บริเวณนอกป่าดงดิบทางทิศเหนือ รถบรรทุกหุ้มเกราะหลายคันเริ่มเปิดโหมดอำพรางตัวโดยการฉายภาพโฮโลแกรมออกมารอบ ๆ ตัวรถ นั่นทำให้เหล่าเบเรี่ยนที่ตามมาต่างพากันลอยผ่านไปโดยไม่สนใจ เพราะในสายตาของพวกมัน รถบรรทุกแต่ละคันเป็นเพียงแค่โขดหินก้อนใหญ่เท่านั้น
ดาจองที่นั่งอยู่ในรถบรรทุกคันหนึ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเหล่าเบเรี่ยนที่หาพวกเขาไม่เจอ พากันทยอยกลับเข้าไปในป่า สายตาของเด็กหนุ่มจ้องมองผลึกที่ได้มาอย่างพอใจ ตอนนี้พวกเขาได้ผลึกมาสามก้อนแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ พวกเขาจะสามารถหาผลึกไปให้กับทางเมืองได้อีกหลายก้อน แล้วในที่สุดการเป็นทหารของพวกเขาจะต้องเป็นที่ยอมรับ
ทางด้านป่าดงดิบทางทิศใต้ นักล่าฝั่งเหนือและใต้ที่ใส่เกราะเสริมความเร็วในการเคลื่อนที่ พวกเขากำลังพากันวิ่งล่อเหล่าเบเรี่ยนหลายสิบตัวให้ตามพวกเขาออกมาที่นอกชายป่า เพื่อที่พวกเขาจะได้ระดมยิงใส่มันได้โดยที่ไม่มีต้นไม้กีดขวาง
เมื่อเหล่าเบเรี่ยนพากันออกมานอกเขตป่า เหล่านักล่าก็เตรียมพร้อมต่อสู้ นักล่าที่อยู่แนวหน้าของหน่วยจู่โจมพากันหยิบอุปกรณ์แท่งยาวออกมา มันมีลักษณะคล้ายกับร่มกันฝนที่มีใบร่มเป็นบาเรีย เหล่านักล่าต่างพากันใช้สิ่งนี้ป้องกันตัวเองและคนอื่น ๆ ในทีมจากเคียวพลังงานของเจ้าเบเรี่ยน
บาเรียครอบกายนั้นมีเพียงแค่พีเนชั่นที่มีเทคโนโลยีนี้ นั่นทำให้นักล่าองค์กรอื่นต้องใช้เทคนิคในการต่อสู้กับเบเรี่ยนที่แตกต่างออกไป
นักล่าที่ใช้ร่มนั้นจะต้องเป็นนักล่าที่มีฝีมือพอตัว เพราะพวกเขาจะต้องทำตัวเป็นจุดสนใจโดยการใช้ร่มกระแทกใส่พวกมัน เพื่อให้พวกเบเรี่ยนเล็งโจมตีพวกเขาเป็นหลัก และนอกจากนั้น พวกเขายังต้องคอยปกป้องตัวเองกับปกป้องนักล่าที่ใช้ปืนอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นงานที่หนักมาก
ร่มบาเรียแต่ละอันนั้นจะป้องกันการโจมตีได้แค่สิบครั้ง หากครบแล้วหน่วยสนับสนุนจะต้องจัดหาร่มมาเปลี่ยนให้พวกหน่วยจู่โจมโดยเร็ว ส่วนอันที่หมดพลังงาน ก็จะต้องถูกนำกลับไปชาร์ตใหม่ที่รถบรรทุก
จากการระดมยิงด้วยปืนจากรถบรรทุกและปืนจากเหล่านักล่า เพียงแค่สิบนาทีหลังเริ่มการต่อสู้ เบเรี่ยนสามตัวก็สลายหายไป นั่นทำให้เบเรี่ยนตัวหนึ่งตัดสินใจปล่อยคลื่นพลังงานร้องเรียกพวกพ้องทันที
สวิตที่อยู่ในหน่วยจู่โจมตะโกนออกมา
"ทุกคนตั้งค่ายกลรูปเต่า"
