ความเจ็บปวดแล่นไปตามเส้นเลือดจนทั่วทุกตารางนิ้ว นิ้วสีขาวซีดกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ต้องเผชิญกับอาการชาตามร่างกายที่ตามมา
นี่...ความจริง? เราตื่นแล้วจริงๆ?
ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืด พื้นที่นอนอยู่ก็แข็งยิ่งกว่าพื้นไม้ของเรือแอสตราลิสเสียอีก นี้เขากำลังอยู่ที่ไหนกัน
หลังจากนอนนิ่งอยู่สักพักก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง สัมผัสของหินเย็นรอบตัว ทำให้ประสาทสัมผัสของเขาค่อยๆ กลับคืนมา
ที่นี่ทั้งคับแคบ ทั้งมืด และเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเลย คล้ายกับว่าร่างที่ถูกฝังไว้อยู่ใต้ดินภายในโลงศพยังไงอย่างงั้น
โลงศพ
อื่ม ดูเหมือนจะเป็นโลงศพจริงๆ
"เอ็ดวิน มิลาด้า ซาแมนธา แจ็ค" ไม่มีเสียงใดที่ตอบกลับมานอกจากความเงียบ
อัลเลย์รวบรวมกำลังแขนของตน พยายามจะเลื่อนฝาโลงหินออกไป แต่แขนที่ผอมแห้งนี้กลับอ่อนแรงต่างจากตนในโลกแห่งความฝันก่อนหน้านี้ลิบลับ
คนพวกนั้นไม่ควรจะขังเขาทิ้งไว้โดยไม่เหลือทางรอดอะไรเลย
เมื่อลองขยับมือจับนู้นจับนี้รอบกายดู มือของเขาก็ไปสัมผัสกับวัตถุหนึ่ง กลิ่นสนิมและความเย็นที่สัมผัสได้ทำให้เขารู้ว่าสิ่งนี้ดูเหมือนจะทำมาจากโลหะชนิดหนึ่ง เมื่อลองจับสำรวจให้ละเอียดมากขึ้นก็ถึงได้ก็รู้ว่ามันคือเข็มทิศ เข็มทิศนี้เมื่อขยับก็จะส่งเสียง กริ๊กๆ ทุกครั้งที่เข็มชี้ทิศเคลื่อนไหวเสมอ
แล้ววงแหวนล่ะ เซเครัมดูอาลิส ลูกของฮาโมนี่ที่เธอฝากดูแล
ไม่มี
ไม่ได้อยู่ที่นี้
คิ้วของเขาขมวดแน่น ในเมื่อรับปากไปแล้วก็ต้องดูแลให้ดี แต่กลับปล่อยให้หายไปอย่างนี้ความรู้สึกผิดก็เริ่มตีตื้นขึ้นมาในใจ
แน่นอนว่าอัลเลย์จะต้องออกตามหาเซเครัมดูอาลิสกลับมาแน่นอน แต่ตอนนี้ตัวเขาจะต้องออกไปจากโลงศพหินนี้ให้ได้ก่อน หยุดคิดไม่นานอัลเลย์ก็สร้างกุญแจทองเหลืองขึ้นมาในมืออีกครั้ง
ในเมื่อผู้ทำนายดวงดาวพาเขามาด้วยเหตุผลบางอย่าง ดังนั้นจึงไม่น่าจะปล่อยให้นอนในโลงหินนี้จนแห้งตายเป็นแน่ ใช้มือของตนค่อยๆ สัมผัสไปทั่วฝาโลง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเจอกับรูกุญแจจริงๆ
กุญแจทองเหลืองสอดเข้าไปในรูกุญแจ ขยับมือหมุนจนส่งเสียง คริ๊ก แผ่วเบา ฝาโลงหินที่ไม่ขยับเขยื้อนมานานก็เคลื่อนออกไปทางด้านข้าง ส่งเสียงติดขัดของกลไกและการเสียดสีของหินดังไปทั่วบริเวณ
ทั้งไกด์ที่พยายามชี้นำให้เขาสร้างกุญแจขึ้นมา กล่องที่ไม่มีกุญแจมาให้ หรือจะเป็นโลงศพที่ออกไปได้เมื่อมีกุญแจเท่านั้น นี้ไม่เท่ากับบอกว่าถ้าเขาไม่มีพลังวิเศษเป็นกุญแจก็เตรียมตัวตายไปได้เลยรึไง
กุญแจของเขามันพิเศษขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?
