หัวใจปีศาจเคยสงบราวสายน้ำนิ่ง บัดนี้ไม่ต่างจากกระแสน้ำวน นางทั้งสับสน เสียใจ ไยเทพมรณาช่างไร้เยื่อใยต่อนาง ขนาดว่านางทำงานเยี่ยงทาสผู้ซื่อสัตย์ พร้อมมอบชีวิตให้เจ้าตำราโหดอย่างไม่กลัวตาย นางและเขามีความทรงจำใต้ต้นไม้วิญญาณในเรือนไม้งดงามมาร่วมแรมปี
'ข้าควรลืมท่านไปเสีย นีเทียนต้าเซิน...'
ความคั่งแค้นปรากฏในประกายตาสีอำพัน นางชังหน้าเขาพอ ๆ กับที่นางปรารถนาในตัวเขา นางแน่ใจว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้นางผู้รู้เรื่องนครมรณากลับเรือนใต้อย่างสติครบถ้วน เขาคงใช้เวทลบเลือนความทรงจำนางก่อนส่งนางกลับเมืองปีศาจ
ในจังหวะที่ปลายนิ้วเรียวยาวใต้เกราะนิ้วแหลมคมแตะลงบนหน้าผากเนียน ฝ่ามือปีศาจกางออกพร้อมกระจกสีขุ่นเปล่งแสงหยินหยาง แต้มสีชาดกลายเป็นหลุมน้ำวน
นีเทียนต้าเซินแปลกใจในการกระทำของนางผู้ปองร้ายเขาด้วยกระจกโง่ ๆ บานหนึ่ง เขารู้สึกตัวอีกคราในเรือนไม้งดงาม เครื่องเรือนทุกอย่างจัดวางอยู่ที่เดิม หากวิจิตรตระการตากว่าเรือนซึ่งเขาสร้างให้นางพำนักอาศัย
"ทำอะไรของเจ้า? ถิงถิง"
"ในห้วงนิทราผีเสื้อ ข้าเป็นผู้เสกสร้างทุกสรรพสิ่ง ท่านจำได้หรือไม่? ท่านเคยกักขังข้าในนครมรณา ท่านจิกหัวใช้ข้า ให้เป็นทีของข้าบ้าง"
"เจ้าใช่ปีศาจเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียเมื่อไร เจ้ามีจิตใจดีงามราวเทพธิดา"
"เกรงว่าท่านจะลืมไปเสียสนิท ข้าเป็นปีศาจราตรี" ในน้ำเสียงเด็ดขาด ผู้อายุขัยน้อยกว่าเช่นนางกลับไร้ความกลัวเกรง นางยืนประจันหน้าเทพแห่งความตายท่ามกลางแสงแห่งหยินหยาง แม้รอบอาภรณ์ลวดลายเมฆาล้มปริ่มด้วยไอสังหาร เขายังคงสวมชุดเกราะยมทูต นางสวมอาภรณ์สีสันสดใส
"ประเดี๋ยวข้าก็ตื่นจากนิทรา เว้นเสียแต่ว่าท่านจะทุบตีข้าให้ตื่น"
นีเทียนต้าเซินหัวเราะเสียงดัง เขี้ยวคมตรงมุมปากดูน่าสะพรึงกลัว "ดีไหมเล่า? ข้าจะทำลายกระจกบ้านี่ไปพร้อมกับดวงวิญญาณเจ้า"
"หากท่านปรารถนาจะฆ่าข้า หลังจากที่ข้าหมดประโยชน์แล้ว ข้ายินดีตายด้วยเงื้อมมือท่าน เทพใจดำ..." นางพูดด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอ โบกมือเปิดบานประตูให้อ้าออกกว้าง "ไยท่านไม่ลองชื่นชมโลกนิทราอันสวยงามเสียก่อน ค่อยลงมือฆ่าถิงถิง อย่างน้อยก็เห็นแก่น้ำใจข้าที่เคยช่วยงานท่าน"
ถ้อยคำตัดพ้อนั้นไม่เข้าหูเอาซะเลย นีเทียนต้าเซินเมินหน้าหนีนาง มองผ่านบานประตูไม้สลักลายเมฆาไป กลางท้องนภามีจันทรากลมโตสีชาดอย่างในภพภูมิปีศาจ
เมื่อสังเกตให้ดีแล้วพื้นที่โดยรอบปกคลุมด้วยสวนพฤกษชาติทอประกายอร่าม เสมือนเรือนใต้แห่งแมลงบุปผา มันแสนงดงามตรงที่ท้องนภากว้างเต็มไปด้วยหมู่ดาว
'โลกนิทราของเจ้าช่างงามนัก'
ความคิดภายในมิอาจส่งผ่านไปถึงนาง ร่างสูงสง่าผ่อนลมหายใจ รักษาสีหน้าเข้มขรึมของตน พยายามไตร่ตรองเรื่องราวด้วยเหตุและผล
ที่ผ่านมานางไม่เคยเป็นเช่นนี้ นางเชื่อฟังอ่อนน้อม มีความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา...