เหล่าคนที่มีร่ม พากันยืนล้อมคนอื่นเป็นวงกลม จากนั้นทุกคนก็พากันนั่งลงและหลบซ่อนอยู่ใต้ร่มบาเรีย เนื่องจากตอนนี้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นการโจมตีจากเบเรี่ยนได้เลย
เมื่อทุกคนได้รับการป้องกัน สวิตก็ตะโกนอีกครั้ง
"คาเรร่า มันปล่อยคลื่นพลังแล้ว"
นักล่าอีกหลายคนตะโกนทวนคำสั่งของสวิตซ้ำ จนเสียงดังไปถึงนักล่าสาวสี่คนที่นอนคว่ำหน้าจับปืนสไนเปอร์อยู่บนรถบรรทุกคันหนึ่งที่อยู่ไกลจากจุดต่อสู้ไปสองกิโลเมตร พวกเธอใส่แว่นครอบตาแบบพิเศษที่มีสายเชื่อมต่อกับตัวรถ และนอนเล็งปืนสไนเปอร์ที่บรรจุกระสุนพลังงานไปทางพวกเบเรี่ยน ในขณะที่คนอื่น ๆ สูญเสียการมองเห็นเพราะคลื่นรบกวนจากเบเรี่ยนตัวหนึ่ง แต่ทั้งสี่สาวนั้นยังคงเห็นเหล่าเบเรี่ยนได้อย่างชัดเจน
ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากพลังจิตของชีฟ เมื่อได้รับทราบว่าชีฟถูกว่าจ้างให้มาช่วยในการระบุตำแหน่งของสัตว์อสูร คาเร็นก็คิดค้นวิธีบางอย่างขึ้นมาได้ นั่นก็คือการให้ชีฟอยู่ในแนวหน้าใกล้กับพวกเบเรี่ยน จากนั้นก็ใช้สายเคเบิลคุณภาพดีที่สามารถป้องกันคลื่นรบกวนได้ เชื่อมหมวกของชีฟกับรถบรรทุก แม้เครื่องมือตรวจจับพลังงานจะใช้การไม่ได้ แต่พลังจิตของชีฟยังใช้การได้ดี นั่นทำให้ชีฟสามารถส่งภาพที่ตัวเองเห็นให้แก่สี่สาวที่นอนอยู่บนหลังคารถบรรทุกได้
นักล่าสาวทั้งสี่ระดมยิงใส่เบเรี่ยนที่ปล่อยคลื่นพลังงานจนมันสลายไป นั่นทำให้นักล่าคนอื่นกลับมามองเห็นเบเรี่ยนได้อีกครั้ง พวกเขาพากันร้องเฮกันยกใหญ่ ก่อนจะพากันยกเลิกค่ายกลแล้วเข้าต่อสู้กับเบเรี่ยนเช่นเดิม
นักล่าในหน่วยที่สิบคนหนึ่งหันมามองชีฟที่นอนอยู่ในหลอดแคปซูลอย่างดี ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อน
"ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราได้ลาภก้อนโตแน่"
"จริงของแก เป็นความสามารถที่ดีมาก"
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกับ เบเรี่ยนตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามา พวกเขายกร่มขึ้นมาป้องกันไว้ทันที นักล่าหลายคนจากหน่วยเก้าและสิบพากันระดมยิงใส่เบเรี่ยนตัวนี้อย่างหนัก เพราะหน้าที่ของพวกเขาคือต้องปกป้องเด็กในแคปซูลไว้ให้ได้
ด้วยความสามารถของชีฟ ที่ทำให้สามารถมองเห็นตัวที่ปล่อยคลื่นพลังได้ นั่นทำให้เหล่านักล่าฝั่งเหนือและใต้ สามารถล่าเอาผลึกจากพวกเบเรี่ยนมาได้มากมาย
