"ข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของท่าน นีเทียนต้าเซิน ข้าบอกท่านว่าข้าจะช่วย ก็เพราะว่าข้าอยากช่วยเท่านั้น ข้าไม่จำเป็นต้องกลับไปกับท่านก็ได้ ข้าไม่ใช่วิญญาณ ข้ายังมีลมหายใจ ไม่มีเหตุให้ยมทูตต้องมาจับกุมตัวข้า"
นีเทียนต้าเซินเลิกคิ้วขึ้นมองนางอย่างไม่เชื่อหู ไม่คิดว่านางจะปีกกล้าขาแข็งขึ้นมา นางหันหลังกลับไปทางต้นไม้แห่งวิญญาณ ไม่กลับร่างเป็นผีเสื้อ เขาจึงใช้กำลังบังคับนาง สะบัดฝ่ามือสร้างวงเวทสีนิลเป็นกรงขัง
ถิงถิงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเชื่อฟัง นางกำลังอ่อนไหวเพียงสัมผัสรับรู้ถึงห้วงความคิดของมิตรปีศาจ ใบหน้างามหมดจดพลันปรากฏเป็นรอยแยกตรงหว่างคิ้ว นางแยกเขี้ยวฟาดพลังสู้กลับพญามัจจุราชที่ใช้แค่ฝ่ามือขวาข้างเดียว ผลักวงเวทสีขาวใส่นาง ลมเย็นวูบปะทะเข้าใบหน้านางอย่างรุนแรง นางล้มลงบนพื้นหญ้า
------------
'ไยเจ้าดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง เป็นเพราะจิ้งจอกเงินนั่นหรือ?' ใบหน้าเข้มเครียดหลุบมองรอยย่นตรงหว่างกลางคิ้วพลันหายไป ศีรษะน้อยหล่นโงนเงนแนบชิดบนอกกว้าง นางแลดูผ่อนคลายในนิทราด้วยเวทแห่งการหลับใหลของยมทูต
ผิดจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ดูยังไงก็เหมือนปีศาจแมงมุมหน้าตาอัปลักษณ์ยามเกรี้ยวกราด น่าหงุดหงิดพอควร
นีเทียนต้าเซินตัดสินใจไม่จับนางกลับไปในร่างผีเสื้อ ยัดใส่กรงเหมือนนางเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง เงื้อมมือมัจจุราชดึงร่างไร้สติประคองไว้ในอ้อมแขน ควบขี่อาชาแห่งความมืดไปถึงเรือนนอนของนาง ประตูมืดดำของนครมรณาเปิดกว้างและปิดลง เขาวางนางลงบนฟูกอย่างระวังมือ
กลิ่นหอมอบอวลประหนึ่งเย่ไหลเชียง [1] แรกแย้มบาน ทั้งกลิ่นหอมฉุนของดอกเหมยฮวาพัดผ่านปลายจมูกไป เขาเผลอสูดดมมันครั้งหนึ่ง
หากเป็นมนุษย์คงไม่รอดพ้นมารยาปีศาจ ยิ่งเป็นปีศาจราตรีตระกูลผีเสื้อ ในตำรากล่าวว่าพวกนางมีกลิ่นกายหอมฟุ้งเสมือนดอกไม้งามที่อาบยาปลุกกำหนัด ผิวพรรณผุดผ่องนุ่มเนียน เพียงสัมผัสก็พาลให้เกิดราคะ
นีเทียนต้าเซินเป็นเทพผู้บำเพ็ญเพียรมานับสามแสนปีในโลกมรณา เห็นจะเป็นครั้งแรกที่เขาแตะต้องเนื้อตัวสตรี ใกล้ชิดสตรี
ถึงคราวเผชิญด่านเคราะห์! ดันมาเป็นปีศาจผีเสื้อที่แสนงดงามทั้งกายใจ
มิหนำซ้ำนางตัวกระจ้อยร่อยไม่เจียมตน กล้าง้างกรงเล็บปีศาจต่อกรเทพมรณา อายุขัยนับแสนปีเทวโลก เขาอาจล้มทั้งภพภูมิได้ด้วยผ่อนลมหายใจยมทูตครั้งเดียว
'เอาล่ะ คงถึงเวลาทบทวนตำราทั้งสามเล่ม เป็นไปได้ว่าอาจพบคำตอบ...'
