Chereads / Fusion World / Chapter 22 - เจ้าหญิงผู้สูญเสีย

Chapter 22 - เจ้าหญิงผู้สูญเสีย

คาเร็นนั่งยิ้มและนั่งแค้นอยู่ภายในห้องแล็บคนเดียว ภาพจากจอฉายภาพโฮโลแกรมที่เชื่อมต่อกับหมวกของชีฟ กำลังแสดงภาพของชายคนหนึ่งที่ยิงคนในหน่วยตัวเองจากด้านหลัง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนขัดกับเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นเล่าให้คนของสำนักงานนักล่าฟังทั้งหมด ตลอดเก้าเดือนที่ผ่านมาแม้เธอจะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่การที่เธอต้องเสียแหล่งวิจัยคุณภาพดีของตัวเองไป มันทำให้เธอนึกแค้นใจเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นคนของพวกองค์กรที่คิดจะเปลี่ยนโลกนี่ด้วยแล้ว เธอยิ่งแค้นเข้าไปอีก

เก้าเดือนที่ผ่านมาองค์กรพีเนชั่นโชว์ความสามารถออกมาให้นักล่าอื่น ๆ ได้เห็นเป็นขวัญตา นักล่าที่ฝึกฝนและใช้ทรัพย์สินจากองค์กรสามารถปฏิบัติภารกิจออกล่าผลึกมาให้แก่ทางเมืองได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนต้นทุนที่ใช้นั้น แม้เหล่านักล่ารุ่นเยาว์จะยังมีประสบการณ์ไม่มากจนต้องหมดเงินไปกับค่ากระสุนและอุปกรณ์เสริม แต่เงินทุนที่ใช้ก็ยังน้อยกว่านักล่าปกติอยู่ดี เพราะค่าตัวของนักล่านั้นจ่ายในรูปแบบของเงินเดือน และพวกเขาก็พากันเรียกตัวเองว่าทหาร

บริษัทที่สนับสนุนองค์กรพีเนชั่นในด้านต่าง ๆ อุปกรณ์ของพวกเขานั้นมีคุณภาพมาก มากจนสามารถทดแทนความด้อยประสบการณ์ของนักล่ารุ่นเยาว์ได้ และพวกเขายังได้สิทธิ์ผูกขาดกับทางองค์กรในด้านการขายสินค้าด้วย นั่นคือคนขององค์กรจะต้องซื้อของจากบริษัทพวกเขาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ก็เป็นข้อดี เพราะมันแลกมาด้วยราคาที่ถูกลง

นักล่าสาวคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้อง

"คุณคาเร็น คุณหนูชีฟกลับมาแล้วค่ะ"

ด้านหน้าบริษัท สาวสาวจากโทกิวะพากันมายื่นเรียงแถวที่สองฝั่งของถนนทางเข้า ราวกับเป็นการต้อนรับการมาของคนใหญ่คนโต แต่จริง ๆ แล้วคือพวกเธอไม่เคยเจอชีฟมาก่อน เมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มที่เป็นหัวใจของการเติบโตของบริษัทยังไม่ตายและกำลังจะกลับ พวกเธอจึงพากันมารวมตัวเพื่ออยากเห็น

ชีฟขี่รถเข้ามาอย่างเคอะเขินและงุนงงเล็กน้อย ทางคาเร็นที่เดินออกมาจากบริษัทก็ไม่ต่างกัน คาเร็นจึงหันไปถามนักล่าสาวที่เดินมาด้วยข้าง ๆ

"นี่บริษัทเรามีประเพณีการต้อนรับแบบนี้ด้วยเหรอ ทำไมตอนฉันเข้ามาไม่เห็นมีใครมายืนต้อนรับเลย"

นักล่าสาวได้แต่ยิ้มเจือน ๆ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร เหตุการณ์ตรงหน้ามันก็แค่ความอยากรู้อยากเห็นของสาว ๆ แค่นั้น

