ค่ำคืนที่แสนสวยงามของทั้งคู่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้ทั้งอัคราวิชญ์และวีรภัทราต้องทบทวนตัวเอง
หลังจากอัคราวิชญ์ตื่นขึ้นมา ก็เห็นวีรภัทรานอนอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองอยู่ ก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ภาพตรงหน้ามันสะท้อนให้เขาเห็นแล้วว่าตัวเองได้เผลอไผล ปล่อยใจกับเธอมากขนาดไหน เขาจึงรีบเด้งตัวออก และรีบกลับห้องตัวเองอย่างด่วนเลย ส่วนเธอที่ตื่นมาก็ไม่เห็นเขาอยู่ในห้องแล้ว ก็รู้สึกสับสนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันคืออะไรกันแน่ เธอชอบผู้ชายอย่างนั้นเหรอ หรือเพียงเพราะความอ่อนไหวที่เสียใจกับเรื่องเก่า ๆ เลยยอมปล่อยให้เขาล่วงล้ำมาได้ไกลขนาดนี้
ขณะที่ทั้งคู่ต่างใช้เวลากับตัวเองในห้องนอนส่วนตัวเพื่อคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา วีรภัทราก็ตัดสินใจโทรคุยกับพริมา เพื่อนสนิทที่เธอคิดว่าไว้ใจได้ในเวลานี้
"ว่าไงแก อยากให้ฉันไปอยู่ด้วยไหม สามีแกว่าอะไรหรือเปล่า" พริมารับโทรศัพท์ทันทีที่เห็นเบอร์ของวีรภัทราโทรมา และพ่นคำถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
"ก็..." วีรภัทราลังเลเล็กน้อย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวมากและถ้าพริมารู้ก็อาจจะโกรธขึ้นมาก็ได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะไม่บอกเพื่อนไป และเลี่ยงไปคุยในประเด็นอื่นแทน
"ไม่เป็นไร เราอยู่ได้ สามีเราไม่ได้ว่าอะไร เรามีเรื่องอยากจะถามแกหน่อย" วีรภัทราพูดเบี่ยงประเด็นไป และก็เริ่มถามคำถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา
"เฮ้ย แกไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะ มีอะไรบอกกันได้นะ" พริมาถามย้ำอีกครั้ง
"อืม เราไม่เป็นไรจริง ๆ" วีรภัทราพูดยืนยันคำเดิมกับพริมา
"ว่าแต่เมื่อกี้แกอยากถามอะไรเราเหรอ" พริมาถามกลับ
"เราอยากรู้ว่า ถ้าเราใจเต้นแรงกับใครสักคนหนึ่ง เป็นห่วงเขามาก โกรธเขาง่ายมาก ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับเขาจะมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกเราทุกอย่าง แบบนี้มันเรียกว่า ความรัก ได้ใช่ไหม" วีรภัทราถามอย่างตรงไปตรงมา
"ใช่ แต่ก็ต้องถามเพิ่มด้วยว่า แกรู้สึกว่าตัวเองเสียสละ หรือตายแทนเขาได้ไหม ถ้าได้ ก็ใช่เลย" พริมาตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน
"แกคิดว่า เราจะชอบหรือรักผู้ชายได้ไหม เพราะที่ผ่านมาเราก็มีแต่มน เราสับสนจนไม่แน่ใจแล้ว" วีรภัทราถามกลับอย่างสับสนในใจ
"ได้สิ แต่ว่า... ของแบบนี้ถ้าไม่เคยผ่านการจูบหรือมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมาก่อน อาจจะมองว่าเป็นความหลงหรือความเคยชินก็ได้นะ ตรงนี้ก็ต้องระวังให้ดี คิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจล่ะ" พริมาพูดเตือนวีรภัทรากลับไป