ความคิดแน่วแน่เป็นกังวลทอดผ่านนัยน์ตาสีชาด เขายังอยู่ในห้องนอนของนาง ปัดมือตีอากาศเบา ๆ ปรากฏตำราที่ห้อมล้อมด้วยพลังหยินหยาง เล่มหนึ่งเปล่งแสงสว่างจ้าเรียก 'ตำราแห่งการเกิด' อีกเล่มสีทอง 'ตำราแห่งความเป็นและความตาย' และอีกเล่มสุดท้าย 'ตำราสีชาด'
นึกย้อนกลับไปถึงเทพมรณาคนแรกผู้ทำหน้าที่รวบรวมดวงวิญญาณส่งแดนปรภูมิ พิพากษาตัดสินความชั่วร้ายบนบัลลังก์เพลิง ผู้ส่งมอบภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ให้นีเทียนต้าเซินเป็นผู้ดูแลนครมรณาทั้งสามในเวลาต่อมา
'ท่านอาจารย์ส่งตำราสีชาดให้ข้ากับมือ กำชับให้อ่านทุกบรรทัด แล้วจึงละสังขารไป...'
ท่านอาจารย์เล่าว่าตำราแห่งคู่ครองเปล่งแสงสีชาด ตำราเล่มนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นตำราที่มีพลังมากมหาศาล ทว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ลอยไปลอยมาในเรือนไม้กลางห้องทำงานของนีเทียนต้าเซิน
ทันใดนั้นเอง ดวงตาสองคู่จ้องมองมายังนครมรณา ปรากฏนัยน์ตาสีชาดเบิกกว้างกลางท้องนภา
นีเทียนต้าเซินสะบัดชายอาภรณ์เพื่อปิดบังเจ้าของร่างงามบนฟูก หลังย้ายโต๊ะทำงานมาห้องนอนของนางเสียเฉย ๆ เขาป้องกันเขตแดนของตนด้วยเวทหยินหยาง ไม่ให้อีกสองเทพมรณาสามารถมองเห็นสิ่งใด สร้างเกราะกำบังทั่วเมฆาในเมืองมรณาอย่างมีนัยว่าอย่าจุ้นจ้าน!
เทพมรณาอีกสองอายุขัยอ่อนกว่านีเทียนต้าเซินหลายหมื่นปี ร่ำเรียนวิชาจากท่านอาจารย์ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน นีเทียนต้าเซินนับว่าเป็นพี่ใหญ่ของเรือนมรณาอย่างไม่เต็มใจนัก ด้วยความเป็นเทพมรณาโดยกำเนิด ต่างจากอีกสองเทพ ท่านอาจารย์ชุบชีพจรแห่งยมทูตของพวกเขาขึ้นมาจากสระมรกตในปรภูมิ
จะว่าก็ว่าเถอะ นีเทียนต้าเซินเป็นเทพหยิ่งผยอง ไม่ไว้หน้าใครนอกจากท่านลุงผู้ตรากตรำทำงานไม่เคยได้พักผ่อน เมื่อยมทูตไม่หลับใหล
ครู่นั้นเขากลับมาสนใจเจ้าผีเสื้อซึ่งกำลังถูกจ้องมองด้วยลำแสงจากตำราสีชาด
'ตำราสีชาดไปหาเจ้าถิงถิง... ไยปีศาจพูดมากไม่บอกข้าสักคำ?เจ้าโกรธข้าแน่ ๆ'
คำถามมากมายทอดผ่านแววตาเย็นยะเยือก คิดว่านางไม่พอใจเขาตอนนางเล่าเรื่องความฝัน เขากล่าวหาว่านางกินจุ นางจึงฝัน ขณะตำรากลางห้องนอนกางขึ้นและเปิดออก ส่องสะท้อนแสงออกมา ปรากฏอักษรสีชาด
'การให้เกียรติคู่ครอง'
'การมอบความสุขให้ภริยา'