ใช้เวลาไม่นานในการปรับดวงตาให้เข้ากับแสงสว่างข้างนอก อัลเลย์ก็สามารถมองเห็นได้ถึงบรรยากาศโดยรอบตัวเขาทันที
ดูคล้ายวิหารที่ใช้บูชาเทพเจ้า โลงศพหินถูกตั้งยกสูงขึ้นมา พื้นที่โดยรอบมีแค่แสงสลัวจากคบเพลิงบนผนังที่ไม่รู้ว่ามันลุกไหม้มานานแค่ไหนแล้ว
เป็นวิหารที่สูงไม่มากนักถูก ถูกแกะสลักด้วยหินอ่อนจนเป็นลวดลายสวยงามมากมาย โถงข้างล่างกว้างขวางแต่ก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย เสียงหยดน้ำและน้ำไหลดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของอัลเลย์ที่สุดก็คือรูปปั้น รูปปั้นไร้หน้าของมนุษย์13คน พวกเขาต่างก็แสดงความเคารพต่อบุคคลหนึ่งที่อยู่บนจุดสูงสุด
ชายคนนั้นถือตราสัญลักษณ์งูพันพระอาทิตย์ของธัมไฮล์อยู่ ในขณะที่มืออีกข้างถือดาบยาวยุคกลางเรียงบางเล่มหนึ่ง ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยผ้าที่เกิดจากการแกะสลักจนดูสมจริง วงแหวนฮาโลที่ถูกทำข้างหลังแผ่ขยายไปทั่วทุกมุมกำแพง
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าชายคนนี้น่าจะเป็นเทพแห่งนิรันดร์
อัลเลย์ไล่สายตาสำรวจรูปปั้นเหล่านั้นทีละคนก่อนจะไปหยุดอยู่ที่จุดหนึ่ง
"เอ็ดวิน?"
เกราะเหยี่ยวดวงดาวมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตาจริงๆ เมื่อถูกสร้างด้วยช่างแกะสลักที่มากความสามารถขนาดนี้ เขาก็สามารถเดาตัวตนของรูปปั้นไร้หน้านี้ได้ทันที หลายอย่างช่างดูคุ้นเคยยกเว้นแค่แขนทั้งสองข้างที่ยังอยู่ครบ
ดูเหมือนคนในความฝันจะเป็นคนละคนกับโลกแห่งความจริงตามที่อาจารย์บอก
แล้วมิลาด้า แจ็ค ซาแมนธาล่ะ?
เมื่อสำรวจจนครบก็ไม่พบรูปปั้นใดที่ดูคล้ายพวกเขาทั้งสาม เพราะบางชิ้นก็ถูกปกปิดด้วยเกราะหนาจนยากจะสังเกตรายละเอียดของคนข้างใน
อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้ว่าเอ็ดวินรอดมาได้ บางทีคนอื่นก็อาจจะรอดเช่นกัน
อัลเลย์ใช้มือจับขอบโลงศพหินข้างๆ ก่อนจะก้าวขาสั่นเทาลงมาจากโลงหินนี้อย่างเชื่องช้า
บ้าจริง เจ็บไปหมดเลย!
ไม่เห็นเหมือนตอนตื่นบนเรือแอสตราลิสเลย
ฝาโลงศพนี้ก็มีแค่ลวดลายหรูหราสวยงามเท่านั้น หากลไกที่ใช้เปิดไม่เจอด้วยซ้ำ บางทีอาจจะเป็นเพราะแรงบันดาลใจของเราน้อยเกินไปจนทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่ซ้อนอยู่ก็ได้
บางทีในอนาคต เมื่อตอนที่เขากลายเป็นผู้วิเศษระดับสูงแล้วก็คงต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง
เสื้อผ้าก็ยังคงเป็นชุดเดิมที่คุ้นเคย แต่ดูสกปรกเต็มไปด้วยคราบปริศนามากมายที่แห้งจนจับตัวแข็งเป็นก้อน เสื้อนี้สูญเสียความอ่อนอุ่นไปแล้ว แทบจะกลายเป็นชุดเกราะชั่วคราวของเขาได้เลย
กริ๊กๆๆ --
นอกจากเข็มทิศก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว แต่เขารู้ดีว่าทิศทางที่เข็มทิศนี้ชี้ไปจะต้องมีบางอย่างให้ตามหาแน่นอน สัญลักษณ์ข้างหลังก็ดูไม่คุ้นตา เป็นรูปดวงตาในวงกลมหลายชั้นที่ซ้อนทับกันสลับไปมาชวนให้มึนงงแต่ก็ดูสวยงาม
สิ่งนี้สื่อถึงอะไร?
