ระหว่างที่อัคราวิชญ์กำลังนวดเท้าให้วีรภัทราอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น พอเธอเห็นว่าเป็นข้อความจากณัฐชานนท์ก็ตอบไปตามปกติว่าไม่เป็นอะไรแล้ว และเธอก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากสามี ส่วนเขาที่กำลังจดจ่ออยู่กับการดูแลเธอ ก็เริ่มกระวนกระวายใจนิด ๆ และพยายามบอกตัวเองให้ไม่แสดงออกอยู่นั้น แต่ก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้ว่า
"ใครส่งมาเหรอ" อัคราวิชญ์ถามพลางก้มมองมือตัวเองที่กำลังนวดวีรภัทราอยู่
"คุณนนท์ค่ะ" วีรภัทราตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
"คุยอะไรกันเหรอ" อัคราวิชญ์ถามต่อ ทำให้วีรภัทรารู้สึกตัวได้ทันทีว่า เขากำลังสงสัยอยู่ เธอจึงตัดสินใจเล่าให้ฟังทั้งหมด
"ก็...ตอนที่คุณกำลังคุยกับคนในทีมวีอยู่ คุณนนท์เขาทักมาถามว่าทำอะไรอยู่ วีก็ตอบตามจริงว่าวีบาดเจ็บ เขาเป็นห่วงก็เลยถามมาค่ะ" วีรภัทราอธิบายจนจบ แต่อัคราวิชญ์กลับเงียบลงเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วเขาก็พูดต่อว่า
"ครับ" อัคราวิชญ์เลือกที่จะข่มใจตัวเอง ไม่ให้ความหงุดหงิดไปลงที่วีรภัทรา จึงตอบกลับไปแบบสั้น ๆ
"คุณไม่ได้กำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่ใช่ไหมคะ" วีรภัทราถามกลับด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย
"ไม่ครับ คุณ 2 คนเป็นเพื่อนกัน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะถาม" อัคราวิชญ์ตอบกลับด้วยเหตุผล แม้จะรู้สึกแย้งในใจว่า ทำไมเพื่อนเขาถึงดูใส่ใจเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ก็บอกปฏิเสธเขามา หรือว่ามีใครคนใดคนหนึ่งกำลังโกหกเขาอยู่กันนะ เขาจึงตัดสินใจกับตัวเองว่า จะต้องสังเกต 2 คนนี้ให้มากขึ้นแล้ว
ขณะที่อัคราวิชญ์กำลังนวดเท้าวีรภัทราอยู่ เธอก็พูดขึ้นหลังจากเงียบกันไปว่า "วีดีขึ้นแล้วค่ะ"
"ว่าอะไรนะ" อัคราวิชญ์ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองนั้น ก็สะดุ้งขึ้นมาแล้วถามวีรภัทรากลับ เพราะไม่ได้ยินคำพูดของเธอเมื่อกี้นี้
"วีดีขึ้นแล้วค่ะ" วีรภัทราย้ำคำตอบอีกครั้ง ทำให้อัคราวิชญ์ปล่อยมือจากเท้าเธอลง
จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกลับไปทำงาน และจบวันนี้ไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีคำถามใด ๆ กันอีกเลย จนเวลาผ่านไปถึงวันที่ 25 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่พนักงานบริษัทต่างมาทำงานกันอย่างรื่นเริง เพราะตามธรรมเนียมของบริษัทแล้ว จะมีการจัดกิจกรรมจับฉลากของขวัญกัน โดยปกติอัคราวิชญ์จะมีความสุขมากในวันนี้ แต่พอเสียนันทิชาไปตั้งแต่วันนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบงานนี้ขึ้นมาทันที เพราะความทรงจำในอดีตยังคอยตอกย้ำเขาอยู่ร่ำไป