หรือทั้งหมดเป็นการแสดงละคร? นางเฝ้ารอจนกระทั่งสบโอกาสซุกซ่อนกระจกแปดเหลี่ยมไว้ในหีบผ้า
"กระจกเวทนี้เคยเป็นของเล่นชนิดหนึ่งของหมู่มารในลัทธิประหลาด ชื่นชอบการวางพนัน ละเล่นเวทหยินหยางอยู่เป็นนิจ นับเป็นเครื่องสะสมพลังที่มีหยางมากกว่าหยิน มองลึกลงไปในกระจกมีหลุมสีขาวตัดแสงสีดำ แน่นอนว่าการเป็นสมบัติเทพหมายความว่าปีศาจจะต้องขโมยมันมาจากที่ใดสักแห่ง ท่านปู่มอบให้ข้าคราวบำเพ็ญตบะปีศาจครบสองพันปี เป็นของหายากนัก"
"ดูจากขุมพลังหยินหยางแล้วก็พอรู้ น่าแปลกที่พวกปีศาจขโมยมันมาได้"
"ไม่มีอะไรที่พวกข้าทำไม่ได้..." นางเล่าเรื่องในอดีตอีกมากมายว่าผู้แสนดีอย่างไรก็คือปีศาจ ไม่ควรไว้วางใจ คนที่บ้านนางเป็นอย่างไร
"ข้าพอเข้าใจหลักการของพวกเจ้า อย่างเช่นบุปผชาติหลากสีสันเบื้องหน้าข้าคงเกิดขึ้นโดยเวทปีศาจราตรี อืม... เจ้าว่าเป็นห้วงนิทรา?"
"เจ้าค่ะ ข้าอาจหลับใหลในเรือนมรณา กายทิพย์ท่านหายไป อยู่กับข้า ณ ที่แห่งนี้ ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป รับรองว่าท่านเสียเวลาไม่มาก ห้าวันในนิทราอาจกินเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป..."
"ถ้าเจ้าว่าเสียเวลาไม่มาก" สิ้นคำ เขาถอนหายใจ หมอกสีนิลขยับหายไปอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
นัยน์ตาเยียบเย็นสีชาดไม่ไหวติง แม้ปีศาจสาวจะพลิกฝ่ามือดึงเทพมรณาให้มานั่งจิบชาในฝั่งตรงกันข้าม บังคับเขาไปเสียทุกอย่างดั่งใจนาง เสกถ้วยชาและขนมหน้าตาน่ารับประทาน แป้งปั้นเป็นรูปดอกไม้ รูปภูตแมลงผีเสื้อ เต่าทอง วางเรียงรายในจานดินเผาบนโต๊ะเตี้ย ๆ
เมื่อตรึกตรองดูแล้วนีเทียนต้าเซินใช้พลังมากมหาศาลในการผนึกตำราสีชาด มันเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ตามคำตักเตือนของยมทูตอาวุโส ตอนนี้เขาไม่น่ามีพลังมากพอทำลายห้วงนิทราผีเสื้อ
ใช่แล้วล่ะ... นอกเสียจากผนึกตำราไม่ได้ ร่างปลอมมาพบนางอย่างลับ ๆ ชั่วพริบตาเดียวก็หายไป กระจกเวทแปดเหลี่ยมนี้นางได้มาจากเขา เรียกของวิเศษมาให้นางเหมือนกระบี่ปีศาจเพียงนางเอ่ยขอ
"ข้าเดาว่าท่านกำลังใช้ความคิด ไม่รู้ว่าในนิทราผีเสื้อสามารถทำงานของท่านได้หรือไม่?"
"..."
