Chereads / Fusion World / Chapter 17 - ใส่ร้าย

Chapter 17 - ใส่ร้าย

เช้าวันต่อมาหลังจากจบงานล่าเบเรี่ยน ชีฟได้นำรถบิ๊กไบค์ของตัวเองออกมาวิ่งอีกครั้ง เพื่อที่เขาจะได้ขับขี่รถคันนี้ได้อย่างคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น ชีฟขับรถบิ๊กไบค์ด้วยความเร็วสูงผ่านตึกร้างบ้านร้างมากมาย เส้นทางที่ชีฟใช้วิ่งนั้นเป็นถนนสีดำยาว ๆ ที่ทำจากยางผสมคอนกรีต เหล่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ตามทางต่างพากันเงยหน้ามองชีฟครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปทำอย่างอื่น ด้วยชีฟนั้นเคลื่อนผ่านพวกมันไปเร็วมากจึงทำให้พวกมันไม่สนใจที่จะติดตาม ยกเว้นก็แต่พวกที่สามารถวิ่งเร็วได้พอ ๆ กัน

ชีฟเลิกคิ้วเมื่อเห็นมนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งวิ่งตามมาจากด้านหลัง มันตามความเร็วร้อยแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงของชีฟได้ทัน ชีฟเอาปืนกลเบาที่สะพายไว้ออกมาถือด้วยมือซ้ายก่อนจะพยายามหันไปยิงสวน แต่ด้วยความเร็วและข้อจำกัดของร่างกายมนุษย์ ก็ทำให้ชีฟไม่สามารถที่จะหันกลับไปได้ ชีฟจึงได้แต่รอให้มันวิ่งเข้ามาใกล้มากกว่านี้ มนุษย์หมาป่าที่หิวโหยเร่งความเร็วของตัวเองขึ้นจนสามารถวิ่งขึ้นมาตีคู่กับชีฟได้ ชีฟหันไปมองมนุษย์หมาป่าที่อยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งเป็นจังหวะที่มันกระโจนเข้าใส่พอดี ชีฟก้มตัวลงต่ำหลบกรงเล็บอันแหลมคมไปได้อย่างหวุดหวิด

ชีฟขับรถไปตามถนนเรื่อย ๆ โดยยังมีมนุษย์หมาป่าวิ่งตาม คราวนี้ชีฟคอยสังเกตดูการเคลื่อนไหวของมันอย่างไม่วางตา ก่อนจะรอจังหวะให้มันกระโจนใส่เขาอีกครั้ง เจ้ามนุษย์หมาป่ากระโจนใส่ทันทีที่วิ่งมาตีคู่กับชีฟได้ ชีฟเบรกรถสุดแรงจนท้ายปัดไปข้างหน้า เจ้ามนุษย์หมาป่ากลิ้งขลุก ๆ ไปตามพื้นเมื่อพลาดเป้า ชีฟไม่รอให้มันได้ตั้งตัวรีบตั้งปืนขึ้นเล็งแล้วกราดยิงอย่างไม่ยั้งมือ

ชีฟเก็บเกี่ยวลูกผลึกแล้วออกเดินทางต่อ วันนี้ชีฟมีโอกาสได้สำรวจสถานที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ด้วยรถจักรยานยนต์ที่เรียกว่าบิ๊กไบค์ รถคันนี้ทั้งวิ่งเร็วและทรงตัวได้ดี อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ชีฟเก็บของได้มากขึ้น

