ในห้องของชิซูกะ เธอกำลังนั่งเฝ้าจานอาหารแสนอร่อยที่เธอตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ เธอมองจานอาหารด้วยสายตาที่เป็นกังวล เพราะในเวลานี้มันควรจะเป็นเวลาที่ชีฟกลับมารับประทานอาหารกับพวกเธอ แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องทานกันก่อนเพราะกลัวว่าอาหารจะเย็นชืด
เมื่อทานอาหารกันจนเสร็จชิซูกะก็พาคุณนายเชสเตอร์กลับไปพักที่ห้อง และบอกว่าเธอจะเป็นคนรอชีฟเองไม่ต้องห่วง ชิซูกะกลับมาที่ห้อง ใจที่เหม่อลอยของเธอทำให้เธอเผลอไปชนกรงเจ้าหนูน้อยบนชั้นวางของเข้า กรงสั่นสะเทือนจนทำให้เจ้าหนูตกใจกลัว ชิซูกะหันไปจัดกรงให้อยู่ตำแหน่งเดิมก่อนจะเอ่ยขอโทษ
"ขอโทษนะ"
เจ้าหนูหันกลับไปเคี้ยวเมล็ดทานตะวันอย่างไม่ถือสา ท่าทางการเคี้ยวของเจ้าหนูยิ่งทำให้ชิซูกะคิดถึงชีฟยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนจะตั้งปณิธานกับตัวเอง
"กลับมาเมื่อไหร่แม่จะลงโทษให้เข็ดเลย"
บริเวณสุดขอบโลกคริสฮิกและพวกอีกสี่คนกำลังสำรวจล่องลอยการต่อสู้อย่างเคร่งเครียด คริสได้รับการติดต่อจากชีฟว่าถูกพวกองค์กรพีเนชั่นโจมตี พวกเขาจึงรีบตามสัญญาณเครื่องสื่อสารมาทันที รถฮัมวี่สามคันถูกทิ้งเอาไว้ จากตราสัญญาลักษณ์ข้างรถ มันคือรถขององค์กรพีเนชั่นแน่นอน
ฮิกเดินดูรอบ ๆ และพบศพของนกยักษ์หลายตัว จึงเรียกคนอื่น ๆ
"เฮ้ ตรงนี้มีศพพวกอินทรีแสงจันทร์อยู่ด้วย"
ทุกคนพากันเดินมาดูตามที่ฮิกเรียก ฮิกเริ่มพูดต่อ
"สองตัวนี้ฝีมือเจ้าหนู ส่วนตัวนั้นน่าจะฝีมือพวกนักล่าเด็ก"
ฮิกสามารถแยกได้ไม่ยากว่านกตัวไหนโดนใครยิง เพราะกระสุนของชีฟนั้นเป็นกระสุนแบบเจาะทะลวงที่จะไม่สร้างให้เกิดรอยแผลใหญ่โต นั่นทำให้นกสองตัวมีแผลที่ดูเล็กกว่านกอีกตัวหนึ่ง
คริสเริ่มตั้งสมมติฐาน
"พวกนั้นคงถูกฝูงนกโจมตีระหว่างสู้กัน"
อลาสก้ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยถาม
"แล้วจากนั้นละ"
ไจโรเดินถือปลอกกระสุนลูกซองมาอันหนึ่งแล้วตอบ
"จากนั้นพวกมันก็ยิงเจ้าหนูตกเหว"
ไจโรส่องไฟฉายไปที่พื้นจุดหนึ่ง ที่มีลอยเท้าที่เหมือนกับถูกบางอย่างผลักไปด้านหลังแต่ลอยไถลนั้นสั้นนิดเดียวก่อนจะหายไป ราวกับว่าเจ้าของเท้านั้นถูกยกขึ้นจากพื้นดิน
หลังจากกลับไปที่เมือง คนรู้จักของไจโรที่สำนักงานนักล่าก็รายงานว่าวิลเลียมได้เข้ามาแจ้งการตายของนักล่าหลายคนซึ่งในนั้นรวมถึงชีฟด้วย โดยสาเหตุการตายของชีฟคือถูกฟ้ายิงเพราะชีฟได้สังหารคนของพวกตนก่อน
คริสฮิกและพวกก็รุดหน้าไปที่สำนักงานนักล่าทันที พวกคริสแจ้งแกสำนักงานว่าพวกวิลเลียมนั่นแหละที่เป็นคนทำร้ายชีฟ การเกิดข้อโต้แย้งจึงเกิดการสืบสวนขึ้นอย่างเร่งด่วนแต่เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนการสืบสวนก็ต้องหยุด เมื่อทุกอย่างนั้นไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เมื่อพวกเขานั้นไม่พบเจอหมวกของชุดเกราะที่มีเครื่องบันทึกภาพแม้แต่ใบเดียว ของวิลเลียมกับของฟ้านั้น ทั้งสองคนอ้างว่าตกลงไปที่หน้าผาสุดขอบโลก ศพของเด็กสาวที่ตายที่โรงแรมก็หายไป ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ถูกสัตว์ประหลาดลากไปกินหรือจงใจซ่อนอำพราง นั่นทำให้ทางสำนักงานไม่ปรักปรำว่าชีฟคือคนร้ายและไม่บันทึกไว้ในฐานข้อมูล แต่ทางสำนักงานก็ไม่สามารถปรักปรำวิลเลียมและฟ้าตามคำกล่าวหาของฮิกได้เช่นกัน เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ คดีนี้จึงกลายเป็นคดีที่หาข้อสรุปไม่ได้ และต้องพักเอาไว้ก่อน