ชีฟขับเข้ามาที่หน้าตึกและลงจากรถ ส่วนชีร่านั้นอาสาที่จะเอารถไปจอดที่ลานจอดให้

แต่ก่อนที่ชีร่าจะไปก็มีเสียงติดต่อเข้ามาในเครื่องมือสื่อสารของเธอ

"ชีร่า หาทางถอดหมวกคุณหนูเดี๋ยวนี้"

ชีร่าหันสายหันขวา เสียงนั้นย้ำอีกครั้ง

"ถอดหมวกคุณหนูเดี๋ยวนี้เร็วเข้า ถ้าแกอยากได้เงินสองพัน"

ชีร่าตั้งขาตั้งรถก่อนจะรีบลงไปหาชีฟ

"คุณหนูถอดหมวกก่อนมั้ย ตอนนี้อากาศมันร้อน"

ชีฟหันไปมองท้องฟ้ายามบ่ายที่เต็มไปด้วยแสงแดดอันร้อนแรง ก่อนจะเห็นด้วยแล้วถอดหมวกออก

"ว๊าย น่ารักจัง"

เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้น เหล่าสาว ๆ จากสายงานต่าง ๆ ของโทกิวะ ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดกันเป็นการใหญ่

คาเร็นเห็นแล้วก็เหนื่อยใจ ก่อนจะโวยวายออกมา

"นี่ สินค้าไม่ได้เดินขึ้นรถได้ด้วยตัวเองนะ กลับไปทำงานกันได้แล้ว"

สาวสาวพากันแยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นคาเร็นก็หันกลับมาจ้องเขม่นไปที่ชีร่าที่ยืนเกาะแขนชีฟอยู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ

"รถ"

"อุ้ย"

ชีร่าสะดุ้งปล่อยมือจากแขนชีฟ ก่อนจะยิ้มเจือน ๆ แล้วกลับไปขึ้นขี่รถเพื่อเอาไปจอดตามหน้าที่

ชีฟเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้พบเจอให้กับคาเร็นฟัง คาเร็นมีท่าที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะภาพในหมวกของชีฟนั้นหลังจากที่โดนก็อปลินจับตัว ก็เห็นแต่หน้าก็อปลินที่แสนน่าเกลียดและห้องเก็บของเก่า ๆ จนหลังจากนั้นสามวันมันก็ดับไป เพราะฉะนั้นเรื่องเล่าจากชีฟในตอนนี้สำคัญที่สุด

ตลอดห้าสิบปีที่ผ่านมาไม่เคยมีมนุษย์คนไหนลงไปข้างล่างแล้วรอดกลับมาได้มาก่อน คาเร็นสนใจเรื่องเวทมนตร์ที่ชีฟเล่าเป็นอย่างมาก และหากข้อสันนิษฐานของคาเร็นถูกต้อง การที่รถจักรยานยนต์ไต่หน้าผาได้นั้นเป็นผลมาจากเวทมนตร์แน่นอน

คาเร็นนำรถส่งต่อให้กับเอ็ดดี้เอาไปวิจัย ก่อนจะบอกให้ชีฟกลับบ้านไปก่อนจนกว่าเธอจะจัดการเรื่องคดีของชีฟจบ และในระหว่างทางกลับบ้าน คาเร็นยังให้นักล่าสาวสี่คนของตัวเองที่พักอยู่อพาร์ทเม้นท์ของชิซูกะใส่เกราะแล้วติดตามชีฟไปด้วย

ในขณะที่เดินออกมานอกบริษัท เอ็ดดี้ก็มาขอเอารถไป ทิ้งให้ชีฟได้แต่มองตามตาละห้อย แต่เอ็ดดี้ก็สัญญาว่าจะหารถคันใหม่มาให้ในเร็ววัน นั่นทำให้วันนี้ชีฟต้องอาศัยรถขนส่งในการพากลับบ้านเพราะไม่มีรถใช้ แต่ก็ยังดีที่มีสี่สาวมาเป็นเพื่อนด้วย

