Chereads / The High Priest / Chapter 15 - บทที่ 15 : อำนาจที่ถูกกักขัง

Chapter 15 - บทที่ 15 : อำนาจที่ถูกกักขัง

ขบวนของนักรบและทาสยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งตามคำสั่งของไคออร์สความเร็วที่เพิ่มขึ้นทำให้ทุกคนรู้สึกเหนื่อยล้าจนได้ยินเสียงหอบหายใจหนักหน่วงในบรรยากาศ

"ทำไมเราถึงต้องรีบขนาดนี้ด้วย?..."

เสียงความสับสนแฝงความไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในกลุ่มทาสดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

ทาสเด็กอีกคนที่อยู่ใกล้เขารีบหยุดเตือนเขาก่อนที่เด็กหญิงคนเดียวภายในกลุ่มค่อยๆเหลือบมองป่ารอบตัวก่อนตั้งข้อสังเกต

"อย่าพูดแบบนั้น! ..เจ้าไม่รู้หรอว่าเรากำลังอยู่ที่ไหนกัน? " เสียงสั่นๆพยายามปลอบใจตัวเองและคนรอบข้างแต่ไม่อาจเก็บซ่อนความกลัวได้

"ป่าที่นี่ดูไม่เหมือนกับที่เราเคยผ่านมา ข้าไม่ได้พูดเล่นนะ! มันแปลกเกินไปข้ารู้สึก...รู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังถูกติดตาม!"

ทาสคนหนึ่งที่เดินอยู่ข้างหลังรีบพูดขึ้นในท่าทีร้อนรน ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจของทาสคนอื่นๆทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติของบรรยากาศโดยรอบ

ไคออร์สยังคงเดินนำขบวนโดยมีสายตาที่มองไปข้างหน้าอย่างเฉียบคมราวกับไม่ได้ยินเสียงกระซิบของพวกเขา ขณะที่เสียงของทาสและนักรบค่อยๆเงียบไปเมื่อคำสั่งของนักบวชชนเผ่าถูกพูดถึงอีกครั้ง

"ท่านอูม่าสั่งให้เราพาทาสกลับไปยังเผ่าให้ทันเวลาไม่เช่นนั้น…"

นักรบที่ถือหอกหินกล่าวเสียงต่ำขณะมองไปยังเส้นทางข้างหน้าหัวใจของเขารู้สึกหนักอึ้งกับคำสั่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

"เหล่าทวยเทพทั้งหลายโปรดเมตตา เจ้าก็รู้ว่าหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามคำสั่งที่ท่านนักบวชต้องการจะเกิดสิ่งใดขึ้น แต่พวกเจ้าก็รู้ยิ่งในช่วงที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาเช่นนี้การเดินทางจะยิ่งยากขึ้นถ้างานครั้งนี้เราล่าช้าเกินกว่ากำหนดล่ะ...?? "

ชายทางฝั่งด้านขวามือกล่าวดังขึ้นทันทีที่ได้ยินเขาพูดเสียงหดหู่ ก่อนจะมองไคออร์สที่ยังคงเดินนำขบวนไปข้างหน้า ท่าทางของเขาไม่ได้แสดงความวิตกกังวลแต่คำพูดของชายผู้นั้นกลับเพิ่มความรู้สึกกดดันให้กับทุกคน

ไคออร์หันไปมองพร้อมสายตาเย็นชาคมกริบเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยอำนาจ

"ฤดูหนาวไม่ใช่สิ่งที่เราต้องกังวลในตอนนี้หยุดพูดไม่เข้าเรื่องรีบเดินทางต่อกันได้แล้ว!แผนเดินทางกลับเผ่ายังคงใช้กำหนดเดิมคำสั่งจากท่านอูม่าไม่อาจเบี่ยงเบนได้ "

เขาพูดพร้อมกับเพิ่มความเร็วในการเดิน

ทาสคนหนึ่งในขบวนเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นในอากาศและเสียงลมที่พัดมาอย่างรุนแรงเสียงกระซิบจากป่ารอบๆดูเหมือนจะยิ่งดังขึ้นกลายเป็นเสียงเหมือนเตือนภัยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

"ข้าเห็นด้วย!! หากไม่ทันเวลาสิ่งที่เกิดขึ้นอาจร้ายแรงเกินกว่าที่เราจะรับมือได้ ข้าว่ารีบกลับเผ่าก่อนเพื่อให้ทันเวลาที่ท่านอูม่ากำชับไว้น่าจะปลอดภัยกว่าส่วนเรื่องทาสที่เหลือนั้น...."

