เขาขยับตัวเข้าไปในพื้นที่ลับสายตา พร้อมสังเกตสภาพรอบตัวอีกครั้ง ถึงวิถีดาบของกูลจะเหมาะกับการก้าวเดินในความมืด แต่ก็ต้องยอมรับว่าประสบการณ์ในด้านนี้ของเขานั้นมีน้อยจริงๆ
อัลเลย์อาศัยจังหวะชุลมุน แอบเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งด้วยพลังกุญแจผีของตน บ้านหลังนี้มืดสนิทแถมยังเต็มไปด้วยฝุ่นมากมาย ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะไม่ได้อยู่ที่นี้มานานแล้วแต่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวก็ยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
ร่องรอยของอดีตอยู่ทั่วทุกมุมของบ้านหลังนี้ เขาใช้ปลายนิ้วไล่ตามร่องรอยขีดเขียนบนกำแพง เป็นรอยขีดตามความสูงที่เพิ่มขึ้นของเด็กๆ รอยนั้นมีตั้งแต่ยังไม่ถึงเอวของอัลเลย์ จนเหนือเขาไปประมาณหนึ่งไม้บรรทัด
แต่โชคดีที่เจ้าของบ้านหลังนี้ยังเก็บเสื้อสมัยเด็กเอาไว้อยู่ ถึงจะกระดากอายเล็กน้อยที่ต้องลักขโมยเสื้อคนอื่นมาใส่ แต่ก็ต้องทำไปเพราะความจำเป็น
เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลเข้ม ถึงตัวเสื้อจะเก่าจนสีออกเหลืองนิดหน่อย แต่ก็ยังดูดีกว่าเสื้อชุดก่อนหน้าที่ตนจะขโมยมาก
ยืนคิดอยู่สักพัก พื้นข้างนอกที่เต็มไปด้วยน้ำและโคลนแบบนี้ไม่เหมาะกับรองเท้าผ้าของเขาเลยจริงๆ ได้แต่ขอโทษเจ้าของบ้านในใจก่อนจะใส่รองเท้าหนังสีดำอย่างรวดเร็ว ถึงจะหลวมนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
ภายในบ้านไม่มีอะไรอีก ถ้าให้เอากุญแจไปไล่เปิดตู้ดูทีละตู้ก็อาจจะดูแย่ไปหน่อย ถึงจะรู้สึกคันมือเล็กน้อยแต่ก็พยายามห้ามใจตัวเอง แล้วรีบหนีออกจากบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว
ใช้มือกดหมวกเบเร่ต์ที่เผลอหยิบติดมือมาเมื่อกี้เล็กน้อย ผมที่ยาวเกินไปนี้ดูน่ารำคาญจริงๆ แต่ถ้าให้ลองตัดเองก็คาดว่าจะออกมาดูไม่ดีสักเท่าไหร่ จึงทำแค่ถักเป็นผมเปียยาวตามแบบที่ฮาโมนี่เคยสอนเท่านั้น
"ระเบิดอีกแล้ว เมื่อไหร่เจ้าหน้าที่จะมาจัดการพวกท่อแก๊สเก่าไม่ได้มาตรฐานพวกนี้สักที" ชายวัยกลางคนบ่นให้กับภรรยาของตนฟัง นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรงงานร้างเกิดการระเบิดแบบนี้ แค่คิดว่าวันหนึ่งต้องกลายเป็นแถวบ้านเขาเองที่ระเบิด ก็อดหวาดกลัวเล็กน้อยไม่ได้
"แล้วทำไมไม่ไปบ่นให้อาร์ชีฟังล่ะ มาบ่นให้ฉันแล้วมันจะได้อะไร" หล่อนตอบด้วยความเบื่อหน่าย ไม่แน่ใจว่าฟังประโยคแบบนี้ซ้ำไปกี่รอบแล้ว
"เด็กคนนั้นกลับมาที่นี่บ่อยซะที่ไหน แต่ก็นะ ถ้าฉันได้ไปทำงานที่มิสบอร์นก็คงจะไม่อยากกลับมาที่แบบนี้บ่อยๆ หรอก"
"อย่าพูดอย่างงั้นสิ พอร์ตเอลเวย์นไม่ได้แย่ขนาดนั้น"
ถึงพอร์ตเอลเวย์นจะเป็นเมืองท่าไม่กี่แห่งของราชอาณาจักรไฮเซิน แต่ก็เต็มไปด้วยกลุ่มองค์กร สมาคม และลัทธิแปลกประหลาดแอบซ่อนอยู่ทั่วทุกมุมถนน จะว่าเจริญก็เจริญ แต่ก็อันตรายไม่น้อยเช่นกัน
อัลเลย์มองไปยังชุมชนที่เต็มไปด้วยผู้คนตรงหน้า เมื่อคืนตนออกเดินทางไปทั่ว ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยมองหาอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์กับตนเอง แต่นอกจากกลุ่มคนไร้บ้าน คนเมา กลุ่มคนน่าสงสัย ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก จึงได้แต่กลับไปยังบ้านหลังนั้นแล้วงีบหลับที่นั่นสักคืน
ดูเหมือนคนที่ชื่ออาร์ชีจะเป็นเจ้าของบ้านตัวจริง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะทำงานอยู่ที่ต่างเมือง หากมีเรื่องให้เกี่ยวข้องในอนาคตเขาจะต้องแอบตอบแทนแน่นอน
"ได้ยินเสียงระเบิดเมื่อคืนรึเปล่า นี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่เจอแบบนี้"
"ผมคิดว่าอาจจะเป็นฝีมือของพวกองค์กรชั่วร้ายก็ได้ ไม่งั้นจะระเบิดบ่อยขนาดนี้ได้ยังไง"
"แต่ว่าเจ้าหน้าที่..."