ระหว่างทางกลับชีฟหาแวะร้านขายขนมและเครื่องดื่มเพื่อซื้อกลับบ้าน ก่อนชีฟจะพบว่าบัตรนักล่าของเขาใช้ไม่ได้แล้ว เพราะเขาถูกแจ้งว่าเสียชีวิตไปแล้ว นักล่าสาวคนหนึ่งจึงออกเงินให้แทนไปก่อน

ชิซูกะที่ทราบเรื่องจากแม่ของชีฟ ก็นั่งรออยู่หน้าตึกไม่ไปไหน เมื่อเห็นชีฟเดินมาพร้อมกับสี่สาว เธอก็ตรงดิ่งเข้าไปหาทันที

"ชีฟ"

ชิซูกะกอดชีฟไว้แนบอก เสียงสะอื้นไห้ดังออกมาไม่ขาดสาย

ชีฟกอดตอบอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

"ชิซูกะ"

ชิซูกะร้องไห้เป็นสาย พลางพร่ำเรียกอีกฝ่ายไม่หยุด

"เป็นเธอจริง ๆ ด้วย เป็นชีฟของพี่จริง ๆ"

นักล่าสาวคนหนึ่งที่ชื่อริกะหันไปกระซิบคุยกับเพื่อน

"ชิกะ ข่าวลือที่ว่าเธอเลี้ยงต้อยคุณหนูของเราก็เรื่องจริงสิ"

ชิกะกระทืบเท้าเพื่อนสาวหนึ่งที

"เงียบน่า คนเขากำลังซึ้ง"

แม้ชิซูกะจะไม่รู้ว่าชีฟเจอสิ่งเลวร้ายอะไรมาบ้าง แต่เธอก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ชีฟรู้สึกดีขึ้น เธอจึงยกห้องห้องหนึ่งบนชั้นสี่ให้ชีฟ ด้วยมีเด็กในตึกของเธอจำนวนหนึ่งได้เข้าพีเนชั่น พวกเขาจึงย้ายออกไปหาที่พักที่ดีกว่า นั่นทำให้อพาร์ทเม้นท์ของเธอมีห้องว่าง

เมื่อได้ห้องใหม่ ชีฟก็เอาเจ้าหนูน้อยของตัวเองไปอยู่ด้วย ห้องใหม่ของชีฟก็ไม่ได้ต่างไปจากห้องเดิมนัก ทุกอย่างก็เหมือนกับห้องที่ชีฟเคยอยู่ สิ่งเดียวที่แตกต่างคือ คราวนี้ชีฟจะได้นอนบนเตียง ซึ่งโดยปกติแล้วชีฟจะนอนบนโซฟาหรือพื้น เพื่อที่แม่จะได้นอนบนเตียงอย่างสุขสบาย

ป๊อก ป๊อก เสียงเคาะประตูดังเรียกสติของเด็กหนุ่ม แล้วตามมาด้วยเสียงของชิกะ

"คุณหนู ชิกะมารับชุดเกราะค่ะ"

ชีฟรีบลุกจากเตียงและเดินไปหยิบชุดที่พับเอาไว้อย่างดีบนชั้นวางของ ก่อนจะนำมันไปส่งให้กับชิกะที่หน้าประตู

เมื่อประตูเปิดออก ชิกะเหลือบมองเด็กหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงบ็อกเซอร์สีฟ้า แม้ชีฟจะเป็นเด็กร่างเล็ก แต่กล้ามเนื้อที่มีนั้นไม่ได้เล็กไปด้วย

ชิกะหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อจ้องมองดูหุ่นล่ำ ๆ ของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยปากแซวเบา ๆ

"อุ้ย กล้ามแน่นดีจัง"

ชีฟที่พึ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในชุดที่ไม่สมควรก็เป็นฝ่ายหน้าแดงบ้าง ก่อนจะยัดชุดเกราะใส่มือชิกะแล้วปิดประตูใส่ทันที

