กรงเล็บสีดำขนาดมหึมาค่อยๆโผล่ออกมาจากความมืดภายในถ้ำรอบตัว เมื่อวิคตัสรู้สึกได้ถึงพลังงานที่เยือกเย็นพุ่งออกมาจากกรงเล็บเหล่านั้นเขาก็รีบหมุนตัวกลับทันที
"เร็วเข้า! ไม่มีเวลาแล้ว!" เสียงของชายหนุ่มยังคงก้องอยู่ในหัวของเขาขณะที่วิคตัสพยายามจะปัดป้องกรงเล็บที่รัดรอบข้อมือเขาอย่างแน่นหนา
เด็กชายหลบหนีไปด้านข้างด้วยความตกใจร่างเล็กๆของเขาวิ่งขนานไปกับผนังถ้ำแต่กรงเล็บสีดำยังคงยืดออกตามหลังเขาอย่างไม่ลดละพวกมันดุร้ายและรวดเร็วราวกับเงาสะท้อน
ในมือที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งพลังและอาวุธเขาทำได้เพียงแต่กระโดดหลบต่อไปเรื่อยๆหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาขณะที่เขาพยายามคิดหาวิธีจัดการกับกรงเล็บที่ไล่ล่าตนอย่างดุเดือด
"จะทำยังไงดี!.. มันตามข้ามาทำไมเนี่ย อ้าา!! "
เสียงเขาดังก้องกังวานพร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มที่ถูกมัด วิคตัสสะดุดขาตัวเองและล้มลงไปกับพื้นหัวใจเต้นระรัวเมื่อเห็นกรงเล็บพุ่งตรงเข้ามา เขายกมือขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองและมืออีกข้างกำลังค้นหาสิ่งที่สามารถใช้ต่อสู้
เมื่อวิคตัสรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาโดยคิดว่าครั้งนี้ไม่สามารถหนีต่อไปได้อย่างแน่นอน ทันใดนั้นหินสีดำเงาก็ทะลุขึ้นมาจากพื้นดินแทงไปยังกรงเล็บพวกนั้นก่อนจะมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วทั้งถ้ำ
หอกหินขนาดใหญ่ที่ทรงพลังแต่กลับดูลึกลับในเวลาเดียวกัน มีรูปทรงแปลกๆคล้ายคริสตัลหินจนวิคตัสลืมความกลัวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปทั้งหมด
" ... นั่นมันอะไรกันน่ะ?! "
ความงามของหินราวกับว่ามันมาจากอีกมิติหนึ่งดูสะท้อนได้อย่างลึกลับท่ามกลางความมืดมิดรอบตัว ประกายเงาที่เคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังที่ทำให้วิคตัสรู้สึกถึงมันแม้ในความมืด
วิคตัสเงยหน้ามองหอกหินที่จู่ๆทะลุขึ้นจากพื้นดิน ทะลวงผ่านอากาศอย่างรุนแรงก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงพลังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ทันใดนั้น กรงเล็บสีดำที่พุ่งเข้ามาทางวิคตัสก็ถูกแทงทะลุด้วยคริสตัลหินอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงแหลมดังก้องไปทั่วพื้นที่
"รีบออกไปซะ . . . พลังของข้าในตอนนี้ไม่อาจจัดการพวกมันได้แต่คงถ่วงเวลาไว้ได้สักพัก! "
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นในหูของวิคตัส มันแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความกังวลและความเร่งรีบ
วิคตัสพยายามเพ่งมองรอบๆ ด้วยความหวังว่าจะสามารถค้นหาเจ้าของเสียงที่ช่วยเขาได้ แต่ครั้งนี้กลับไม่มีสิ่งใดปรากฏออกมานอกจากความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วถ้ำหิน
"ขอบคุณมาก!! ข้าชื่อวิคตัส ขอถามชื่อของท่านได้ไหม?"
เขาร้องถามออกไปด้วยความหวังว่าเสียงของเขาจะถูกตอบกลับมา
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมา...คือความเงียบ
เขาคงไม่อยากรู้จักข้าเลยสินะ...!!
