Chereads / ไฉนข้ามาอยู่ในเมืองยมทูต 杀我 爱我 阎罗王 / Chapter 4 - 2-2 鬯 จิตวิญญาณที่เสียสละ

Chapter 4 - 2-2 鬯 จิตวิญญาณที่เสียสละ

ผ่านลำแสงสีทองบนสันตำรา นัยน์ตาสีชาดขนาดมหึมากลางท้องนภามองลงไปยังสตรีร่างเล็กจิ๋ว เฝ้ามองนางต่อกรกับอสุรกายร่างใหญ่โอฬาร

หน้าตาของมันเหมือนลิงที่มีเขี้ยวแหลมคม เขี้ยวทั้งสองยื่นพ้นออกมาจากมุมปากหนาใหญ่ มันมีผิวขรุขระทว่าแข็งแกร่งปานหินผา ลำตัวห้อมล้อมด้วยหมอกดำ ในขณะที่มันสามารถถูกทำลายได้ด้วยเวทปีศาจ

'ท่านอาจารย์ไม่ได้พูดเปล่า ไม่ใช่เพียงลมปาก เป็นเรื่องจริงหรือนี่?'

นอกเสียจากเรื่องราวจากปากท่านอาจารย์ เคยพูดเปรยเรื่องประหลาดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ตำราสีชาดได้กล่าวเรื่องธาราแห่งจิต ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ดวงจิตแห่งความเสียสละซึ่งยากจะพานพบในวัฏสงสาร

เทพมรณาพึงพอใจเจ้าปีศาจผีเสื้อผู้หาญกล้า นางไม่ขลาดกลัวเหมือนก่อนหน้า เมื่อนางเริ่มคุ้นชินกับการต่อสู้กับผู้พิทักษ์ในตำรา รอยยิ้มพึงพอใจเปิดเผยขึ้นตรงมุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏอารมณ์ตื่นเต้นดีใจ ความสำเร็จเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองมรณา เขาคงอยากจะรู้นักว่ากองทัพยมทูตจะยิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงไหน การนำทัพไปเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณคงง่ายดายขึ้นนับหลายพันหลายหมื่นเท่า

เจ้าปีศาจผีเสื้ออาจโดนเทพหลอกใช้งานเข้าแล้ว!

"ท่านเทพมรณาผู้ยิ่งใหญ่ เปรียบเทียบกับตัวท่านแล้วข้าคงเป็นเพียงเศษดิน ทำไมท่านไม่มาทำเองเล่า?"

"มีเพียงเจ้าที่อาจเปลี่ยนแปลงกำหนดในตำรานี้ได้ จิตวิญญาณที่เสียสละ..."

"ไยท่านช่างไร้มารยาทนักเจ้าคะ ข้าชื่อถิงถิง!"

ครั้งสุดท้ายนางตวาดกร้าวอย่างโมโห เวทสีดำพลันตกกระทบลงบนท้องนภามืดครึ้มอึมครึม นางเข้าไปผลักดันอักขระสีทองที่มีความสูงเสียดฟ้า มันขยับเขยื้อนทีละเล็กละน้อย ปีศาจอสูรผุดขึ้นมาจากดินให้นางต้องหาวิธีกำจัดพวกมัน นางทำเรื่องเดิมซ้ำ ๆ จนอักขระตัวเลขเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไป จากเลขสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นอีกนับหลายร้อยปี

เวลานี้นางนึกขอบคุณบิดามารดา ท่านปู่ท่านย่าผู้เคี่ยวเข็ญเรื่องการฝึกเวทวิชามากมายหลายแขนง นางรู้จักแม้กระทั่งการใช้เวทหยางของเทพ ถึงแม้ว่าเหล่าปีศาจไม่ใช้มันบ่อยนักเพราะไม่สามารถเข้ากันได้กับร่างกายอันเต็มไปด้วยพลังมืด ความคิดชั่วร้ายอันเป็นต้นกำเนิดของปีศาจ