ชีฟเดินกลับมาเล่นกับเจ้าหนูน้อยในกรงที่ตั้งอยู่บนตู้หนังสือต่ำ ๆ เจ้าหนูน้อยปล่อยให้ชีฟเอานิ้วจิ้มแก้มของมันโดยไม่สนใจที่จะหลบหนี เพราะมันยังคงสนแต่เมล็ดทานตะวันที่อยู่ในถ้วยเล็ก ๆ

เมื่อเล่นหนูน้อยจนพอใจชีฟก็กลับขึ้นไปนอนบนเตียง แม้จะไม่ใช่เตียงคุณภาพดี แต่มันก็สะดวกสบายกว่านอนบนพื้นหรือโซฟาเก่า ๆ ตอนนี้น่าจะดึกมากแล้ว เพราะท้องฟ้านอกหน้าต่างมีแต่ดวงดาวลอยอยู่เต็มไปหมด ชีฟหยิบกริดที่ได้รับฝากไว้ออกมาจ้องมองดู มันเป็นกริดที่สวยงามและดูมีราคา เมื่อจ้องมองกริดชีฟก็นึกขึ้นมาได้ว่าต้องปล่อยใครบางคนออกมา

ชีฟเดินไปเปิดประตูห้องแล้วชะโงกหัวออกไปข้างนอกห้อง ก่อนจะมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าข้างนอกไม่มีใคร ชีฟก็กลับเข้ามาในห้อง เบียร์ทรีซนั้นมีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ หากใครเห็นเข้ามีหวังได้แตกตื่นกันแน่

เมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีใครเห็น ชีฟก็ร่ายเวทย์ปลดปล่อยหญิงสาวออกมา กริดเรืองแสงสีทอง ละอองสีขาวพวยพุ่งสู่อากาศ ละอองก่อตัวและแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นอัศวินสาวในชุดเกราะสีม่วงที่ดูงดงาม ปีกค้างคาวที่ด้านหลังของเธอสยายออกและหดกลับเข้ามาเพื่อบิดขี้เกียจ

หญิงสาวเมื่อปรากฏตัวออกมาก็ทำหน้าบึ้งและจ้องหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงเขม่น

"ท่านอาข้าละ"

"ไม่รู้ เมืองโดนบุกโจมตี คาอิลให้ฉันพาเธอหนีออกมา"

หญิงสาวดื้อแพ่ง

"ข้าอยากเจอท่านอาของข้า พาข้ากลับไปเดี๋ยวนี้"

ชีฟเอามือกอดอก

"ไม่"

"ข้าสั่งให้เจ้าพาข้ากลับไปหาท่านอา!"

"นี่ เธอไม่เหลืออะไรแล้ว อย่ามาทำตัวเป็นเด็กดื้อได้มั้ย อายุก็ปาเข้าไปห้าสิบกว่าแล้วด้วย"

เบียร์ทรีซหลั่งน้ำตาออกมา เมื่อมีคำบางคำไปจี้ใจดำเธอเข้า

"ข้า ข้า"

เบียร์ทรีซเถียงอีกฝ่ายไม่ออก เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปกระชากชีฟออกจากเตียง

"ออกไปเลย เจ้าเตี้ยใจร้าย"

เบียร์ทรีซขึ้นไปนอนบนเตียงแทนชีฟ แล้วเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอง

ชีฟได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างสุดเซ็งแล้วออกมาจากห้องนอน

เมื่อชีฟออกไป เบียร์ทรีซก็เงยหน้ามองท้องฟ้านอกหน้าต่าง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ตอนนี้เธอเหลือตัวคนเดียวและอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก เธอจะทำยังไงต่อไป เธอยังไม่รู้เลย

ชีฟที่ออกมาจากห้องส่ายหัวให้กับความโชคร้ายของตัวเองที่ต้องเสียเตียงในห้องใหม่ไป ชีฟมองไปยังโซฟาที่อยู่ในห้อง โซฟาแบบนี้ทุกห้องมีเหมือนกันหมด ชีฟก้มตัวเอามือปัดฝุ่นออกจากโซฟาเล็กน้อย

"สวัสดีคุณโซฟาตัวใหม่"