ภายในเรืออพยพมีแค่ความเงียบ เป็นค่ำคืนเงียบสงบที่ไม่ได้เจอมานาน เอ็ดวินที่เหลือแขนข้างเดียว มิลาด้า แจ็ค และอัลเลย์ ต่างก็ถือไม้พายคนละอัน ส่วนซาแมนธาที่เป็นคนธรรมดาบนเรือก็ช่วยถือแผ่นที่พร้อมหยิบจับเครื่องมือตามคำสั่งเอ็ดวิน
ผู้ชาย2คนและผู้หญิง1คนที่ยังนอนโคม่าอยู่ก็ยังคงไม่ตื่นขึ้นมา ถึงสมัยนี้จะเต็มไปด้วยเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุและวัตถุศักดิ์สิทธิ์มากมาย แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์กลับไม่ได้ดีเด่นขนาดนั้น
ซาแมนธาได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเศร้าใจ เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ทักษะทางแพทย์ก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ได้แต่รักษาอาการบาดเจ็บภายนอกเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ดังนั้นคนทั้ง3นี้ก็มีโอกาสที่จะไม่รอดชีวิตเช่นกัน
นอกจากเอ็ดวินทุกคนก็ต่างทำหน้าหดหู่กันหมด ตอนอยู่บนแอสตราลิสก็ยังยากลำบากขนาดนั้น ตอนนี้พวกเรามีแค่เรืออพยพที่เป็นเรือบดโง่ๆ ลำหนึ่ง จะสามารถอยู่รอดไปได้สักกี่วันเชียว
"พลังของข้าคือ [หุบเหวแห่งการชดใช้]"
"?" จู่ๆ เอ็ดวินที่นั่งนิ่งเงียบมาสักพักก็พูดโพล่งความสามารถของตนเองขึ้นมา ดึงดูดความสนใจของทุกคนบนเรือให้กลับไปสนใจที่เขา
"ความรู้สึกผิด ความรับผิดชอบ และความศรัทธา กลายเป็นความสามารถในการสร้างรอยแยกที่สามารถดูดกลืนทุกอย่างได้ ถึงจะทรงพลังแต่ก็ยังมีข้อเสียตรงที่ควบคุมยากมาก"
ทุกคนบนเรือเงียบไปชั่วขณะ มิลาด้าที่ใบหน้าด้านซ้ายถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวจ้องเอ็ดวินด้วยความแปลกใจ
"พลังของฉันน่ะนะชื่อ [พันธนาการภูตผี] ความสามารถทุกคนบนเรือก็น่าจะรู้กันหมด โซ่ของฉันสามารถโผล่จุดไหนก็ได้ในระยะ3เมตร และทะลุสิ่งกีดขวางได้ทุกอย่าง" แจ็คดื่มบรั่นดีไปหนึ่งอึก ก่อนจะกลับมาพายเรือต่อ เริ่มนึกเสียใจที่เขาตามกัปตันมาที่นี่ สภาพตอนนี้คงไม่เหลือแม้แต่ศพให้กลับไปหาลูกเมียที่บ้านด้วยซ้ำ
"พลังของฉันเดิมคือ [ญาณต้นกำเนิด] สามารถรับรู้ความคิด เจตนา ความต้องการ และที่มาจากบุคคลอื่นได้เล็กน้อย..." มิลาด้าเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ
"แต่ในระดับปราชญ์ พลังของฉัน [อ้อมกอดแห่งสุริยัน] เป็นเพลิงสีทองที่สามารถเผาทุกอย่างได้"
"พลังวิเศษสามารถเปลี่ยนได้ด้วยงั้นเหรอ" อัลเลย์ถามขึ้นด้วยความสนใจ
"ความปรารถนาขอบมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน" เอ็ดวินมองไปยังมิลาด้า
"ในระดับต่ำที่พลังวิเศษยังไม่คงที่ดีนัก มนุษย์สามารถเปลี่ยนพลังวิเศษได้ถ้ามีความปรารถนาที่แรงกล้ามากพอ"
"แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าให้เกิดขึ้นจะดีกว่า ลักษณะการเปลี่ยนแปลงนี้นอกจากจะทำให้ไม่สามารถใช้งานความสามารถใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ยังทำให้โอกาสในการกลายเป็นผู้วิเศษระดับสูงหายไป"
"..."
