปในตา

"ผมต้องทำยังไงถึงจะชนะอาจารย์ได้" เขาถามด้วยความสงสัย ผู้หญิงคนนี้ชอบพูดว่าตนจะถือว่าสำเร็จการศึกษาก็ต่อเมื่อสามารถเอาชนะหล่อนได้เท่านั้น แบบนั้นเขาจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีถึงจะจบกันแน่

"งั้นฉันจะบอกเคล็ดลับให้แล้วกัน" หล่อนยิ้มร่าอย่างสนุกสนานเช่นเคย ดวงตาสีน้ำเงินหรี่ลงอย่างอารมณ์ดี เธอล้มตัวนั่งลงข้างอัลเลย์ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"อัลเลย์ หากคุณจะต้องเผชิญกับผู้วิเศษในอนาคต สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการเข้าใจนิสัยและพลังของฝ่ายตรงข้าม"

"พลังวิเศษคือภาพสะท้อนของตัวตน หากว่าเราสามารถเข้าใจฝั่งตรงข้ามได้..."

'เราก็จะเข้าใจพลังของอีกฝ่ายด้วย'

พลังวิเศษของฝั่งตรงข้ามมีข้อได้เปรียบชัดเจนในการต่อสู้ แถมสภาพร่างกายก็ยังดีกว่าตัวเขามากโข ดูเหมือนหล่อนจะฝึกวิชาดาบมาตั้งแต่เด็กทำให้ถึงไม่มีประสบการณ์แต่ก็ยังรู้จักใช้วิธีพลิกแพลงมากมาย

แต่เธอก็มีจุดอ่อนอยู่

เด็กชายแกว่งดาบในมือตน ประกายไฟจากการเสียดสีปรากฏขึ้นเหมือนดวงดาวขนาดเล็ก ก่อนขยับพลิกข้อมือเล็กน้อยจนทำให้อีกฝ่ายได้แผลที่ท้องน้อย

เป็นความเย่อหยิ่งที่ถือตนและซื่อตรงเกินไป เธอเป็นเด็กประสบการณ์น้อยที่ถูกฝึกฝนอย่างเป็นระบบ มีความเข้าใจเพียงเล็กน้อยในการหลอกลวง และเชื่อมั่นในวิธีแห่งความยุติธรรม

เป็นตัวอย่างของเด็กอ่อนต่อโลกที่ถูกปล่อยลงป่าให้เผชิญหน้ากับอันตรายเพื่อเติบโต

ชิ้ง!

ประกายไฟขนาดเล็กวูบวาบออกมาชวนให้นึกถึงตอนเล่นไฟเย็นในสมัยเด็ก กลุ่มรากไม้หนามขยับไปมาอย่างโง่เขลาและสะเปะสะปะ แทนที่ดอกกุหลาบยักษ์นั้นจะมาช่วยต่อสู้ กลับดูไร้ประโยชน์มากขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับอัลเลย์

เนื่องจากระดับไอคิวที่มีอยู่จำกัดพฤติกรรมการโจมตีของมันจึงดูพึ่งพาสัญชาตญาณมากกว่าการวางแผนเหมือนแต่ก่อน ถึงรัศมีการโจมตีจะกว้างขึ้นแต่ความสำเร็จในการโจมตีก็น้อยลง

อัลเลย์อาศัยความฉลาดที่มากกว่าเพื่อกลั่นแกล้งรากพวกนั้น เด็กสาวที่มีใบหน้าเขียวคล้ำมองไปยังรากไม้ของตนที่กำลังรัดราวทางเดินเหล็กพัวพันกันแน่นจนกลายเป็นก้อนกลม

ดอกกุหลาบกรอกดวงตาไปมาอย่างรวดเร็ว เมินเฉยอารมณ์ของเจ้านายตนไปอย่างสิ้นเชิง สนใจแค่การโจมตีทุกอย่างรอบตัวเท่านั้น หรือไม่บางทีมันก็อาจจะรู้ว่าตัวเองโดนสบประมาทอยู่