ไม่มีอะไรที่เขาสามารถสังเกตเห็นได้ในห้องโถงนี้อีกต่อไป อัลเลย์ก้าวเดินทีละก้าวไปที่ประตู ทุกจังหวะการเดินของเขาส่งเสียงก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถง ประตูนี้ก็ยังเป็นประตูหินกลไกเช่นเดิม นอกจากรูกุญแจก็มีตัวอักษรภาษาธัมไฮล์สลักไว้
'แด่ความเป็นมนุษย์ผู้บริสุทธิ์'
มนุษย์ผู้บริสุทธิ์...
สำหรับพวกเขา นิยามของมนุษย์บริสุทธิ์คืออะไรกันนะ
กริ๊ก
ครืดดด
เมื่อประตูเปิดออกกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็โชยไปทั่ว อัลเลย์ย่นจมูกนิดหน่อย มองไปยังประตูกลไกที่เลื่อนกลับมาปิดทางเข้าวิหารจนกลายเป็นแค่กำแพงหินธรรมดาเท่านั้น
ดูเหมือนเขาจะรู้ที่มาของเสียงน้ำไหลพวกนั้นแล้ว กลุ่มคนพวกนี้คิดอะไรถึงได้มาสร้างวิหารไว้ในท่อระบายน้ำแบบนี้
มันคือพื้นที่ท่อระบายน้ำเสียของเมือง หินและกำแพงรอบๆ เต็มไปคราบต่างๆ และตะไคร้หลากสีสันมากมาย
"อาร์คานัม ออร์เดอร์"
คนพวกนั้นคืออาร์คานัม ออร์เดอร์หรือเปล่า? กลุ่มที่เป็นผู้ควบคุมและดูแลระบบต่างๆ ของธัมไฮล์ ทำไมคนพวกนั้นถึงได้สร้างวิหารในที่แบบนี้กัน
อัลเลย์ทำได้เพียงเดินตามทางที่เข็มทิศชี้ไปอย่างไร้จุดหมาย ท่อระบายน้ำนี้ช่างวกวนซับซ้อนจนน่าปวดหัว เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตนเจอทางเลี้ยวซ้ายขวามาแล้วกี่ครั้ง
เดินมานานแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ ในที่สุดอัลเลย์ก็เจอทางออกจากเขาวงกตแห่งนี้ซะที สถานที่แห่งนี้ทำลายสุขอนามัยและสุขภาพจมูกของเขาอย่างรุนแรง
มันเป็นทางออกของน้ำทิ้งในท่อ ดูเหมือนกรงที่ใช้ปิดทางจะผุกร่อนจนแตกหักไปตามกาลเวลา ตอนนี้เลยไม่มีอะไรสามารถมาขวางกั้นเขาจากการออกไปสู่อิสรภาพข้างนอกได้
เสียงของคลื่นดังขึ้นเป็นจังหวะ เป็นชายหาดในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวบนท้องฟ้า พระจันทร์เสี้ยวสีเหลืองยังลอยเด่นอยู่ท่ามกลางความมืดเช่นเคย
อะไร
จะเป็นไปได้ยังไง!!
เขามองไปยังทะเลตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่ก็ไม่สามารถหลบพ้นจากการมองเห็นของเขาได้
นี่ไม่ใช่น้ำทะเลสีดำ แต่เป็นน้ำทะเลสีใสเหมือนในโลกก่อนของเขา อัลเลย์ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งเท้าของเขาก็สัมผัสกับคลื่นขนาดเล็กที่พัดพาขึ้นมาบนชายหาดเสียแล้ว
ไม่ใช่น้ำสีดำจริงๆ
กริ๊กๆๆๆ
เข็มทิศชี้ออกไปยังทะเลอย่างบ้าคลั่ง อัลเลย์จ้องมองวัตถุตรงหน้าอย่างนิ่งงัน ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งนี้จะนำทางเขากลับไปยังดินแดนที่เคยจากมาอย่างแน่นอน
จากตอนนั้นเวลาผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ หากการเลื่อนขั้นที่เขาเผชิญคือการจมลงไปในอดีตของตัวเอง แปลว่าตอนนี้ก็คงไม่ห่างจากเวลาเดิมที่พวกเรามาถึงดินแดนแห่งความหวังมากใช่ไหม?