คำคิดนั้นลอยอยู่ในใจของเขา
ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วถ้ำจนเขารู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ในความว่างเปล่าและในช่วงเวลานั้น ความรู้สึกของเขาก็เริ่มผสมผสานระหว่างความกลัวและความอยากรู้เกี่ยวกับชายที่ถูกขังอยู่ข้างหน้า
"ถ้าไม่อยากตอบคำถามงั้นช่วยบอกวิธีออกจากที่นี่หน่อยได้ไหม..? "
เด็กหนุ่มแอบคิดว่าคำถามที่งี่เง่านี้คงไม่ได้คำตอบด้วยเช่นกันแต่หลังจากที่เขาพูดจบ เสียงเฉยชาของอีกฝ่ายก็ชี้ทางให้กับเขาอีกครั้ง
"ค้นหาแสงสว่างจากตัวเจ้าแล้วใช้มันนำทางตัวเองกลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง รีบออกจากดินแดนแห่งความฝันก่อนที่จะสายเกินไป"
วิคตัสรู้สึกเหมือนมีแสงเล็กๆส่องเข้ามาในความคิดเมื่อได้ยินคำตอบของชายผู้ถูกขังจนทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว
"แสงสว่างจากตัวข้า? ...ดินแดนความฝัน?? " วิคตัสถามอย่างสงสัย สายตาของเขายังคงค้นหาในความมืดรอบตัว
"ท่านหมายถึงอะไร? ข้าจะหามันได้อย่างไร?"
อีกฝ่ายเงียบไปชั่วขณะราวกับกำลังพิจารณาคำถามของเขาก่อนจะตอบด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง
" พลังของเจ้าเรียกมันออกมาจงฟังเสียงในใจให้ดีและอย่าให้ความกลัวบดบังจิตใจของเจ้า "
เขาอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่วิคตัสรู้สึกถึงพลังที่เกิดขึ้นในตัวเขา
"ขอบคุณท่านมาก!"
วิคตัสเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ ก่อนที่ชายผู้ถูกขังจะตอบสนองเสียงที่น่ากลัวกว่าเสียงของเขาได้กลับมาอีกครั้ง
" รีบไปเร็วเข้า! อย่ามัวเสียเวลา! "
วิคตัสหันมองชายคนนั้นอีกครั้งก่อนเริ่มก้าวไปในความมืดของถ้ำ
"ถ้าข้าอยู่ในดินแดนแห่งฝัน...ทำไมมันถึงดูน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้?"
เขาบ่นขึ้นมาพึมพำเบาๆก่อนพบรอยแตกของหินบนขอบกำแพงที่มีแสงริบหรี่ส่องออกมาจางๆในขณะที่พยายามเพ่งมองอย่างจดจ่อเขาก็เห็นประกายเล็กๆกระพริบอยู่ข้างหน้า
"...แสงนั่น! "
เขารีบตรงไปที่แสงนั้นอย่างรวดเร็วแต่ในขณะที่เขาเดินไปแสงนั้นกลับยิ่งจางลงราวกับมันกำลังหลบหนีจากเขา
"ทำไมมันไม่หยุดล่ะ?" เขาถามตัวเองขณะที่หยุดลงเพื่อดึงลมหายใจ
"..ถ้านี่....คือฝันจริงๆความรู้สึกแบบนี้ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ?"
ในขณะที่สติของเขากำลังหลุดลอยเสียงกระซิบที่คุ้นเคยค่อยๆดังขึ้นในใจของเขา
รีบออกไปซะ!!...ก่อนที่จะสายเกินไป...
เสียงเตือนนั้นทำให้เขากลับมารู้สึกตัวได้อีกครั้งขณะที่เดินต่อไปวิคตัสเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างในอากาศ มันเหมือนกับการเรียกหาอยู่ไกลๆที่ดังอยู่ในใจของเขา
" ถ้ากำลังฝันจริงๆแล้วข้าจะกลับไปได้ยังไง? "
เขาตั้งคำถามกับตัวเองพยายามตั้งสติสายตายังคงกวาดมองรอบๆแต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย ความมืดรอบตัวเขาดูเหมือนจะยิ่งดึงดูดให้เขาหลงทางมากขึ้น
วิคตัสเริ่มรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจราวกับว่าเขาลืมบางอย่างไปเขาพยายามนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะเข้ามาที่นี่
.. ข้ากำลังทำอะไรอยู่
ยา . . สมุนไพร ..หม้อปรุงยา
ใช่แล้ว!!!!