ส่วนวีรภัทราที่เห็นว่าการกระทำของอัคราวิชญ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จึงคิดอยากจะจัดงานเฉลิมฉลองส่วนตัวให้เขาที่บ้าน เพราะที่ผ่านมาเขาก็ทำงานมาหนักมาก แต่แล้วความเป็นจริงกับสิ่งที่คิดก็สวนทางกัน ในตอนที่เขาก้าวขาออกมาจากลิฟต์ก็ถูกยิงด้วยพลุกระดาษสายรุ้ง อีกทั้งยังเห็นการตกแต่งที่บ่งบอกให้รู้ว่าจัดงานสังสรรค์กัน ก็ยิ่งทำให้เขาหัวเสียมากขึ้นไปอีก เพราะความเจ็บปวดภายในใจที่เขาดูแลคนรักได้ไม่ดีพอ กับคำสัญญาที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปเพราะใครบางคนทำ เขาจึงโมโหและเดินกลับขึ้นลิฟต์ไปโดยไม่สนใจเธอที่พยายามสร้างความสุขให้เขา เธอได้แต่ยืนงง มองเขาเดินขึ้นลิฟต์ไปโดยไม่เข้าใจเหตุผลของเขาอยู่ดี สุดท้ายก็ทำได้แค่เก็บของทั้งหมดที่เตรียมไว้
ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง รถตู้ของบ้านคุณหญิงวิไลรัตน์ก็เข้ามาจอด วีรภัทราจึงรีบเดินไปเปิดประตูให้และเชิญคุณหญิงเข้ามาในบ้าน จากนั้นเธอก็รีบเดินไปที่ห้องครัวเพื่อนำน้ำมาเสิร์ฟ พอคุณหญิงจิบน้ำเสร็จ ก็พูดขึ้นว่า
"คินน์ไม่อยู่บ้านเหรอจ้ะ" คุณหญิงวิไลรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางยิ้มน้อย ๆ ไปด้วย
"อยู่ค่ะ แต่ว่า..." วีรภัทราตอบอย่างสุภาพ แต่ความลังเลของเธอที่ส่งผ่านทางสีหน้า แววตา และคำพูด ทำให้คุณหญิงวิไลรัตน์เอียงคอเล็กน้อย และถามเธอกลับว่า
"มีอะไรหรือเปล่าจ้ะ ถามแม่มาได้เลยนะ" คุณหญิงวิไลรัตน์พูดเปิดโอกาสให้วีรภัทรา
"คือ...วีไม่แน่ใจค่ะว่าทำไมเขาต้องโกรธมากด้วย วีแค่จัดงานฉลองให้เขาที่ทำงานมาเหนื่อยมาก แค่นั้นเองค่ะ" วีรภัทราค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ เพราะในใจก็กลัวว่าคุณหญิงวิไลรัตน์จะคิดว่าเธอกล่าวหาลูกชายเขาอยู่หรือเปล่า
"แม่รู้จ้ะ จริง ๆ ก็ดีนะที่ทำให้คินน์ แต่คินน์เขาเจ็บและเสียใจมามาก" คุณหญิงวิไลรัตน์ค่อย ๆ อธิบายออกมาทีละนิด
"มีเรื่องอะไรที่วีต้องระวังเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ" วีรภัทรารู้สึกได้ว่าวันนี้ต้องเป็นวันที่สำคัญมาก จึงได้ถามกลับไป
"ใช่จ้ะ มีอยู่ไม่กี่วันหรอกจ้ะที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมันเกี่ยวข้องกับแฟนคนก่อนของคินน์และพ่อของเขาจ้ะ" คุณหญิงวิไลรัตน์เฉลยคำตอบที่วีรภัทราได้แต่สงสัยมาโดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา
"วันไหนบ้างเหรอคะ" วีรภัทราถามกลับทันที
"ก็มีวันนี้ แล้วก็วันที่ 18 กันยายน กับ 18 ธันวาคม มีทั้งหมด 3 วันจ้ะ พยายามระวังนิดหนึ่งนะจ้ะ เพราะอาจจะกระทบจิตใจคินน์ได้ไม่มากก็น้อย" คุณหญิงวิไลรัตน์ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
"ค่ะ วีจะระวังให้มากค่ะ" วีรภัทราตอบกลับอย่างเข้าใจ
"เดี๋ยววีขึ้นไปตามคุณคินน์ให้นะคะ" วีรภัทราเสนอตัวเดินขึ้นไปตามให้ แล้วคุณหญิงวิไลรัตน์ก็พยักหน้ายิ้ม เธอจึงลุกขยับตัวทันที
ตอนนี้วีรภัทรายืนอยู่หน้าห้องนอนของอัคราวิชญ์เรียบร้อยแล้ว เธอยืนลังเลว่าจะพูดยังไงดี เลยเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ จนในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะเคาะเรียก ในจังหวะที่มือเธอกำลังจะเคาะโดนประตูนั้น อัคราวิชญ์ก็เปิดประตูออกมาพอดี
"มีอะไร" อัคราวิชญ์ถามด้วยน้ำเสียงของคนที่ยังอารมณ์เสียอยู่