เบเรี่ยนเป็นสัตว์อสูรที่ปรากฏตัวออกมาเพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ก่อนที่พวกมันจะพากันหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ นั่นทำให้เหล่านักล่าต้องทำงานแข่งกับเวลา
ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา นักล่าจากทางพีเนชั่นได้กระจายออกเป็นสามทีม ด้วยป่าดงดิบทางทิศเหนือนั้นมีสามแห่ง ส่วนนักล่าองค์กรอื่น ๆ นั้นไม่สามารถแยกทีมได้ เพราะชีฟนั้นมีเพียงคนเดียว นั่นทำให้พวกเขาต้องล่าร่วมกัน แม้ทางทิศใต้จะมีป่าดงดิบถึงห้าแห่งก็ตาม
เมื่อครบหนึ่งอาทิตย์ พวกเบเรี่ยนก็พากันหายไป ส่วนนักล่าก็พากันกลับเข้าเมือง เพื่อนำผลึกไปส่งให้กับทางเมือง
หญิงสาวผมทองในชุดสาวออฟฟิศดูหรูหราเดินผ่านโถงทางเดินอย่างสบายใจ เป้าหมายของเธอคือห้องทำงานของเจ้าเมือง เธอเปิดประตูเข้าไปในห้องโดยไม่ขออนุญาตจากอีกฝ่าย แล้วตรงดิ่งไปที่โต๊ะทำงาน จากนั้นก็วางแท็บเล็ตในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะเลื่อนไปไว้ตรงหน้าของชายสูงวัยที่นั่งจ้องมองอย่างเงียบสงบ หญิงสาวเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
"ห้าสิบสี่ก้อน แม้จะเป็นแค่นักล่าวัยเยาว์ แต่ด้วยเทคโนโลยีคุณภาพดีของฉัน การล่าผลึกจึงไม่ใช่เรื่องยาก"
ท่านเจ้าเมืองจ้องมองข้อมูลในแท็บเล็ต
"นักล่าของเธอทำได้ดีจริง ๆ ลินซี่"
"ขอรับคำชม แล้วทีนี้ ท่านจะรับพิจารณาเรื่องการใช้ทหารได้หรือยัง"
เจ้าเมืองหยิบแท็บเล็ตของตนในลิ้นชักโต๊ะออกมา ก่อนจะส่งให้กับอีกฝ่าย
"ร้อยห้าสิบก้อน จากเหล่านักล่าที่เธอรังเกียจ"
ลินซี่อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาอ่านข้อมูลโดยละเอียด
"เป็นไปได้ไง"
ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจเล็กน้อย และไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย
"สิ่งที่เธอกำลังจะทำ แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่มันก็แฝงไปด้วยข้อเสียที่มากมายไม่แพ้กัน ล้มเลิกความคิดซะเถอะ ลูกพ่อ"
ลินซี่จ้องผู้เป็นพ่อสักพัก ก่อนจะคว้าแท็บเล็ตของตัวเอง แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างไม่พอใจ
ณ ร้านอาหารประจำของนักล่าฝั่งเหนือ เหล่านักล่าต่างพากันเลี้ยงฉลองให้กับความสำเร็จในครั้งนี้ เนื่องจากพวกเขาให้คนไปสอดแนมมาเรียบร้อยแล้วว่านักล่าขององค์กรพีเนชั่นได้ผลึกมาเพียงแค่ห้าสิบกว่าก้อนเท่านั้น และด้วยปริมาณผลึกที่ได้มา แม้จะแบ่งเงินกับนักล่าฝั่งใต้ไปแล้ว แต่เงินที่เหลือก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดี
ฮิกที่ซดเบียร์ไปแก้วหนึ่ง พูดอย่างน่าเสียดาย เมื่อเด็กคนหนึ่งไม่ได้มาเลี้ยงฉลองกับพวกเขาด้วย
"เสียดายชะมัดเลย ยัยคาเร็นนั่นดันกักตัวไอ้หนูไว้แต่ในบริษัทไม่ยอมให้ออกมา"
ไจโรพูดขึ้นบ้าง
"เห็นทางนั้นที่ได้ส่วนแบ่งไปเยอะก็จัดงานเลี้ยงฉลองเหมือนกันนี่ แต่ดันจัดแยกกับเรา"
คริสพูดขึ้นบ้าง
"จะไม่ให้แยกได้ไง ก็ไอ้คนบางคนแถวนี้มันคอยแต่จะสอนอะไรก็ไม่รู้ให้ไอ้หนูมัน ถ้าเป็นลูกฉัน ฉันก็ไม่ให้ไอ้หนูนั่นมาสุงสิงกับพวกแกเหมือนกัน"
อลาสก้าเถียง
"แค่จะสอนให้เป็นผู้ใหญ่ จะหวงอะไรกันนักหนา ยังไงสักวันไอ้หนูนั่งก็ต้องได้เจาะไข่แดงสาวสวยสักคนอยู่ดี"
คริสถอนหายใจ
"ก็เพราะพวกแกเป็นแบบนี้ไง เขาถึงได้ไม่ให้ไอ้หนูนั่นมันออกมากับพวกเรา"
ในขณะที่เหล่านักล่ารุ่นใหญ่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
ด้านนอกร้าน เหล่านักล่าวัยเยาว์จากพีเนชั่นสิบกว่าคน ก็พากันเดินผ่านหน้าร้านอาหารของเหล่านักล่ารุ่นใหญ่
วิลเลียมพาทุกคนหยุดเดิน แล้วพากันมองเข้าไปในร้าน
"เห็นว่าไอ้พวกนักล่าแก่ ๆ นั่นพากันจัดตั้งทีมไปล่าเบเรี่ยนเหมือนกัน คิดว่าพวกมันจะได้ผลึกมาสักกี่ก้อน"
ดาจองมองเข้าไปในร้านแล้วหันไปพูดกับวิลเลียม
"อย่าไปสนใจเลย เราทำของพวกเราให้ดีที่สุดก็พอ"
แต่วิลเลียมก็ไม่ได้ฟังที่ดาจองพูดเลย เขาและคนอื่น ๆ เดินตรงเข้าไปในร้าน ส่วนดาจองที่ห้ามอีกฝ่ายแล้วไม่ฝังก็ได้แต่ยืนมอง
วิลเลียมเมื่อเข้าไปในร้านก็จงใจตะโกนให้คนอื่น ๆ สนใจ
"ดูซี่ วันนี้ใครกันที่ล่าผลึกเบเรี่ยนได้ถึงห้าสิบสี่ก้อนแม้จะไม่มีนักล่าระดับสูงก็ตาม"
เหล่านักล่ารุ่นใหญ่ที่อุตส่าห์เงียบฟังก็พากันปล่อยหัวเราะออกมา ก่อนจะมีนักล่ารุ่นใหญ่คนหนึ่งเดินมาหาวิลเลียม
"เด็กห้าร้อยกว่าคนแต่ได้แค่ห้าสิบสี่ก้อน"
พูดจบนักล่าคนนี้ก็หันไปหานักล่าคนอื่นในร้านอาหาร
"เฮ้ย บอกไอ้เด็กเวรนี่สิว่าเราใช้กี่คนและได้กี่ก้อน"
หลายคนในร้านพากันตะโกนพร้อมกัน
"สามร้อยกว่าคน ผลึกร้อยห้าสิบก้อนโว้ย"
จากนั้นเหล่านักล่ารุ่นใหญ่ก็พากันส่งเสียงโฮ่ หรือผิวปากใส่กันเป็นแถว ซึ่งบางคนก็ถึงกับใช้คำพูดจาที่หยาบคายใส่นักล่ารุ่นเยาว์เหล่านี้
"ไสหัวไปเลยไอ้เด็กเวร" "ใช่ ๆ ไปเลยไป"
วิลเลียมหน้าเสียอย่างหนัก ก่อนจะกัดฟันแน่นแล้วเดินออกมาจากร้าน ดาจองที่ยืนฟังอยู่นอกร้านก็เจ็บใจไม่แพ้กัน