Chapter 22 - บทที่ 22 ดอกไม้

ตอนนี้เป็นเวลาใกล้รุ่งสาวแล้ว แสงแดดยามเช้าส่องสว่างไปรอบๆ ทำให้เขายังพอมองเห็นทุกอย่างรอบตัว

กลุ่มฝุ่นควันลอยไปทั่ว น้ำบางส่วนก็ไหลออกมาจากท่อประปาอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ดูเหมือนจะไม่มีน้ำมันก๊าดในท่อพวกนี้ ไม่อย่างงั้นการระเบิดก็คงจะรุนแรงกว่านี้

"แก! เป็นแกที่เรียกตำรวจมาใช่ไหม!" คนจรจัดคนหนึ่งชี้หน้าด่าอัลเลย์ด้วยความโกรธแค้น กลิ่นของแอลกอฮอล์เหม็นคลุ้งไปทั่ว ชายคนนั้นหยิบดาบเก่าๆ เล่มหนึ่งขึ้นมา เหวี่ยงไปมาอย่างมั่วซั่วไปทางเด็กหนุ่ม

อัลเลย์โยกตัวเล็กน้อยหลบดาบเล่มนั้น ก่อนจะกำหมัดซ้ายจนแน่นแล้วชกเข้าไปเต็มแรง อีกฝ่ายก้าวถอยหลังด้วยความมึนงงเลือดกำเดาไหลออกมาเต็มจมูก

เพื่อความมั่นใจขอชกอีกสักรอบ

หลังจากที่เห็นชายตรงหน้าลงไปนอนกองบนพื้น ก็ถือวิสาสะยืมดาบเล่มนั้นมาใช้ก่อน มันเป็นดาบยาวยุคกลางที่ดูเก่าเกินกว่าจะนำมาใช้ ควรจะถูกเก็บในพิพิธภัณฑ์มากกว่า นอกจากหนังที่พันด้ามดาบจะผุจนลอกออกมา ก็ยังไม่มีแม้แต่ปลอกดาบด้วยซ้ำ

"นายคือคนที่ทำให้คนแปลกประหลาดนั้นบาดเจ็บสินะ" เสียงที่นุ่มนวลแต่กลับราบเรียบไร้อารมณ์ดังขึ้น อัลเลย์หันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะแอบตกตะลึงนิดหน่อย

เด็กสาวตรงหน้าน่ารักจริงๆ ผมสีขาวกับตาสีแดงของเธอทำให้ดูเหมือนตุ๊กตามีชีวิต เครื่องแต่งกายสีขาวก็ทำให้ดูคล้ายอัศวินกระต่ายขาว

ส่วนคนแปลกประหลาดที่ว่าก็น่าจะหมายถึงเบอร์โต้ ดูเหมือนชายคนนี้จะร่วมมือกับทางการจริงๆ คนเราดูแค่นิสัยอย่างเดียวไม่ได้เลย

"คนแปลกประหลาด? หมายถึงใครครับ? แล้วผมก็ไม่เคยแอบส่งจดหมายเถื่อนนะครับ" เขาอยากจะรีบหลบหนีออกจากที่นี่จริงๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจากฝันแรก ในเมืองมนุษย์ที่ไม่ต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดทุกค่ำคืน แต่เขากลับรู้สึกเหนื่อยใจไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้

สังคมผู้วิเศษเหล่านี้ช่างน่าวุ่นวายเหลือเกิน

แต่ผมสีขาวกับตาสีแดงของเด็กสาวตรงหน้าก็แปลกจริงๆ นี้คือโรคผิวเผือกหรือเปล่า? คล้ายกับกระต่ายขาวตาแดงในโลกก่อน

"เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญ ถ้าจับไปตรวจสอบทีหลังเดี๋ยวก็รู้เอง" เธอหรี่ตาลงมองไปยังผู้วิเศษตรงหน้า นี้เป็นแค่ผู้วิเศษระดับ1เราสามารถชนะได้อย่างแน่นอน

"อยากนอน..." อัลเลย์พึมพำเล็กน้อย จับดาบในมือแน่นขึ้น บาดแผลที่ไหล่ส่งความเจ็บปวดมาเป็นระยะ ทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างของตนเฉียบคมขึ้น

ไม่มีคำพูดอะไรทั้งนั้น เด็กสาวเกร็งกล้ามเนื้อขาพุ่งไปข้างอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็ห่างกับเขาเพียงแค่1เมตร เด็กชายรีบถอยหลบจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว เหงื่อเย็นจำนวนหนึ่งผุดขึ้นมาบนใบหน้า

เร็วมาก!!

