นักรบคอยเดินประกบทุกด้านเพื่อเฝ้าระวัง วิคตัสมองไปรอบๆรับรู้ได้ถึงแรงกดดันและความกลัวจากคนอื่นๆ ทาสรอบตัวดูหมดหวังบางคนยืนนิ่งเหม่อลอยเหมือนรอเวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต ขณะที่บางคนไม่กล้าสบตากับใครยืนตัวสั่นหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
หมอกหนาค่อยๆคืบคลานเมื่อขบวนเข้าใกล้ป่าอาถรรพ์วาลดัล สภาพแวดล้อมเริ่มเปลี่ยนไป ต้นไม้หลายแห่งกลายเป็นเงาทะมึน ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงลานบูชายัญในที่สุด
มันเป็นเพียงทุ่งหญ้าราบโล่งที่มีหินสูงเรียงรายเป็นวงกลม มีแท่นหินบูชาตั้งอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยกองไฟขนาดใหญ่ส่องแสงสลัว
"มันจบแล้ว...พวกเราทุกคนจะตายกันอยู่ที่นี่" ฮาเทลกระซิบเบา ๆ
ขณะที่ขบวนหยุดลงทาสทุกคนถูกนำไปที่ลานเตรียมพร้อมสำหรับพิธี วิคตัสรู้ว่าตอนนี้คือจุดเปลี่ยนชะตาชีวิตแต่เขายังมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ เขาเหลือบมองไปยังแท่นพิธีที่ตั้งอยู่ตรงกลางลาน มีการจัดวางเครื่องเซ่นที่ทำจากขนสัตว์และผลไม้ที่ดูเหมือนจะถูกเลือกมาเป็นอย่างดี
"ต้องรีบหาวิธี ..พวกเขาจะไม่สังเกตเราในช่วงทำพิธี " ลีนอสพูดเสียงกระซิบ
"ข้าจะลองเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันดู "
วิคตัสตอบ เขารู้ว่าการใช้จังหวะที่คนมุ่งมั่นอยู่กับพิธีเป็นโอกาสดีในการหลบหนีแต่เขาก็ต้องหาทางปลดเชือกที่มัดตัวเขาก่อน
ขณะที่พวกเขารออย่างตึงเครียด เสียงบทสวดแปลกๆจากกลุ่มผู้ทำพิธีก็เริ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเหล่าทาสที่ถูกบังคับให้เป็นเครื่องสังเวย
"อ๊ากกกก!!" เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น วิคตัสสะดุ้งรู้สึกเหมือนหัวใจบีบรัดอย่างรุนแรงเมื่อเห็นร่างของทาสคนหนึ่งถูกดึงออกมาหน้าลานพิธี เด็กชายคนนั้นดิ้นรนสุดกำลัง ร้องไห้สะอื้นพลางหันมองรอบด้านขอความช่วยเหลือ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวสั่นระริก
"ช่วยข้าด้วย! อย่าเอาข้าไป! ได้โปรด!!"
ร่างเล็กๆถูกลากไปบนแท่นหินด้วยแรงของนักรบเสียงกรีดร้องของเขาดังขึ้น ทว่านักบวชอูม่ายังคงสวดคำแปลกๆต่อไป
เพียงไม่นานหมอกวิญญาณสีดำก็ลอยออกมาจากกระโหลกบนเครื่องประดับศีรษะและพุ่งเข้าใส่ทาสคนนั้น
"ไม่! อย่า!! ได้โปรด!!" เด็กชายร้องลั่น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มือเล็กๆ พยายามยกขึ้นปัดป้องราวกับหวังว่านั่นจะหยุดหมอกอันน่าสะพรึงได้ แต่ความหวังนั้นพังทลายในเสี้ยววินาที
หมอกสีดำพุ่งเข้าห่อหุ้มร่างเล็กของเด็กคนนั้นเสียงร้องของทาสที่ถูกสังเวยเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องที่โหยหวน
"อ๊ากกกก!! อ๊าาาา!!" เสียงกรีดร้องดังสะท้อนอยู่ในหูของทุกคนที่เฝ้ามองอยู่ ทาสบางคนเบือนหน้าหนีด้วยความสยดสยอง บางคนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด แต่นักบวชยังคงสวดต่อไป ราวกับว่าบทสวดนั้นยิ่งปลุกเร้าให้หมอกดำกระหายยิ่งกว่าเดิม
.