"คือ...วีขอโทษนะคะ วีไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณไม่ชอบ" วีรภัทราพูดพร้อมยกมือขอโทษอัคราวิชญ์ทันที
"อืม ช่างเถอะ" อัคราวิชญ์บอกปัด และกำลังจะเดินออกจากห้องไปยังห้องฟังเพลงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเขา
"เดี๋ยวก่อนค่ะ" วีรภัทราเรียกตามหลังอัคราวิชญ์ที่เดินเลยหน้าเธอไปแล้ว
"อะไรอีก" อัคราวิชญ์พูดอย่างหงุดหงิด พลางยีผมตัวเองไปด้วย
"แม่คุณมาค่ะ" วีรภัทราโพล่งตอบกลับไป แต่กลับตัวเกร็งไปหมด เพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าเขายกโทษให้จริง ๆ หรือแค่พูดไปแบบนั้น
"อือ เดี๋ยวลงไป" อัคราวิชญ์ตอบกลับโดยไม่สนใจและเดินเข้าไปในห้องฟังเพลงสักพัก ก่อนที่จะลงมาข้างล่าง เพราะไม่อยากเสียหน้าที่แสดงท่าทางตำหนิวีรภัทราไป ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ก็ต้องมีทำพลาดกันได้บ้าง
พอวีรภัทราบอกเสร็จ ก็เดินลงมาแจ้งให้คุณหญิงวิไลรัตน์ทราบว่าได้บอกอัคราวิชญ์เรียบร้อยแล้ว ผ่านไปไม่นานเขาก็เดินลงมาหา และเธอก็ขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นให้ เนื่องจากตอนนั่งรอกัน คุณหญิงได้บอกเธอว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกัน
หลังจากคุณหญิงวิไลรัตน์มาเยี่ยม ทุกอย่างก็ดีขึ้นอย่างทันตาเห็น ทำให้อัคราวิชญ์ยอมกลับมาคุยดีและทำดีกับวีรภัทราเหมือนเดิม เธอได้แต่คิดว่า หากวันนี้คุณหญิงไม่มาเยี่ยม เธอคงไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรอยู่ในใจ นี่สินะคงเป็นการปรับตัวของคนอยู่ร่วมกันแบบหนึ่ง
แต่ก็มีความสุขได้เพียงไม่นาน พอถึงวันจัดงานเฉลิมฉลองกำไรของบริษัทก็เกิดเรื่องขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน แฟนเก่าของวีรภัทรามาร่วมงานแสดงความยินดีในฐานะคนในแวดวงธุรกิจเดียวกัน ทำให้เธอวางตัวไม่ถูก และในตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าถึงตัวอัคราวิชญ์อยู่แล้วก็โดนกัลย์กมลขวางไว้ และขอคุยด้วย
"มีอะไรพูดมาเร็ว ๆ" วีรภัทราพูดเสียงแข็งออกไป แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังคงกลัวอยู่ เพราะความจริงที่เธอรู้มาจากป้านุชและพริมา
"เปล่า... ไม่มีอะไรหรอก" กัลย์กมลพูดแล้วก็เว้นจังหวะเพื่อกดดันวีรภัทราเล็กน้อย
วีรภัทราที่กังวลอยู่ในใจ ก็เริ่มแสดงอาการระแวงกลัวคนรู้ เพราะข่าวเรื่องที่เธอรักร่วมเพศออกไปก่อนหน้านี้
"ฉันยังจำได้ดีนะ ไม่เคยลืมสิ่งที่มนทำกับฉันสักครั้งเลย" วีรภัทราพูดกลับไปในเชิงข่มขู่ แต่กลับโดนอีกฝ่ายเล่นแง่กลับแทน
"ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ทำเป็นเหมือนกลัวฉันไปได้นะ" กัลย์กมลพูดและยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
"เปล่า คิดไปเองนะ" วีรภัทราเถียงกลับทันควัน
"ฉันมีของมาให้ นี่" กัลย์กมลพูดเสร็จก็ยื่นซองจดหมายสีขาวให้วีรภัทรา
วีรภัทราที่กลัวอยู่แล้วก็รีบคว้าทันที จากนั้นเธอก็แอบเปิดดู พอเห็นเป็นภาพที่เธอเคยจูบกับกัลย์กมลหลายภาพ รวมถึงภาพอันน่าอับอายของเธอในตอนที่ถูกกลั่นแกล้งสมัยก่อน ทำให้เธอโกรธมากจนขยำซองจดหมายนั้น