ชีฟสำรวจสถานที่ต่าง ๆ อย่างตื่นตา บางพื้นที่ก็ไม่ได้มีแต่ตึกรามบ้านช่อง แต่กลับเป็นทุ่งหญ้าอันแสนกว้างใหญ่ที่มีบ้านคนตั้งอยู่ประปราย ชีฟขับรถไปเรื่อย ๆ จนมาถึงสถานที่ที่มีแต่ตึกสูงเช่นเดิม ชีฟจอดรถหน้าตึกที่เขียนว่าโรงแรม แม้จะร้างจนไม่มีคนอยู่อาศัย แต่ตึกนี้กลับยังมีกระแสไฟฟ้าหลงเหลืออยู่ เมฆฟ้าครึ้มที่เคลื่อนตัวเข้ามาทำให้ชีฟตัดสินใจที่จะเข้าไปจัดการเหล่าวานรล่องหนที่อยู่ในตัวตึกแล้วพักหลบฝนอยู่ด้านใน ชีฟเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นบนสุด ก่อนจะหาห้องดีดีและเตียงสวย ๆ แล้วล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า

หลังจากได้พักผ่อนจนหายเหนื่อย ชีฟก็พบว่าเมฆฟ้าครึ้มได้สลายหายไปจนหมดแล้ว เขาบิดตัวไปมาสองสามทีเพื่อยืดเส้นยืดสาย จากนั้นก็ถอดหมวกออกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์แล้วสวมใส่มันอีกครั้ง

ชีฟออกจากห้องแล้วเดินลงมายังโซนรับแขกชั้นหนึ่ง ก่อนจะพบว่าตรงนี้มีนักล่ากลุ่มหนึ่งกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ด้วย ประสบการณ์ที่ชีฟเคยเจอทำให้เขาเดินผ่านคนกลุ่มนี้ด้วยความระมัดระวัง

คนกลุ่มนี้คือทหารขององค์กรพีเนชั่น ซึ่งสามารถดูได้จากชุดเกราะที่สวมใส่เพราะองค์กรพีเนชั่นนั้นมีเกราะใส่กันทุกคน ด้วยงบประมาณที่มีจำนวนมหาศาล พวกเขานั้นมีทั้งหมดยี่สิบคน เกินครึ่งเป็นเด็กสาวซะส่วนใหญ่ เกราะที่รัดรูปกับหมวกที่มีกระจกขนาดใหญ่จนเปิดเผยใบหน้านั้นทำให้ชีฟแยกออกได้ไม่ยากว่าใครเป็นชายหรือเป็นหญิง

ชีฟมีอาการเครียดเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านคนกลุ่มนี้ เพราะมีคนหนึ่งที่ทำให้ชีฟรู้สึกเสียวสันหลัง ซึ่งความรู้สึกนี้มาจากชายสวมเกราะที่ดูหนากว่าคนอื่น ๆ และกำลังนั่งจ้องมองชีฟจากโซฟารับแขกด้านซ้าย ความรู้สึกเสียวสันหลังนั้นแรงมาก นั่นแปลว่าอีกฝ่ายมีเจตนาจะฆ่าอย่างชัดเจน

ชายที่นั่งมองชีฟอยู่ตรงโซฟาลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาที่ชีฟ ชีฟปลดเซฟปืนไว้เพื่อเตรียมพร้อม ชายคนนั้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ก็เอ่ยทักทาย

"ไง ฉันวิลเลียม จำกันได้มั้ย"

ชีฟหันไปคุยตอบ

"จำไม่ได้ ขอตัว"

ชีฟตอบปัดไปเพราะไม่อยากจะคุยด้วย เนื่องจากอีกฝ่ายนั้นมีจิตสังหารที่รุนแรงมาก แถมเป้าหมายก็คือเขา

วิลเลียมที่เห็นอีกฝ่ายไม่สนใจก็พยายามจะตื๊อ

"เก่งไม่เบา เคลียร์วานรล่องหนซะเรียบเลย อยากเข้าทีมกับเรามั้ย ฉันยินดีให้นายเป็นรองหัวหน้าเลย"

"ไม่"