ชายผู้ถือหอกหินกล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลสายตาเหลือบมองทุกคนเพื่อขอความเห็น แต่ไคออร์สไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมเขาเพียงแค่ให้ทุกคนรีบเดินต่อไปข้างหน้าโดยรู้ว่าพวกเขากำลังเสียเวลาอยู่กับการโต้แย้งกัน

"เราควรแบ่งกำลังไปตามหาทาสจากเผ่าต่างๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่"

จู่ๆนักรบคนหนึ่งในขบวนที่ถือค้อนหนักก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นโต้แย้งออกมาด้วยอารมณ์

"แม้การมุ่งหน้ากลับไปเผ่าจะถึงทันเเวลา แต่จำนวนทาสพวกนี้ก็ยังไม่ครบอยู่ดีบางชนเผ่ายังอยู่อีกไกลเราไม่สามารถปล่อยพวกมันไปได้! "

ไคออร์สเหลือบมองคนพูดและทั้งสองประจันหน้ากันอย่างดุเดือด

" นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าสามารถตัดสินใจเองได้ แค่ทำตามข้าก็พอ! "

นักรบด้านหลังที่ดูคุ้นชินกับสถานการณ์นี้หันไปมองเพื่อนร่วมขบวนแล้วพูดอย่างสงสัย

"แค่เตรียมพวกแรงงานทาสทำไมท่านอูม่าถึงต้องให้เรารีบกลับในเวลานี้? นี่มันกระทันหันเกินไปหรือเปล่า? "

อีกฝ่ายแย้งขึ้นเสียงดัง

"มันไม่ใช่เรื่องแค่ทาส! มันเกี่ยวกับชีวิตของพวกเราเอง ท่านอูม่ารู้ดีที่สุดว่าต้องจัดการอย่างไรเจ้าอย่าสงสัยในคำสั่งแม้แต่ทาสหนึ่งคนก็ไม่สามารถปล่อยให้หนีรอดไปได้ !!"

ไคออร์สที่เดินนำอยู่ข้างหน้าได้ยินการโต้แย้งของทั้งสองคน จึงหยุดเดินและหันไปมองพวกเขา ด้วยสายตาที่เยือกเย็น

" หยุดพูดไร้สาระ! ข้าบอกให้รีบไปต่อได้แล้ว "

เสียงของเขาดังกึกก้องในความเงียบ

"ท่านอูม่าและหัวหน้าเผ่ามีเหตุผลที่สั่งการแบบนั้น ส่วนเรื่องทาสที่ยังไม่ครบเรื่องนี้ข้าจะไปหารืออีกครั้ง!! และอย่าพยายามทักท้วงคำสั่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้! " เขาไม่ให้เวลาพวกเขาถามอะไรอีกก่อนจะเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว

นักรบที่ยังคงรู้สึกไม่พอใจทำได้แค่จ้องมองด้านหลังของไคออร์ที่เดินนำไปข้างหน้า

ท่ามกลางการโต้เถียงที่ยังคงดังก้องในขบวน นักรบบางคนหันไปสบตากันในความขุ่นเคือง ขณะที่ไคออร์ยังคงเดินนำต่อไปราวกับไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง

เสียงฝีเท้าในป่าเริ่มกลับมาดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ใช่เสียงฝีเท้าของขบวนเท่านั้น

"ชู่ว!." หัวหน้านักรบส่งเสียงขัดจังหวะการโต้เถียงที่ดุเดือดของเหล่าทีมลาดตะเวน

สายตาดุดันเพ่งมองตรงไปยังแนวชายป่าดำที่ไกลออกไปเกือบ 50 เมตร ได้อย่างคมชัดราวกับว่าภาพตรงหน้าอยู่ห่างจากเขาเพียงเอื้อมมือ

"เงียบซะ! มีบางอย่างกำลังมา" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดก่อนจะยกมือขึ้นทำสัญญาณให้ทุกคนหยุด

ทุกคนหยุดพูดคุยและมองตามสายตาของหัวหน้านักรบแต่สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญคือความเงียบที่มีน้ำหนัก เสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ดังเหมือนกระซิบจากที่ไหนสักแห่งราวกับว่าป่ากำลังเฝ้ามองดูพวกเขาอยู่