การหมดโอกาสในการกลายเป็นผู้วิเศษระดับสูง แค่ประโยคนี้ก็แสดงให้เห็นว่ามันร้ายแรงแค่ไหน เมื่อนึกถึงสภาพของเธอทุกครั้งที่ใช้ไฟสีทองนั้น
มิลาด้ามองออกไปยังทะเลสีดำ ความแค้น ความศรัทธา และความสิ้นหวัง เหตุการณ์ในครั้งนั้นยังคงตามหลอกหลอนเธอ ทำลายทุกอย่างที่เคยมีมา
เป็นคนอ่อนแอเช่นเดิมที่ไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากจะกลายเป็นแบบนี้
"ฮึ่ม ส่วนฉันเป็นแค่คนธรรมดาสามัญเท่านั้น" ซาแมนธามองมิลาด้าด้วยความกังวล ก่อนจะพูดดึงดูดความสนใจของทุกคนบนเรือ
"ฉันกับเลียมเจอกันตอนที่ยังอายุ16ปี ตอนนั้นคงจะเป็นช่วงเทศกาลเคารพเทพเจ้า"
"พวกเราชาวธัมไฮล์ต่างก็ต้องเดินขึ้นไปบนบันไดสู่วัลฮัลล่า3วัน2คืน เพื่อไปให้ถึงโบสถ์ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้าร่วมพิธีด้วย..." รอยยิ้มของซาแมนธาอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของหล่อนเหม่อมองไปในอดีตอันยาวไกล
"ตอนนั้นเลียมหล่อมาก ฮ่าๆ ไม่หัวล้านแบบตอนนี้ เขามาอาสาช่วยแบกฉันขึ้นไป ตอนนั้นก็ยังไม่เป็นผู้วิเศษแท้ๆ แต่กลับทำตัวแบบนั้นจนต้องให้ฉันดูแลอยู่เรื่อย" ซาแมนธามองไปยังรอยเหี่ยวย่นบนมือ มันนั้นมาจากทั้งการใช้งานอย่างหนัก ร่วมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี
"พวกผู้วิเศษต่างก็อายุยืนยาวใช่มั้ยล่ะ... ฉันคิดว่าจะเป็นตัวเองซะอีกที่ต้องตายก่อนเขา แต่ก็น่าตลกจังที่เขาดันมาชิงตายก่อน"
"..."
ไม่มีใครพูดอะไรอีกต่อไป อัลเลย์ที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อพลังของตัวเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี นอกจากที่ว่าพลังนี้ดูเหมาะกับคนที่ชอบลืมกุญแจรถหรือกุญแจบ้าน และใช้ในการลักเล็กขโมยน้อยก็ดูไม่มีประโยชน์แบบไหนแล้ว
เรือลำนี้ยังคงพายไปข้างหน้าเรื่อยๆ ดินแดนแห่งความหวังที่เทพพูดถึงก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะไปถึง
น่าแปลกที่มันนั้นเงียบสงบเกินไป แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนที่ชื่นชอบความวุ่นวายอะไรพวกนั้น แต่แค่ถ้าเป็นเวลาปกติสัตว์ประหลาดพวกนั้นก็ควรจะโผล่ออกมาแล้ว
ครืนน เปรี๊ยง!!