ตอบเสร็จชีฟก็เดินตรงไปที่ประตู แล้วเปิดประตูออกไปข้างนอก

เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบปัดอย่างไม่สนใจ ความแค้นในจิตใจของวิลเลียมก็เพิ่มมากขึ้น การพ่ายแพ้ของเขาทำให้เขาเป็นแค่หัวหน้าหน่วยเล็ก ๆ ไหนจะเรื่องอุปกรณ์ต้านภาพลวงตา ที่ทำให้เขาดูไร้ค่าและสูญเสียเงินที่เคยได้ไปมากมาย และเขายังทราบอีกด้วยว่าคนที่ทำให้นักล่ารุ่นใหญ่สามารถเก็บเกี่ยวผลึกเบเรี่ยนมาได้มากกว่าพวกเขา ก็คือไอ้เจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้า วิลเลียมกำหมัดแน่น

เด็กสาวคนหนึ่งมองชีฟอย่างไม่พอใจแล้ววิ่งตามออกไป ก่อนจะโวยวาย

"หัวหน้าวิลเลียมคุยกับนาย หัดมีมารยาทหน่อยจะได้มั้ย"

ชีฟถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วหันมาตอบ

"อีกเดี๋ยวจะค่ำแล้ว ต้องรีบกลับบ้าน"

วิลเลียมวิ่งตามออกมา ก่อนจะห้ามเด็กสาวเอาไว้ แล้วลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน

"อย่าไปสนใจเลย เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะ"

ชีฟเห็นว่าเรื่องจบแล้วก็เดินต่อไปที่รถของตัวเอง

วิลเลียมและเด็กสาวเดินกลับไปที่ประตูโดยมีเด็กสาวเดินนำ ความคับแค้นใจของวิลเลียมยังคงอยู่ ก่อนความคิดอันชั่วร้ายจะผุดขึ้นมาในหัว วิลเลียมปลดเซฟปืนกลเบาของเขา แล้วยกมันขึ้นมาก่อนจะยิงใส่หลังเด็กสาวไปสามนัด

เด็กสาวล้มลงกระแทกประตูกระจกสีดำอย่างแรง กระสุนนัดหนึ่งตัดเข้าขั้วหัวใจพอดีนั่นทำให้เธอเสียชีวิต วิลเลียมรีบเข้าไปประคองเด็กสาวอย่างรวดเร็ว แล้วเปิดประตูพาเด็กสาวเข้าไปในโรงแรม ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงโซนรับแขก ทุกคนหันมามองอย่างตกใจ วิลเลียมแอบแสยะรอยยิ้มอันโหดเหี้ยมออกมาก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นตื่นกลัวอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนบอกทุกคน

"ไอ้หมอนั่นมันทำร้ายชารอน แล้วมันก็พยายามจะฆ่าฉันด้วย"

ภาพทุกอย่างอยู่ในสายตาของชีฟ แต่การที่ชีฟไม่ได้ยินว่าภายในนั้นคุยอะไรกันก็ทำให้ชีฟจ้องมองไปที่ประตูอย่างสงสัย ก่อนความสงสัยนั้นจะถูกตอบกลับด้วยเด็กหนุ่มสาวจำนวนมากที่วิ่งออกมาและเล็งปืนใส่เขา จิตสังหารที่พุ่งเข้ามาทำให้ชีฟรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป ชีฟสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันทีเพื่อหลบหนีจากห่ากระสุนที่พุ่งเข้ามา

รถฮัมวี่สี่คันกำลังวิ่งไล่ล่ารถจักรยานยนต์คันหนึ่งอยู่กลางทะเลทราย ชีฟขับตรงดิ่งมาทางทิศตะวันตกจนพ้นตัวเมืองออกมา อีกฝั่งนั้นมีจำนวนคนมากและมีปืนหลายกระบอก นั่นทำให้ตอนนี้ชีฟไม่สามารถหักโค้งไปทางไหนได้ เพราะอาจจะทำให้อีกฝ่ายตามได้ทัน ทำได้เพียงแค่เบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวาเพื่อหลบกระสุนเท่านั้น โชคดีที่พลังของชีฟทำให้ชีฟรู้ทิศทางที่กระสุนจะพุ่งมาและหลบได้