นีเทียนต้าเซินนั่งนิ่งขรึม มองนางรินชาอย่างกุลสตรี
ก่อนหน้านี้นางเปลี่ยนอาภรณ์เทพมรณาเป็นสีฟ้าคราม สีเขียวมรกต ปักปิ่นงดงามอย่างคุณชายในเมืองมนุษย์ เป็นสีขาวอย่างบุรุษเทพในเทวโลก เป็นสีนิลสนิทมีกรงเล็บปีศาจประหนึ่งจอมมาร นางเรียกเขาท่านจอมมารแล้วหัวเราะ นางเล่นสนุกกับการเปลี่ยนอาภรณ์ของเขาไปมาจนพลังหยินลอยละล่องเต็มพื้นเรือน
"ขออภัยเถิด เทพอาวุโสเยี่ยงท่าน คงง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ"
"ทำไม่ได้ ข้าเคยบอกเจ้าว่าข้าจะต้องทำงานในนครมรณา เจ้าสมองปลาทอง"
"ท่านอย่ามาเรียกข้าอย่างนั้นนะ"
"เจ้าจะทำไม?" เอ่ยพลางยกยิ้มมุมปาก เขาท้าทายนางที่ปัดมือเพียงครั้ง ถ้วยชาหายไปจากมือหนา ไม่ทันได้ชิมรสชาติชากลิ่นหอมสะอาด
ถิงถิงท่าทางโกรธขึ้งบึ้งตึง รอยย่นหว่างกลางคิ้วบนใบหน้าปีศาจปรากฏขึ้น
เมื่อวานนี้นางสั่งให้เขานั่งนิ่งมองนาง ซุกซบพิงศีรษะบนอกกว้าง บุรุษผู้ถูกล่วงล้ำอาณาเขตมิได้ขัดขืน เขาอ่อนคล้อยไปตามนาง จนย่างเข้ายามโหย่ว[1] วันนี้นางยังคงทำเรื่องเดิม ปีกสีม่วงอร่ามเปิดเผยขึ้นและหายไป นางอิงแอบในอ้อมแขนเทพมรณา สองมือสวมกอดรอบเอวสอบ
ดวงตาสองคู่เฝ้ามองทิวากรลูกสีส้มกลมในท้องนภากว้างใหญ่คล้อยลับ
"เจ้าอย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ข้าทำลายนิมิตเจ้าได้ในพริบตา เลิกยั่วยวนข้าเสียที ถิงถิง"
"ไม่ใช่นิมิต เป็นห้วงนิทราผีเสื้อ ข้าบอกท่านแล้ว ท่านต้องเชื่อฟังข้าบ้าง"
"ข้าไม่เห็นว่านิมิตหรือนิทราจะแตกต่างไปกว่ากันสักเท่าไร ทั้งหมดคือภาพลวงตา"
"เช่นนั้นอาจารย์ท่านคงสั่งสอนศิษย์มาผิด ๆ เรื่องปีศาจ..." นางเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาสีชาดคล้ายบันดาลโทสะหากใครเอ่ยถึงท่านอาจารย์ นางคลี่ยิ้มจองหอง "ข้าจะบอกท่านให้ ปีศาจอสูรสร้างนิมิตขึ้นเพราะจิตใจฟุ้งซ่าน หมกมุ่นในราคะตัณหา โลกนิมิตครอบคลุมสถานที่ใดที่หนึ่งแตกต่างจากนิทรา การสร้างอาณาเขตนั้นยากยิ่งกว่า โลกนิทรากว้างใหญ่ไพศาล สุดล้ำลึกเกินจินตนาการ หากไม่มีกระจกแปดเหลี่ยมนี่ ปีศาจอ่อนหัดเช่นข้ามิอาจสร้างห้วงนิทราผีเสื้อได้ แต่ถ้าเป็นท่านปู่ของข้าละก็ไม่แน่"
"อื้ม... ท่านลุงส่งรายงานว่าหลี่หวังหยางเก่งฉกาจ เป็นปีศาจราตรีที่แข็งแกร่งที่สุด หนึ่งในสามของภพภูมิราตรี หนึ่งในใต้หล้าเมืองบุปผา แม้อายุขัยของท่านปู่เจ้า..." ปลายเสียงหัวเราะเย้ยหยัน พลันยกมือขึ้นโอบบ่านาง ตบเบา ๆ "รุ่นเหลนข้ากระมัง"