เสียงฟ้าผ่า และแรงลมที่ผิดปกติเป็นสัญญาณของพายุที่กำลังมา คลื่นทะเลโดยรอบเริ่มปั่นป่วน คลื่นสูงไม่ต่ำกว่า2เมตรเริ่มปรากฏมาทั่วทั้งทะเล
อัลเลย์สูดหายใจเข้าลึกๆ สัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่คิดอะไรไร้สาระเช่นนี้อีก
หากยังเป็นเรือขนาดใหญ่แบบแอสตราลิสก็อาจจะไม่มีปัญหากับคลื่นพวกนี้ แต่ตอนนี้พวกเรา8คนต่างก็ยัดกันอยู่ในเรือบดขนาดเล็กที่ยาวเพียง10เมตรเท่านั้น
ผู้คนบนเรือหน้าซีด อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้ ในตอนนี้การใช้ไม้พายก็ไม่ต่างอะไรกับเอาเข็มจิ้มทะเลเท่านั้น เอ็ดวินขมวดคิ้วมองย้อนไปยังทิศที่พวกเราจากมา
"เกิดอะไรขึ้นกัปตัน" แจ็คพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
"สิ่งมีตัวตนระดับสูงกำลังต่อสู้กันเอง"
ตัวตนระดับสูง?
อัลเลย์มองไปยังจุดที่พวกตนจากมา หน้าของไกด์แวบเข้ามาในหัว ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะเป็นผู้วิเศษระดับสูงจริงๆ
เปรี๊ยง!!!
ทุกคนบนเรือสังเกตเห็นกลุ่มมวลเมฆสีดำที่กำลังรวมตัวอยู่ตรงจุดนั้น แสงฟ้าแลบปรากฏให้เห็นเป็นจังหวะ หมุนวนเหมือนต้องการจะดูดโลกขึ้นไปบนท้องฟ้า
สิ่งนั้นดูเหมือนกับภัยพิบัติที่มีชีวิต เมฆสีดำหนานั้นเชื่อมตั้งแต่ผิวทะเลขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า เสียงของสายฟ้าและลมพวกนั้นส่งเสียงน่าขนลุกคล้ายเสียงหวีดร้องของผีร้าย มันค่อยๆ ไล่ตามเรือลำนี้ใกล้เข้ามาทีละนิด
ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง อัลเลย์พยายามเมินเฉยอาการแสบร้อนเหล่านั้น พยายามพายเรือลำเล็กนี้ให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ
"จับให้มั่น!!"
ตูม!!
คลื่นขนาดใหญ่ซัดเรือจนพลิกคว่ำ ภายใต้น้ำทะเลสีดำนี้ไม่ได้มืดมนจนมองไม่เห็นอะไรอย่างที่จินตนาการไว้ อัลเลย์ยังพอมองเห็นแสงฟ้าแลบและเงาของเรือข้างบน
จุดสีทองเล็กๆ ในตาขยายขึ้นลงเป็นจังหวะ เขาพยายามที่จะว่ายน้ำกลับขึ้นไปแต่กลับถูกคลื่นพวกนั้นซัดกลับให้จมลงไปในทะเลอีกครั้ง
เงาของเรือค่อยๆ เลือนหายไป แต่ถึงอย่างนั้นอัลเลย์ก็ยังคงพยายามว่ายกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง ในเวลาแบบนี้พลังของเขาก็ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง นอกจากจะทำอะไรไม่ได้ก็ยังน่าจะโดนพัดปลิวจนหายไปในทะเลด้วยซ้ำ
เรี่ยวแรงในร่างกายค่อยๆ หายไป เขาไม่แน่ใจว่ากินน้ำสีดำนี้ไปกี่รอบแล้ว ไม่รู้ว่าในอนาคตตนจะกลายเป็นสิ่งปนเปื้อนหรือไม่ ดวงตาของเขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จากการขาดอากาศหายใจ
จนในจุดหนึ่งเขาก็ปล่อยให้ร่างกายจมลงไปในทะเลสีดำ ยิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ เสียงวุ่นวายโดยรอบก็ยิ่งเบาลง
ภายในทะเลนี้ไม่มีอะไรเลย มีแค่ความมืดมิดเท่านั้น ทะเลสีดำนี้ก็ไม่ต่างกับทะเลปกติตอนกลางคืนเท่าไหร่ ยกเว้นแค่เรื่องสัตว์ประหลาดเท่านั้น
[อั...เ..ย์]
ดูสิตอนนี้ผมหูแว่วอีกแล้ว
แม้แต่ตอนใกล้ตาย เสียงพวกนี้ก็ยังตามมาหลอกหลอนอีก
[อัล...ย์]
น่ารำคาญจริงๆ ปล่อยให้นอนหลับไปไม่ได้รึไง
"ตื่นสิวะ เจ้าโง่!!!"