กระต่ายขาวไม่ยอมหยุดแค่นั้น เธอขยับอย่างรวดเร็วไล่ตามอัลเลย์เข้าไปมากขึ้น เรเปียร์สีเงินในมือเธอขยับจ้วงแทงไปยังตำแหน่งต่างๆ อย่างแม่นยำ เขาทำได้แค่ใช้ดาบยาวในมือปัดป้องเท่านั้น

ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ อัลเลย์ขยับพลิกมุมการจับดาบเล็กก่อนจะตวัดออกไปสร้างระยะห่างระหว่างทั้งสอง เด็กสาวยกดาบไว้แนบไหล่จ้องมองเขาด้วยความนึกคิดบางอย่าง ก่อนจะตั้งท่าเตรียมพร้อมในการโจมตี

"ถ้าไม่ใช้พลังวิเศษตอนนี้จะไม่ทันนะ"

อย่าบอกนะว่าเธอก็เป็นผู้วิเศษ เพียงไม่นานก็ได้คำตอบ ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้วิเศษจริงๆ แถมยังเป็นถึงผู้วิเศษระดับ2ด้วย 

เขาสูดหายใจลึกๆ นึกถึงความทรงจำสมัยตอนอยู่บนเรือแอสตราลิส เพ่งสายตาไปข้างหน้า เฝ้าสังเกตกระแสการไหลของนิวม่ารอบตัว

"ถ้าอย่างงั้นก็เตรียมตัว"

เธอขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งมาด้วยความเร็ว อัลเลย์ที่สัมผัสได้ถึงความผิดแปลกของนิวม่าบริเวณพื้นหินที่เหยียบอยู่ ก็รีบกระโดดหนีออกจากจุดเดิมทันที

นั้นมันอะไร?

รากของพืชชนิดหนึ่งผุดขึ้นมาจากตรงจุดเดิมที่ตนเคยยืนอยู่ ขยับเคลื่อนไหวคล้ายกับสิ่งมีชีวิต แผ่ขยายออกไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว พื้นที่โดยรอบถูกกัดเซาะจนพังทลาย ก่อให้เกิดฝุ่นดินจำนวนมาก เด็กสาวสะบัดเรเปียร์ของเธอราวกับคทาของนักเวท ก่อนที่สิ่งนั้นจะรวมตัวกันเคลื่อนไหวไปหาอัลเลย์อย่างรวดเร็ว

ควบคุมพืช? ทำไมพลังของคนอื่นถึงได้ดูมีประโยชน์มากกว่าของเราขนาดนี้

เช่ง!

พื้นผิวของพืชนี้เหมือนทำมาจากโลหะ เมื่อปะทะกันก็กลายเป็นดาบเก่าแก่ของอัลเลย์ซะเองที่ทำท่าจะพังแหล่ไม่พังแหล่ 

หากสู้กับนักเวทก็ต้องเข้าไปประชิดตัวเท่านั้น แต่เป้าหมายหลักของตนคือการหลบหนีออกจากที่นี่ไม่ใช่การชนะเด็กสาวตรงหน้าให้ได้

ปัง

อัลเลย์โยกหัวหลบกระสุนด้วยความหวาดกลัว เมื่อกี้นี้สัญชาตญาณของเขากรีดร้องขั้นสุดจนขนบนตัวลุกพอง เหตุการณ์รอบตัวเต็มไปด้วยความชุลมุน หากเดินไม่ระวังก็อาจจะมีกระสุนบินผ่านเข้ามาทักทายได้

"...เวร!" รากพืชพวกนั้นผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ผูกมัดขาของเขาให้อยู่กับที่

"อย่าประมาทตอนต่อสู้!!" เด็กสาวแทงเรเปียร์ในมือใส่ไหล่ของอัลเลย์ ซ้ำแผลเก่าที่เคยถูกเบอร์โต้ยิงได้อย่างแม่นยำ เขาเกือบจะเผลอหลุดปากด่าออกมาแล้ว คนพวกนี้นอกจากจิตไม่ปกติแล้วก็ยังชอบซ้ำแผลเก่าอีกตั้งหาก

มือที่จับดาบสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รบกวนเขาจากการต่อสู้ ความโกรธความสับสนทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มวุ่นวาย เสียงโดยรอบถูกตัดไป อัลเลย์ตัดสินใจที่จะ'ฆ่า'เพื่อตัดปัญหาพวกนั้นอย่างรวดเร็ว

วิถีดาบของกูลมีไว้เพื่อฆ่า เงียบที่สุด โจมตีจุดตาย และฆ่าให้เร็วที่สุด ถ้าเกิดตายขึ้นมาก็คงช่วยไม่ได้

ฟึบ!!

