บทที่ 10
เฉินตงเเม้ร่างกายถูกควมคุม ทว่าสัมผัสเเละรสชาติที่ส่งมาก เขากลับสามารถลิ้มรสมันได้อย่างหวานหอม มือของเขาถูกดึงไปยังที่กระต่ายขาวคู่ใหญ่ พลางลูบเเละขย้ำมันอย่างรุนเเรง จนร่างผมสีขาวส่งเสียงครางรัญจวนจิตออกมา
ชุดของเฉินตงมอดไหม้เพราะเพลิงมาร จึงไม่มีสิ่งใดสวมใส่บนร่างกาย ร่างของเขาเเนบเข้ากับร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่ พร้อมกันั้นใส่บางอย่างเข้าไปในร่างกายของนาง อันเป็นสิ่งที่ชายหญิงที่เป็นสามีภรรยาทำกันหลังล้มลงที่เตียงนอน
เสียงครวญครางดังลั่น ผสานกับเสียงหอบหายใจ เพลิงมารลุกโหมราวกับตอบสนองต่ออารมณ์กำหนัด พลังไอเย็นก็เช่นกัน หนึ่งเเผดเผา หนึ่งเย็นยะเยือก สอดผสานเข้าด้วยกันอย่างมีจังหวะ ท่วงท่าเปลี่ยนไปจากเดิม ร่างของเฉินตงจู่โจมใด้านหลัง โดยมีร่างของสตรีคลานสี่ขาอยู่ด้านหน้า
สอดผสานกันสองชั่วยาม เฉินตงปลดปล่อยสิ่งนั้นออกมาหลายสิบครั้ง สร้างความเหนื่อยล้าเเละสุขสม ให้กับเขาอย่างยิ่ง
เฉินตงนอนเเผ่ร่างที่โลงศพ โดยมีหญิงสาวผมสีขาวนอนอยู่บนเเผงหน้าอก เขาพึ่งอายุเท่าใดกัน กลับมีสัมพันธ์กับสตรีที่ไม่รู้จักผู้หนึ่งซะเเล้ว
เฉินตงในคราวนี้ มีสติครบถ้วน ทีจริงเขาหลุดจากการสะกดจิตตั้งเเต่หนึ่งชั่วยามเเรกเเล้ว ดังนั้นอีกหนึ่งชั่วยามหลัง เขาเป็นคนทำสงครามกับสตรีนางนี้อย่างดุเดือด
สายตามองลงไปยัง ใบหน้างามปานเทพธิดานี้ ช่างทำให้ผู้อื่นลุ่มหลงนัก เฉินตงโน้มซีรษะลงไปเเละจูบที่ปาก ชิมรสหวานๆของนาง พลางถอนริมฝีปากออก ดวงตาสีขาวจ้องมองเขากลับเช่นกัน ก่อนจะโอบก่อนเขาเเน่น พร้อมกับฟุบหน้าลงไป
"ขอบคุณเจ้ามาก เเต่ว่าเจ้าเเย่เกินกว่าจะรับสิ่งที่ข้ามีอยู่ ดังนั้นข้าจึงตอบเเทนได้เพียงสิ่งนี้เท่านั้น" เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่เฉินตงจะลุกขึ้นไปยืนข้างโลงเพราะรับรู้ได้ว่าน้ำเเข็งกำลังเกิดขึ้นเพื่อที่จะปิดโลงศพนี้
สตรีในโลงลุกขึ้นนั่งมองเขาด้วยรอยยิ้ม มันทำให้หัวใจของเฉินตงสั่นไหว จนอดไม่ได้ที่จะดึงนางเข้ามากอดจูบลูบคลำกระต่ายอวบใหญ่เเละเรือนร่างของนาง
นางไม่ได้ขัดขืนยอมให้เขาสัมผัสเรือนร่างได้เต็มที่ จนกระทั่งเเยกจากกัน
เขาสับสนไม่ทราบว่าจะเอ่ยอันใด สายตามองไปยังหยกรูปหงส์หลายชิ้นที่วางอยู่ใต้โลง นี่คือ หยกที่ให้พลังเเก่โลงศพนี้ ซึ่งมันมีอยู่นับไม่ถ้วน เฉินตงหยิบมันมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะหักครึ่ง หยกหงส์ชิ้นหนึ่งยื่นออกไปพร้อมกับเขาที่โน้มตัวลงไป เเละจุมพิตที่หน้าผากของนาง
"ถือซะว่านี่เป็นของเเทนใจ เจ้ากับข้าล้วนร่วมรักกันเฉกเช่นสามีภรรยา ดังนั้นนับเเต่นี้ เจ้าคือภรรยาของข้า" เฉินตงกล่าวจบ สตรีนางนั้นก็ส่ายหน้าทันที ราวกับปฏิเสธ มันทำให้เฉินตงรู้สึกปวดที่หัวใจ นี่เขาโดนหักอกงั้นเหรอ
นางที่นอนกายนอนลงที่โลงศพอีกครั้ง เฉินตงโยนหยกหงส์ครึ่งหนึ่งลงไปโลงศพก่อนที่มันจะปิดลง จากนั้นก็กระโจนถอยออกมา พร้อมๆ กับที่บังเกิดน้ำเเข็งขึ้นที่โลงศพ จนล้อมรอบโลงนั่นไว้ ทำให้เขาไม่อาจเข้าไปใกล้ได เเม้จะใช้เพลิงมาร ทว่าไม่ได้ ไม่อาจละลายมันได้เลย
เฉินตงถอนหายใจ สตรีผู้นี้ฐานะไม่ธรรมดา คาดว่าอยู่ในสถานที่ที่จักรพรรดิมารอาศัยอยู่ได้ ฐานะคงสูงไม่น้อยกว่าไน่เหอเเน่นอน
มองดูร่างกายตนเองอีกที ก็พบว่าล้วนสวมใส่ด้วยอาภรณ์เนื้อดี สีดำขลับ นี่คงเป็นฝีมือนางกระมัง ที่เเม้กระทั่งชื่อ เขายังไม่อาจทราบ
"เฮ้ย เฉินตงเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" ไน่เหอราวกับหลุดออกจากสิ่งที่พันธนาการ รีบลุกขึ้นมาถาม
"เอ่อ เท่าที่เห็นไม่เป็นไร เเต่เหมือนพลังหยางในร่างข้าจะถูกปล่อยออกไปไม่น้อยทีเดียว" เฉินตงตอบพลาง พวงเเก้มเเดงเรือ
"เจ้าจะหน้าเเดงทำซากอะไรเนี่ย เเต่คาดไม่ถึงว่านางจะดูดซับพลังพลางของเจ้าไป" ไน่เหอมองไปยังก้อนน้ำเเข็งที่ปกปิดทุกอย่างไว้ ไม่อาจมองเห็นด้านในได้เลย พลางเอ่ยออกมา
"เจ้ารู้ไหมว่านางเป็นใคร" เฉินตงถาม
ทว่าไน่เหอกลับส่ายหัว ไม่คิดบอกเฉินตงเกี่ยวกับสตรีในโลงศพน้ำเเข็ง
"เจ้ากับนางล้วนต่างกัน ลืมไปเสียเถอะ ดินเเดนระดับสูง เผ่าน้ำเเข็ง เจ้าไม่เหมาะสมกับนางหรอก"
เฉินตงถอนหายใจ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลง สิ่งที่สตรีผู้นั้นให้มา
เคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างหยินหยาง ซึ่งเเม้ไม่ใช่หนึ่งร่างสวรรค์ เเต่ก็เป็นร่างระดับสูง