"อัก!! แค่กๆ" อัลเลย์สำลักน้ำทะเลสีดำออกมา แจ็คมองภาพตรงหน้าด้วยความขยะแขยง รีบถอยห่างจากเด็กคนนี้ทันที
"ไอเด็กนี้! ฉันอุตส่าห์บอกไปแล้วว่าอย่าตายง่ายๆ ไง!" แจ็คบ่นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพันโซ่ไว้ที่มือเด็กคนนี้แน่นขึ้น อย่าให้คิดปล่อยตัวกระโดดลงน้ำทะเลนั้นไปอีก
"ไม่...ผมพยายาม.."
"งั้นก็ทำได้ดีมาก" แจ็คตบหลังอัลเลย์จนเกือบหน้ามืด ก่อนกลับไปทำหน้าที่อื่นต่อ
อัลเลย์เงยหน้าขึ้นมองภาพที่พร่าเลือนตรงหน้า เรือกลับมามั่นคงอีกครั้งของพลังของเอ็ดวิน หุบเหวแห่งการชดใช้มีประโยชน์มากในสถานการณ์แบบนี้ คนอื่นๆ ต่างก็จับไม้พายพยายามพายเต็มที่เพื่อออกไปจากพายุนี้
เขาที่พึ่งหายมึนหัวก็รีบหายใจเอาออกซิเจนที่เสียไปคืนมา ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยพายเรือด้วยอีกคน
เอ็ดวินถือดาบยาวของมิลาด้า สร้างพื้นที่ดูดกลืนคลื่นที่กำลังเข้าใกล้เรือลำนี้ ถึงจะไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนักแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
ฝนเม็ดใหญ่ตกลงกระทบตัวพวกเขา สร้างความเจ็บปวดคล้ายกับโดนหินปาใส่ เสียงฟ้าผ่าและแสงฟ้าแลบบนท้องฟ้าทำให้สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนฉากวันสิ้นโลกในหนังฟอร์มยักษ์ที่เคยดูมาไม่มีผิด
ตอนนี้พวกเขาอยู่ภายในขอบเขตของพายุ ลมที่พัดผ่านเกือบทำให้เรือลำนี้บินลอยขึ้นไปบนฟ้า เอ็ดวินทำหน้าเคร่งขรึมพยายามควบคุมพลังให้ดีที่สุดเพื่อคงสภาพของเรือเอาไว้โดยที่ไม่เผลอทำลายมันไปเสียก่อน แผลที่แขนเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา แต่ชายคนนี้ก็ยังคงทำหน้านิ่งเป็นผู้นำเรือลำเล็กนี้ต่อไป
เปรี๊ยง!!
ครืนน ซ่า!!
ซาแมนธาถือถังหนึ่งใบก้มหน้าก้มตาวิดน้ำออกจากเรือจนหน้าซีดปากสั่น อัลเลย์พายจนแขนเล็กๆ ของเขาขึ้นเส้นเลือด ได้แต่สาปแช่งนักทำนายคนนั้นที่พาตนมาเจออะไรแบบนี้
เปรี๊ยงง!!
ไอ้เวรเอ๊ย!