"อะไร!?" ดวงตาสีแดงเบิกกว้างมองผมสีขาวของตนที่หลุดลอยออกไปด้วยความตกตะลึง สัมผัสของเหลวอุ่นจากมุมกรามขวาทำให้เผลอสติหลุดไปชั่วขณะ

อัลเลย์เหลือบตามองไปที่เด็กสาว เธอจ้องมองจุดสีทองในดวงตาของชายตรงหน้าด้วยความมึนงง 

ดูเหมือนพืชพวกนั้นจะไม่ได้มีสติปัญญาเป็นของตัวเอง เมื่อไม่ได้ถูกควบคุมโดยเจ้าของพวกมันก็คลายตัวอย่างรวดเร็ว อัลเลย์ดึงขาออกจากมันอย่างทรมาน ดูเหมือนเจ้าสิ่งนี้จะมีหนามเล็กๆ อยู่โดยรอบ เมื่อตอนดึงขาออกถึงได้ทิ้งบาดแผลไว้ไม่น้อย

"เมื่อกี้นายทำได้ยังไง" วิถีดาบนั้นไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของเธอ เด็กสาวมองไปยังคนตรงหน้าด้วยความไม่เชื่อ ไม่คิดว่าจะมีใครที่สามารถตวัดดาบได้แบบนั้นอีก

อัลเลย์ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ย่อตัวเล็กน้อยก่อนจะพุ่งไปหาเด็กสาวผมขาวตรงหน้า ถึงสภาพร่างกายในตอนนี้จะแย่กว่าตอนอยู่บนเรือแอสตราลิสมาก แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอฝืนทนใช้ต่อไปได้

ครั้งนี้เธอไม่ใช้พลังวิเศษของตนอีก ใช้เพียงเรเปียร์ของตนเท่านั้น เด็กหนุ่มเหวี่ยงดาบด้วยมุมที่คุ้นชินพุ่งไปยังจุดอ่อนของร่างกายมนุษย์

เด็กสาวปัดป้องดาบตรงหน้าตามความคุ้นเคย สีแดงในดวงตาเข้มขึ้น คำถามมากมายปรากฏขึ้นในใจไม่หมดสิ้น 

"ได้ยังไง...นายใช้วิถีดาบของกูลได้ยังไง!!!"

ความไม่เชื่อ ความตกตะลึง ความโกรธ เติมเต็มดวงตาสีแดงให้เข้มขึ้น เด็กสาวไม่สนใจหลักการอื่นใดอีกต่อไป รากพืชบนพื้นแทงขึ้นมาบนดินก่อตัวและแตกหน่อ ไม่นานก็มีดอกกุหลาบขนาดยักษ์โผล่ออกมา ภายในดอกกุหลาบมีดวงตาสีแดงขนาดใหญ่อยู่ภายในกลอกไปมาก่อนจะหยุดอยู่ที่อัลเลย์

"ใคร...ที่สอนนาย..." ทั้งคู่เผลอละทิ้งความคิดของการไม่ฆ่าดั้งเดิมไป ต่างก็มองสบตากันด้วยความเกลียดชัง

เสียงของดาบดังปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเสียงของความวุ่นวายนี้ มันเป็นแค่จุดเล็กๆ ที่ไม่มีใครสนใจ

"ทางออกทั้ง46ทางถูกควบคุมแล้วครับ"

"เข้าใจแล้ว" อาร์ชีขมวดคิ้วแน่น เหตุการณ์สับสนวุ่นวายข้างล่างนั้นแย่กว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้เสียอีก

"คุณหมออาร์ชี..." หญิงสาวผมดำพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา เธอคือสมาชิกคนหนึ่งของPCDที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องอาร์ชีและเป็นคนเดียวในหน่วยที่เรียกอาร์ชีว่าคุณหมอ อาริ แฮลลีย์มองชายตรงหน้าด้วยความเขินอาย ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งไปให้เขา

"อะไร?" ชายหนุ่มรับกระดาษมาอ่าน เมื่อเจอภาพตัวละครแลบลิ้นพร้อมข้อความ'อิๆ' ภาพนี้ถูกวาดอย่างลวกๆ น่าเกลียดซะยิ่งกว่าที่ลูกพี่ลูกน้องตนวาดสมัยเด็กเสียอีก ลางสังหรณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นในใจ

"ซิลเวสเตอร์อยู่ไหน"

"ผู้บัญชาการบอกว่าจะไปหาท่านเอเสเคียล..."