..
"กร๊วบ... กร๊อบ... กร๊อบ..."
เสียงเคี้ยวกระดูกและเนื้อที่ถูกบดขยี้ ดังชัดเจนในความเงียบงัน ขนตามร่างกายของวิคตัสลุกชัน หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอกเขาจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้
".. นี่มัน... อะไรกัน...พวกมันเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว " ลมหายใจของเขาติดขัดไปชั่วขณะ
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ หมอกสีดำก็ค่อยๆจางหาย เด็กชายคนนั้นที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหลงเหลือเพียงซากกระดูกที่เปื้อนเลือดตกอยู่ตามพื้น ร่างกายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์เหลือเพียงซากอันแห้งผากที่ไม่มีวันได้ร้องไห้อีกต่อไป
เสียงสวดของอูม่าฟังดูหนักแน่นขึ้นทุกขณะ ถ้อยคำแปลกประหลาดที่ไม่มีใครเข้าใจดังสะท้อนไปทั่วลานพิธี ดวงตาของนางปิดสนิท แต่ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวราวกับกำลังต่อสู้อยู่กับบางสิ่งในมิติที่มองไม่เห็น ทุกจังหวะคำที่เปล่งออกมาราวกับเป็นเสียงของปีศาจจากขุมนรก
ไอหมอกวิญญาณสีดำยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ กระโหลกบนศีรษะของอูม่ามันยังคงแผ่พลังแห่งความตายออกมา ทาสหลายคนก้มหน้าหลบสายตา บางคนกำมือแน่นราวกับวิงวอนขอให้ไม่ตกเป็นเหยื่อรายต่อไป
วิคตัสสูดลมหายใจลึก ร่างกายยังคงสั่นเล็กน้อยจากภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเขามองดูนักบวชชราที่เป็นศูนย์กลางของพิธี
...ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ ถ้านางพลาด ทุกอย่างก็จะจบสิ้น
" กฎพื้นฐานของพิธีกรรมข้อแรก—ห้ามเสียสมาธิ! "
วิคตัสจ้องไปที่อูม่า ดวงตาเหมือนนักล่าที่จดจ่อกับเหยื่อ แผนการผุดขึ้นในหัวของเขา มันไม่ได้ซับซ้อนแต่มันคือแผนที่มีโอกาสรอดแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น..แต่แค่ชั่วครู่ก็เพียงพอแล้ว !!
เหล่าผู้ร่วมพิธีต่างยืนล้อมรอบด้วยท่าทางเคร่งขรึมไม่มีใครสนใจเสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าของทาสที่ตายไป สายตาทุกคนจับจ้องไปยังอูม่าด้วยความเคารพเหมือนกระบวนการทั้งหมดนี้เป็นพิธีกรรมอันศักสิทธิ์
...แต่สำหรับวิคตัส ภาพเหล่านั้นน่าหัวเราะยิ่งนัก!
" กับพิธีสังเวยชีวิตคนแบบนี้น่ะหรอ? เฮอะ ..น่าขยะแขยงชะมัด "
"ความเชื่อล้าหลังและเสื่อมถอยเช่นนี้น่าแปลกที่พวกเจ้าทุกคนยังศรัทธาได้ลง ถ้าไม่มีใครกล้าจะทำลายมัน งั้นข้านี่แหละที่จะเป็นคนลงมือเอง ! "
เขาจ้องมองไปที่อูม่าอีกครั้ง เธอกำลังจะยกคฑาขึ้นเพื่อปลดปล่อยพลังเวทบางอย่าง เสียงสวดของเธอยังคงดำเนินไปไม่หยุด แต่ในช่วงที่ความเงียบงันของฝูงชนเข้าครอบงำ วิคตัสกลับตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
"เฮ้!" เสียงของเขาดังก้องไปทั่วลานพิธี
ราวกับเสียงฟ้าผ่าที่กรีดผ่านความเงียบ เสียงนั้นดังชัดเจนจนผู้คนที่กำลังสวดมนต์ถึงกับสะดุ้ง หลายคนหันมามองทันที บางคนมีสีหน้าตกใจ บางคนมีแววตาเย็นเยียบ ราวกับจะสาปแช่งเขาด้วยสายตา
"พวกเจ้าใช้การสังเวยแบบนี้กันตลอดเลยงั้นรึ? มันช่างน่าเบื่อหน่ายมาก!!"
