บทที่ 8
"เเล้วจะกินยังไงละเนี่ย" เฉินตงมองเนื้อสดๆ ก่อนจะพบกับปัญหา ไม่มีฟืน ไม่มีไฟ เเล้วเเบบนี้จะให้ทำยังไงเล่า
"เมื่อเจ้าสู่วิถีมาร เจ้าควรเรียนรู้การกินของพวกนี้ ไว้ก็ดี เพราะเจ้าอาจจะไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งทำอาหารมากนัก" ไน่เหอตอบ
"ท่านหมายถึงอะไร" เฉินตงงุนงง
"ตอนนี้เจ้าไม่ต่างอะไรกับพวกมาร มารนั่นล้วนเป็นตัวตนของความชั่วช้าสามาน หากเจ้าสำเเดงพลังมารออกไป คาดว่าคงโดนไล่ล่า ฆ่าพันลี้หลบหนีไปทั้งสิบทิศเเน่นอน"
คำกล่าวนี้ทำให้ เฉินตงนิ่งไป เขาเหม่อลอยไปชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหน้า
"อธรรมก็ดี มารก็ดี ท้ายสุดล้วนเป็นผู้ฝึกตน หากอีกฝ่ายคิดฆ่าข้า ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะอยู่เฉยๆให้มันมาฆ่าตนเองกระมัง"
"คิดเช่นนี้ข้าก็สะบายใจ"
เฉินตงมองเนื้อสด เขากลั้นใจใช้กระบี่ตัดเป็นชิ้นเเละโยนเข้าปาก ความคาวกระจายปาก เขาก็เกือบอ้วกออกมา เเตก็ฝืนกลืนนลงไป พร้อมกับเดินไปกินน้ำจากน้ำตก ล้างหน้าล้างปากไปด้วย
ไน่เหอเห็นเเบบนั้น ก็รู้สึกครั่นเนื่อคั้นตัวเล็กน้อย เพราะน้ำตกนี่ธรรมดา เเต่เจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่กลับดื่มลงไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น
"นี่เจ้า กล้าดื่มน้ำจากน้ำนี่ได้อย่างไรกัน" ไน่เหอกล่าวขึ้น
"หา ท่านหมายความว่ายังไง" เฉินตงรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์เเปลกๆขึ้นมา
"เปล่าๆ ข้าวาเจ้าอย่ารู้เลยดีกว่า" ไน่เหอหวนนึกถึงต้นกำเนิดของน้ำตก พลันพะอืดพะอมขึ้นมานิดๆ หากมีร่างกายเขาคง.....ไปนานเเล้ว
"ตอนนี้เจ้าก็ปรับพลังมารให้สมดุลเสีย ให้ร่างของเจ้าชินกับมัน จากท่าทางของเจ้าคงจะรีบไม่น้อย"
เฉินตงพยักหน้าพร้อมกับเข้าสู่สมาธิอีกครั้ง
พลังมารก็เหมือนกับพลังชี่ เพียงเเต่ต้นกำเนิดมันต่างกัน พลังชี่ออกมาจากตันเถียน ทว่าพลังมารออกมาจากเมล็ดพันธุ์มาร ที่ตอนนี้กลายเป็นต้นอ่อน ยิ่งมันเติบโตเท่าไหร่ พลังมารยิ่งเเข็งเเกร่งเเละมากขึ้นเฉกเช่นเดียวกับพลังชี่ที่หากบรรลุขั้นพลัง ตันเถียนจะกว้าง กักเก็บพลังชี่ได้เยอะ เเข็งเเเกร่งขึ้น
เฉินตงปลดปล่อยพลังมารของเขาสออกมา มันเหมือนกับพลังงานสีดำ ดวงวิญญาณพยักหน้าออกมาอย่างพึ่งพอใจพร้อมกับเอ่ยออกมา
"ที่จริงขาคิดสอนวรยทุธ์ให้กับเจ้า เเต่ที่ข้ามีอยู่ล้วนต้องรอเจ้าบรรลุขั้นขุนนางเสียก่อน ฉะนั้นเจ้าต้องพึงพาตนเองเเล้ว"
เฉินตงลืมตาขึ้น หยิบเอาตำราวิทยายุทธตรงหน้า ที่ได้มาจากศพของหัวหน้านักฆ่า
วิทยายุทธนี้มีชื่อเรียกว่า 'พันมายา' เหวี่ยงหมัดหรืออาวุธออกไปนับพันในการจู่โจมเพียงครั้งเดียว ทำให้ศัตรูสับสน เพราะการโจมตีนับพันมีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นของจริง ฟังดูเหมือนกระจอก ทว่าเฉินตงกลับไม่คิดเเบบนั้น ในเเง่ของการโจมจี ตราบใดที่คู่ต่อสู้ไม่ใช่พวกยอดยุทธ์ที่ปัดป้องการโจมตีนับพันได้ในคราวนี้ วิทยายุทธนี้นับว่าเอาเรื่องอยู่
"เจ้าให้ข้าเเนะนำหรือเปล่า" ดวงวิญญาณกล่าวออกมา เฉินตงพยักหน้า เพราะเขาไม่เคยเรียนวิชาต่อสู้เลย ดังนั้นย่อมไม่อาจฝึกฝนได้โดยไร้ผู้ชี้เเนะ