ดวงตาสีน้ำเงินหลังกรอบแว่นนิ่งไปสักพัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย

"ในเมื่อโตมาจนเป็นระดับ4ได้ ก็คงเอาชีวิตรอดได้เองนั้นแหละ" 

"ได้ยังไง...พี่...โรแลนด์" ลอเรนด์มองภาพตรงหน้าด้วยความไม่เชื่อ ความกลัวเกาะกุมจิตใจ เสียงมากมายในหัวตีรวนวนไปมาอย่างเจ็บปวด

จะเป็นไปได้ยังไง? ทำได้ยังไง? ในเมื่อมีสร้อยของผู้นำสมาคมอยู่ก็จะไม่มีอะไรทำร้ายพี่ได้

"อ๋อ หมายถึงสร้อยนี้งั้นเหรอ" ราวกับว่าสามารถอ่านใจได้ ชายหนุ่มผมดำใช้นิ้วเกี่ยวสร้อยเงินขึ้นมาจากข้างในปกเสื้อ พร้อมแกว่งไปมาต่อหน้าเด็กสาว รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นเรื่อยๆ ตาสีดำสะท้อนภาพใบหน้าของเด็กตรงหน้า

"โดนหลอกเข้าซะแล้วนะสาวน้อย วัตถุวิเศษที่ช่วยในการป้องกันทุกอย่างมันหายากและมีราคามากเลยนะรู้ไหม? คนคนนั้นจะยอมมอบให้กับมนุษย์ธรรมดาแบบนี้ได้ยังไง? เสียใจด้วยนะ"

"เป็นไปไม่ได้....เป็นไปไม่ได้!!?? แกกำลังพยายามหลอกลวงฉันอีกครั้งเหมือนก่อนหน้านี้สิถ้า!!"

"ทำไม? เขาพูดว่าอะไร? สิ่งนี้จะปกป้องพี่ของเธออย่างแน่นอนงั้นเหรอ? แล้วก็ยอมเชื่อแล้วคอยติดตามอีกฝ่ายอย่างง่ายดายงั้นสิ"

"อย่าใช้ร่างของพี่ชายพูดเรื่องชั่วร้ายพวกนั้นนะ!!"

 ชายหนุ่มหัวเราะดังลั่นโดยไม่สนใจใคร ลอเรนด์ใบหน้าดำคล้ำด้วยความโกรธเมื่อจ้องไปยังร่างของพี่ชายตรงหน้า

"แกคือเอเสเคียล! เอเสเคียล ซาทาจใช่ไหม!?" ภายในรายชื่อและความสามารถที่หัวหน้าสมาคมให้เธอท่อง มีข้อมูลของชายคนหนึ่งที่ถูกตั้งเอาไว้ว่าควรระมัดระวังอย่างยิ่งอยู่

เอเสเคียล ซาทาจเป็นทายาทสายตรงของซาทาจ 1ใน3มงกุฎผู้อยู่เบื้องหลังการปกครองของโลกผู้วิเศษ ชักนำราชวงศ์ไฮเซินกับเลเวนฮุค แทรกแซงสงครามกุหลาบ กดขี่มนุษย์ธรรมดา เป็นปรสิตที่หัวหน้าบอกว่าสมควรถูกกำจัดออกไปจากโลกนี้

"อา...? รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ ถ้าให้เดานะ คนคนนั้นจะต้องเป็นชายหน้าสวยผมทองตาแดงมีไฝที่มุมตาขวาใช่ไหม?" เอเสเคียลหรี่ตาลงเล็กน้อย ปล่อยมือจากร่างของโรแลนด์แล้วนำมากุมไว้ที่คาง ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้เด็กสาวตรงข้าม

"พูดอะไรของนาย!?" ลอเรนด์พยายามควบคุมตัวเองให้ดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถหลุดรอดไปจากสายตาของเอเสเคียลได้

"ฮะๆ คิดไว้แล้วไม่มีผิด มีแต่คนแบบหมอนั่นเท่านั้นที่ชอบทำอะไรน่าเบื่อแบบนี้" 

"แก!!" ความเครียดของเด็กสาวมาถึงจุดสูงสุด เธอนำแส้กระดูกออกมาพร้อมฟาดยังชายตรงหน้าด้วยความโกรธแค้น

"โอ้ๆ อย่าตีอย่างงั้นสิ เดียวพี่ชายเธอก็เจ็บหรอก" 

เผียะ!!