บริเวณหน้าสำนักงานหลังจากเรื่องทุกอย่างจบลง ฮิกวิ่งเข้าใส่วิลเลียมที่กำลังเดินยิ้มหน้าระรื่นออกมาจากสำนักงาน คริสและพวกรีบพากันเข้าไปจับตัวฮิกเอาไว้ คริสพยายามพูดห้ามปราม
"อย่าฮิก เราไม่มีหลักฐานอะไรเลย"
ฮิกจ้องมองไปที่วิลเลียมและฟ้าราวกับจะกินเลือดกินเหนือ ใบหน้าของฮิกนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความแค้น มือที่ถือมีดสั่นเพราะความโกรธจนไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้
ต่อหน้ารอยยิ้มอันแสนจะน่ารังเกียจฮิกถูกลากตัวออกไปโดยได้แต่ทิ้งความแค้นเอาไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น มีเพียงคริสที่ไปแจ้งข่าวให้กับทางชิซูกะได้รับรู้ ชิซูกะทรุดลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าที่เคยยิ้มหวาน ๆ หรือดุดันอย่างที่เคยเป็น ตอนนี้กลับไม่แสดงซึ่งความรู้สึกใด ๆ ออกมา มันว่างเปล่า ใช่มันว่างเปล่า เพราะหัวใจของเธอตอนนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
หลายชั่วโมงก่อนหน้า
ชีฟร่วงตกลงมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะตกถึงพื้นง่าย ๆ เบื้องล่างของชีฟนั้นเป็นทะเลหมอกที่หนาจนมองไม่เห็นพื้นดิน ตอนนี้ชีฟหายจากอาการจุกอกแล้วแต่การอยู่กลางอากาศแบบนี้ชีฟก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้แค่มองทะเลหมอกอันมืดสนิทที่อยู่เบื้องล่าง
ไม่กี่นาทีต่อมาชีฟก็ร่วงจนถึงชั้นทะเลหมอก เมื่อมองจากระยะใกล้ชีฟก็เห็นเพียงแค่ไอน้ำบาง ๆ เท่านั้น และใช้เวลาอีกไม่นานชีฟก็ทะลุทะเลหมอกออกมา ในที่สุดชีฟก็ได้เห็นพื้นดินเสียที เบื้องล่างนั้นเต็มไปด้วยป่าหนาทึบ ตอนนี้ชีฟต้องคิดหาทางแล้วว่าจะลงถึงพื้นยังไงไม่ให้ตัวเองเสียชีวิต เพราะด้วยความสูงขนาดนี้ชุดเกราะของเขาก็ช่วยไม่ได้
เสียงคำรามดังกึกก้องจนชีฟตกใจ ชีฟรีบหันไปตามเสียง ก่อนจะพบเป็นมังกรขนาดใหญ่กำลังบินตรงมาทางเขา มันใช้ขาหน้าของมันคว้าตัวชีฟไว้อย่างรวดเร็ว ชีฟที่ไม่สามารถหลบไปไหนได้ก็ได้แต่พยายามมองไปที่หลังมังกรเพื่อดูว่าใครขับมังกรตัวนี้อยู่ นัยน์ตาสีแดงโลหิตภายใต้หมวกอัศวินอันใหญ่โตจ้องมองชีฟด้วยความเย็นชา ก่อนจะหันกลับมองตรงไปข้างหน้า
มังกรพาชีฟบินผ่านป่ารกทึบจนถึงทะเลสาบอันกว้างใหญ่ เลยทะเลสาบออกไปนั้นคือเมืองขนาดใหญ่ที่มีปราสาทและสิ่งก่อสร้างยุคโรมันอยู่มากมาย แม้จะเป็นคืนที่แสนมืดมิดแต่แสงไฟที่ส่องออกมาจากปราสาทแต่ละหลังก็เสริมแต่งให้ปราสาทเหล่านั้นดูสวยงามจนน่าอัศจรรย์
เมื่อเข้าเขตที่มีแสงไฟ ชีฟก็ได้เห็นว่ามังกรที่จับเขาไว้นั้นเป็นมังกรสีดำที่ดูน่ากลัว เกล็ดของมันสะท้อนแสงระยิบระยับช่วยเสริมแต่งให้มันดูน่าเกรงขาม ชีฟถูกทิ้งลงบนยอดปราสาทแห่งหนึ่ง ก่อนจะต้องตกใจเมื่อมีก็อบลินตัวสูงสี่ตัววิ่งออกมาจากประตูด้านหนึ่งแล้วล้อมชีฟเอาไว้ พวกมันพากันพูดภาษาที่ชีฟไม่รู้จัก จิตสังหารที่พุ่งเข้ามาทำให้ชีฟรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้มาอย่างเป็นมิตร