ข้าหลับไปหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันกับการปรุงยานั่นคือช่วงเวลาที่เขาเข้าสู่ความฝันนี้!!
"หากนี่คือความฝันข้าก็ต้องสามารถควบคุมมันได้สิ!" วิคตัสตะโกนออกมาอย่างมั่นใจเสียงของเขาเหมือนกระแสลมที่ต้านทานความมืดรอบตัวขณะที่กระชับมือและมองไปยังที่ว่างเปล่าข้างหน้า
เมื่อวงจรความคิดของสมองกลับมาทำงานได้ตามปกติอีกครั้ง สายตาของเด็กหนุ่มหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้รูปอักขระสีดำมากมายที่ผนึกไปทั่วถ้ำดูเหมือนจะส่องประกายแปลกๆสลับกับเงามืดที่ล้อมรอบ มันไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ดูน่าสยดสยองแต่กลับมีพลังที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้
"พลังนี่มันอะไรกัน?หรือมันเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้! "
เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่มองไปยังอักขระที่มีรูปร่างซับซ้อนเหล่านั้น
ในขณะที่วิคตัสพยายามหาทางออก เขาสังเกตเห็นว่าเหล่านั้นไม่ได้เพียงแค่มีอยู่ในอักขระแต่ยังคงเกาะอยู่บนตัวของชายหนุ่มที่ถูกแขวนอยู่ด้วยเมื่อเขามองไปที่อีกฝ่าย ชายคนนั้นดูเหมือนจะถูกระงับไว้ภายใต้การผนึกนี้
" ถ้าพลังของข้าถูกผนึก...งั้นลองใช้วิธีที่สุดๆไปเลยก็แล้วกัน!"
ในเมื่อทางเลือกอื่นดูเหมือนจะไม่มี
. . . สันติคงไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป!!
วิคตัสเริ่มรวบรวมสมาธิและหายใจเข้าลึกๆรอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม ทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูชั่วร้ายกว่าปกติเล็กน้อยสายตาของเขาเป็นประกายเมื่อตระหนักถึงทางออกในสถานการณ์อันมืดมิดนี้
วิคตัสมองไปรอบๆค้นหาวัตถุที่สามารถใช้สร้างวงเวทย์ได้อย่างรวดเร็วและหยิบเศษคริสตัลสีดำแปลก ๆ ที่ตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นด้านข้างก่อนที่จะนั่งลงและเริ่มจัดเรียงมันให้เป็นรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับพิธีอัญเชิญ
"Barcaso Dulseuas Somnia ...."
เขากล่าวเสียงดังเพื่อเรียกพลังจากโลกที่เขาไม่แน่ใจว่าจะได้ตอบรับหรือไม่
ในนามของผู้ใช้เวทย์แห่งพงไพร
ข้าขอวิงวอนต่อเทพอินซอมนัสผู้ยิ่งใหญ่
ผู้ปกครองดินแดนนิทราจากอาณาจักรพันหมื่นราตรี จงอำนวยพรแก่ข้าเพื่อชี้ทางแห่งแสงสว่าง
ขับไล่ฝันร้ายที่จองจำและตื่นจากการหลับใหลอันเป็นนิรนดร์นี้ . . .
"คืนสู่ความจริง!"