"วันนี้ผมได้ปลาสดๆ มาหลายตัว ถ้าคุณอยากมาดูก่อนก็มาได้..."
"ฟักทองสีส้ม ฟักทองสีสวย!! ราคากันเองลองดูก่อนได้!!"
เสียงพูดคุยโหวกเหวก พร้อมเสียงรถม้าลากไปตามพื้นถนน ถึงเมืองนี้จะเป็นเมืองท่า แต่ก็มีความเจริญอยู่แค่บริเวณอำเภอเวสต์เมียร์เท่านั้น ที่นั่นอยู่ติดท่าเรือแถมยังมีสำนักงานส่วนกลางตั้งอยู่เต็มไปหมด
พื้นที่ปกครองในราชอาณาจักรแห่งนี้ถูกแบ่งเป็น แคว้น เมือง อำเภอ บางที่ก็มีตำบลแยกย่อยมาอีก
ตอนนี้อัลเลย์อยู่ในราชอาณาจักรไฮเซิน แคว้นเฮเวนริดจ์ เมืองพอร์ตเอลเวย์น อำเภอเฮเวนฟอร์ด
เฮเวนฟอร์ดแตกต่างจากเวสต์เมียร์ตรงที่เป็นที่อยู่หลักของชาวบ้านในแถบนี้ โดยดั้งเดิมที่นี่เต็มไปด้วยคนชนชั้นกลางถึงต่ำ ทั้งชาวประมง ก่อสร้าง แม้แต่กลุ่มคนแปลกประหลาดจำนวนหนึ่ง
ในที่แบบนี้การเห็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาเดินคนเดียวนั้นเป็นเรื่องปกติ ครอบครัวส่วนใหญ่ต่างก็ให้ลูกที่มีอายุในช่วง14-15เริ่มออกมาหางานทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่างฝึกหัด ลูกจ้างตามร้านค้า หรือให้ไปลักเล็กขโมยน้อยก็มี
อัลเลย์เมินเฉยสายตาที่จ้องมองมาโดยรอบ เนื่องจากร่างนี้ไม่ได้พบเจอแสงแดดมานาน จึงได้มีผิวขาวซีดผิดกับคนอื่นในบริเวณนี้ ยิ่งรวมถึงผมที่ยาวจนถึงกลางหลังก็ยิ่งดูคล้ายกับคุณหนูที่ปลอมตัวมาในพื้นที่ยากจน
เฝ้ามองดูรอบๆ เพื่อหาสิ่งที่ดูจะมีประโยชน์ ก่อนจะเจอกับหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งที่ถูกทิ้งอยู่แถวถังขยะ ถึงจะเปราะเปื้อนไปด้วยคราบดินและน้ำ แต่ก็ยังพอมองออกอยู่
'การปรากฏตัวของราชินีอนาสตาเซียแห่งอาณาจักรเลเวนฮุค ในงานสถาปนาอาณาจักร'
'การระเบิดของโรงงานร้างจำนวนมากทั่วอาณาจักร สาเหตุคาดว่าเป็นเพราะแก๊สรั่ว'
'คนหายจำนวนมากอย่าแปลกประหลาด หรือนี่จะเป็นฝีมือของสัตว์ประหลาดในตำนาน?'