แต่เมื่อนึกถึงโครงสร้างขนาดใหญ่ของท่อระบายน้ำและวิหารเก่าแก่ที่เผยให้เห็นถึงร่องรอยของกาลเวลา ความรู้สึกไม่สบายใจก็ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง
หรือว่าตัวเขาจะหลับไปนานกว่าที่คาดไว้กัน
ไม่มีอะไรที่ตอบคำถามเหล่านั้นได้ดีกว่าการออกไปเห็นความจริงภายนอก อัลเลย์เก็บเข็มทิศไว้ในกระเป๋ากางเกงที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด ก่อนเดินไปยังบริเวณที่น่าจะเป็นเมืองมนุษย์อย่างระแวดระวัง
ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งมองเห็นได้ชัดขึ้น ภาพตรงหน้าทำให้อัลเลย์นิ่งอึ้งจนพูดไม่ออก ที่ฝั่งตรงข้ามของชายหาดรกร้างแห่งนี้ ปรากฏท่าเรือขนาดใหญ่ที่ถูกเทียบท่าโดยเรือรบหุ้มเกราะเหล็กขนาดยักษ์ลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
ขนาดของเรือลำนี้ใหญ่กว่าแอสตราลิสหลายเท่า ปืนใหญ่แต่ละกระบอกบนดาดฟ้าสะท้อนแสงจันทร์จนเผยให้เห็นเงาแห่งความตาย เป็นเหมือนดั่งปลาวาฬเพชฌฆาตผู้ปกครองแห่งท้องทะเลทั้งหมด
ฉันคือใคร ฉันอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ นี้ตัวเราหลับไปนานแค่ไหนจนโลกพัฒนาไปไกลถึงขนาดนี้?
จากเรือรบที่ทำจากไม้ทั้งลำจนกลายเป็นเรือรบเหล็กขนาดยักษ์แสนคุ้นตาจากโลกเก่า เป็นการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีที่มากเกินไปจนทำให้อัลเลย์มึนงง
เป็นเมืองยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟ ถึงจะมีหมอกหนาอยู่บ้างแต่ก็ไม่กระทบถึงวิถีชีวิตยามราตรีของเมืองท่าแห่งนี้ อัลเลย์ขยับตัวเข้าไปใกล้มากขึ้นพร้อมสังเกตสิ่งรอบตัวไปด้วย
สไตล์บ้านของคนพวกนี้ดูย้อนยุคอย่างชัดเจน ดูคล้ายบ้านเรือนในยุควิคตอเรียของโลกก่อน ไม่ได้ดูหวือหวามากนักแต่ก็ไม่ได้เรียนง่ายจนน่าเกลียด บ้านแต่ละหลังถูกสร้างด้วยอิฐหลายก้อนวางเรียงซ้อนกันอย่างสวยงาม หอนาฬิกาเด่นสง่ามีขนาดใหญ่โตจนมองเห็นได้จากตรงนี้
เสียงของล้อรถม้าถูกลากไปบนถนนที่ถูกปูด้วยอิฐอย่างดี ถึงจะตกลงไปในหลุมน้ำขังบ้างแต่ก็ยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงส่วนใหญ่ใส่กระโปรงยาวมีโครงบัสเซิลอยู่ข้างในช่วยให้กระโปรงด้านหลังของพวกเธอบานออก ตามตัวก็ตกแต่งด้วยเครื่องประดับสวยงามมากมาย ผู้ชายก็ใส่สูทเลานจ์ที่ดูดีมีภูมิฐานพร้อมสวมหมวกทรงสูง บางคนก็แต่งตัวด้วยชุดธรรมดาที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าวูล
ดูเหมือนที่นี่จะเป็นเมืองท่าที่สำคัญไม่น้อย ขนาดที่มีเรือเกราะเหล็กลำใหญ่ขนาดนั้นจอดอยู่ที่ท่าได้ ถึงภาษาที่นี่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างอยู่บ้าง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นรากศัพท์ที่มาจากภาษาธัมไฮล์ได้อยู่