เขากล่าวเสริมในที่สุดเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นดังสะท้อนทั่วโถงความมืดขณะที่วงเวทย์เริ่มส่องแสงเปล่งประกายขึ้นมาจากเศษคริสตัลที่เขาใช้แสงสีฟ้าสว่างจ้าเริ่มทะลักออกมาจากวงเวทย์อย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าแสงนั้นกำลังตอบรับการเรียกของเขา ขณะที่มันทะลักออกไปพลังงานที่มีอยู่รอบตัวเริ่มสั่นสะเทือนกระทบกับพื้นถ้ำจนทำให้หินบดเคี้ยวเกิดเสียงดัง วิคตัสรู้สึกถึงพลังที่คุ้นเคยหลั่งไหลเข้ามาในตัวเขาก่อนรีบร่ายมนตร์ออกไปทันที
" Phaedra Phara ! โปรดแสดงเส้นทางให้ข้า! "
พลังแสงสว่างที่ถูกเรียกขึ้นค่อยๆขยายตัวออกขับไล่ความมืดและพลังที่กดทับเขาไว้
ทันใดนั้นแสงสว่างก็ฉายขึ้นจากวงเวทย์ล้อมรอบด้วยพลังที่เหมือนกับแสงเหนือจากท้องฟ้า การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่จนสั่นสะเทือนในอากาศเกิดขึ้นขณะที่รูปอักขระสีดำบนผนังถ้ำเริ่มกระพริบและหายไปทีละตัว
วิคตัสรู้สึกเหมือนว่าเขาได้ปลดล็อกอะไรบางอย่างพลังเวทย์ที่ถูกผนึกไว้กำลังไหลเข้าสู่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเองเสียงฟังดูเร่งรีบของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"รีบไป! นี่คือโอกาสของเจ้า!"
"ข้ากำลังทำอยู่!" วิคตัสตอบกลับด้วยความมุ่งมั่นแสงสว่างทำให้เขาเริ่มมองเห็นเส้นทางที่ชัดเจนมากขึ้นเขาเขารีบวิ่งตรงไปยังทางอีกฝั่งของถ้ำ
" ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณจริงๆ ! "
เขาตะโกนขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงดวงตาจับจ้องไปที่เป้าหมายข้างหน้าอย่างชัดเจน
วิคตัสรีบพุ่งตรงไปยังแสงสว่างเบื้องหน้าที่เป็นทางรอดเพียงหนึ่งเดียวแต่กรงเล็บมืดมิดที่ตามมาจากด้านหลังกลับพยายามยื้อดึงเขากลับ
" คุ้มครอง! " เขาผิวปากสร้างมนต์กำแพงป้องกันขณะที่ก้าวข้ามเส้นของแสงสว่าง
เสียงกรงเล็บด้านหลังเบาลงเรื่อยๆราวกับพลังของพวกมันถูกจำกัดจนไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้อีกต่อไป
ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบสงบนิ้วมือเรียวของวิคตัสขยับเล็กน้อยเปลือกตาสั่นไหวก่อนเปิดขึ้นด้วยความตกใจ ภาพเหตุการณ์จากความฝันอันหนักหน่วงยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำราวกับเงาของมันยังแฝงตัวอยู่
วิคตัสกวาดสายตามองรอบๆอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวเองอยู่ในกระท่อมไม้หลังเก่าที่คุ้นเคยก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งใจแม้แต่ตอนนี้หัวใจยังคงเต้นแรงอยู่จากผลกระทบของฝันร้าย
กระท่อมนั้นว่างเปล่าจนทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
…ช่างเหมือนจริงจนน่ากลัว...!!
ความฝันที่เกิดขึ้นนั้นหมายความว่าไงกัน?
เขาพึมพำกับตัวเองรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจริงๆ
ทันทีที่ขยับตัวเพื่อลุกขึ้นยืนความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นจากบริเวณข้อเท้าทำให้เขาเสียการทรงตัวไปชั่วขณะ ร่างกายของเขาโยกไปข้างหน้าก่อนจะต้องพยายามยันตัวไว้กับพื้นอย่างยากลำบาก
สายตาคู่สวยเหลือบมองร่องรอยบาดแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงข้อเท้าของเขาด้วยความงุนงง เลือดสีสดไหลซึมออกจากรอยข่วนยังคงอุ่นอยู่พอที่จะบอกได้ว่าแผลนี้อาจเกิดขึ้นมาได้ไม่นาน
แววตาสีเขียวจ้องมองรอยแผลอย่างตั้งใจความรู้สึกสับสนและกลัวเริ่มแผ่ขยายในจิตใจเมื่อเขานึกถึงที่มาของแผลนี้
" นี่มันหมายความว่าไงกัน? เป็นสัญญาณงั้นหรอ? หรือมันเป็นคำเตือนจากอะไรบางอย่างที่ข้ายังไม่เข้าใจ? อ้าา!!ปวดหัวจริงๆ! "
วิคตัสเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างสับสนก่อนจ้องมองร่องรอยที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป
ประสบการณ์ที่พบบ่อยที่สุดระหว่างการนอนหลับคือ'ความฝัน' ซึ่งสิ่งนี้จะไม่มีผลกระทบใดๆกับเจ้าของความฝันมากนักส่วนใหญ่เป็นเพียงความปราถนาที่อยู่ภายในใจของพวกเขา
แต่สำหรับแม่มดที่เกิดมาพร้อมกับพลังแห่งการพยากรณ์ ทุกความฝันของพวกเขาจะเป็นอีกหนึ่งดินแดนแห่งความจริงที่ในนั้นเวลาทุกเสี้ยววินาทีเป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว
ความฝันเหล่านั้นจึงไม่ใช่แค่ภาพลวงตาแต่เป็นการเชื่อมโยงสายใยที่พันผูกระหว่างผู้คนและเหตุการณ์ในชีวิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ความฝันของแม่มดคืออีกหนึ่งวิถีของพลังเวทย์ที่แสดงถึงทางแยกระหว่างอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณและการปรากฏตัวของคน สัตว์ หรือแม้แต่สถานที่ต่างๆ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ภาพที่ไร้ความหมายแต่เป็นการสะท้อนโลกอีกใบที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผิวโลกที่เราเห็น ทุกความฝันสามารถใช้ทำนายหรือเป็นลางบอกเหตุบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยความลับที่ซ่อนเร้น หรือการเตือนภัยจากสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ความยากที่สุดของการทำนายฝันคือต้องแน่ใจว่าสิ่งที่พบหรือสัมผัสในดินแดนแห่งฝันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกของตัวเองและไม่ใช่ความฝันที่มาจากสิ่งที่พ่อมดแสวงหา
ซึ่งการแยกแยะทั้งสองสิ่งนี้เป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับวิคตัสอย่างแท้จริง
ความกังวลเริ่มก่อตัวในใจของเขาเมื่อเขานึกถึงความซับซ้อนของการตีความความฝัน การที่เขาพบแผลนี้อาจหมายถึงการเตือนภัยจากความฝันที่เขาไม่สามารถเพิกเฉยได้
ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่พื้นอย่างไร้จุดหมาย น้ำหนักของความรับผิดชอบที่มากขึ้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกับมีปมที่ไม่สามารถคลายออกได้
เสียงลมหายใจแผ่วเบาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าในใจที่เต็มไปด้วยคำถาม
"เฮ้ออ~ ถ้าข้าตั้งใจศึกษาศาสตร์พยากรณ์กับท่านยายมากกว่านี้ก็คงดี อย่างน้อยอาจทำให้ข้ารับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากกว่านี้ ! "
เขาพึมพำเสียงเบา
คำสอนของท่านยายเคยเตือนเขาว่า
..โลกนี้ไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่ใครหลายคนคิด
แต่ละคำที่ท่านพูดมักจะทำให้เขาเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ผู้ที่คอยสอนเขาว่าต้องระมัดระวังทุกการกระทำและเลือกเส้นทางด้วยความคิดอย่างลึกซึ้ง
...เขาไม่เข้าใจจริงๆ!! ทำไมทุกอย่างมันกลับทวีความซับซ้อนและหนักหนาขึ้นกว่าเดิม
เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ก่อตัวในอกเมื่อนึกถึงผู้ที่เป็นเหมือนอาจารย์ ทั้งคำสอนและการเตรียมตัวที่ถูกส่งมอบมักช่วยให้เขาเข้าใจโลกที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น
เพียงแต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิม...ครั้งนี้ไม่ใช่ที่ที่ท่านยายสามารถอยู่ข้างเขาได้อีกต่อไป