เสียงของวิคตัสดังขึ้นกึกก้องจนทุกคนในบริเวณหยุดนิ่งพร้อมกันราวกับถูกสะกดด้วยถ้อยคำที่บ้าบิ่นนั้น
" นี่!!..เจ้าคือแม่มดแก่หนังเหี่ยวอูมาม่าอะไรนั่นสินะ?! เจ้าคิดว่าเราจะยอมถูกสังเวยแบบนี้จริงๆเหรอ? ด้วยพิธีกรรมที่น่าเบื่อที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นนี้เนี่ยนะ!!?? "
เสียงตะโกนของวิคตัสดังชัดเจน ทุกคนในลานถึงกับเบิกตากว้างใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่เคยมีใครกล้าพูดจาหยาบช้ากับอูม่าเช่นนี้มาก่อน
"หึ! ให้ตายเถอะ !!.หากเรื่องนี้หลุดรอดไปผู้คนในตระกูลข้าคงหัวเราะข้าจนตายอีกรอบแน่!!"
เสียงหัวเราะดังขึ้นท่ามกลางสายของทาสคนอื่นๆ ทริย่ามองไปที่วิคตัสด้วยสายตาตกตะลึง ขณะที่อูรอคและฮาเทลที่ยืนอยู่ข้างๆเขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับคำพูดยาวเหยียดและท่าทางที่เกินจริงของวิคตัส
แต่วิคตัสคือใคร ??? เขาคือผู้ที่สามารถเพิกเฉยต่อความอับอายได้มากที่สุดในสถานการณ์ที่ต้องการเอาชนะทุกคน ยิ่งต่อหน้าพวกคนป่าเถื่อนดึกดำบรรพ์พวกนี้แล้วเหตุผลที่ต้องรักษาหน้าตาเอาไว้คืออะไร ???
. . .ของแบบนั้นมีซะที่ไหนกันล่ะ !!!
"แล้วอีกอย่าง...ข้าจะบอกอะไรให้ ถ้าพิธีกรรมนี้เปรียบเหมือนหน้าตาของเจ้า ข้าคงหลับไปตั้งแต่เริ่มพิธีแล้ว! ...อ๊าา นี่มันช่างเลวร้ายจริงๆ! "
เสียงหัวเราะของเขาดังก้อง ราวกับเป็นเสียงหัวเราะของคนเสียสติ วิคตัสเมินเฉยต่อปฏิกิริยาของเหล่าทาสที่จ้องมองเขาอย่างแนบเนียนและยังคงแสดงท่าทางล้อเลียนนักบวชชราโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
"เอาเถอะ! ข้าเข้าใจดีว่าพวกเจ้าต้องการทำพิธีสังเวยอะไรนี่จริง ๆ แต่ข้าว่า... ถ้าจะทำให้ใครสักคนต้องตายทั้งทีก็ควรมีสไตล์ที่น่าจดจำบ้างไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่แค่พึมพำซ้ำซากเหมือนพ่อครัวโง่ที่ใส่เกลือเกินจนซุปทั้งหม้อเสียรสชาติ!"
"ข้าว่าแม้แต่เทพอสูรเองก็คงรำคาญเสียงพวกเจ้าเกินจะรอฟังให้จบ! หรือบางที..พวกเขาอาจหลับไปแล้วก็ได้ เฮอะ!"
บรรยากาศรอบตัวตึงเครียดในฉับพลัน บทสวดที่เคยต่อเนื่องพลันหยุดลงเหล่าชนเผ่าที่คุกเข่าอยู่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว ความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีถูกรบกวนโดยถ้อยคำหยาบช้าที่เต็มไปด้วยการดูหมิ่น
"หุบปาก!!..หยุดพูดเดี๋ยวนี้!! แกจะต้องชดใช้ที่กล้ามาทำลายพิธีกรรมของข้า ไคออร์ส!!! "
อูม่าตะโกนเสียงดัง
จากมุมลานพิธี ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนพิงเสาไม้ค้ำหินศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆก้าวออกมา แผงอกกว้างเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่สลักลึกใบหน้าของเขาประดับด้วยหน้ากากที่ทำจากกระดูกสัตว์ขอบแหลมคมยื่นออกมาเหมือนเขี้ยวสัตว์ร้าย
ไม่มีใครกล้าขยับหรือส่งเสียงออกมาทุกคนเพียงมองเขาเดินตรงไปที่กลางลานพิธีกรรม ดวงตาสีเหลืองวาวใต้หน้ากากจ้องนิ่งไปยังวิคตัส
เพียงชั่วพริบตา…เสียงกรีดร้องแสบหูก็ดังขึ้น!