การไล่ล่าดำเนินไปได้สองชั่วโมงจนฟ้ามืด เด็กหนุ่มสาวจากองค์กรพีเนชั่นก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยชีฟไปง่าย ๆ

ในรถฮัมวี่ที่วิลเลียมนั่งอยู่ เด็กสาวคนขับมองดูวิลเลียมที่ร้อนรนแล้วเอ่ยถาม

"ยิ่งมืดสัตว์ประหลาดยิ่งอันตราย แล้วกลับกันก่อนมั้ย"

วิลเลียมตอบปฏิเสธทันที

"ไม่ มันฆ่าพวกพ้องของเราเชียวนะ เราต้องฆ่ามันให้ได้"

"ยังไงหมอนั่นก็ไม่รอด เพราะเราสามารถไปออกประกาศจับที่เมืองได้"

วิลเลียมตะคอกกลับอย่างมีน้ำโห

"ไม่ ฉันเป็นหัวหน้า และขอสั่งว่าให้ตามล่าไอ้หมอนั่นให้ได้"

ชุดเกราะส่วนมากนั้นจะมีกล้องที่หมวก หากชีฟกลับไปที่เมืองหรือเข้าใกล้เมืองได้ ภาพในกล้องนั้นอาจจะถูกเผยแพร่ไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะฉะนั้นวิลเลียมจะปล่อยชีฟไปไม่ได้เด็ดขาด

ชีฟที่ขับหนีอยู่นานต้องเริ่มคิดหาทางออก แต่แล้วชีฟก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า เมื่อปลายแสงไฟจากหน้ารถนั้นไม่สามารถส่องโดนผืนดินได้ สิ่งนี้ทำให้ชีฟนึกถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับสุดขอบโลกทันที เมืองที่ชีฟอยู่นั้นมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าเมืองขอบโลก ที่ถูกเรียกแบบนี้นั้นก็เพราะว่าไกลออกไปทางทิศตะวันตกของเมือง มันคือสุดขอบโลกจริง ๆ

ชีฟหักเลี้ยวอย่างแรงจนรถล้มไถลไปกับพื้น ตัวชีฟเองนั้นก็ลื่นไถลไปด้วย รถของชีฟไถลไปจนตกสุดขอบโลก แต่ชีฟนั้นสามารถหยุดตัวเองไว้ได้ทันที่ปลายขอบพอดี ชีฟมองรถด้วยสีหน้าเศร้าหมองแล้วบ่นออกไป

"ลุงเอ็ดดี้ด่าแน่เลย"

แสงไฟที่สาดส่องเข้ามาทำให้ชีฟต้องหันหลังไปมองรถฮัมวี่ที่กำลังวิ่งตามมา พวกนั้นมีกันหลายคน นั่นทำให้บางคนมีเวลาดูแผนที่และหยุดรถได้ทัน ชีฟที่เห็นดังนั้นก็หันซ้ายหันขวาก่อนจะไปเจอโขดหินใหญ่ ๆ จึงรีบวิ่งไปหลบด้านหลัง

เหล่าเด็กหนุ่มสาวจากองค์กรพีเนชั่นลงมาจากรถพร้อมอาวุธปืนหลายกระบอกในมือแล้วตะโกนถามเสียงดัง

"ไอ้คนสารเลว แกฆ่าพวกเราทำไม"

ชีฟเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนึกจะคุยก่อนยิงได้เสียที ก็ตะโกนสวนกลับ

"ฉันไม่ได้ทำ เพื่อนพวกเธอที่ชื่อวิลเลียมนั่นต่างหากที่เป็นคนทำ"

ทุกคนหันไปมองทางวิลเลียมเป็นตาเดียว

วิลเลียมแก้ตัวด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งอย่างรวดเร็ว

"ฉันเนี่ยนะ มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องทำร้ายพวกเดียวกัน มีแต่แก่นั่นแหละ แกเป็นเด็กของไอ้พวกนักล่าแก่ ๆ นั่น พวกแกไม่ชอบขี้หน้าเราอยู่แล้ว แกนั่นแหละที่ฆ่าชารอน"