"ไอ้เวร!!" หล่อนสบถคำหยาบออกมาโดยไม่สนใจสีหน้าเจ้าหน้าที่คนอื่น อัลเลย์ปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนเด็กจรจัดรอบตัวเขาลดลงด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง หากยังปล่อยไว้แบบนี้ตนจะต้องโดนล้อมเป็นแน่

เอี๊ยดดดด

เสียงปริศนาดังขึ้นมาจากบนเพดาน ถึงพื้นส่วนใหญ่จะถล่มลงมาแต่โครงสร้างของหลังคาข้างบนบางส่วนก็ยังคงอยู่ เนื่องจากการทำลายขนาดใหญ่ของดอกกุหลาบก็ยิ่งเร่งให้ส่วนที่เหลือพังลงมาเร็วขึ้น

ความวุ่นวายกระจายอย่างรวดเร็วเหมือนโรคระบาดแพร่กระจายไปยังทุกคนในบริเวณนี้ อัลเลย์กัดฟันแน่น กระโดดไปตามซากต่างๆ บนพื้น พยายามตามหาทางที่จะหลบหนีไปจากที่นี่

โครมมม

ฝุ่นดินจำนวนมากตลบอบอวลฟุ้งไปทั่วทุกที่ เขาใช้มือปิดบังใบหน้าป้องกันตัวจากฝุ่นหนาทึบเหล่านั้น แรงสั่นสะเทือนจากการพังทลายทำให้เขายากลำบากมากขึ้นเมื่อต้องเคลื่อนไหว และเมื่อทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้งก็ต้องรีบโยกตัวหลบปลายดาบเรเปียร์ที่พุ่งผ่านเอวไปอย่างหวุดหวิด

แคร่ง--

ดาบในมือของอัลเลย์เริ่มส่งสัญญาณของการแตกหัก แรงสั่นสะเทือนส่งผ่านอาวุธในมือจนไปถึงบาดแผลที่ไหล่ ความเจ็บปวดคอยย้ำเตือนให้กลับมามีสติอีกครั้ง

"นายกำลังจะแพ้แล้ว" เด็กสาวใช้ดวงตาสีแดงจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความดูถูก 

"ไม่มีทางที่จะชนะฉันได้ รีบยอมแพ้ซะ" 

ฉับ!

เหมือนกับว่าเธอต้องการจะเอาคืนที่ตนเผลอตัดผมของหล่อนไปก่อนหน้านี้ ผมเปียของอัลเลย์ถูกตัดขาดจนทำให้เส้นผมสีน้ำตาลเหล่านั้นแผ่สยายออกไปทั่ว ดาบเก่าในมือก็แตกหักเป็นสองส่วนหล่นกระทบกับพื้นเสียงดังก่อนจะตกหายไปในซากปรักหักพังข้างล่าง

"แฮก..." ความแสบร้อนในอกที่คุ้นเคยกลับมา อัลเลย์พยายามหายใจให้เร็วขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในร่างกาย อาการมึนงงคล้ายจะหน้าวูบทำให้จังหวะการก้าวเดินผิดพลาดร่างของเด็กชายจึงสะดุดล้มลงกองกับพื้นด้วยความมึนงง 

ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปด้วยเหงื่อและภาพที่ซ้อนทับกัน อัลเลย์พยายามจะลุกขึ้นอีกครั้งแต่สุดท้ายก็พลาดล้มลงไปอีกครั้ง

"ท่านฟิลิป" เจ้าหน้าที่สาวเดินเข้ามาทำท่าเคารพก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นดาบเรเปียร์สีเงินที่คุ้นเคยขวางกั้นตนกับเด็กจรจัดตรงข้าม

"ท่านฟิลิปนี้..."

"ให้เป็นหน้าที่ฉัน ออกไปห่างๆ อย่ามาขัด" ฟิลิปพูดเสียงแข็ง ดวงตาสีแดงจ้องมองอัลเลย์ด้วยความสงสัย

"...รับทราบค่ะ" เธอทำความเคารพแล้วจึงเดินถอยห่างออกไประยะหนึ่งเมื่อถึงจุดที่เหมาะสมก็หยุดยืนเฝ้าอารักขาเด็กสาวผมขาวด้วยความสงบนิ่ง

"เอาล่ะ ตอนนี้ตอบฉันมาซะ" ฟิลิปเดินไปข้างหน้า ใช้ปลายดาบเรเปียร์เชยคางของอัลเลย์ขึ้นมา ก่อนจะตกตะลึงกับภาพที่เห็น

ใบหน้าของชายคนนี้เต็มไปด้วยความสับสนมึนงง คิ้วของเขาตกลงมาเล็กน้อย ผมหยักศกสีน้ำตาลชุ่มเหงื่อจนลู่ลงอย่างน่าสงสาร ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

เกิดอะไรขึ้น?