อัคราวิชญ์ที่คุยธุระเสร็จแล้วกำลังเดินมาหาวีรภัทรา แต่กลับเห็นผู้หญิงแปลกหน้ายืนคุยกับภรรยาเขาอยู่ไกล ๆ พอเขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็นึกออกได้ทันทีว่าเป็นลูกสาวของคนในแวดวงธุรกิจเดียวกัน ที่สำคัญเขาจำได้ดีว่าคน ๆ นี้ทำร้ายเขาที่หน้างานแต่งงานและเป็นคนรักเก่าของภรรยาเขา เขารู้ได้ทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ๆ จึงรีบเดินเข้าไปโอบไหล่วีรภัทราไว้ เพราะตอนนี้สีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย แต่ก็ไม่ลืมที่จะทักทายคนตรงหน้าเธอตามมารยาท
ขณะที่อัคราวิชญ์ทักทายกัลย์กมลเสร็จ และกำลังจะขอตัวนั้น สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นซองจดหมายในมือวีรภัทรา เขาที่กำลังจะอ้าปากถามเธอไปนั้น ก็ถูกแฟนเก่าเธอพูดดักคอขึ้นมาว่า
"ไม่คิดจะเปิดให้สามีเธอได้ดูบ้างเหรอ" กัลย์กมลพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่แฝงไปด้วยคำพูดที่อาบด้วยยาพิษ
วีรภัทราที่รู้ตัวแล้วว่าถูกทั้งคู่จับจ้องซองจดหมายที่อยู่ในมือ ก็รีบยัดใส่กระเป๋าถือทันที และพูดกดเสียงใส่กัลย์กมลว่า
"ไม่ต้อง" วีรภัทราพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ และชักสีหน้าใส่กัลย์กมล เพราะทนไม่ได้กับการกระทำของแฟนเก่า ซึ่งเธอทำได้แค่อดทนและพยายามไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับคนพรรค์นี้ อีกทั้งเธอยังคงต้องรักษาหน้าของสามีไว้ด้วย
พริมาที่เดินตามหาวีรภัทราหลังจากช่วยงานในทีมเสร็จ พอเธอเห็นว่าคนที่ยืนกับวีและอัคราวิชญ์คือ กัลย์กมล ทำเธอหัวร้อน และรีบก้าวขาอย่างเร็วไปหาเพื่อนตัวเองทันที
เมื่อพริมาเดินมาถึงตัววีรภัทราก็รีบกันเพื่อนไว้ และรีบเชิญกัลย์กมลไปหาแขกท่านอื่นโดยอ้างว่ามีคนอยากคุยด้วย ทำให้วีรอดพ้นจากเงื้อมมือไปได้ หลังจากนั้นพริมก็ขอตัวกับอัคราวิชญ์เพื่อไปทำงานต่อ และแตะไหล่วีเบา ๆ ก่อนเดินจากไป ส่วนวีก็พยักหน้าเล็กน้อยให้พริมเพื่อบอกว่าตัวเองสบายดี ไม่ต้องกังวลอะไร
จากนั้นวีรภัทราก็หันมาคุยกับอัคราวิชญ์เพื่อขอตัวกลับบ้านก่อน แต่เขาไม่ยอมเพราะมันจะทำให้คนอื่นมองว่ามีปัญหาและเขาเองก็ขี้ีเกียจจะตอบคำถามพวกนี้ ทำให้เธอจำต้องฝืนใจอยู่ต่อ แต่ณัฐชานนท์ที่มาร่วมงานนี้พูดแย้งกับเขาว่า
"คินน์ วีเขาไม่ค่อยสบาย ก็ควรปล่อยให้เขากลับบ้านนะ" ณัฐชานนท์ที่ช่วยพูดให้วีรภัทรา แถมยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยออกมา ทำเอาอัคราวิชญ์อารมณ์ไม่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าสีหน้าของเธอนั้นดูไม่ดีเลยตอนนี้ จึงยอมให้กลับบ้านไป
"คุณนั่งรถตู้ที่บ้าน กลับบ้านได้เลยนะ" อัคราวิชญ์บอกวีรภัทราอ้อม ๆ เพราะในใจไม่อยากให้ณัฐชานนท์ไปส่งเธอ
"ค่ะ เดี๋ยววีให้คุณลุงกลับมารับคุณอีกทีนะคะ" วีรภัทราตอบตกลงอย่างไม่สงสัยในคำพูดของอัคราวิชญ์เลย
"คินน์ เดี๋ยวผมไปส่งให้ก็ได้ คุณลุงจะได้ไม่ต้องขับรถกลับไปกลับมา" ณัฐชานนท์พูดเสนอตัวขึ้นมา
"ก็จริงนะคะ วีลืมคิดจุดนี้ไปเลย คุณจะได้กลับบ้านได้เลยโดยไม่ต้องรอ" วีรภัทราพูดขึ้นมาและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"ไม่เป็นไร ผมรอได้" อัคราวิชญ์ปฏิเสธ และลุ้นอยู่ในใจว่าวีรภัทราจะเลือกทางไหน
