ชีฟถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้ง แก้มของเขาถูกตบหลายทีด้วยมืออันหยาบกร้าน ชีฟลืมตาตื่นขึ้นมาดูอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะพบกับชายสูงวัยมีเขาและปีกกำลังยืนจ้องหน้าเขาอยู่ ชายสูงวัยเอ่ยภาษาที่ชีฟคุ้นเคยออกมา
"มนุษย์ เจ้าฟังข้าเข้าใจหรือไม่"
ชีฟพยักหน้า
"งั้นมากับข้าและอย่าได้โต้เถียง หากเจ้าอยากกลับบ้าน"
ชีฟจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเพ่งพินิจ อีกฝ่ายเป็นใครหรือตัวอะไรเขาก็ไม่รู้จัก จะไว้ใจได้หรือไว้ใจไม่ได้ แต่ด้วยตัวเขาตอนนี้ มันคงไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว
"ได้"
ชายสูงวัยนำสร้อยเงินที่ห้อยด้วยพลอยแดงเม็ดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย มาสวมที่คอของชีฟ ตัวพลอยเปล่งแสงสีแดงออกมาออกมาจาง ๆ ข้อมือและข้อเท้าของชีฟปล่อยละอองสีแดงออกมา ละอองสีแดงก่อตัวจนกลายเป็นมือและเท้าข้างใหม่ มันทำการเปิดแผลที่ข้อมือและเชื่อมเส้นประสาทเข้าหากัน ละอองสีแดงเคลื่อนไหวไปมาที่ตรงลอยต่ออีกเล็กน้อย จนทุกอย่างกลับกลายเป็นสภาพเดิมอย่างที่มันเคยเป็น ชายสูงวัยวิ่งนำไปที่ประตู แล้วเรียกชีฟ
"มากับข้า"
ชีฟไม่ได้ถูกล่ามไว้อีกแล้ว เขาลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะลงจากเตียงแล้วล้มไปอยู่บนพื้นด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแรง ชีฟพยุงตัวเองลุกขึ้นอีกครั้งแล้วพยายามเดินไปหาชายสูงวัย
ระหว่างเดินผ่านโถงทางเดิน ชีฟเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วถาม
"คุณเป็นใคร"
มหาปราชญ์เหลือบมองเด็กหนุ่มตัวเล็ก
"คาอิล เจ้าเรียกข้าด้วยชื่อนั้นก็ได้"
"แล้วคุณจะพาผมไปไหน"
"ถึงแล้วเจ้าก็รู้เอง"
ชีฟเดินตามไปเงียบ ๆ จนกระทั่งมาถึงห้องโถงทรงสี่เหลี่ยมอันกว้างขวางแห่งหนึ่ง ในห้องมีโต๊ะโซฟาที่ดูสวยหรูจัดวางเอาไว้มากมาย
หญิงสาวสูงสองเมตรคนหนึ่งวิ่งปรี่เข้ามาและอุ้มชีฟขึ้น
"มนุษย์นี่ ตัวเล็กจัง นี่เจ้าโตเต็มวัยแล้วใช่มั้ย"
หญิงสาวพูดด้วยภาษาที่ชีฟฟังไม่รู้เรื่อง เขาจึงได้แต่งง
คาอิลกะแอ่มเล็กน้อย
"ทรีช วางเขาลง เขาฟังเจ้าไม่เข้าใจหลอก"
ทรีชเอาชีฟไปกอดไว้แนบอกราวกับตุ๊กตาตัวโตตัวหนึ่ง ก่อนจะหันมามองคาอิลด้วยสายตาอันออดอ้อน
"ท่านอาข้าอยากได้ เขาน่ารักดี"
คาอิลถอนหายใจ พลางมองเด็กหนุ่มที่ยังคงอ่อนแรงด้วยการถูกเลี้ยงไว้แล่เนื้อเป็นอาหาร เด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้รับอาหารในปริมาณที่พอจะทำให้มีชีวิตอยู่ได้แค่นั้น