เธอคงไม่ได้เผลอทำร้ายเขามากเกินไปใช่ไหม?

"นี่...ตอบมานะ ว่าไปเรียนวิถีดาบนั้นมาจากไหน" 

"...ดาบ?" คิ้วสีขาวกดลง หล่อนใช้ปลายดาบเขี่ยคนตรงหน้าแต่กลับนั่งนิ่งเงียบพึมพำส่งเสียงแผ่วเบา

หรือว่านี้จะเป็นผลกระทบของพลังวิเศษ มีใครบางคนที่ต้องการจะปิดปากชายคนนี้อย่างงั้นเหรอ

"อาจารย์..." เสียงนั้นเบามากซะยิ่งกว่าเสียงยุงบิน เด็กสาวส่งเสียงขัดใจก่อนจะก้มตัวลงเล็กน้อย เธอมั่นใจว่าชายคนนี้ไม่มีพลังในการต่อสู้ อาวุธหนึ่งเดียวก็สูญหายไปแล้ว

เจ้าคนประหลาดบอกว่าดูเหมือนพลังวิเศษของเด็กตรงหน้าจะเป็นดวงตาที่สามารถมองเห็นได้มากกว่าปกติ ยิ่งเป็นแค่ผู้วิเศษระดับ1ที่ปวกเปียกและอ่อนแอแบบนี้ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายเธอได้

"บอกฉันมาสิ ว่านายเรียนสิ่งนี้มาจากไหน" 

ดวงตาสีแดงเบิกกว้างคล้ายกับดวงจันทร์สีเลือด จุดสีดำตรงกลางทำให้มันดูมีเสน่ห์มากขึ้น เด็กสาวพูดเร่งเร้าเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าพยายามอ้าปากตอบ แต่ดูเหมือนการพูดแต่ละคำจะใช้พลังงานมากจนตอนนี้เขาถึงไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่พยางค์เดียว

ดูเหมือนจะได้แค่นี้

แต่ไม่เป็นไรยังไงก็ค่อยถามทีหลังก็ได้ 

ฟิลิปถอนหายใจด้วยความเสียดาย หากชายคนนี้ถูกส่งเข้าห้องขัง ไอเจ้าคนประหลาดคนนั้นก็คงเข้ามายุ่มย่ามไม่เข้าเรื่องอีกแน่

"ท่านฟิลิป!!"

ฉึก!

"!?" 

ความเจ็บปวดจากท้องน้อยแล่นไปตามเส้นประสาททั่วทุกตารางนิ้วในร่างกาย มือของหล่อนกระตุกด้วยความเจ็บปวดอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด

"แก!!"

อัลเลย์กดกุญแจทองเหลืองเข้าไปซ้ำแผลตรงท้องน้อยของหล่อน เป็นแผลเปิดที่มีขนาดใหญ่พอที่จะยัดปลายกุญแจเข้าไปข้างในได้ เขากดมือเข้าไปก่อนจะบิดกุญแจอย่างรวดเร็ว ฟิลิปส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวดเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากบาดแผลนั้น

อะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาจากความเจ็บปวดทำให้เธอพยายามที่จะใช้ดาบเรเปียร์ตอบโต้ แต่ก็โดนอัลเลย์จัดการอย่างรวดเร็ว

กล้ามเนื้อหน้าท้องของหล่อนหดตัวอย่างรุนแรงจนทำให้ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ความเจ็บปวดส่งผลให้สมองของฟิลิปว่างเปล่าและมึนงง การจิ้มเข้าไปยังกล้ามเนื้อในบริเวณนี้สามารถสร้างความเจ็บปวดรุนแรงมากพอที่จะทำให้คนช๊อกจนหมดสติได้ 