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหันไปมองทางโขดหิน ปืนทุกกระบอกอยู่ในท่าพร้อมยิง ชีฟยังคงพยายามที่จะเจรจา

"หมวกของฉันมีกล้อง ถ้ากลับไปที่เมืองเดี๋ยวเอาให้ดูได้"

ทุกคนหันมามองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะหันไปทางวิลเลียม

วิลเลียมหน้าซีดเผือดก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

"หมวกฉันก็มีกล้อง ฉันก็เปิดให้ดูได้เหมือนกัน มันหาข้ออ้างที่จะหนี อย่าปล่อยมันไปเชียว"

นักล่าสาวที่เป็นคนขับรถและเธอก็เป็นรองหัวหน้าหน่วย เดินเข้ามาหาวิลเลียมพร้อมกับแท็บเล็ตในมือ

"ขอฉันดูบันทึกของหัวหน้าได้มั้ยคะ"

วิลเลียมหน้าซีด ก่อนจะมีท่าทีอึกอัก

ภาพสัตว์ประหลาดนกยักษ์ขนาดใหญ่หลายสิบตัวปรากฏขึ้นในหัวของชีฟ พวกมันอยู่เหนือหัวของพวกเขา ขนาดของพวกมันนั้นใหญ่กว่ามนุษย์ถึงสองเท่า

ชีฟตะโกนลั่น เมื่อฝูงนกเหล่านั้นเริ่มบินโฉบลงมา

"ระวังข้างบน!"

แต่สายไปเสียแล้วนกยักษ์รูปร่างเหมือนนกอินทรีบินโฉบลงมาและใช้กรงเล็บอันแหลมคมของมันโฉบเอาตัวรองหัวหน้าไปในพริบตา หลายคนรีบหาที่กำบังในทันที แม้จะมืดมิดแต่การมองเห็นในตอนกลางคืนนั้น ก็เป็นระบบขั้นพื้นที่ชุดเกราะทุกชุดควรจะมี ระบบมองเห็นในที่มืดหรือที่เรียกว่าไนท์วิชั่นถูกใช้งานอย่างรวดเร็ว เหล่าเด็กหนุ่มสาวนักล่าหลายคนเริ่มหันไปกราดยิงใส่พวกมัน ชีฟเองก็ไม่คิดที่จะอยู่เฉย ๆ หันปืนกลเบาของตัวเองขึ้นฟ้าแล้วเริ่มยิงใส่พวกนกยักษ์เช่นกัน เมื่อการต่อสู้ที่ไม่คาดคิดเริ่มขึ้น ภาพอันน่าสยดสยองปรากฏแก่สายตา คนที่ถูกจับจะถูกกรงเล็บอันแหลมคมแทงทะลุหน้าอก บางคนโชคดีที่ตายในทันทีแต่บางคนก็โชคร้ายที่ยังมีชีวิตรอด เพราะเขาหรือเธอเหล่านั้นจะถูกจิกกินอย่างน่าสยดสยองหากถูกพาไปยังรังของพวกมัน นกเหล่านี้เล็งพวกเขาจากระยะไกลไว้แต่แรกแล้ว การที่พวกเขามาหยุดยืนเป็นเป้านิ่ง ก็เท่ากับว่าได้กลายเป็นอาหารของพวกมันแล้วนั่นเอง ด้วยการจู่โจมที่รวดเร็วและหวังผลแค่เพียงหนึ่ง ทำให้นักล่าหลายสิบคนถูกโฉบเอาไปอย่างง่ายดายโดยที่บางคนยังไม่ทันจะได้เตรียมตัวที่จะสู้ด้วยซ้ำ ในที่สุดการล่าเหยื่อก็จบลง มีนกอินทรีแค่เพียงไม่กี่ตัว ที่โดนกระสุนสาดใส่จนเสียชีวิตแล้วร่วงลงมา ซึ่งเกินครึ่งมาจากปืนของชีฟทั้งนั้น