'ไฮเปอริออน' ชื่อของเรือรบลำนั้น
เมื่อตื่นมาในต่างยุคต่างสมัยในร่างของเด็กที่ไร้ทะเบียนบ้าน ตัวตน ที่มา ไม่มีความรู้ใดๆ สำหรับการเอาตัวรอด อัลเลย์จึงไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปปะปนในฝูงชนเหล่านั้น
โดยเฉพาะชุดของเขาที่ตอนนี้ดูโดดเด่นเกินไป แปลกใหม่และแตกต่างจากรูปแบบการแต่งกายของผู้คนในยุคนี้ ดูเหมือนว่าที่นี่จะกลายเป็นโลกในช่วงยุค ค.ศ.1800-1900 ในอดีตไปซะแล้ว
เขาเดินลัดเลาะไปตามที่ต่างๆ อย่างระมัดระวัง ถึงจะกลายเป็นผู้วิเศษแต่ก็เป็นแค่ระดับผู้ตื่นรู้เท่านั้น พลังก็ไม่มีอำนาจในการต่อสู้ แถมตอนนี้ก็ไม่มีดาบสักเล่มไว้ป้องกันตัวอีกต่างหาก
ในสมัยนี้ควรจะมีการประดิษฐ์ปืนแล้ว อย่างน้อยก็ควรมีพวกปืนพกปืนลูกซองพวกนี้อยู่ด้วย สภาพของเขาตอนนี้จะเอาอะไรไปสู้กับคนเหล่านั้นกัน
เสียงเอะอะโวยวายดังแว่วเป็นระยะ พื้นที่นี้อยู่ห่างไกลจากจุดความเจริญพอสมควร กลุ่มคนชนชั้นกลางถึงล่างจำนวนมากก็อาศัยอยู่บริเวณนี้ ถนนที่นี่ก็เต็มไปด้วยดินโคลนและแอ่งน้ำ
อัลเลย์เคลื่อนที่ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามเพิกเฉยต่อเสียงของการวิวาทและจากกลุ่มคนเมาตามบ้านเรือนต่างๆ
บางทีเขาอาจจะลองขโมยเสื้อผ้าของใครสักคนมาใช้ก่อน แล้วหาทางตัดผมที่ยาวเกินไปนี้เสียที ถึงจะตัดในความฝันไปแล้วแต่ในความเป็นจริงก็ยังคงยาวอยู่เหมือนเดิม ทำให้การเคลื่อนไหวบางอย่างของเขายากลำบากมากขึ้น
สายตาของตนสังเกตเห็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ถูกตากทิ้งไว้บนลวดริมระเบียง ถึงจะดูเก่าและเหลืองแต่ก็มีขนาดพอดีกับร่างเขาตอนนี้ ถึงร่างกายตอนนี้จะดูคล้ายเด็กอายุ15ปี แต่กลับแคระแกร็นจากการขาดสารอาหารจึงทำให้ตัวเขาไม่ได้สูงมากนัก
เมื่อคิดว่าวางแผนมาดีและระมัดระวังตัวมากพอ เขาก็พร้อมที่จะลองขโมยของครั้งแรกในชีวิต
ตูมมม!!
เสียงระเบิดดังสนั่นมาจากพื้นที่หนึ่ง ปลุกผู้คนในชุมชนแห่งนี้ให้ตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว อัลเลย์ยกเลิกแผนการทันที ขมวดคิ้วพร้อมมองไปยังกลุ่มควันไฟจากพื้นที่ชานเมืองที่ห่างไปจากชุมชนแห่งนี้ราว9กิโลเมตร
เจ้าของบ้านที่ตนตั้งใจจะขโมยเสื้อผ้าต่างก็ตื่นขึ้นมาแล้ว อัลเลย์ตัดสินใจถอยห่างเข้าไปในตรอก หลบออกจากผู้คนที่ออกจากบ้านด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อเหตุระเบิดอย่างเงียบๆ
นั้นคืออะไร? หรือเป็นฝีมือของผู้วิเศษกัน