"เขาจะเป็นของเจ้าเมื่อถึงเวลา เพราะฉะนั้นตอนนี้คืนเขาให้ข้าเดี๋ยวนี้"
ทรีซวางชีฟลง
"ก็ได้"
พูดจบทรีซก็เดินกลับไปนั่งโซฟาอย่างไม่พอใจ และแอบส่งสายตาอันขุ่นเคืองมาให้เป็นพัก ๆ
คาอิลเดินพาชีฟไปหาแม่บ้าน คนหนึ่งที่ยืนรอรับใช้อยู่ข้าง ๆ โซฟาที่ทรีชนั่งอยู่
"เจ้า พามนุษย์ผู้นี้ไปตัดชุดด้วยด้ายมนตราคุณภาพดีที่สุดที่เราจะหาได้ในตอนนี้"
"เพคะท่านมหาปราชญ์"
หญิงรับใช้นำตัวชีฟไปยังห้องแห่งหนึ่งสักพัก ก่อนจะนำกลับมาให้คาอิลที่นั่งรออยู่ที่โซฟา
ชีฟกลับมาพร้อมกับชุดผ้าสีดำทมิฬแขนสั้นและขายาว คาอิลพาชีฟเดินออกจากห้องโถงไปยังลานกว้างที่อยู่ตรงกลางระหว่างปราสาทกับกำแพง โดยลานกว้างแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหล่าอัศวินใช้สำหรับฝึกฝนการต่อสู้
ชีฟกวาดสายตามองอัศวินหนุ่มสาวมีปีกมีเขาที่กำลังซ้อมต่อสู้กันอย่างขะมักเขม้น
คาอิลพาชีฟมาหยุดยืนอยู่กลางสนามแล้วเอ่ย
"รู้มั้ยข้าต้องการให้เจ้าทำอะไร"
ชีฟเงยหน้ามองเมื่ออีกฝ่ายพูดภาษาที่เขาฟังออก
"ไม่รู้"
"ข้าจะให้วิชาความรู้และพลังแก่เจ้า โดยมีข้อแลกเปลี่ยน หลังจากเจ้าออกไปจากที่นี่ สตรีในชุดเกราะสีม่วงที่เจ้าพึ่งจะได้พบเมื่อสักครู่ เจ้าจะต้องดูแลนางไปชั่วชีวิต"
ชีฟฟังแล้วก็ยังงง ๆ เล็กน้อย คาอิลที่เห็นดังนั้นก็เริ่มอธิบาย
"เมื่อก่อนพ่อแม่ของนางคือกษัตริย์และราชินีผู้ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อห้าสิบปีก่อนที่แผ่นดินของเจ้าได้ปรากฏขึ้นมา เจ้าปีศาจผู้ชั่วร้าย ก็อาศัยจังหวะนี้ในการปล้นชิงบันลังก์ไปจากองค์กษัตริย์และราชินี พวกมันสังหารทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม ข้าที่ไหวตัวทันชิงเอาตัวเจ้าหญิงน้อยและหลบหนีมา แผนของเจ้าปีศาจนั่นสำเร็จอย่างงดงาม หัวเมืองใหญ่ ๆ มากมายโดนยึดครองในเวลาเพียงสี่สิบปี นั่นทำให้ข้าต้องหอบเจ้าหญิงน้อยหลบหนีไปอยู่ตามหัวเมืองเล็ก ๆ และต้องย้ายอยู่บ่อยครั้ง เพราะไม่ว่าจะไปอยู่ที่เมืองไหน ใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียว เจ้าปีศาจนั่นก็จะตามหาจนเจอ แล้วบุกมาเพื่อที่จะได้ครอบครองเจ้าหญิง และบังคับให้แต่งงาน เพื่อที่มันจะได้ครองบันลังก์อย่างแท้จริง"
คาอิลเงียบครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ
"หากสักวันเจ้านั่นไล่ยึดหัวเมืองต่าง ๆ ได้จนหมด พวกเราคงจะหมดหนทางหนี เพราะฉะนั้น ข้าจึงคิดแผนขึ้นมาใหม่ โดยส่งหลานของข้าหรือเจ้าหญิงน้อยเบียร์ทรีซ ไปอาศัยอยู่กับมนุษย์ โดยมนุษย์ที่มีหน้าที่เลี้ยงดูเจ้าหญิงน้อยของข้า ก็คือเจ้า"