ชีฟที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ตัดสินใจวิ่งไปทิศตรงข้ามกับประตูแล้วกระโดดออกจากยอดปราสาท สิ่งมีชีวิตที่อยู่หลังมังกรยืนมือไปทางชีฟ วงแหวนเวทมนตร์สีม่วงที่เต็มไปด้วยตัวอักษรแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นและรัดตัวชีฟเอาไว้ ชีฟลอยเคว้งอยู่กลางอากาศโดยที่ไม่สามารถขัดขืนได้เลย สิ่งมีชีวิตหลังมังกรโบกมือมาตรงหน้าตัวเองเบา ๆ ชีฟก็ลอยตามมาด้วย นัยน์ตาสีแดงของมันจ้องมองชีฟแล้วแสยะยิ้มออกมา ก่อนที่ชีฟจะลอยละลิ่วไปกระแทกกับกำแพงปราสาทด้านหนึ่งอย่างแรงจนสลบไปในทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นชีฟตื่นขึ้นมาก่อนพบกับว่าร่างกายของเขานั้นไม่ได้สวมใส่สิ่งใดอยู่เลย เขากำลังล่อนจ้อน แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ ความรู้สึกจากมือและเท้านั้นหายไป ชีฟพยายามจะที่จะลุกขึ้นดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะพบว่าคอของเขานั้นถูกโซ่ล่ามเอาไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งที่ข้อพับของแขนและขาทั้งสองข้างก็เช่น ชีฟพยายามที่จะกำมือเพื่อออกแรงดิ้นให้หลุดจากโซ่ แต่กลับพบว่าเขาไม่สามารถที่จะกำมือได้ แม้จะถูกล่ามโซ่เอาไว้แต่ชีฟก็พอที่จะผงกหัวขึ้นมาได้ แต่การกระทำนี้ก็ทำให้ชีฟได้รับรู้ถึงสิ่งที่แสนจะเจ็บปวด นั่นคือข้อมือและข้อเท้าของเขา มันไม่มีอยู่แล้ว ชีฟจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ความรู้สึกอันสับสนเข้ากัดกินจิตใจ เท้าที่เคยใช้วิ่ง มือที่เคยใช้จับปืน ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว น้ำหยดใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง สมองบางส่วนคอยส่งภาพความคิดปลอม ๆ เข้ามาว่ามันยังอยู่ ด้วยความรู้สึกที่ยังไม่อาจยอมรับความเป็นจริงที่เห็น
ชายที่มีเขาเหมือนแพะและมีปีกเหมือนค้างคาวเปิดประตูเข้ามาในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ตรงกลางมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกล่ามโซ่เอาไว้บนเตียงสูงกลางห้อง ชายคนนั้นเดินตรงมาชีฟ และหยิบมีดกับจานที่อยู่ใต้เตียงออกมา ก่อนจะแล่เนื้ออ่อนบาง ๆ ที่พึ่งงอกขึ้นมาใหม่ตรงข้อมือข้างขวาแล้วเอาไปใส่จาน ชีฟกรีดร้องอย่างทรมาน แต่ชายคนนั้นกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เขายังคงแล่เนื้อเป็นชิ้นบาง ๆ ออกไปจนกระทั่งเลือดชีฟเริ่มไหลทะลักออกมาจากจุดที่โดนแล่ ชายมีเขาชูมือขวาที่เปล่งแสงสีม่วงอ่อน ๆ ขึ้นมา ก่อนจะทาบลงบนข้อมือ เลือดหยุดไหลด้วยเนื้อสีชมพูที่งอกขึ้นมาและสมานตัวกันอย่างรวดเร็ว ชายมีเขาหยุดแล่เนื้อที่ข้อมือขวา แล้วย้ายไปที่ข้อมือซ้ายต่อ พร้อมกับฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ ชีฟกรีดร้องจนกระทั่งไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดได้แล้วสลบไป
ยามค่ำคืน ชีฟที่ถูกปล่อยไว้ในห้องคนเดียว พยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากโซ่ แต่พันธนาการที่ล่ามเขาเอาไว้นั้นเหนี่ยวแน่นมากมาก ไม่ว่าชีฟจะทำยังไงก็ดิ้นไม่หลุด เมื่อเริ่มอ่อนกำลัง ชีฟก็ได้แต่จ้องมองเพดานห้องอย่างหมดหวัง แล้วพึมพำออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
"แม่"
ชีฟผ็อยหลับไปอีกครั้ง