"อืม...ก็ไม่แน่" วีรภัทราบ่นพึมพำกับตัวเอง พาลคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นของ 2 คืนนั้น ทำให้เธอรู้ใจตัวเองมากขึ้นและเห็นว่าตัวเองนั้นหวั่นไหวไปกับอัคราวิชญ์มากแค่ไหน แต่เธอก็ยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปโดยไม่รังเกียจตัวเขาหลังจากที่ทำเสร็จ ก็ยิ่งทำให้เธอมั่นใจในข้อสรุปมากขึ้น พอได้คำตอบแบบนั้น หน้าเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
"แกว่าอะไรนะ" พริมาที่ได้ยินคำตอบเพื่อนไม่ชัด จึงถามย้ำอีกครั้ง
"ไม่มีอะไรหรอก เราได้คำตอบแล้ว ขอบใจนะที่รับฟัง" วีรภัทรารีบพูดตัดบท เพราะกลัวว่าความตื่นเต้นภายในใจจะทำให้เธอเผลอเล่าเรื่องคืนนั้นไป
ส่วนอัคราวิชญ์ที่ย้ายตัวเองไปนั่งในห้องฟังเพลงเพื่อผ่อนคลาย หลังจากที่เขานั่งคิดอยู่ในห้องนอนตัวเอง ก็ได้เห็นภาพความทรงจำของเขากับนันทิชามันได้ถูกซ้อนทับด้วยวีรภัทราไปแล้ว เขาตระหนักได้แล้วว่า ความรู้สึกที่เขามีต่อนันทิชานั้นกำลังค่อย ๆ หายไป แม้เบสตี้จะยังคงอยู่ในความทรงจำ แต่มันก็เป็นแค่ความทรงที่สวยงามแค่นั้น ไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกของเขามากมายเท่าเดิมอีกแล้ว แต่กับวีนั้น กลับเป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกเดือดร้อนไปกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ เขาคิดว่า ใช่แล้วแหละ เขาคงตกหลุมรักวีไปแล้ว แต่คำสัญญาที่เขาให้ไว้กับเบสตี้ล่ะจะทำอย่างไรดี เขาได้แต่คิดหาทางออกกับเรื่องนี้จนปวดหัวไปหมด
หลังจากปัญหาที่เหมือนว่าจะได้รับการสะสางไปแล้วนั้นก็ยังมีเรื่องค้างคาใจของอัคราวิชญ์ แม้ว่าเขาจะบอกวีรภัทราไปแล้วว่าเขาเข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับณัฐชานนท์ แต่ทุกครั้งที่ต้องใช้เวลาร่วมกัน เขามักจะยั้งตัวเองไว้ ไม่กล้าแสดงออกอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ ส่วนเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจจริงไหม
ในที่สุดก็ผ่านพ้นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ไป และกำลังเข้าสู่เดือนที่ 2 ของปี วีรภัทราตื่นเช้าขึ้นมาทำกิจวัตรตามปกติ แต่ในจังหวะที่เธอหยิบขวดน้ำหอมขึ้นมา กลิ่นที่เธอชอบมากกลับทำให้เธอมีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน ทำให้เธอวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออ้วกออก เธอเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าตัวเองอาจจะท้อง เพราะที่ผ่านมาเธอก็ดูแลตัวเองดีมาโดยตลอด ไม่น่าจะแพ้อะไรในเวลานี้ เธอจึงตัดสินใจว่า ขากลับบ้านจะต้องแวะร้านขายยาให้ได้เพื่อตรวจให้แน่ใจ