ครืนนน
เสียงของบางสิ่งบางอย่างดังลั่นขึ้นมาจากข้างหลัง ทุกคนบนเรือหันไปมองมันด้วยความหวาดหวั่น
มันคือพายุงวงช้างขนาดยักษ์ เชื่อมตั้งแต่ท้องฟ้าลงมาถึงผิวทะเลคล้ายกับเสาที่คอยค้ำยันท้องฟ้าไว้กับโลก ประกอบกับเสียงฝนและเสียงฟ้าร้องก็ยิ่งทำให้สิ่งนี้ดูเหมือนปีศาจสายลมที่จะมาเอาชีวิตมนุษย์ทุกคนบนเรือลำนี้มากยิ่งขึ้น ตัวเรือค่อยๆ ถูกยกลอยขึ้นจากผิวน้ำ เอ็ดวินรีบใช้ความสามารถของเขาในการรักษาตำแหน่งของเรือลำนี้ทันที
แกร๊ก
แจ็คมองไม้พายที่เหลืออยู่แค่ด้ามจับอย่างตกตะลึง ก่อนจะปามันใส่พายุงวงช้างข้างหลังด้วยความโกรธ ทำเพียงยืนดูด้านจับไม้ที่ลอยหายไปจนลับสายตา
เอ็ดวินในฐานะผู้นำขมวดคิ้วแน่น พยายามหาทางที่จะนำพวกเราทุกคนออกจากพายุนี้ มิลาด้ายังคงพายต่อไปถึงมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม
ในสถานการณ์แบบนี้เราจะทำยังไงดี?
อัลเลย์มองภาพตรงหน้า ไม่มีคำพูดอะไรทั้งนั้น มีแค่เสียงพายุรอบตัวที่ยังคงดังต่อไป
ทุกคนที่มีไม้พายยังคงพยายามพายเรือต่อไป อัลเลย์มองกุญแจสีทองในมือ มันช่างไร้ประโยชน์เสียจริงในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่มีความสามารถอะไรที่จะช่วยทุกคนออกจากที่นี่ได้เลย
ไม่สิ
อาการแสบร้อนรอบดวงตาทวีคูณเพิ่มขึ้น จุดสีทองเริ่มขยายกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
เรามีสัญชาตญาณ สัญชาตญาณที่ไม่เคยผิดพลาด
อัลเลย์นึกถึงละอองแสงสีทองที่เคยมองเห็น มันคือนิวม่าที่ลอยอยู่ในอากาศรวมอยู่กันเป็นชั้นและดึงดูดเข้าหาพลังวิเศษ ในยามปกติเขามักจะรู้สึกถึงพวกมันลอยที่อย่างสงบอยู่รอบๆ เสมอ แต่ตอนนี้พวกมันกลับสับสนวุ่นวายรีบวิ่งวุ่นเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง
อัลเลย์มองไปยังพายุงวงช้างข้างหลัง นิวม่าเริ่มขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พยายามนึกถึงความรู้สึกตอนที่มองเห็นละอองแสงเหล่านั้น พยายามเพ่งไปที่ดวงตาเพื่อสังเกตภาพตรงหน้า
ความแสบร้อนและความเจ็บปวดมากมายโจมตีเข้าไปในสมองของเขา เลือดกำเดาสีแดงค่อยๆ ไหลออกจากจมูก แต่ไม่กี่นาทีก็ถูกชะล้างไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมา
"อัลเ..."