" อ๊ากกกกกกกก!! "
เสียงแหลมสูงดังก้อง เสียงนั้นดังเสียจนทาสคนอื่นหันมองตามต้นเสียง
ฉึก! ฉึก!
เสียงปลายแหลมพุ่งทะลุอากาศ แหวกความเงียบที่ก่อตัวขึ้น "เดือยกระดูก" พุ่งเหมือนลูกธนูสีขาว มันเร็วเสียจนไม่มีใครทันมองเห็น
ปลายแหลมของมันเจาะทะลุแขนของวิคตัส เด็กชายที่นั่งอยู่ไม่ไกลดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความกลัว
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!"
เลือดสีแดงสดกระเซ็นลงบนพื้นอย่างรุนแรงร่างของเขาทรุดลงกองกับพื้นในทันที แขนที่ถูกเจาะทะลุชุ่มโชกไปด้วยเลือด
ไคออร์สยังคงยืนนิ่ง ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ดวงตาเหลืองซีดใต้หน้ากากกระดูกจับจ้องเด็กที่กำลังดิ้นรนเหมือนเฝ้าดูหนูที่ติดกับดัก
"นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องชดใช้ในการรบกวนพิธีของท่านนักบวช...!!" เสียงของเขาเปล่งออกมาเบาๆ แต่มันหนักเหมือนหินที่ทับอยู่บนอกของทุกคนในลาน
ปลายแหลมเจาะทะลุแขนของวิคตัสเลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นลงบนพื้นดิน ร่างของเหยื่อทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมเสียงเจ็บปวด
"ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูสิ! มันยังสั่นสะท้านอยู่เลย! "
อูม่าหัวเราะลั่น ท่าทางของเขาดูบ้าคลั่งยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเห็นร่างของทาสดิ้นรนอยู่ใต้เท้าของนักรบ ไคออร์สย่ำส้นลงไปบนแผ่นหลังของเหยื่อจนได้ยินเสียงกระดูกบดเบา ๆ
"จำเอาไว้ให้ขึ้นใจซะ! นี่คือบทเรียนสำหรับพวกเจ้าทุกคน!" ไคออร์สแสยะยิ้ม ขณะที่ปลายเท้าของเขายังเหยียบร่างของทาสที่บอบช้ำ
"เมื่อใดที่เจ้าคิดต่อต้าน... จงอย่าลืมว่าชะตากรรมของพวกเจ้าจะต้องตกต่ำกว่าอากาศที่เจ้าหายใจ"
เขาชูเดือยกระดูกขึ้นเหนือหัว เลือดที่เปรอะปลายเดือยหยดลงมาเป็นสายราวกับเป็น "ตราประทับแห่งความพ่ายแพ้" ที่ยากจะลบเลือน
แม้จะไม่สามารถเข้าใจคำพูดยืดยาวของอีกฝ่าย แต่พิจารณาจากเสียงโห่ร้องรอบด้านของผู้คนทำให้การแสดงออกของวิคตัสเปลี่ยนไปทันทีสายตาจ้องมองไปยังผู้คุมที่กำลังพูดพล่ามอยู่อย่างดุดัน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยแท่งกระดูกที่ปักอยู่เต็มลำตัว
"ยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?"
เขาชำเลืองมองร่างกายเล็กๆ ที่อาบย้อมไปด้วยสีแดงและแผลมากมายด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่วิคตัสจะตอบโต้ด้วยเสียงที่ต่ำและเต็มไปด้วยความโกรธ
"พวกแกคิดว่า...จะได้สิ่งตอบแทนจากเทพอสูรด้วยการเข่นฆ่าผู้คนแบบนี้น่ะเหรอ? ช่างโง่เขลาสิ้นดี ! "
เสียงของวิคตัสเปล่งออกมาพร้อมกับความโกรธที่สะท้อนในแต่ละคำพูดแม้จะถูกตรึงด้วยเชือกที่กักขังพลังเวทย์
ในพิธีกรรมอันแสนโหดร้ายเขามองไปที่กองซากกระดูกของทาสและคนที่ได้รับบาดเจ็บที่กำลังถูกนำไปทรมานอีกครั้งด้วยอารมณ์หลากหลาย
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยที่ชั่วร้ายดังก้องอยู่เหนือหัวของวิคตัส
"เจ้าคิดว่าตัวเองมีพลังมากแค่ไหนกัน? น่าแปลกใจนัก เพียงไม่กี่วันที่เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เจ้ากลับพูดภาษาของพวกเราได้อย่างคล่องแคล่วราวกับพวกเดียวกัน ตัวตนของเจ้าคืออะไรกันแน่?!"