อัลเลย์ใช้มืออีกข้างกดเส้นเลือดใหญ่ที่คอของเธออย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่รอบๆ หันมองจุดนี้เป็นตาเดียว อัลเลย์สูดหายใจอย่างช้าๆ ขยับตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้งอย่างยากลำบากโดยที่ยังไม่ปล่อยมือไปจากคอของฟิลิป

กระแสนิวม่าในอากาศทำให้ร่างกายของเขาตื่นตัว ถึงจะไม่ชอบวิธีแต่นี้ก็จำเป็นต้องใช้เพื่อความอยู่รอด เมื่อรู้สึกว่ารากไม้พวกนั้นขยับเข้าใกล้ก็ยิ่งกดกุญแจให้ลึกขึ้น

ดอกกุหลาบใช้ดวงตาสีแดงจ้องมองมาที่อัลเลย์ด้วยความเกลียดชัง เจ้าหน้าที่หรือแม้แต่เด็กจรจัดบางคนก็มองมาที่จุดนี้ด้วยความตกตะลึง

"คงไม่อยากลองพนันว่าความสามารถพิเศษของผมคืออะไรใช่ไหมครับ?" 

สาเหตุที่พวกเขาสามารถบุกเขามาที่นี่ได้อย่างเป็นระบบจะต้องเป็นฝีมือของเบอร์โต้ เขามั่นใจว่าในตอนที่ส่งข่าวล่าสุด เรื่องที่ความสามารถของตนคือกุญแจจะยังไม่กระจายไปให้กับคนพวกนี้แน่นอน

ความหยิ่งยโส ความประมาท ความเลินเล่อ กลายเป็นความมั่นใจในตนเองที่ก้าวเดินไปยังเส้นทางแห่งความผิดพลาด

ฟิลิปหายใจหอบอย่างยากลำบาก เมื่อไม่สามารถทนไหวก็สลบคอพับไปทั้งอย่างนั้น ผู้คนรอบตัวถอนหายใจด้วยความโล่งใจที่อย่างน้อยเด็กคนนี้ไม่ทำอะไรเพิ่มไปกว่านั้น

ถึงจะต่อสู้อยู่ตลอดเวลาแต่ตนก็คอยสังเกตสิ่งรอบตัวไปด้วย และยังสังเกตเห็นถึงเด็กที่หลบหนีไปยังทางเดินใต้ดินทางหนึ่งพร้อมเชือก หมุด และค้อน

โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหน้าผาที่ติดทะเล ดูเหมือนเส้นทางนี้จะมีทางเชื่อมไปถึงบริเวณหน้าผา ถ้าให้เดาทางออกอื่นๆ ก็คงจะโดนปิดควบคุมหมดแล้ว แล้วทำไมเราไม่ลองพนันกับทางออกนั้นดูล่ะ?

ตั้งแต่มาที่โลกนี้ สัญชาตญาณของเขาก็ไม่เคยทรยศตนเลยสักครั้ง มันนำพาปาฏิหาริย์และความเป็นไปได้ที่คาดไม่ถึงมาสู่ตัวเขาเสมอ

"เด็กน้อย คุณได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดไป" หญิงสาวพูดขึ้นอย่างสงบ ใช้ดวงตาสีฟ้าจ้องมองไปยังอัลเลย์อย่างเยือกเย็น

"หากแค่ส่งจดหมายเถื่อนถึงโทษจะหนักแต่ก็ยังมีโอกาสได้มีชีวิต แต่การทำร้ายเจ้าหน้าที่นั้นจะถูกวิสามัญทันที"

แล้วไงล่ะ

ถ้าถูกจับไปจะเป็นยังไง?