'มีผู้พบเห็นสัตว์ประหลาดในพอร์ตเอลเวย์น'
ถึงจะดูเล็กน้อยแต่ก็มีเบาะแสมากมายในนั้น โดยเฉพาะสัตว์ประหลาดในตำนาน ดูเหมือนว่าในยุคนี้ผู้วิเศษและสัตว์ประหลาดจะเป็นข้อมูลที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่ให้คนธรรมดารู้จัก
โดยเฉพาะคนธรรมดาที่มีมากมายเต็มท้องถนนพวกนี้ ตั้งแต่ที่ดวงตาของเขาสามารถมองเห็นละอองแสงนิวม่าได้ อัลเลย์ก็สามารถแยกแยะได้ถึงความต่างของผู้วิเศษและมนุษย์ธรรมดา
มันคือจำนวนนิวม่า จำนวนนิวม่าในร่างกายของคนธรรมดาและผู้วิเศษนั้นมีความต่างกันอย่างชัดเจน ถ้ามนุษย์ธรรมดาเป็นแค่หลอดไฟขนาดเล็ก ผู้วิเศษก็เป็นเหมือนกองไฟขนาดย่อม
แต่ตอนนี้เขายังไม่เจอผู้วิเศษคนอื่นเลย
"นี้เจ้าหนูมายืนทำอะไรตรงนี้" เสียงทุ้มนิ่งสงบดังขึ้น อัลเลย์เผลอเกร็งกล้ามเนื้อทั้งร่างกายด้วยความตกใจ
เงียบมาก
เข้ามาใกล้ตั้งแต่ตอนไหน!
เขาหันไปมองต้นเสียงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยเมื่อพบว่าเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น
ชายคนนี้หน้าตาดีจริงๆ ผมสีดำถูกปัดเรียบไปข้างหลังอย่างสวยงาม ดวงตาสีฟ้าหลังแว่นสี่เหลี่ยมกรอบทองดูอ่อนโยนและเข้าถึงได้ง่าย ทั้งตัวยังแต่งตัวดูดีสะอาดสะอ้าน มีครบทั้งเลานจ์สูท หมวกทรงสูง มือหนึ่งถือกระเป๋าหนังทรงสี่เหลี่ยม อีกข้างกำไม้เท้าสีน้ำตาลหรูหรา
"ที่นี่เฮเวนฟอร์ดไม่ปลอดภัยนักสำหรับเด็กตัวคนเดียว รีบกลับบ้านไปซะเจ้าหนู"
"คุณเป็นเจ้าหน้าที่รัฐงั้นเหรอครับ มาเพราะเหตุระเบิดรึเปล่า" ชายหนุ่มตรงหน้าเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยอมตอบเด็กขี้สงสัยไปตามปกติ
"ฉันชื่ออาร์ชี เค็พเพลอร์ เป็นนักจิตวิทยาอาชญากรรม ช่วงนี้มีคนหายตัวบ่อย เพราะงั้นก็หยุดเล่นแล้วกลับบ้านไปซะเถอะ"
"...เข้าใจแล้วครับ"
นี้...คงเป็นเรื่องบังเอิญใช่ไหม หวังว่าชายตรงหน้าจะจำชุดเก่าของตัวเองไม่ได้นะ
อาร์ชีมองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาใจดี เมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นวิ่งหายไปอย่างรวดเร็วจนลับสายตา ดวงตาสีฟ้าก็เปลี่ยนไปเหลือแค่ความเฉียบคมทันที
ภายใต้แขนเสื้อในมุมที่มองไม่เห็น มีนาฬิกาข้อมือสีเงินสวยงามเรือนหนึ่ง เมื่อดูจากภายนอกก็เหมือนนาฬิกาทั่วไปที่ใช้ดูเวลาได้ตามปกติ
อาร์ชีสัมผัสได้ถึงความร้อนผิดแปลกเล็กน้อยจากตัวนาฬิกา เขาเดินหันหลังกลับไปตามเส้นทางปกติ มุ่งหน้าไปยังบ้านเก่าของตนในเฮเวนฟอร์ดที่ไม่ได้กลับมานาน
เมื่อไปถึงก็ตรวจเช็กทุกมุมบ้าน ก่อนพบร่องรอยการบุกรุกมากมายที่ยังคงหลงเหลือไว้อยู่ โชคดีที่ของสำคัญที่เก็บไว้ในตู้ยังคงอยู่ดี มีหายไปแค่เสื้อผ้าและรองเท้าตัวเก่าเท่านั้น
ผู้วิเศษ...
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เจอผู้วิเศษที่เกิดมาจากบุคคลธรรมดาทั่วไป ถึงเรื่องผู้วิเศษจะถูกเก็บเป็นความลับจากบุคคลธรรมดาแต่ก็ยังมีอัจฉริยะมากมายเกิดขึ้นจากคนเหล่านั้น
แต่มีหลายอย่างที่ดูขัดแย้งรวมอยู่ในตัวเด็กคนนั้น...