คาอิลเอานิ้วขวาจิ้มที่อกซ้ายของชีฟ
"เจ้าจะดูแลเจ้าหญิงน้อยของขาได้หรือไม่"
ชีฟมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
"ถ้ามันจะทำให้ผมได้กลับบ้าน ผมจะทำ"
หกเดือนต่อมา การฝึกฝนการใช้เวทมนตร์สำหรับมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะมนุษย์ที่ไม่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์แบบชีฟ แม้จะใช้ผู้เชี่ยวชาญอย่างคาอิล ที่เป็นถึงมหาปราชญ์ แต่ก็สามารถทำได้แค่เพียงทำให้ชีฟใช้เวทมนตร์พื้นฐานได้เท่านั้น
คาอิลมองชีฟด้วยความแปลกใจ เพราะวิธีที่เขาฝึกฝนให้เด็กคนนี้คือการยอมสังหารอัศวินผู้ภักดีนายหนึ่งเพื่อเอาแหล่งพลังเวทย์ของอัศวินคนนั้นมาใส่ให้เด็กคนนี้ อัศวินที่ถูกสังหารไปเป็นถึงลูกขุนนางชั้นสูงที่มีพรสวรรค์ด้านพลังเวทย์ ซึ่งมันควรจะทำให้มนุษย์ตรงหน้าเขาพัฒนาตัวเองได้เร็ว แต่นี่หกเดือนผ่านมาแล้ว ชีฟกลับใช้ได้แค่เวทมนตร์พื้นฐานเท่านั้น
คาอิลที่นั่งอยู่ข้างลานกว้างเรียกชีฟให้เข้าไปหา หลังจากที่เขาเห็นพัฒนาการที่ช้าเกินไป
"ถอดเสื้อออกสิ"
ชีฟถอดเสื้อออกตามคำสั่งอีกฝ่าย คาอิลนำมือของตนเองทาบลงบนหน้าอกของชีฟอย่างแผ่วเบาแล้วหลับตาลง
สัมผัสที่คาอิลได้รับ คือพลังงานบางอย่างที่ไม่ใช่เวทมนตร์กำลังไหลเวียนอยู่ทั่วร่างของเด็กคนนี้ และการไหลเวียนนี้ก็กดทับการไหลเวียนพลังเวทย์บางส่วนเอาไว้
คาอิลพึมพำอย่างไม่เข้าใจ
"พลังอะไรกัน"
คาอิลหลับตาลงอีกครั้ง แล้วพยายามสัมผัสถึงพลังลึกลับที่ตนสัมผัสได้
'พลังเวทย์จะไหลเวียนจากสมองลงสู่ร่างกาย แต่พลังที่เราสัมผัสได้ มันกลับไหลเวียนจากท้องน้อยและแผ่ขยายไปทั่วร่าง อืม การไหลเวียนแบบนี้มัน'
คาอิลลืมตาขึ้นมามองเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะลองใช้พลังเวทย์ของตัวเองแทรกแซงเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายเพื่อกระตุ้นพลังลึกลับ คาอิลเงยหน้าสั่งชีฟ
"หันหน้าไปทางลานกว้าง"
ชีฟขยับตัวทำตาม
คาอิลทาบมือลงบนแผ่นหลังชีฟ แล้วสั่งอีกครั้ง
"นำฝ่ามือมาประกบกันที่อก แล้วหันฝ่ามือไปข้างหน้า จากนั้นผลักออกไปสุดแรง"
วูม เมื่อชีฟผลักมือออกไป คลื่นพลังที่มองไม่เห็นก็พุ่งออกไปจากฝ่ามือ ก่อนจะไปกระแทกกับอัศวินสองคนที่กำลังซ้อมรบกันอยู่ อัศวินทั้งสองโดนพลังลึกลับกระแทกจนล้มไปกับพื้นทั้งคู่
คาอิลมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างประหลาดใจ
"นี่มันพลังอะไรกัน"