ท่ามกลางความเงียบทุกคนในขบวนหยุดและหันไปมองไปยังแนวป่า ขณะที่สายลมพัดแรงขึ้นจนพวกเขาสามารถได้ยินเสียงหอบหายใจของกันและกันสภาพอากาศเริ่มหนาวเย็นลงแต่ความตึงเครียดในอากาศกลับไม่เคยลดลง

"มันคืออะไร?" ชายคนหนึ่งในกลุ่มกระซิบอย่างระมัดระวังเมื่อพูดจบสายตาของทุกคนในขบวนก็หันมองไปตามจุดที่เขาชี้

พุ่มไม้สั่นเล็กน้อยราวกับมีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายในการเคลื่อนไหวเพียงชั่วครู่ที่เกิดขึ้นดึงดูดความสนใจของผู้คนในขบวน ทุกคนต่างหยุดการกระทำลงและจ้องมองไปที่ป่ารอบตัวอย่างระมัดระวัง

จุดพักที่เคยเต็มไปด้วยการโต้เถียงและเสียงร้องของเหล่าทาสกลับเงียบสงัดลงอย่างพร้อมเพียงความน่ากลัวของป่าอาถรรพ์ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางแม้แต่ทาสแรงงานในเผ่าก็เคยได้ยินเรื่องเล่ามาบ้างไม่มากก็น้อย

ไคออร์สปรับสายตาให้คมชัดขึ้น ก่อนจะเห็นร่องรอยบางอย่างบนกำแพงหนามสีดำราวกับว่ามันถูกแหวกออกเป็นเส้นทางเพียงชั่วครู่และมีบางสิ่งถูกโยนออกมาที่พื้น

ใจของเขาหยุดเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่ตกอยู่มันดูเหมือนเศษซากบางอย่างที่ถูกทิ้งไว้

"ที่นั่น… มีบางสิ่งถูกปล่อยออกมา" ชายหนุ่มนักรบผิวสีเข้มพูดขึ้น ขจัดความเงียบในกลุ่ม

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจแต่ทว่าท่าทางของเขายังคงอยู่ในท่าเฝ้าระวังไม่ลดละ ดวงตาของเขาสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของสิ่งรอบตัว

ท่ามกลางความเงียบไคออร์สจ้องไปยังร่องรอยนั้น ร่างสูงใหญ่ของเขายืนนิ่งราวกับคิดคำนวณสิ่งที่ควรทำต่อไปก่อนจะพูดว่า

" ส่งคนไปตรวจดูว่ามันคืออะไร "

ทันทีที่คำสั่งออกจากปากทุกคนในขบวนต่างขยับลงมือตามภารกิจความกลัวที่ไม่ได้พูดออกมายังคงแฝงอยู่ในทุกการกระทำ

ทุกคนรู้ดีว่าการสำรวจในสถานที่เช่นนี้อาจนำไปสู่สิ่งที่ไม่คาดคิดบางทีอาจเป็นความตายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ชายหนุ่มที่ได้รับคำสั่งรีบตรงไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง สายตาของเขาตั้งใจมองไปยังเส้นทางที่เปิดออกก่อนหยุดอยู่ตรงจุดที่มีร่องรอยนั้น และพยายามสังเกตว่ามันคืออะไร

"หัวหน้า! หัวหน้า!!"

เสียงตะโกนดังจากนักรบที่อยู่ด้านหน้าทำให้ไคออร์สเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงนักรบหลายคนต่างยืนล้อมรอบร่างของชายคนหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจ

เหนือซากหญ้าที่แห้งกรัง ทุกคนต่างเห็นด้วยสายตาของตนเองว่าสิ่งที่ถูกโยนออกมาจากป่าอาถรรพ์คือ 'มนุษย์' ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะพบคนที่สามารถรอดชีวิตออกมาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้

"เป็นไปได้ยังไง..." ไคออร์สพึมพำขณะจ้องมองร่างนั้น เขาหรี่ตาอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะถามเสียงต่ำกับนักรบที่อยู่ใกล้ ๆ

" ไปตรวจดูว่าพบร่องรอยอื่นอีกหรือไม่? "

หน่วยลาดตะเวนบางส่วนรีบรับคำสั่งก่อนแยกย้ายกันไปตรวจรอบๆริมแนวป่าสีดำทมิฬ

"นอกจากเรื่องเล่าที่ส่งต่อข้าไม่เคยได้ยินว่ามีใครสามารถรอดชีวิตจากในป่านั้นได้ต่อให้เป็นนักรบฝีมือดีที่สุดของเราก็ตาม..."