ดูเหมือนจะเป็นผู้วิเศษระดับ1ที่พึ่งตื่น ผิวสีขาวซีด ผิวเนียนเหมือนไม่เคยถูกใช้งานหนัก แต่กลับลักขโมยเสื้อผ้าของคนอื่นมาใช้เหมือนกับไม่มีเงินสักเพนนีเดียว ดวงตากลับดูมีความฉลาดเฉลียวมีความรู้แตกต่างจากพวกเด็กจรจัดของที่นี่
แปลกจริงๆ
กลุ่มผู้วิเศษเป็นพวกที่มีอำนาจแปลกประหลาดที่ไม่ควรประมาท อาร์ชีเดินออกจากบ้าน ขึ้นรถม้าแล้วตรงไปยังสำนักงานตำรวจก่อนจะขอใช้โทรศัพท์ของที่นั่น ลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปข้างล่างอย่างเชื่องช้า จนไปถึงชั้นที่มีโทรศัพท์สีเหลืองติดผนังอยู่
เขาใช้นิ้วหมุนเป็นหมายเลขหนึ่ง รอสักพักก่อนจะมีเสียงตอบกลับดังขึ้นมา
"โอ้...ว่าไงอาร์ชี ทำไมได้เรื่องเร็วจัง? เจออะไรดีๆ มารึเปล่า"
"ยืนยันแล้ว เป็นจดหมายเถื่อนที่ส่งโดยไม่ผ่านBPI คาดว่าจะใช้พวกคนชนชั้นต่ำส่งจดหมายครับ"
การส่งจดหมายเถื่อนที่มีการปนเปื้อนความเสื่อมทรามไม่ใช่คดีใหม่ที่พึ่งพบเจอ แต่มีมาได้สักพักแล้ว มักจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยครั้งโดยเฉพาะในหมู่ องค์กร สมาคม หรือลัทธิที่ต้องการส่งจดหมายลับ แต่ไม่มีช่องทางการส่งที่ปลอดภัยเพียงพอ ทำให้ 'บุคคลที่สาม' สามารถเข้ามาแทรกแซงตัวจดหมายได้
"...จดหมายเถื่อนอีกแล้ว น่าเบื่อจริงๆ เมื่อไหร่จะจับไอตัวต้นเหตุได้สักที"
"เข้าใจแล้ว เดี๋ยวทางนี้จะยื่นเรื่องนี้ไปให้PCDให้แล้วกัน"
เสียงจากอีกฝั่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบกลับมา2-3ประโยคแล้วจึงตัดสายไป
หิวมาก
แต่ไม่มีเงินสักเพนนีเดียว
ในโลกนี้ใช้ค่าเงินเหมือนระบบเงินเก่าของสหราชอาณาจักรไม่มีผิด 1ปอนด์เท่ากับ20ชิลลิง 1ชิลลิงเท่ากับ12เพนนี 1เพนนีเท่ากับ4ฟาร์ธิง เป็นระบบเงินที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถควบคุมประชาชน รักษาอำนาจ และทำให้คนธรรมดาเข้าใจเศรษฐกิจได้ยากขึ้น
จะพูดว่าโลกนี้เกือบจะคล้ายสหราชอาณาจักรในสมัยยุควิคตอเรียเลยก็ว่าได้ นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะว่าโลกนี้เชื่อมโยงกับโลกเก่าของเขา หรือว่ามีใครบางคนควบคุมให้มันให้กลายเป็นแบบนี้กันแน่
หากจะซื้อขนมปัง1ปอนด์ก็ต้องมีอย่างน้อย1เพนนี ค่าเช่าห้องราคาถูกต้องใช้3-5ชิลลิงต่อสัปดาห์ หากยังปล่อยไว้แบบนี้เขาก็คงต้องไปนอนอยู่ข้างถนนเป็นแน่
อัลเลย์ไม่แน่ใจว่าโลกนี้มีพวกบัตรสัญชาติหรือเอกสารยืนยันสถานะหรือไม่ หากมีของพวกนั้นสภาพเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างกับคนเถื่อนที่แอบลักลอบเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย
คงไม่มีทางเลือก
อาร์ชีคนนั้นทำงานเกี่ยวกับตำรวจ อัลเลย์ยังแอบได้ยินเสียงของบางอย่างจากในกระเป๋าเสื้อของเขา บางทีมันอาจจะเป็นปืนก็ได้...