นางฮึดสู้ขึ้นมาเพราะถ้อยคำไม่มีมูลของพี่ใหญ่ เคยเล่าให้นางฟังว่าไปเที่ยวตลาดที่มีผู้คนมากมายในโลกมนุษย์ ห้องโถงพระราชวังงดงาม มีนางสนม มีหอนางโลม มีบุรุษรูปงามให้สูบพลังวิญญาณ แม้นางเป็นปีศาจที่ไม่สูบพลังวิญญาณจากมนุษย์ก็ตามที มิตรสหายนางบอกว่ารสชาติดีจนนางจะต้องเสียดายแน่ ๆ หากไม่ลองลิ้มรสดูสักครั้งหนึ่ง

นางยังคงเปี่ยมไปด้วยความหวัง ใครเล่าจะอยากตายทั้งยังอายุน้อย…

ถึงนางจะมีชีวิตมาห้าพันกว่าปีแล้ว นับว่าน้อยไปสำหรับปีศาจผีเสื้อที่มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์บนโลก นางอาจมีชีวิตอยู่ได้หลายหมื่นปี ตราบใดที่กายทิพย์ไม่สูญสลายไปเพราะการต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์ปีศาจ

ถิงถิงพร่ำพรรณนาใส่อสุรกายผู้พิทักษ์ในตำราประหลาดที่พร้อมจะคร่าชีวิตนาง พลางฟาดมือต่อสู้ "ข้ายังไม่เคยไปเที่ยวเทวโลก แม้แต่โลกมนุษย์ข้าก็ยังไม่เคยไป... ฮือ... ข้ายังไม่อยากตาย"

"ถิงถิง เจ้าเร่งมือ" เทพมรณาเร่งเร้านาง

แม้ริมฝีปากสีชาดพึมพำบ่นสารพัด ไยนางช่างไร้วาสนา ไร้อิสรภาพเยี่ยงปีศาจสักตน ยิ่งปีศาจแต่ละตนไม่ค่อยจะอยู่ติดเรือน เป็นปีศาจก็ต้องออกไปก่อเรื่องทะเลาะวิวาท หาความสนุกใส่ตนน่ะสิ

พร้อมกันนั้น เมฆาอันมืดมิดซัดพาทุกสิ่งเบื้องหน้าและตัวนางกระเด็นออกจากตำรา นางกลิ้งหลุน ๆ บนพื้นไม้เป็นเงามัน ในสภาพอาภรณ์ขาดวิ่น ปีกสีม่วงสดใสประหนึ่งสีสันของดอกจื่อเถิงบนแผ่นหลังของนางถูกแผดเผาด้วยลูกไฟจากค่ายกลในตำราจนกลายเป็นสีดำ

ตั้งแต่มีลมหายใจมาบนนรกภูมิในเรือนใต้แห่งแมลงบุปผา ปีกอันงดงามของนางไม่เคยถูกทำลายจนเหลือแค่เส้นบาง ๆ

เส้นปีกผีเสื้อเปรียบเสมือนกระดูกสันหลัง มิได้เป็นเพียงโครงร่างให้ปีกคงรูปอยู่ได้ ยามนี้เส้นปีกของนางจะขาดมิขาดแหล่ เหนือศีรษะของนางมีหนวดยาวเป็นเส้น จุดดำ ๆ บริเวณปลายทั้งสองข้าง นางมีหนวดผีเสื้อติดกายทิพย์ในบางครั้งไว้สำหรับดมกลิ่นวิญญาณ ตอนนี้เห็นจะไม่ได้กลิ่นอะไร

ถิงถิงก้มลงมองเนื้อตัวนางทั้งน้ำตานองหน้า ยกมือปิดป้องหน้าอกของนาง อาภรณ์เจ้าสาวคงเหลือแค่ผ้าขาดไม่เป็นชุด คลุมสะโพกลงไปเล็กน้อย

"ข้า... หนีฝูงจิ้งจอกมาโดนเผา ฮือ... ข้า... ข้า... เหลือแค่หนวด..."

"จิตวิญญาณที่เสียสละ"

"ข้าชื่อถิงถิง!" นางตะคอกเสียงดังลั่นใส่ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ด้วยท่าทีก้าวร้าว ส่งเสียงสะอื้นไห้ "ฮึก... ฮือ... หนวดสวย ๆ ของข้า... ปีกอัน... งดงามของข้า..."

