ปีกหงิกงอที่เหี่ยวเฉาค่อย ๆ ฟื้นคืนชีพ จากเส้นปีกแผ่ขยายเหมือนต้นไม้แตกกิ่งก้านสาขา ร่างผีเสื้อกลับมาทอประกายม่วงเหลือบทอง นางเอร็ดอร่อยกับผลไม้แห่งวิญญาณบนกิ่งไม้ใหญ่ รสชาติหวานกรอบ
ในขณะที่ปีศาจอสูรตนอื่นเพียงพบอาชาแห่งความมืด เมฆาดำสลับขาวที่หมุนวนราวพายุปรากฏขึ้น พาลหนีไปเสียหมด ไม่มาแย่งอาหารของนางเหมือนครั้งก่อน นางจะต้องต่อสู้กับปีศาจตนอื่นเพื่อแย่งชิงผลไม้วิญญาณลูกโต ๆ
เทพมรณายังคงเพ่งมองนางด้วยความคลางแคลงใจ
'จิตวิญญาณที่เสียสละงั้นหรือ?'
ครั้นพยายามใช้ความคิดเรื่องปรมาจารย์แห่งเทพมรณาผู้ละสังขารไปเนิ่นนาน ท่านอาจารย์มิได้กล่าวถึงเรื่องนี้มากนัก
นีเทียนต้าเซินรวบรวมวิญญาณมานับหมื่นนับพันล้านดวงแล้วก็ยังไม่เคยพบ... ดวงจิตสีทองอร่าม
ตอนใช้ดวงแห่งการพิพากษามองลึกลงไป นัยน์ตาสีอำพันคู่นี้ไม่เหมือนปีศาจตนไหน ไยนางช่างผิดจากปีศาจทั่วไป มีดวงจิตเป็นลูกแก้วขุ่นห้อมล้อมด้วยไอหมอกสีดำสนิท เวทหยินแห่งความชั่วร้ายเปรียบดั่งจิตใจสกปรกของเหล่าปีศาจ
บุรุษเทพอดหวั่นวิตกเรื่องวิบากกรรมที่กระทำต่อนางมิได้ ถึงแม้ว่าการเป็นเทพมรณาผู้พิพากษาดวงวิญญาณจะทำให้เขาอยู่เหนือโทษทั้งปวง เมื่อนางมีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์เทียมเทพ
อย่าว่าแต่จิตวิญญาณพิสุทธิ์ ดวงวิญญาณแห่งหยางของเหล่าเทพ อาจปะปนกลิ่นไอหยินอยู่เพียงเสี้ยวส่วนหนึ่ง การมีทั้งขาวและดำ ล้วนเป็นธรรมชาติชีวิต ไม่มีผู้ใดขาวสะอาดหมดจดเสียทีเดียว ควรมีสีขาวและดำ ด้านดีด้านร้าย เฉกเช่นเหล่ายมทูตผู้อาจเป็นทั้งเทพและมาร
นัยน์ตาสีชาดจ้องพินิจผีเสื้อสีม่วงเหลือบทองอีกครา ไอหมอกสีดำหมุนวนรอบปีกทั้งสามคู่ ตามเสียงหัวเราะของนางที่คงจะเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา
"หวังว่าเจ้า... กินอิ่มแล้ว จะไม่คิดหนี"
"ข้าจะอยู่ทำงานให้ท่าน ขอเพียงท่านพาข้ามากินผลไม้อร่อย ๆ" นางตอบ ริมฝีปากสีชาดยังกัดกินผลไม้ลูกโต น่าจะทำให้อิ่มไปหลายมื้อ ร่างผีเสื้อตัดพ้อว่านางน่ะแสนอ่อนแอ ท่านยังออกคำสั่งให้นางอยู่ทำงาน กว่าจะพานางออกมาดื่มด่ำพลังวิญญาณ นางหิ้วท้องรอเกือบตาย ไยท่านแสนรังเกียจเดียดฉันท์นาง ออกคำสั่งให้นางลุกขึ้นมาทำงานโดยไม่มอบรางวัลเป็นการตอบแทน
'เพราะข้ากำลังตอบแทนเจ้า... จึงยังไม่ต้องเดินทางไปปรภูมิ เจ้าปีศาจผีเสื้อ ไยเจ้าไม่รู้ตัวอีก?'
เทพมรณาแหงนหน้าขึ้นมองผีเสื้อตัวน้อย จับตาดูนางอยู่ตลอด นึกตลกขบขันนางอยู่ในใจ นางพูดจาไม่เข้าเรื่อง เสียงเจื้อยแจ้วน่ารำคาญ!
"ดูเจ้าอาชาใต้เหล็กกล้า ร่างมีแต่กระดูก มันมองข้าเช่นนี้ คิดจะกลืนข้าลงท้องหรือเปล่ากัน?"
ปีกสีม่วงโผบินลงมาจากต้นไม้ นางวนเวียนอยู่รอบกายอาชาน่ากลัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อาชามืดเตะกีบเท้า พ่นลมหายใจร้อนครืดคราดเป็นสีชาด นัยน์ตาของมันน่ากลัวไม่ต่างจากผู้เป็นนาย ร่างกระดูกประดับเกราะนิล เต็มไปด้วยกลิ่นอายของโลหิต เหม็นฉุนจนนางแทบจะอาเจียน
"อาชาแห่งความมืดกลืนกินทุกสิ่ง หากข้าบอกมันว่าอะไรกินได้..."