เศษซากโดยรอบถูกแส้ฟาดจนสร้างรอยแตกขนาดใหญ่ทิ้งไว้ ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน

"ไม่เป็นไร..."

แส้กระดูกนี้ได้มาจากผู้วิเศษระดับ3เป็นของขวัญที่อาจารย์มอบให้กับเธอ ภาพตรงหน้าไม่ใช่เบอร์โต้ที่คุ้นเคยอีกต่อไป แต่เป็นภาพดินน้ำมันไร้รูปร่างที่ถูกปั้นให้คล้ายกับพี่ชายเท่านั้นเท่านั้น

"ถึงพี่จะตาย...แต่ถ้าร่างยังอยู่ หัวหน้าสมาคมจะชุบชีวิตกลับมาอีกได้แน่นอน" ตราสัญลักษณ์กางเขนกลับหัวที่หลังคอแปร่งประกายสีแดงสดออกมา ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในศาสดาของตน

"ชุบชีวิต? พูดเรื่องเพ้อฝันไร้สาระอะไรกัน แม้แต่เทพก็ยังทำไม่ได้ แล้วมนุษย์แบบพวกคุณวิเศษขนาดไหนกัน?"

"หุบปาก!!"

"เก่งเหมือนเดิม ยังผลิตหมาตัวใหม่มาได้เรื่อยๆ เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน" นี้เป็นคำชมที่ออกมาจากใจของเขาเลยล่ะ

"คุณชาย!!" เจ้าหน้าที่ที่สังเกตเห็นฉากตรงหน้าตะโกนขึ้นมาด้วยความกังวล 

ร่างของเบอร์โต้ตอนนี้แย่จริงๆ หากเขาต้องการจะกลับไปอยู่ในตะเกียงพิพากษาก็ต้องสัมผัสกับตัวตะเกียงเท่านั้น แต่น้ำหนักรวมของตะเกียงกับโซ่นั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ ดูจะเกินความสามารถของร่างนี้ไปมากโข

เขาไม่เคยทดลองตายในร่างอื่นมาก่อน ดังนั้นตอนนี้ตนจะต้องห้ามตายเด็ดขาด ถึงจะอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ไม่อยากเซอร์ไพรส์เพราะเรื่องแบบนี้แน่นอน

"เกะกะ!!" ร่างของผู้คนโดยรอบแตกสลายกลายเป็นกลีบดอกไม้ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า กลีบดอกไม้หลากชนิดปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าปกคลุมโดยรอบด้วยสีสันมากมาย

เหงื่อจำนวนหนึ่งผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเอเสเคียล ในขณะที่ต้องจับร่างของโรแลนด์ก็ต้องคอยถอยออกห่างจากเด็กสาวตรงหน้า

พลังในการเปลี่ยนมนุษย์ภายในรัศมี3เมตรเป็นกลีบดอกไม้? มันจะต้องมีอะไรอีกแน่เจ้าหมอนั้นถึงได้ลงทุนกับเธอมากขนาดนี้

อีกแค่ก้าวเดียว

เด็กสาวมองร่างของทั้งสองไม่ว่าจะเบอร์โต้หรือโรแลนด์ อีกแค่ไม่นานเธอก็จะได้ครอบครัวของตัวเองคืนมา

อีกแค่ก้าว----

!!!

ลอเรนด์รีบขยับตัวหลบออกจากจุดเดิม หนวดสีดำตบลงไปบนพื้นส่งผลให้พื้นที่โดยรอบถูกบิดเบือนจนส่งเสียงออกมาคล้ายกับโดนน้ำกรดกัดกร่อน

เธอขยับตัวเล็กน้อยมองไปยังพี่ชายของตน ก่อนจะพบกับซิลเวสเตอร์ที่มือข้างหนึ่งถือหนังสือส่วนมืออีกข้างยกโรแลนด์ขึ้นมา

"สวัสดี ปกติมันต้องยกผมไม่ใช่เหรอ?" เอเสเคียลลุกขึ้นมาจากพื้นพร้อมรอยยิ้ม กล่าวทักทายชายตรงหน้าด้วยความเป็นมิตร

"พอดีว่าเด็กคนนี้เป็นคนสำคัญของคดีนี้ หวังว่าท่านจะเข้าใจครับ" ดวงตาสีดำหรี่ลง จ้องมองชายผมน้ำตาลตรงหน้าด้วยความคิดบางอย่าง

ซิลเวสเตอร์เพียงแค่ส่งยิ้มตอบกลับไปให้ ดวงตาหยีลงด้วยความสนุกสนาน