ท่ามกลางนครอันมืดมิด แสงเทียนนวลอ่อนส่องประกายในเรือนไม้สว่างไสว ผีเสื้อน้อยบินวนเวียนอยู่บริเวณด้านนอกระเบียง ถัดจากหน้าต่างสลักลวดลายท้องนภา
ทันทีที่นัยน์ตาสีชาดตวัดมองนางก็พลันหายไป บุรุษเทพสัมผัสถึงจิตจำแลงของปีศาจ เมื่อนครมรณาไม่มีสิ่งมีชีวิตใดนอกจากเจ้าผีเสื้อ แล้วจะเป็นใครไปได้...
'วันหมดอายุขัยของยมทูตเท่านั้น ที่จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ข้าเพิ่งเห็นนางเปลี่ยนมัน ด้วยสองตาของข้า'
โชคเข้าข้างถิงถิง! นางน่ะมีประโยชน์มากสำหรับท่านเทพ นางอาจเป็นหนึ่งในล้านของเหล่าดวงวิญญาณเลยก็ว่าได้
ปีศาจสาวอกสั่นขวัญแขวนหลังล่วงรู้ความลับสำคัญ ในขณะที่ร่างทิพย์ปีศาจยังคงประสานมือไว้บนหน้าท้อง นางหลับตานอนบนฟูกอย่างเสแสร้ง เหมือนกับว่านางไม่ได้ออกจากห้อง กระทั่งกลุ่มเมฆาเยือกเย็นก่อตัวขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของบุรุษเทพราวจะเข่นฆ่านาง
"ยมทูตสิบตน ข้าขออีกสิบ ได้หรือไม่?แต่ถ้าได้มากกว่านั้นก็ดี..." น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยกับสตรีบนฟูกนอน ตาคมหลุบมองร่างที่นิ่งสนิทในอาภรณ์สีม่วงสดใส นางดูอ่อนแอเสียจนไม่น่าขยับตัวได้ด้วยซ้ำ นางขยับริมฝีปากซีดขาวราวกระดาษ
"ทุกค่ำคืนข้าเหน็บหนาวถึงขั้วกระดูก เส้นปีกของข้ายังแสบร้อนจากพิษแห่งเพลิงกัลป์จากตำรานั่น ท่านคิดว่าข้าไหวหรือไม่?"
"ข้ามีงานต้องทำอีกมาก เจ้าไม่เข้าใจ งานหลายอย่างข้าไม่สามารถทำได้หากออกไปนอกแดนมรณา"
"เทพมรณา... จะเพิ่มขุนพลไปต่อกรกับกองทัพสวรรค์หรืออย่างไร? หากท่านเกรงว่าปีศาจอสูรจะมารุกรานแดนยมทูต ข้าเอาหัวเป็นประกันว่าไม่มีผู้ใดกล้า"
"ยมทูตมีหน้าที่นำพาดวงวิญญาณไปสู่ปรโลก จับกุมวิญญาณที่หลบหนีเข้าสู่การพิพากษา เราไม่สู้รบกับฝ่ายใดทั้งสิ้น..."
"หากไม่มาขวางทางการทำงานของพวกท่าน..." นางแทรกขึ้นมาด้วยท่าทางมั่นใจ ลุกขึ้นนั่งไขว่ห้าง เอามือเท้าคางอย่างจองหอง "ก็ท่านเพิ่งทะเลาะวิวาทกับปีศาจ แย่งชิงตัวข้ามา แต่ท่านขโมยไก่ก็ไม่ได้ ยังจะเสียข้าวสารไปอีกกำมือ ท่านพลาดงานใหญ่แล้วเจ้าค่ะ"
บุรุษเทพรู้สึกเหนื่อยหน่ายเจรจากับนางนัก ทว่าจำต้องเดินไปดูอาการนางใกล้ ๆ
ร่างผอมบางดูซูบซีดจนแก้มตอบ เบ้าตาของนางชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าที่มาพำนักอาศัยวันแรก ดูยังไงนางก็อัปลักษณ์! ไม่สมกับที่ปีศาจหนุ่มล้วนอยากได้นางไปเป็นภริยา นางนอนนิ่งเงียบอยู่บนฟูกทั้งวัน มีอาหารมากมายวางกองอยู่บนโต๊ะ นางไม่แตะต้องมันแม้เพียงสักอย่างเดียว
"แม่เฒ่าอาวุโสแห่งภพภูมิลับแลเคยบอกกับข้าว่าเทพมรณา... เป็นผู้พิพากษาดวงวิญญาณ ท่านมีความ 'เที่ยงธรรม' ข้าได้ยินมาอีกด้วยว่าท่านน่ะมีเมตตา เป็นผู้เสียสละตน อาจเปรียบเสมือนโพธิสัตว์องค์หนึ่งทีเดียว" นางสบมองนัยน์ตาสีชาดของพญามัจจุราชข้างฟูกนอนของนาง หัวเราะเยาะเสียงดังลั่น "ก็แค่ได้ยินมา..."