และบางทีชายคนนั้นก็อาจจะพบแล้วก็ได้ว่าบ้านเก่าของเขาถูกบุกรุก ดังนั้นคืนนี้อัลเลย์จึงไม่สามารถกลับไปนอนที่นั่นได้อีก
อัลเลย์มองท่อเหล็กในมืออย่างเงียบงัน ในเมืองนี้ท่อเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยาก ที่นี่ยังนิยมใช้ระบบท่อส่งแก๊สเป็นส่วนใหญ่ มีแค่ในส่วนตัวเมืองและสถานที่สำคัญเท่านั้นที่ถึงจะมีไฟฟ้าใช้
ไม่ อย่าพึ่งคิดอย่างนั้น เขาไม่ได้ไปงัดท่อส่งแก๊สของคนอื่นมา แต่หามันตามข้างทางต่างหากล่ะ ถึงจะไม่ใช่ดาบ แต่ก็ยังสามารถพอใช้แทนกันได้อยู่
"ยังไงก็ต้องหาอาหารกินให้ได้ในวันนี้"
ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป แย่ยิ่งกว่าตอนอยู่บนเรือเสียอีก หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเขาคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานอย่างแน่นอน
เพียงพริบตากุญแจทองเหลืองที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นมาในมือ อัลเลย์เปิดเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งที่ดูไม่ยากจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยมากจนดูไม่ปลอดภัยต่อการปล้น ในเวลานี้ผู้คนทั่วไปยังคงออกไปทำงานกัน แต่ก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้
ลองค้นไปค้นมาก็เจอเนื้อสดกับขนมปังโฮลวีท3ก้อน อัลเลย์ที่ยังคงมีจิตสำนึกเหลืออยู่ก็เลือกนำกลับไปแค่ขนมปัง3ก้อนให้พอมีกินในวันนี้
พร้อมเงินอีก2ชิลลิงเผื่อไว้ใช้ในอนาคต ได้แต่สัญญาในใจว่าถ้าในครั้งหน้าตนมีเงินเก็บแล้ว จะนำมาคืนในส่วนที่ขโมยไปในวันนี้แน่นอน
ความมืดค่อยๆ เขาครอบงำเมืองพอร์ตเอลเวย์น แตกต่างจากเวสต์เมียร์ที่เต็มไปด้วยแสงสีและเสียงพูดคุยมากมาย เฮเวนฟอร์ดในยามกลางคืนนั้นมีแค่ความเงียบและหมอกหนา
อัลเลย์มองภาพตรงหน้าพลางขมวดคิ้ว หรือว่าเราจะลองเข้าไปในเวสต์เมียร์ดี ในตอนนี้เขานั้นทั้งสับสน มึนงง และไร้เป้าหมาย ตอนที่อยู่บนแอสตราลิสก็ยังมีความคิดที่ว่าต้องเอาตัวรอดอยู่หรอก แต่พอหลุดเข้าสู่ความเป็นจริงก็กลายเป็นว่าโดนปล่อยให้อยู่ตัวคนเดียวเสียอย่างงั้น
ไร้เป้าหมายและไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
"นี้แบบนี้มัน..."
"ไม่เป็นไรหรอกน่า"
แตกต่างจากเสียงคนเมาหรือเสียงผู้ใหญ่ที่ได้ยินแว่วมาปกติ ครั้งนี้เป็นเสียงของเด็กๆ ที่ดังขึ้นมาในตรอกซอกซอยแทน อัลเลย์มองไปยังที่มาของเสียงด้วยความสนใจ
ทำไมถึงมีเด็กออกมาเดินตอนกลางคืนได้...
เด็กพวกนั้นดูเหมือนจะเป็นเด็กจรจัด ชุดของพวกเขาสกปรกและมีร่องรอยของการซ่อมแซมหลายจุด เป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่อายุไม่น่าเกิน13ปี ทั้งคู่ทำตัวลับๆ ล่อๆ พร้อมเดินลึกเข้าไปในตรอก ไม่นานก็หายไปในความมืดและม่านหมอกยามกลางคืน
ดูเหมือนเขาจะได้รับผลกระทบจากการครอบงำของพลังพิเศษนิดหน่อยจริงๆ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้อัลเลย์อยู่ไม่สุข สัญชาตญาณของเขาบอกว่าสิ่งนี้จะนำพาตัวเขาให้ไปเจอกับเรื่องลึกลับบางอย่างแน่นอน
ยืนลังเลไม่กี่วินาทีก็ตัดสินใจติดตามเด็กคู่นั้น เดินหายเข้าไปในสายหมอกของคืนที่หนาวเหน็บ