นักรบคนหนึ่งตอบเสียงสั่นขณะเหลียวมองไปทางป่าด้วยความหวาดระแวง

" หรือจะ...เป็นอสูรทมิฬ? "

"ไม่ใช่" ไคออร์สกล่าวเรียบ ๆแต่สายตาของเขายังคงจับจ้องชายปริศนา

"มันเป็นมนุษย์แน่ๆแต่อะไรทำให้มันถูกโยนออกมาจากป่าทั้งทียังมีลมหายใจแบบนี้..."

ไคออร์สเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะสั่งการ

"ระวังตัวกันให้ดี ทุกคนถอยห่างไปก่อนข้าจะตรวจดูชายคนนี้เอง "

"...ทำไมไม่ให้ข้าจัดการซะเลยล่ะ?"

นักรบเผ่าดอร์สผู้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับยกหอกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายเย้ยหยันขณะมองร่างชายลึกลับที่นอนหมดสติอยู่

"คนที่รอดออกมาจากป่าอาถรรพ์ได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ข้าว่าปล่อยไว้ก็มีแต่จะเป็นภัยกับพวกเราเท่านั้น"

ไคออร์สยกมือขึ้นห้าม

"ยังไม่ต้อง! ข้ามีแผนการบางอย่าง"

"แต่ถ้ามันคืออสูรทมิฬจริงๆล่ะ? ข้าอยากเห็นนักว่า เลือดของปีศาจจะร้อนแรงแค่ไหน"

เสียงหัวเราะต่ำๆ ดังขึ้นในกลุ่มนักรบ พวกเขาจ้องมองชายที่นอนหมดสติอย่างกับเหยื่อที่กำลังรอการถูกสังหาร ไม่มีความเมตตา ไม่มีความหวั่นไหว มีเพียงความเหี้ยมโหดและความกระหายสงครามเท่านั้น

ไคออร์สมองพวกนักรบเผ่าดอร์สที่ยิ้มเยาะกันด้วยแววตาเคร่งขรึมก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา

"ใจเย็นไว้ก่อน ข้ายังไม่ต้องการให้มันตาย อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้"

"ดูจากเสื้อผ้าและร่างกายไม่น่าจะเป็นคนจากเผ่าใกล้เคียง " ไคออร์สตอบเสียงเรียบเขาสังเกตเห็นว่าร่างกายของเด็กหนุ่มดูอ่อนแอมากจนไม่สามารถหลบหนีจากอันตรายในป่าแห่งนั้นได้

"มันยังมีชีวิตอยู่! " นักรบอีกคนชี้ไปที่หน้าเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะมีลมหายใจเบา ๆ

"ข้าว่าเราควรทำอะไรสักอย่าง !!?"

ไคออร์สหัวเราะแผ่วเบา ดวงตาเย็นชาแล้วยกมุมปากขึ้นนิด ๆ

"ทำอะไรงั้นหรอ? ถ้าฆ่ามันตอนนี้พวกเราจะเสียเวลาเปล่า แต่ข้าคิดว่าเราอาจใช้ประโยชน์จากมันได้ ไม่ใช่ว่าเราต้องการทาสเพิ่มอยู่หรอ ? "

นักรบเผ่าดอร์สต่างสบตากันแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเหี้ยม

"แต่ถ้ามันสร้างปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่ ข้าไม่รับประกันว่ามันจะมีชีวิตรอด"

นักรบที่อยู่ด้านข้างก็ออกมาอย่างรู้หน้าที่ก่อนพลิกสำรวจและถอดเสื้อคลุมหญ้าดาวตกออกมาเหลือเพียงกางเกงเศษหญ้าที่คลุมท่อนล่างของเขาเท่านั้น

ร่างของเด็กหนุ่มที่ยังคงไร้การเคลื่อนไหว เขาดูเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าจากเผ่าอื่น แต่ความสงสัยยังคงปกคลุมไปทั่วทั้งในเรื่องของที่มาของเขาและเหตุผลที่เขาปรากฏตัวในป่าอาถรรพ์นี้

ไคออร์สยังคงยืนมองร่างนั้นอยู่ด้วยความนิ่งสงบ ก่อนจะหันไปสั่งการให้พวกนักรบตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวัง

"แต่จะไว้ใจได้เหรอ?มันอาจจะเป็นกับดักก็ได้ข้ารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ . . " นักรบคนเดิมถามด้วยน้ำเสียงที่ยังเต็มไปด้วยความระแวง

"จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้ามันเป็นกับดัก กำลังคนของเรายังพอต้านทานมันได้สักพัก..แต่ถ้ามันคิดจะหนีหรือทำเรื่องผิดปกติจริงๆข้าจะจัดการเอง "

ไคออร์สตอบขณะยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม เสียงลมที่พัดผ่านในป่าลึกทำให้ความตึงเครียดในอากาศยิ่งเพิ่มขึ้นทุกคนมองไปที่ไคออร์สแต่ก็ไม่มีใครกล้าแย้งคำสั่ง

ขณะที่นักรบอีกสองคนพากันมองไปที่เขาด้วยความสงสัยก่อนเห็นไคออร์สหยิบเชือกที่ทำจากวัสดุพิเศษออกมาจากกระเป๋าหนังที่อยู่ข้างเอว เขาย่อตัวลงข้างๆวิคตัสที่นอนอยู่บนพื้นดิน มือหนึ่งจับข้อมือของเขาไว้ขณะที่อีกมือหนึ่งเริ่มพันเชือกรอบข้อมืออย่างระมัดระวัง

เชือกนั้นส่องแสงจางๆเมื่อสัมผัสกับผิวของเด็กหนุ่ม ราวกับมีชีวิตที่ตอบสนองต่อร่างกายของเขา ว่ากันว่าเชือกนี้มีความสามารถในการกักขังพลังของผู้ที่ถูกมัดเมื่อพันรอบร่างกายแล้วจะทำให้พลังเวทย์ของผู้ถูกมัดลดลงหรือแม้แต่หยุดการใช้งานทั้งหมดไปชั่วขณะ

ไคออร์สยืนนิ่งขณะที่มือของเขาหยิบเชือกมัดข้อมือวิคตัสให้แน่นขึ้นจนเกิดรอยแดงๆบนข้อมือด้วยความสามารถจาก เชือกครอบงำ ทำให้เขามั่นใจว่าแม้เด็กหนุ่มจะมีพลังบางอย่างแต่มันก็ไม่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ในสภาพเช่นนี้

เมื่อมัดข้อมือวิคตัสเสร็จสิ้นไคออร์สก็ลุกขึ้นยืนและหันไปสั่งการให้เหล่านักรบและทาสที่เหลือเตรียมตัวเดินทางกลับสู่เผ่าดอร์ส

ท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมร่างของวิคตัสถูกหามไปอย่างระมัดระวัง ขณะที่นักรบที่เหลือคอยถืออาวุธป้องกันจากสิ่งไม่คาดคิด

"เตรียมตัวกลับไปที่เผ่า หลังจากนี้เราจะไม่หยุดอีกต่อไป!!"

ไคออร์สกล่าวสั่งการเสียงแข็ง ท่าทางของเขากระตุ้นให้เหล่านักรบและทาสที่เหลือเตรียมตัวเดินทางด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

วิคตัสยังคงนิ่งเงียบในสภาพที่ถูกมัดไว้ลมหายใจของเขาค่อยๆช้าลงขณะที่ภายในจิตใจของเขาดูเหมือนจะมีการต่อสู้ที่มองไม่เห็นเกิดขึ้น . .

บางอย่างในร่างกายของเขาเริ่มปั่นป่วนราวกับมีพลังบางอย่างพยายามต่อต้านการควบคุมนี้ พลังที่ซ่อนเร้นภายในร่างกายของเขาอาจกำลังตื่นขึ้น แต่เชือกครอบงำยังคงทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติป้องกันไม่ให้เขาทำอะไรได้

ความกดดันแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูทุกฝีเท้าที่ก้าวกระทบพื้นดินดังก้องในหัวของแต่ละคน ราวกับบอกถึงชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้า

นักรบเดินนำอย่างเงียบขรึมดวงตาจับจ้องไปยังเส้นทางข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ทาสที่ถูกผูกติดกันเป็นแถวยาวต่างก้มหน้าก้มตาเดินตามด้วยความเหนื่อยล้าและหวาดกลัว ปลายทางของพวกเขาคือดินแดนของ ชนเผ่าดอร์ส สถานที่ที่ไม่มีใครในหมู่ทาสเคยก้าวเข้าไปมาก่อน มีเพียงเรื่องเล่าถึงความโหดร้ายของชนเผ่าที่ดังก้องอยู่ภายในใจของทุกคน

...

..