"ท่านปู่ข้าอายุขัยห้าหมื่นปี ใช่ปีศาจอ่อนหัดเสียเมื่อไร ท่านปู่ทำลายเวทแห่งการลืมเลือนของท่านได้ในราตรีแรก"
ถิงถิงเยินยอท่านปู่ของนางอย่างภาคภูมิ นีเทียนต้าเซินก็หลุดปากบอกนางเรื่องท่านอาจารย์แห่งนครมรณา นางและเขาได้ใช้เวลาหารือปรับทุกข์ร่วมกัน นางอิ่มเอมใจเมื่อเขายอมเปิดใจให้นาง ซุกหน้าอิงแอบในอ้อมแขนอุ่น
"ข้ามีความลับจะบอกท่าน"
"เรื่องอะไรหรือ?" เขาเลิกคิ้วถาม ลูบศีรษะน้อยเบา ๆ อย่างเอ็นดู ไม่รู้ด้วยเหตุใด ดวงตาของเขาติดตรึงอยู่กับแก้มแดงซ่าน กระทั่งนางเงยหน้าขึ้น
"เวทลืมเลือนของท่านใช้กับข้าไม่ได้ผล ข้ามิอาจลืมเลือนบุรุษในใจข้า"
"เจ้าพูดเรื่องตลกอะไร ข้าเนี่ยนะเป็นบุรุษในใจเจ้า?"
ประกายตาสีอำพันสั่นไหว เฉกเช่นนัยน์ตาสีชาดซึ่งสั่นคลอนเพราะคำพูดจริงใจของนาง
"ข้าชอบท่าน"
"อื้ม... เจ้าชอบข้างั้นหรือ แล้วพี่สาวของเจ้าล่ะ เวทยมทูตใช้ได้ผลหรือไม่?"
"พี่รองพี่ใหญ่บำเพ็ญตบะปีศาจจนแข็งแกร่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะรู้จักความรักชอบ เวทลบเลือนจากเทพหรือจากยมทูตย่อมใช้ได้ผลกับพวกนาง ต่างจากตัวข้า เป็นจุดด่างพร้อยของตระกูลเหมยเตี๋ย ท่านแม่บอกข้าว่าการมีคู่ครองของผีเสื้อเสมือนเผ่าพันธุ์เงือก อสูรทะเล ห้ามไม่ให้ข้ามีความรัก ข้าชอบใครไม่ได้ทั้งนั้น ข้าจะต้องเห็นแก่ตัว..."
นีเทียนต้าเซินหัวเราะ "เจ้าโกหกข้าแล้วล่ะถิงถิง ตอนข้าใช้ดวงตาพิพากษามองเจ้า ข้าเห็นพวกปีศาจผีเสื้อ เจ้าชู้หลายใจ" ไหนจะเขาเองเห็นนางมองบุรุษจิ้งจอกรูปงาม น้ำลายสอเต็มปากเหมือนพี่สาวทั้งสอง น่ารังเกียจนัก! เขาไม่ลืมหรอกว่าทำเรื่องอะไรกับนางบ้างในห้วงนิทรา ขณะทวนความจำนาง "วันแรกเจ้าพาข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองปีศาจ มีพ่อค้าแม่ค้าหน้าตาประหลาด ตะกละเหมือนหมู เมื่อวานเจ้าชักชวนข้าไปวิวาทกับบุรุษจิ้งจอก เพราะเจ้าเผลอไปจับหางปุกปุยนั่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจ้าพาข้าไปเที่ยวโรงเตี๊ยมในเมือง… ข้าไม่…"
"ว่าง… อย่าเสียเวลาข้า ดวงวิญญาณมากมายเฝ้ารอเทพมรณา ข้าจำต้องออกไปรับดวงวิญญาณ นำทัพยมทูต…" นางพูดแทนเขา ขยับปลายนิ้วเรียวยาวหยิกจมูกโด่งเป็นสันคม เขาย่นจมูก พ่นลมหายใจสีชาดแลดูน่าสะพรึงกลัว นางมิได้หวั่นเกรงแม้แต่น้อย แถมยังต่อว่า "ข้าได้ยินจนเบื่อ เชื่อข้าเถอะ ถึงท่านไม่ทำงาน ยังมีเทพมรณาอีกตั้งสอง"
[1] 酉 17.00 – 18.59 น.