ทุกคนบนเรือก็สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติอย่างรวดเร็ว มิลาด้าพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเจอกับภาพตรงหน้า
ดวงตาของเด็กคนนี้กลายเป็นสีทองแปลกประหลาด ตรงกลางดวงตาก็กลายเป็นเส้นขีดคล้ายสัตว์ร้าย เลือดสีแดงค่อยๆ ไหลออกมาจากจมูกและดวงตา
"อัลเลย์" เอ็ดวินจ้องมาที่เด็กชายตรงหน้าพร้อมเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงปกติ ชายคนนี้แม้แต่ในเวลาแบบนี้ก็ยังคงสงบมั่นคงจนน่าชื่นชม
"อาจารย์เอ็ดวิน ความสามารถที่เคยใช้กับราชินีคริมสันคราวน์ตอนนั้นอยู่ได้นานเท่าไหร่ครับ"
"5วินาที" เอ็ดวินตอบอย่างรวดเร็ว
"ช่วยบอกวัตถุศักดิ์สิทธิ์กับเล่นแร่แปรธาตุทั้งหมดที่มีให้ผมฟังหน่อยครับ"
ทุกคนในเรือตกอยู่ในความเงียบ แจ็คหัวเราะชอบใจก่อนตอบไปด้วยน้ำเสียงยียวน
"ทำไมนายมีวิธีออกจากที่นี่ด้วยหรือไง"
"ถ้าบอกว่ามีล่ะ"
"ถ้างั้นก็รีบทำมันเลย" ซาแมนธาพูดพึมพำด้วยความอารมณ์เสีย ตอนนี้ไม่ต้องวิดน้ำแล้วเพราะน้ำพวกนั้นดูดออกไปจนหมด แต่ก็ยังต้องคอยดูคนอีกสามคนที่นอนเป็นผักไม่ให้ลอยไปกับสายลม
"อัลเลย์ อธิบายแผนของนายมา" เอ็ดวินพูดอย่างสงบพร้อมจ้องมองไปในดวงตาสีทองนั้น
อัลเลย์สูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง เขาไม่ได้นับด้วยซ้ำว่าภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้ตนทำแบบนี้ไปกี่รอบแล้ว
ภายในดวงตาของอัลเลย์ จุดแสงสีทองและสีแดงจำนวนมากพยายามเคลื่อนตัวหนีออกจากพายุงวงช้าง พวกมันต่อแถวเรียงเป็นชั้นคล้ายผ้าไหมที่ถูกถักทอจากละอองดาว เคลื่อนไหวคล้ายสิ่งมีชีวิตกลายเป็นถนนมุ่งไปยังทางออก
"หันหัวเรือกันครับ"
"เราจะปล่อยให้เรือถูกดูดขึ้นไป"
"จะบ้ารึไง!! นี้นายโกรธที่ฉันไม่ยอมให้นายตายเลยกะจะพาไปตายกันยกลำรึไง!!" แจ็คมองอัลเลย์ด้วยความตกตะลึง
"ขอเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น" อัลเลย์มองไปยังดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเอ็ดวิน ครั้งนี้มันไม่ใช่การที่หัวหน้ามองดูลูกน้องอีกต่อไป แต่เป็นอาจารย์ที่มองดูลูกศิษย์แทน
"เพราะสัญชาตญาณของผมไม่เคยผิดพลาด" แต่เขาคงไม่เคยเจอลูกศิษย์ที่คาดเดาไม่ได้เช่นตนมาก่อน
ชายหนุ่มถือสมุดบันทึกหน้าตาธรรมดาเล่มหนึ่งแล้วบรรจงค่อยๆ ใช้นิ้วกรีดเปิดหน้ากระดาษทีละหน้า แสงจากดวงจันทร์ภายนอกสาดส่องเข้ามาสะท้อนกับเข็มกลัดรูปนกฮูกบนปกเสื้อ
"เพราะสัญชาตญาณไม่เคยผิดพลาด..."
"น่าขำจังเลยนะ"
เขาลุกขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่ ดวงจันทร์สีเหลืองกลมโตยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า เบื้องล่างหอคอยแห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกหนาสีขาวโพลนจนยากจะมองเห็นว่าข้างใต้นั้นเป็นเช่นไร
เขาสะบัดมือหนึ่งครั้ง ก่อนนำไพ่ทาโรต์ปริศนาที่พึ่งปรากฏขึ้นมาสอดเข้าไปในหน้าหนึ่งของสมุด
เพียงไม่นานชายคนนั้นก็เดินจากไป เหลือทิ้งไว้แค่สมุดหนึ่งเล่มบนโต๊ะเท่านั้น