วิคตัสหอบหายใจถี่ เขามองไปที่กองซากกระดูกที่อยู่ใกล้ลานพิธี บางส่วนเป็นซี่โครงที่ยังมีเศษเนื้อเกาะอยู่บางส่วนคือกะโหลกของมนุษย์ที่มีรอยร้าวจากแรงกระแทก ภาพเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่า หากเขาพลาดแม้เพียงครั้งเดียวก็คงไม่ต่างจากซากพวกนั้น
"แม้ร่องรอยของซีเรนจะยังไม่ปรากฏบนตัวมันแต่ข้าคงปล่อยให้มันหลุดรอดออกไปไม่ได้" เสียงของ อูม่า ดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน เธอสวมชุดคลุมดำสนิทดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
"มันเป็นภัยต่อเผ่าของเรามันไม่ใช่เพียงแค่ทาสธรรมดา...แต่มันคือ 'ตัวคำสาป' ถ้าปล่อยมันไป เราจะรับมือกับคำสาปที่มันปล่อยออกมาไม่ได้"
ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้อง คล้ายกับเหล่าสัตว์ป่าที่ได้กลิ่นเลือด ไคออร์สยิ้มกว้างพลางยกหอกหินขึ้นสูงเหนือหัว
"ท่านนักบวช...ข้าว่าเราควรรีบจัดการพวกมันเพราะไม่รู้ว่าคำสาปได้แพร่กระจายไปยังทาสคนอื่นๆแล้วหรือยัง! ซีเรนคือหายนะของเรา! เราต้องกำจัดมัน !!"
วิคตัสกัดฟันจนแน่น ข้อมือและข้อเท้ายังคงถูกมัดอย่างแน่นหนาไคออร์สหัวเราะเมื่อเห็นความทุกข์ทรมานของอีกฝ่าย
" ท่านนักบวช...ข้าว่าเราควรรีบจัดการพวกมันเพราะไม่รู้ว่าคำสาปได้แพร่กระจายไปยังทาสคนอื่นๆแล้วหรือยัง มันคือตัวอันตรายจริงๆ.!!"
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดอีกครั้ง ขณะที่เสียงหัวเราะและเสียงโห่ร้องของผู้คนผสมกับเสียงร้องขอความเมตตาของทาสทำให้เกิดความขัดแย้งในใจของทุกคนทาสหลายคนมองกันด้วยสายตาที่สิ้นหวัง
"เจ้าควรดีใจที่พลังของข้าหายไป " วิคตัสแค่นเสียง ริมฝีปากที่แห้งผากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา "เพราะถ้าข้ารอดไปได้...พวกแกทุกคนจะต้องได้ชดใช้อย่างแน่นอน!"
ใช่ ข้ายังไม่ตาย...
เขาคิดในใจในขณะที่เลือดอุ่นๆไหลผ่านข้อมือที่ถูกมัดแน่น หากเป็นมนุษย์ธรรมดาด้วยบาดแผลที่มากขนาดนี้เขาคงเดินไปถึงสะพานยมโลกแล้ว
แต่วิคตัสไม่เหมือนคนอื่น
— เลือดของเขาพิเศษกว่าคนทั่วไป..เล็กน้อย !
ต้องขอบคุณสายเลือดแม่มด ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขา แม้เวทมนตร์จะถูกผนึกด้วยเชือกครอบงำแต่ร่างกายยังคงแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปมาก ถึงพลังจะหายไปแต่เขาก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ในนรกแห่งนี้เพื่อขยับปากโต้เถียงกับชาวเผ่าป่าเถื่อนไร้สมองได้นานหลายนาที
ไคออร์สก้าวเข้ามาพร้อมย่อตัวลงมาในระดับสายตาของวิคตัส มือหนาบีบปลายคางของเขาแน่น
"ทาสที่ใกล้ตายเช่นเจ้า ไม่จำเป็นต้องพูดให้ตัวเองลำบากไปมากกว่านี้ "