"เจ้าไม่ควรท้าทายข้า เจ้าปีศาจผีเสื้อ"
แววตาดูหมิ่นของนางบอกว่านางน่ะท้าทายเต็มประดา! อย่างไม่ต้องสงสัย นางไม่เห็นว่าคำพูดของแม่เฒ่าอาวุโสเป็นความจริงตรงไหน
"เช่นนั้นมาดู... ปีศาจชั่วช้าที่เต็มไปด้วยวิบากกรรมอย่างพวกเจ้า ควรค่าต่อความเที่ยงธรรมหรือไม่ เจ้าผีเสื้อจอมโอหัง" สิ้นคำ นัยน์ตาสีชาดเปล่งประกายประหนึ่งกระบี่อาบโลหิต
เทพมรณาเพียงจ้องเข้าไปในแววตาไร้เดียงสา กิริยาก้าวร้าวของนางถูกสยบด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ถิงถิงรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เมื่อตัวตนของนางถูกมองผ่านดวงตาอันน่าสะพรึงกลัว เขาอาจฆ่านางได้ด้วยการเพ่งมองครั้งเดียว
ในที่สุดนางจำต้องยอมโอนอ่อนต่อบาปในอดีตตลอดชีวิตของนาง นั่งตัวขดงอราวมดตัวเล็ก ๆ เบื้องหน้านัยน์ตาสีชาดดุดัน อยู่ดี ๆ นางก็หนาว เจ็บปวดรวดร้าวไปถึงขั้วกระดูก นางยกมือขึ้นจับหน้าอกด้วยความอึดอัด เหมือนใครมาปิดรูจมูกนางไว้ ในเมื่อนางเป็นปีศาจที่มีลมหายใจ
"ท่านเทพ... ได้โปรดฆ่าข้าเสียเถอะ ข้าไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น หากว่าท้องข้ายังหิว"
"ข้า ไม่ ฆ่า ใคร" น้ำเสียงเข้มขรึมดึงดัน ย้ำชัดหนักแน่น "ข้ามีหน้าที่เพียงอย่างเดียว"
"โอ้... นั่นเป็นความจริงหรอกหรือเจ้าคะ? นึกว่าแม่เฒ่าจะกุเรื่องขึ้นมาหลอกข้าเสียอีก นี เทียน ต้าเซิน [1] "
"เจ้าปีศาจผีเสื้อจอมสอดรู้สอดเห็น อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าไปแอบฟังอะไรข้าอีก"
"ท่านจะทำไม?" นางเชิดหน้าจองหอง แม้หวาดกลัวจนตัวสั่น หลังเอ่ยนามต้องห้ามของท่านพญามัจจุราชซึ่งไม่มีใครรู้ นอกเสียจากเหล่ายมทูต ดูเหมือนว่าท่านเทพกำลังเสียหน้าไม่น้อย หลังล่วงรู้บางสิ่งจากนาง
"ข้าจะไม่นำพาดวงวิญญาณเจ้าไปปรภูมิ แม้ถึงกำหนดการวันหมดอายุขัยของเจ้า จะไม่มีใครนำทางเจ้าไปสู่ห้วงนทีแห่งวัฏสงสาร เจ้าไม่ต้องไปเกิดในภพภูมิใหม่ ไม่รับรู้ความทรมานอีกต่อไป เจ้าจะเป็นกรณียกเว้น ไม่ต้องได้รับการพิพากษาตัดสิน..." ลั่นวาจาแล้วเขี้ยวคมตรงมุมปากแลดูน่าสะพรึงกลัวจึงยิ้มให้นาง "เพราะข้าจะขังเจ้าผีเสื้อแสนดีไว้ในกรงสัตว์เลี้ยงของข้า เอาไว้ดูเล่นแก้เบื่อ ตราบจนนครมรณาสิ้นสลาย"