ชีฟถอนหายใจก่อนจะมองปืนของตัวเองที่เผลอใช้กระสุนจนหมด กระสุนสำรองก็ร่วงไปกับรถจักรยานยนต์ของเขา นั่นทำให้ชีฟไม่เหลืออาวุธที่จะสู้แล้วในตอนนี้ ชีฟเดินออกมาจากที่กำบัง ก่อนจะมองหาคนที่รอดชีวิตสองคนนั้นว่าเป็นใคร ชีฟก้มหัวหลบอย่างรวดเร็วเมื่อมีเงาภาพชายคนหนึ่งฟันมาจากด้านหลัง คนที่ฟันเข้ามานั้นเป็นวิลเลียมนั่นเอง

วิลเลียมที่พลาดเป้าหมายก็เปลี่ยนมาใช้ดาบแทงเข้าใส่ชีฟตรง ๆ ชีฟใช้มือสองข้างบวกกับถุงมือที่มีความสามารถในการยึดเกาะจับใบดาบเอาไว้ก่อนที่มันจะถึงตัวเขา ใบดาบห่างจากลำคอของชีฟเพียงแค่คืบ ด้วยแรงกดดันจากอีกฝ่าย ทำให้ชีฟไม่สามารถปล่อยมือไปทำอย่างอื่นได้เลย

เด็กสาวคนหนึ่งวิ่งมาหาทั้งสองคนพร้อมกับปืนลูกซอง

"วิล"

เด็กสาวยกปืนลูกซองของเธอขึ้นมาและเล็งไปที่ทั้งสองคน ตอนนี้เธอไม่รู้จะเชื่อใครดี เธอจึงได้แต่ถือปืนเล็งเอาไว้

ชีฟรีบพูดขึ้นทันที

"ไม่เห็นเหรอว่าตอนจะขอดูกล้องหมอนี่มันลังเลไม่ยอมให้ดู"

วิลเลียมเถียงกลับ มือสองข้างของเขาก็ยังคงจับด้ามดาบเอาไว้และไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนแรงกดดันลง

"ไม่จริง ฉันไม่ได้ลังเล พวกนกมันโจมตีก่อนต่างหาก"

วิลเลียมพูดจบก็เหลือบไปมองหน้าเด็กสาว ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาวที่เคยแอบมองเขาบ่อย ๆ จากนั้นวิลเลียมก็พูดต่อ

"ฟ้า เธอชื่อฟ้าใช่มั้ย ฉะ ฉันชอบเธอนะ ฉันก็คอยแอบมองเธออยู่เหมือนกัน"

เด็กสาวที่ชื่อฟ้าชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าภายใต้กระจกของหมวกมีสีแดงระเรื่อออกมาอย่างชัดเจน ชีฟที่ไม่รู้จะพูดอะไรก็คิดหาทางออก ก่อนจะออกแรงเบี่ยงดาบไปทางขวา วิลเลียมรีบเปลี่ยนมุมในการผลักดันตามทันที ในจังหวะนั้น ชีฟก็เบี่ยงไปทางซ้ายตามแรงดันของวิลเลียมอย่างรวดเร็ว คมดาบเชี่ยวคอของชีฟไปเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปด วิลเลียมเซถลาเข้าไปหาชีฟ ก่อนจะถูกชีฟต่อยเสยปลายคางเข้าอย่างแรง

ชีฟรู้สึกจุกที่หน้าอก ก่อนจะมองไปทางเด็กสาวที่เป็นคนยิง กระสุนลูกปรายแม้จะไม่สามารถทะลุเกราะของชีฟไปได้ แต่มันก็มีแรงกระแทกมากพอที่จะส่งให้ร่างของชีฟลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับกระเด็นตกหน้าผาไป

วิลเลียมลุกขึ้นเดินมาหาฟ้า ก่อนจะโอบกอดอีกฝ่ายที่มีท่าที่ตื่นกลัวเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน แต่กลับยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

"ขอบคุณนะ"