เฉินตงเริ่มฝึกด้วย เพลงหมัด
หมัดมายา คือชื่อของมัน หมัดนี้ยามปลดปล่อยออกไป ราวกับมีหมัดนับร้อยพุ่งออก เเต่อย่างไรก็ดี วิทยายุทธเองก็มีลำดับขั้นฝึกฝนเหมือนกัน
วิทยายุทธ์มีระดับข้นได้เเก่ ขั้นเเรกเริ่ม ขั้นกลาง ขั้นชำนาญ เเละขั้นสมบูรณ์
หมัดมายา เมื่อใช้ออก หากอยู่ขั้นเเรกเริ่ม จะปลดปล่อยออกมาเพียงเงามายาของหมัด 10 หมัด
บรรลุขั้นกลาง สามารถทำให้เงาจะปรากฏชัดเจนมากขึ้น มายา 100 หมัด
บรรลุขั้นชำนาญ ความสมจริง เเละ เพิ่มจำนวนมายา 1,000 หมัด
บรรลุขั้นสมบูรณ์ สามารถสร้างเงามายาที่สมจริงเเละจำนวนนับไม่ถ้วน
"ไอ้หนู หาดเจ้าสามารถเข้าถึงวิถีหมัด เจ้าสามารถใช้มายาหมัด เป็นรังสีหมัดเข้าโจมตีได้ คราวนี้จะไม่ใช่มายาหมัดที่มีดีเเค่หลอกศัตรูอีกเเล้ว หากเเต่มายาหมัดเหบ่านั้น มันสามารถสร้างความเสียหายให้เเก่ศัตรุได้เช่นกัน" ไข่เหออธิบาย
เฉินตงรับฟัง พลันตื่นเต้น อย่างที่คิด วิทยายุทธนี้เอาเรื่องเหมือนกัน
ด้วยการชี้เเนะไน่เหอที่อ้างเป็นจักรพรรดิมารที่เฉินตงไม่รู้จัก ตัวเฉินตงได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก เขาสามารุบรรลุขั้นกลางได้สำเร็จโดยไม่ยากเย็น เขาคิดว่านี่คงเป็นเพราะการชี้เเนะของไน่เหอ
ทว่าความเป้นจริงกลับมิใช่
ไน่เหอหรี่ตามอง เอ่ยด้วยเสียงที่ไม่มีผู้ใดได้ยินนอกจากเขา
"พรสวรรค์ในความเข้าในด้านวิทยายุทธสูงมาก มายา เป็นวิทยายุทธระดับสูง ไม่ใช่สิ่งผู้ฝึกตนมือใหม่ จะเข้าใจได้เลย เเต่ไอ้หนูนี่กลับสามารถเข้าได้มันได้ เพียงเเค่รับฟังคำชี้เเนะจากข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำเอานึกถึงคนคนหนึ่งที่ข้ารู้จักเลย หากเจ้าเด็กนี่มีอีกความสามารถหนึ่งอย่างที่เจ้านั่นมีละก็ จะกลายเป็น อัจฉริยะที่เเท้จริงเหมือนกับเจ้านั่นทันที"
เฉินตงไม่อาจบรรลุขั้นชำนาญได้ เพราะว่ายังขาดประสบการณ์เพียงเล็กน้อย ซึ่งไน่เหอเข้าใจดี เรียนในห้องเรียนเเล้ว ย่อมต้องเรียนนอกห้องด้วย
"เจ้าเด็กน้อย มีสิ่งหนึ่งที่ข้าสงสัย ข้าจะสอนเจ้าอีกอย่างให้ก็เเล้วกัน" พร้อมกับยิงลำเเสงเข้าที่หว่างคิ้ว เฉินตงหลับตาลง เเละลืมตาขึ้นมา หงายฝ่ามือขวาขึ้นพร้อมกับวิทยายุทธ
"เพลิงมาร"
เปลงไฟลุกดำพลันลุกโหมขึ้น เฉินตงเเม้ดีใจทว่า วิทยายุทธนี้กลับผลาญพลังมารเขามหาศาล เขารีบดับมันทันทีเเละมองไปยังกองหิน
"ท่านสอนสิ่งนี้ให้ข้าทำไม" เฉินตงถามด้วยความสงสัย
"ข้าอยากให้เจ้า เดินไปอยู่หน่อยบ ใครมันนอนอยู่ในโลงศพน้ำเเข็งนั่น" ว่าเเล้วมือโปร่งใสชี้ไปยังโลงศพที่ตั้งไว้กลางพื้นที่
"อ้าว ท่านไม่รู้เหรอ ว่าเป็นใคร" เฉินตงงุนงง เขานึกว่าคนในโลงเป็นคนรู้จักของผู้อาวุโสซะอีก
"ข้าพึ่งตื่นก็ตอนเจ้าฝ่าน้ำตกนั้นมา จะตรัสรู้ได้อย่างไรเล่าว่ามีคนขนโลงสพเข้ามา ไอ้ข้าอุตส่าห์หาสถานที่มิดชิด เพื่อละสังขารตนเอง ใครจะไปนึกเล่าว่า ตื่นขึ้นมาอีกจะมีโลงเพิ่มมาอีกหนึ่ง มันเป็นตระกูลไหนกันฟะ ที่กล้าขนโลงศพมาไว้ยังทีเดียวกับข้าเนี่ย" ว่าเเล้วก็ปลดปล่อยจิตอาฆาตออกมา เล่นเอาเฉินตงฉี่เเทบราด
"ใช้เพลิงมารคลุมร่างไว้ จากนั้นเดินไปดูซะ น้ำเเข็งกากๆ นั้นทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก"
เฉินตงพยักหน้าพร้อมกับก้าวเดินเข้าไป