ระหว่างวันที่วีรภัทราอยู่ที่ทำงาน ก็เล่นทำเธอเพลียเพราะต้องวิ่งเข้าห้องน้ำไปอ้วกอยู่บ่อย ๆ จนพริมาทักขึ้นมาด้วยความสงสัย
"แกไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า" พริมาถามไปพลางยืนลูบหลังให้วีรภัทรา
"..." วีรภัทราไม่มีแรงที่จะพูดออกมา เพราะเกิดจากการอ้วกไปหลายรอบ
"แกกินยาไหม เดี๋ยวเราไปซื้อให้" พริมาพูดด้วยความเป็นห่วง
"ขอบใจนะ แต่เดี๋ยวเราไปซื้อเองดีกว่า" วีรภัทราพูดกับพริมาเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำไปหยิบกระเป๋าและออกไปซื้อเลยทันที
ส่วนพริมาก็ตะโกนบอกอย่างเป็นห่วงว่า "เดินดี ๆ ระวังตัวด้วย"
วีรภัทราที่ได้จังหวะมาซื้อยาก็เลยแอบซื้อที่ตรวจครรภ์ไปเลยทีเดียว เธอที่เดินกลับมาด้วยร่างกายอ่อนเพลีย ก็รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม ทำให้เธอรีบเดินกลับเข้าไปในตึกบริษัท แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็เป็นลมล้มพับลงกับพื้นทันที แต่ดีที่มีคนแถวนั้นช่วยไว้ได้ทัน แล้วก็พาเธอมานั่งพักที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ และก็เหมือนจังหวะนรก เพราะณัฐชานนท์แวะเข้ามาหาอัคราวิชญ์พอดี แล้วเห็นเธอนั่งดมยาดมอยู่จึงเดินเข้ามาคุยกับเธออย่างไม่ระวังสายตาคนรอบข้างแถวนั้น
"วีเป็นอะไร ทำไมมานั่งตรงนี้" ณัฐชานนท์เดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง จนคนรอบข้างมองและซุบซิบกันไม่หยุด
วีรภัทราที่ไม่ชอบสถานการณ์นี้ จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และตอบกลับ "ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ" แต่ตอบไปได้แค่ประโยคเดียว เธอก็เป็นลมลงไปเลย ทำให้ณัฐชานนท์ก้าวขาเข้ามารับอย่างรวดเร็วและพาเธอส่งโรงพยาบาลทันที
วีรภัทราลืมตาตื่นด้วยความมึนงง สายตาเธอที่มองไปรอบ ๆ กับสถานที่ที่อยู่ตอนนี้ไม่คุ้นเคยเลย จนกระทั่งเสียงพูดดังขึ้น เธอเลยหันไปมอง จึงรู้ว่าเป็นณัฐชานนท์ แล้วถามกลับว่า
"วีมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคะ" วีรภัทราถามออกไปแบบคนที่สติยังกลับมาไม่เต็มร้อย
"โรงพยาบาล เมื่อกี้วีเป็นลมไป ผมเลยพามา" ณัฐชานนท์พูดอธิบายให้อย่างใจเย็น
"อ๋อ..." วีรภัทราตอบกลับ
"หมอแจ้งว่าคุณท้องได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว" ณัฐชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงเครียดเล็กน้อย
"คะ ว่ายังไงนะคะ" วีรภัทราตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ถึงกับถามซ้ำกลับไป
"หมอบอกว่าคุณท้อง" ณัฐชานนท์ย้ำคำตอบเดิมอีกครั้ง
"คินน์กำลังมารับนะครับ" ณัฐชานนท์บอกให้วีรภัทรารู้ตัว เพราะเขาไม่แน่ใจว่าทั้งคู่ได้คุยกันหรือยัง