"นี่มัน... อะไรกัน ข้าสู้รบกับปีศาจแล้ว... ยังต้องมาวิวาทกับตำราในแดนมรณาอีกหรือ?" นีเทียนต้าเซินหัวเราะเสียงดัง พูดกับตำรา "ใช่แล้วล่ะ ต้องเรียกเจ้าว่าตำราสีชาดเพราะไม่มีผู้ใดปรารถนาการมีคู่ครอง เทพเป็นผู้เสียสละตน"
"ในเมืองเทพมีเพียงมิตรภาพอันดีงาม เรื่องความรักของเทพ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ปรารถนาดีต่อกัน ขอเพียงคู่ครองมีความสุข ไม่ว่าผิดหวังหรือสมหวัง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นความรักที่ไร้ซึ่งความหลงใหลและการผูกมัด หากเทพมรณาจะมีคู่ครอง มิใช่เรื่องแปลก"
ไร้สาระสิ้นดี!
เจ้าเมืองมรณามองขวับตามท่านลุงในร่างชายชราที่เข้ามาไม่บอกกล่าว ยมทูตเป็นเช่นนั้น ไม่มีการเคาะประตู เมื่อความตายมาเยือน ใครจะบอกเล่าว่าข้ามารับวิญญาณเจ้าแล้ว
"ท่านลุงแปดหมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่เข้าใจท่าน"
"พักหลังมานี้พวกข้าเห็นท่านเอ็นดูเจ้าถิงถิงนัก ทั้งที่งานล้นมือ หน้าตาของท่านรึจะอารมณ์ดีได้ ถ้าไม่ได้มาพบนาง"
"เหลวไหล"
ประโยคนั้นเหมือนกับว่าพูดอยู่คนเดียว ใบหน้าเคร่งเครียดของนีเทียนต้าเซินไม่พึงพอใจ หลังลุงอาวุโสอันตรธานไปในเวหา มีเสียงดังซ้อนเข้ามา
'จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนาง?'
'ทำไมท่านไม่ลองไปถามเทพผู้เฒ่าจันทรา ท่านคงได้คำตอบแน่...'
'เหตุการณ์ทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ตำราสีชาดกำลังสื่อสารกับท่าน'
ตามธรรมเนียมแล้วท่านลุงจะไม่พูดเสียงดังอึกทึก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ใช่เรื่องที่พวกท่านลุงจะออกความคิดเห็นด้วยซ้ำไป นีเทียนต้าเซินปิดตาส่ายหน้า "นครมรณาจะไม่ส่งสาร เราตัดขาดจากโลกภายนอก มันจะเป็นเช่นนั้นไปตลอด พวกท่านเลิกออกความเห็นเถิดท่านลุง"
ท่านลุงใคราบลูกแก้วจำศีลใต้อาภรณ์มาร่วมวงสนทนาแล้วจากไป นีเทียนต้าเซินร้องขอพวกเขาว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ยังอุตส่าห์มีผู้รั้งท้ายเป็นท่านลุงในกองทัพที่สามพัน ออกความเห็น
'เป็นเรื่องของนีเทียนต้าเซินกับเจ้าถิงถิง ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของท่านลุง!'
ใบหน้านิ่งเฉยเย็นชาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาได้ เขาหย่อนกายนั่งลงข้างนางบนฟูก ลอบดูนางผ่อนลมหายใจในนิทราด้วยแววตาเอ็นดู…
[1] ดอกราตรี