ตัวตนของเขานั้นแปลกเกินไป ไม่มีประวัติ และที่มา เหมือนกับที่เบอร์โต้บอก ตนไม่ต่างอะไรกับวิญญาณแปลกประหลาดที่หลงเข้าไปในโลกของมนุษย์

แล้วไหนจะคนวิปริตในร่างเบอร์โต้นั้นอีก

ผู้วิเศษพวกนี้ต่างก็ปล่อยตัวไปกับความปรารถนา เมื่อสติถูกครอบงำโดยพลังวิเศษ พวกเขาก็จะเปิดเผยให้เห็นถึงความกระหายในแก่นแท้ของตัวเอง ไม่คำนึงถึงกฎหมาย ศีลธรรม และหลักจรรยาบรรณ ถึงอัลเลย์จะชนะพนันชายคนนั้น แต่จะมีคนฉลาดที่ไหนที่เชื่อมั่นในคำสัญญาปากเปล่าไร้ความหมายแบบนั้นกัน

ยิ่งเขาไร้ตัวตนในโลกนี้มากเท่าไหร่ เมื่อสูญหายไปก็ไม่มีใครสนใจมากเท่านั้น

"ผมไม่ฆ่าคน แต่ถ้ายังเข้ามาก็ไม่แน่" ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมืดมนเต็มไปด้วยข้อความมากมายที่ต้องการจะสื่อ เด็กชายคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยคล้ายกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบราคาแพงของชนชั้นสูง

ผู้รอบตัวเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกกดดันแพร่กระจายเข้ามาภายในจิตใจของทุกคน

"หวังว่าจะเข้าใจถึงความหมายที่ผมต้องการจะสื่อนะครับ" 

เหมือนกับที่พูดว่าคนฉลาดจะไม่เชื่อมั่นในคำสัญญาปากเปล่าพวกนั้น อัลเลย์ก้าวเดินไปยังทางออกอย่างเชื่องช้า ปล่อยจิตใจให้สงบ เฝ้าดูความผิดปกติของนิวม่ารอบตัว

เมื่อมีคนต้องการจะใช้ความสามารถ เด็กชายก็จะกดกุญแจให้ลึกขึ้น กดนิ้วเข้าหาลำคอเปราะบางในมืออย่างมั่นคงและรุนแรง บังคับให้พวกเขาทำได้เพียงแค่เฝ้าดูเท่านั้น

แต่ยังมีมุมที่ดวงตาของตนไม่สามารถมองเห็นได้และอาจจะมีใครบางคนที่ใช้ความสามารถจากระยะไกล

เมื่อเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น หัวใจในอกของอัลเลย์ก็เริ่มเต้นอย่างสงบ มันดูคล้ายประตูเหมืองที่ถูกขุดขึ้นมาอย่างลวกๆ ข้างบนมีแค่ไม้ที่นำมาเพื่อค้ำยันเป็นระยะ ในตอนนี้เขาไม่อยากรู้หรอกนะว่าทางเดินนี้สร้างมาเพื่ออะไรหรือตั้งแต่สมัยไหน 

ในที่สุดเขาก็จะหลุดจากสถานการณ์น่าปวดหัวพวกนี้สักที

ถ้ารอดไปได้จะทำยังไงต่อไป บางทีเขาอาจจะลองหนีไปยังประเทศอื่นดู หรือไม่ก็แอบซ่อนตัวที่วิหารในท่อระบายน้ำ

"อะไรกัน สนุกกันอยู่นี่" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น อัลเลย์หันไปมองด้วยความแข็งทื่อ

เบอร์โต้ใช้ดวงตาสีดำจ้องมองไปยังอัลเลย์ด้วยความภาคภูมิใจ รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างมากคล้ายกับคุณแม่ที่กำลังดีใจที่ลูกสอบได้คะแนนเต็ม ในขณะที่ชายผมสีน้ำตาลด้านข้างกลับมองมาที่ตนด้วยความประหลาดใจ ทั้งคู่ต่างก็อยู่ในสภาพเลอะเทอะคล้ายไปล้มลุกคลุกดินมา

"เก่งมากเลยอัลเลย์ คุณทำให้ผมประหลาดใจได้เสมอเลย" เบอร์โต้ยกนิ้วโป้งทั้ง2มือให้อัลเลย์เป็นการชมเชยถึงความสามารถมหัศจรรย์ของเด็กชายคนนี้

"..." แม่งเอ๊ย

คนพวกนี้ดูไม่กังวลเรื่องความเป็นความตายของตัวประกันเลยสักนิด