อาชากระดูกขบฟัน หากผีเสื้อตัวน้อยไม่คืนร่างสตรีตัวใหญ่กว่าปากของมัน คงลงไปอยู่ในท้องกระดูก นางตกใจ กลิ้งหลุน ๆ อยู่บนพื้น
"เจ้าอิ่มรึยัง?"
"ท่านรีบหรือ?"
"เจ้าอย่าเสียเวลา ข้าต้องกลับไปทำงาน"
เทพมรณาเร่งเร้านาง สะบัดเวทหยินหยางผลักร่างผีเสื้อให้กลับขึ้นต้นไม้ใหญ่ไปอย่างไม่แยแส เหมือนนางเป็นเพียงสิ่งของชิ้นหนึ่ง เขาเอามือไพล่หลังยืนรอกระทั่งปีกสีม่วงเปล่งประกาย สะท้อนแสงจากพรรณพฤกษา ละอองน้ำในเวหาพัดผ่านสตรีในอาภรณ์สีชาด ยาวพ้นข้อมือและข้อเท้า นางสวมอาภรณ์เปิดเผยเนื้อหนังมังสาบริเวณเนินอกอวบอิ่ม กลางหน้าผากเนียนปรากฏตราปีศาจคล้ายลวดลายของปีกผีเสื้อ นางกลับมามีผิวพรรณผุดผ่องงดงาม สมเป็นปีศาจแห่งการล่อลวง
"โอ้... ดูสิ ท่านเป็นเทพจริง ๆ ข้าวาสนาต่ำต้อย ไม่เคยพบบุรุษเทพอย่างใกล้ชิดมาก่อนเลยสักครั้ง" ริมฝีปากสีชาดเคลื่อนไปกระซิบข้างหูเทพมรณา ปลายเท้าเปลือยเปล่าลอยอยู่ข้างหลังอาภรณ์งามสง่า "เทพผู้ไร้เมตตา ล้วนเกลียดชังปีศาจ"
"ไม่ใช่เรื่องแปลก พวกเจ้าสร้างปัญหาบนเทวโลกไว้มากมาย เกินบอกเล่าจบในหนึ่งราตรี สอง... สามราตรี เห็นจะไม่เพียงพอ ไหนจะปีศาจสตรีก็ชอบยั่วยวนเทพ..."
"ข้าเปล่าซะหน่อย เทพน่ะทึกทักเอาเอง ข้าแต่งตัวสวยงามเพราะข้าชอบ พี่รองเคยบอกข้าว่าปีศาจผีเสื้ออัปลักษณ์สิ ประหลาดนัก"
"ดั่งว่าบุปผาในน้ำ จันทราในกระจก ความสวยงามอาจเปรียบเสมือนภาพมายา ไม่เที่ยงแท้"
"ใช่แล้วล่ะ หญิงงาม ย่อมงามที่จิตใจ"
'ข้าเพิ่งได้ยินเรื่องนี้จากปีศาจ?'
นีเทียนต้าเซินไหวไหล่มองนาง ปีศาจสาวเยินยอตนด้วยรอยยิ้มภาคภูมิ ก่อนที่นางจะทำหน้าตาบึ้งตึง สองมือเท้าเอวค่อนขอด "ว่าแต่ตัวท่าน ไม่มีมิตรภาพกับผู้ใดในเทวโลก ไยจึงรู้เรื่องราวของเทพและปีศาจได้เจ้าคะ?"
"ยมทูตรายงานข้า"
"เล่าให้ข้าฟังบ้างซี เผื่อข้าอาจจะช่วยยืดอายุขัยยมทูตจากสิบเป็นยี่สิบให้ท่าน หากข้าอารมณ์ดี"
"ไม่มีข้อต่อรองสำหรับเจ้า"
"เช่นนั้นข้าขอไปปรโลกคงดีเสียกว่า ความตายมิอาจผ่อนผัน อย่างมากข้าก็กลับไปเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีเหตุให้ข้าก้มหน้าทำงานอย่างไร้ศักดิ์ศรี"
นีเทียนต้าเซินผ่อนลมหายใจ พูดมากความไปนางก็ไม่เลิกรากับการปะทะคารม นอกเหนือจากงานร้องไห้คร่ำครวญ นางออกจะชอบต่อปากต่อคำเสียด้วย
"ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่า... สถานที่ของเจ้าคือกรงผีเสื้อ เจ้าจะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของข้า"
รอยยิ้มน่าสะพรึงกลัวของเจ้านครมรณาทำให้นางโฉบบินกลับต้นไม้ ส่งเสียงร้องไห้กระซิก "ฮึก... ฮือ... ข้าไม่เอากรง ข้าไม่อยากโดนขังอีกแล้ว..."
"เจ้าปีศาจน่ารำคาญ กินอาหารของเจ้าให้อิ่ม อย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์!" น้ำเสียงก้าวร้าวดุดันตะคอกนาง ถิงถิงนิ่งเงียบไป ไม่นานนางก็กลับมาพูดจาเจื้อยแจ้วอารมณ์ดี โผบินลงมาในร่างผีเสื้อตัวเล็กเท่าฝ่ามือ เกาะอยู่บนปลายนิ้วเรียวยาวใต้เกราะมือซึ่งทำมาจากเหล็กคม นางกระพือปีกผีเสื้อส่งเสียงหัวเราะร่าเริง เป็นสัญญาณบอกว่านางอิ่มแปล้ เทพมรณาควบอาชาสีนิลนำพานางกลับนครมรณา