"นีเทียนต้าเซิน ท่านไม่ใช่เทพเจ้าผู้มีเมตตาธรรม ท่านมันเป็นเทพปีศาจชัด ๆ" นางบริภาษทั้งใบหน้าบึ้งตึง ไม่ทันรู้สึกตัวถึงแววตาเยือกเย็นวูบวาบปรากฏบางสิ่ง จะว่ากลิ่นหอมอบอวลจนใบหน้าชาวาบของปีศาจราตรี ปีศาจแห่งแมลงบุปผาเดิมทีเป็นปีศาจผู้เย้ายั่วบุรุษ สร้างความร้าวฉานอยู่เป็นนิจ อิทฤทธิ์ของนางอาจมีผลต่อเทพมรณาด้วยหรือไม่ คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่ล่วงรู้
เจ้าถิงถิงยังไม่เคยเห็นรอยยิ้มยมทูต และนางก็ไม่ปรารถนาจะเห็น บุรุษเทพกลับมีเมตตากับนางขึ้นมา แม้กระทั่งน้ำเสียงยังผิดเป็นคนละคน
"เจ้าเลิกดื้อรั้นกับข้าเสียที ถิงถิง ตกลงข้าจะพาเจ้าไปหาต้นไม้วิญญาณ..."
------------------------
ตลอดระยะเวลาอันเนิ่นนานสามแสนปีในเมืองมรณา เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงหนึ่งแสนปีเทวโลก เทพมรณาทั้งสามไม่พบปะสังคมในภพภูมิใด ๆ พวกเขาไร้ซึ่งอัธยาศัย ไม่ใส่ใจทั้งเทพและปีศาจ
ยิ่งนีเทียนต้าเซินแล้วเขาไม่เคยตามใจใคร เขาไม่ใช่ผู้ตามที่ดี จึงไม่รู้ว่าปีศาจตระกูลแมลงบุปผาต้องการสิ่งใด
'เจ้าถิงถิงบาดเจ็บสาหัส ข้าเองก็ไม่ทันสนใจสักเรื่องหนึ่งของเจ้า'
ความคิดของเทพมรณายามนี้ มิได้จะนำพานางไปยังต้นไม้วิญญาณเพื่อการเยียวยารักษาเพียงอย่างเดียว เขาเกิดความเมตตาวิญญาณดวงนี้ เมื่อร่างผีเสื้อแสนบอบบางแทบพัดปลิวไปกับสายลม นางไม่สามารถที่จะอันตรธานหายไปในกลุ่มเมฆาได้ด้วยการใช้เวทหยินหยาง
เงื้อมมือมัจจุราชจับร่างกระง่อนกระแง่นใส่กรงเหล็ก เหน็บไว้เหนือผ้าคาดเอวบนอาภรณ์สีนิล ควบขี่อาชาแห่งความมืดจากภพภูมิแห่งยมทูตสู่ภพภูมิปีศาจ ดินแดนแห่งพรรณพฤกษา
ใต้จันทรากลมโตสีชาดสว่างไสว ผีเสื้อตัวน้อยได้รับอิสรภาพจากกรงของพญามัจจุราช นางขยับปีกสีม่วงอ่อนแรงผ่านเวหาอันเยียบเย็น หายไปหลังต้นไม้สูงตระหง่าน ฝังร่างผีเสื้อสีม่วงอร่ามงามไว้กับผลไม้สีแดงสด
"ขอบคุณท่านเทพ! ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านแล้ว ฮ่า ๆ" เสียงหัวเราะร่าเริงดังจากต้นไม้สูงตระหง่าน
--------------
[1] 逆天大神 Nì tiān dàshén