"ถิงถิง"

น้ำเสียงของเทพผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งยืนมองนางด้วยสีหน้านิ่งเฉย เหมือนกับว่าเขาใจดีและให้เกียรตินางขึ้นสักเล็กน้อย ด้วยเห็นว่านางมีประโยชน์ ขณะกลิ่นไหม้อบอวลไปทั่วห้อง ใบหน้าสดสวยใต้ริมฝีปากสีชาดของนางไม่งดงามดังเดิม

"ข้าจะนำยาและอาหารมาให้เจ้า เจ้ากินอะไร?"

"ข้ากินพืช... กินผลไม้... ข้าไม่ดูดไอวิญญาณจากปีศาจที่ไหน ข้าไม่ชอบคร่าชีวิต ข้าไม่ทำร้ายใคร..."

"เจ้าหมายถึง... เจ้ากินอาหารจากต้นไม้แห่งวิญญาณน่ะหรือ?" ท่านเทพเลิกคิ้วขึ้นถาม คลายความสงสัยลงตรงนั้น

"ใช่... ต้นไม้วิญญาณ พี่รองบอกข้าว่ากินได้ มันมาจากวิญญาณเร่ร่อนที่ติดกับดักเข้า มันรสชาติดีด้วย"

นั่นก็มาจากวิญญาณเหมือนกันนั่นแหละ...

'ฟังดู... น่าขันนัก'

เทพมรณามิได้เอ่ยออกมา เรื่องต้นไม้ที่นางว่า มันมีต้นกำเนิดจากจิตวิญญาณเร่ร่อนทำให้มันเติบใหญ่กลายเป็นต้นไม้ในเมืองปีศาจ ในเทวโลกบางแห่งก็มีต้นไม้วิญญาณ ร่างสูงสง่าขยับเข้าไปใกล้นาง ก้มหน้าลงมองขอบตาบวมช้ำ พูดจากับนางอย่างใจเย็น

"เจ้าเลิกร้องไห้คร่ำครวญเสีย บาดแผลของเจ้าไม่ช้านานก็หายดี แต่หากเจ้าเปลี่ยนใจไม่อยากทำงานนี้แล้ว บอกข้าได้ทุกเมื่อ ข้าจะพาเจ้าไปส่งที่เรือนใต้แห่งแมลงบุปผา เรื่องการลบความจำครอบครัวของเจ้าและจิ้งจอกเงิน ข้าจัดการได้"

"ให้ข้ากลับไปตายเนี่ยนะ?" นางชี้หน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อหู ท่านเทพมาบอกอะไรนางตอนนี้!

"ก็... พอมีโอกาสรอด วันเกิดวันตายของสรรพสิ่งมีชีวิตได้กำหนดไว้ในตำรา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาวาสนา ข้าเองก็บอกไม่ได้แน่ชัด ตัวเลขเหล่านั้นชอบที่จะเปลี่ยนแปลงของมันเอง"

"ข้าในสภาพนี้กลับไปก็ตายน่ะสิ ตายแน่นอน! ไม่ต้องให้ตำรานั่นมาบอกข้าหรอก จิ้งจอกคลั่งพวกนั้นน่ะโหดเหี้ยมอำมหิต ใช่ปีศาจน่ารักอย่างข้าเสียที่ไหน"

ถิงถิงทำนายชีวิตของนางได้อย่างแม่นยำทีเดียว ก่อนที่นางจะเริ่มร้องไห้อย่างหนักจนท่านเทพเวียนหัวกับนาง จึงบอกอย่างรำคาญใจ

"เอาเป็นว่าข้าไม่บังคับฝืนใจเจ้า จำเอาไว้... เจ้าเปลี่ยนใจไม่อยากทำงานเมื่อไร ให้บอกข้า"

เปลี่ยนใจ?

นางกัดริมฝีปากจนเป็นห้อเลือดอย่างเคียดแค้น เทพรูปงามจิกหัวใช้งานนางผู้ไร้หนทางเลือก ยามนี้เป็นหรือตาย ค่าเท่ากัน!