"วีว่าทำตามที่คุณนนท์พูดดีกว่าค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถึงบ้านแล้ว วีจะส่งข้อความมาบอกค่ะ" วีรภัทราพูดเสร็จ และก็ขอตัวเดินออกไปเลย ส่วนอัคราวิชญ์ได้แต่ยืนทำหน้าผิดหวัง และเป็นการเพิ่มความหวาดระแวงในใจให้เขาอีกโดยที่เธอไม่รู้ตัว
พอถึงบ้าน วีรภัทราก็ส่งข้อความหาอัคราวิชญ์ตามที่สัญญากันไว้ หลังจากนั้นเธอก็ไปหยิบขวดไวน์ขึ้นไปดื่มที่ห้องนอนเพื่อคลายเครียดจากสิ่งที่กัลย์กมลทำเมื่อกี้ และเธอก็เอาซองจดหมายนั่นมาฉีกทิ้งด้วยความโมโห ส่วนอัคราวิชญ์ก็ดื่มกับแขกในงานไปทั่วเพราะต้องผูกมิตรกับคู่ค้า ผ่านไปไม่นานอัคราวิชญ์ก็ขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะเริ่มรู้สึกไม่ไหว
เมื่ออัคราวิชญ์มาถึงบ้านด้วยความมึนเมาจากแอลกอฮอล์ ก็เดินขึ้นไปเคาะห้องนอนวีรภัทรา พอเธอเปิดประตูออกมาก็ต้องตกใจที่เขานั่งหลับ พิงกำแพงอยู่ข้างประตูอย่างหมดแรง เธอจึงเรียกเขาให้รู้สึกตัว แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องแย่ลง เพราะในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าเธอ เขาก็โวยวายทันที
"คุณมีอะไรกับนนท์แล้วใช่ไหม คุณบอกผมมาเลยนะ" อัคราวิชญ์ลุกขึ้นด้วยท่าทางโซซัดโซเซ แล้วก็พูดคำที่โหดร้ายต่อใจวีรภัทราออกไป
"ไม่ใช่นะคะ คุณเมามากแล้ว ไปนอนเถอะค่ะ" วีรภัทราตอบปฏิเสธ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะแสดงความห่วงใยต่ออัคราวิชญ์ แม้ในใจเธอจะเจ็บมากก็ตาม
"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่งั้นทำไมคุณถึงชอบไปกับมันอยู่ได้ล่ะ" อัคราวิชญ์ยังพูดต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
"วีไม่ได้เปลี่ยนเรื่องนะคะ เรื่องมันไม่จริง ทำไมวีต้องยอมรับด้วยคะ" วีรภัทราตอบกลับ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังคุยกับหมาบ้าอยู่
"ได้กันมาแล้วใช่ไหม" อัคราวิชญ์พรั่งพรูคำพูดออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่เพราะความมึนเมา และความสงสัยที่เคลือบแคลงภายในจิตใจของเขามานาน ทำให้วีรภัทรารู้สึกเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ทำไมคนที่เธอเริ่มมองว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ พร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองและเดินหน้าไปกับเธอแล้วนั้น ถึงกลับมาใช้คำพูดที่เสียดแทงหัวใจเธอขนาดนี้กันนะ น้ำตาเธอค่อย ๆ เอ่อล้นและไหลออกมา แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะพาเขาขึ้นลิฟต์ ไปส่งถึงห้องนอนและดูแลเขาอย่างดี
แต่ระหว่างที่วีรภัทรากำลังเช็ดตัวให้อัคราวิชญ์อยู่นั้น เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมา แล้วก็พลิกตัวเธอพร้อมจับกดไว้บนเตียง และพูดคำที่ร้ายแรงออกมาว่า
"ถ้าวีไม่ได้มีอะไรกับนนท์ งั้นก็พิสูจน์มาสิ" อัคราวิชญ์ใช้แรงกดจากมือตัวเองจับข้อมือวีรภัทราไว้ พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงท้าทายใส่เธอ
"วี..." วีรภัทราพูดตะกุกตะกักด้วยความกลัว และน้ำตาเธอก็ไหลรินออกมาด้วยความเจ็บปวด