"ค่ะ" วีรภัทราตอบสั้น ๆ และหันหน้าไปอีกทาง เพื่อลุกออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ
เมื่ออัคราวิชญ์มาถึงห้องพักวีรภัทรา เขาก็นั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ และถามหาเธอด้วยสายตาที่ห่วงใย ซึ่งต่างจากที่ณัฐชานนท์เคยเห็น ทำให้นนท์ถึงกับถามออกไปว่า
"คินน์ชอบวีแล้วเหรอ ไหนบอกว่าไม่มีทางที่จะรักใครได้อีกไง" ณัฐชานนท์ถามตรงประเด็นจนอัคราวิชญ์ถึงกับจุกในคำถามที่ได้ยิน
"อืม คิดว่านะ" อัคราวิชญ์ตอบเลี่ยง ๆ ไป เพราะตัวเองก็ยังหาทางลงกับปัญหานี้ไม่ได้เลย
"อืม" ณัฐชานนท์ตอบสั้น ๆ และก็ขอตัวกลับบ้านไป
หลังจากนั้นวีรภัทราก็ออกมาจากห้องน้ำ ก็ถูกอัคราวิชญ์ถามเกี่ยวกับเรื่องที่สัญญากันไว้ก่อนหน้านี้ว่า
"ไหนคุณบอกว่า จะไม่ยุ่ง ไม่คุยด้วยแล้วไง" อัคราวิชญ์พูดทวงถามสัญญาจากวีรภัทรา
"วีก็ไม่ได้ทำไงคะ แต่คุณนนท์เข้ามาคุยด้วย จะให้วีเสียมารยาทกลับไปอย่างนั้นเหรอคะ" วีรภัทราตอบกลับด้วยเหตุผล
"ก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่ผมไม่ชอบ ทำไมคุณไม่รู้จักหาวิธีที่จะได้ไม่ต้องคุยกันล่ะ" อัคราวิชญ์พยายามหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเองถูก
"เอ๊ะ คุณนี่ยังไงกัน ไหนบอกว่าเข้าใจที่วีบอกทุกอย่างไงคะ" วีรภัทราเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
"ผมเข้าใจทุกอย่างแหละ แต่คุณก็รู้ว่านนท์เขาคิดยังไงกับคุณ ถ้าคุณไม่ไปเปิดโอกาสให้เขา คิดเหรอว่าเขาจะกล้าเข้ามายุ่งกับคุณได้ขนาดนี้" อัคราวิชญ์พยายามพูดอย่างใจเย็นให้ได้มากที่สุด
"วีไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ทำไมคุณชอบกล่าวหาวีด้วยคะ" วีรภัทราพูดสวนกลับอย่างไม่พอใจ
"ผมกล่าวหาตรงไหน แค่พูดตามจริงจากสิ่งที่เห็นต่างหาก" อัคราวิชญ์เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
"นี่ทำดีกันได้แค่ไม่กี่วัน ก็ตบะแตกแล้วเหรอ วีไม่น่าทนอยู่กับคุณมาได้นานขนาดนี้ีเลยนะ" วีรภัทราพูดอย่างเหลืออด และก็รู้สึกสมเพชกับสิ่งที่กำลังเจออยู่
"นี่วีกำลังจะบอกว่า ทนอยู่กับผมงั้นเหรอ" อัคราวิชญ์ระเบิดคำพูดออกมาเสียงดังลั่นห้อง
"ใช่ค่ะ วีพยายามเข้าใจคุณ อธิบายคุณไม่รู้ตั้งกี่ครั้งว่าวีไม่เคยคิดอะไรกับคุณนนท์ แต่คุณก็ไม่เคยจะเชื่อสักครั้งเลย คิดว่าแบบนี้ความสัมพันธ์ของเราจะไปกันรอดได้เหรอคะ" วีรภัทราตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัวผลที่ตามมา
"เฮ้อ... ก็คุณทำอะไรไม่ชัดเจนเอง จะให้ทำยังไง อยากหย่ามากนักใช่ไหม ถึงพูดแบบนี้ออกมา" อัคราวิชญ์เถียงกลับ และพูดใส่อารมณ์กับทุกคำพูด
"คุณคิดแบบนี้ได้ไง วันแรกคุณก็พูดว่าให้เราแยกกันอยู่ต่อให้แต่งงานกันแล้วก็ตาม ต่อมาคุณก็ทำเหมือนวีไม่มีความรู้สึก กลั่นแกล้งบ้างล่ะ พูดจาหาเรื่องบ้างล่ะ ใครกันแน่ที่อยากหย่า" วีรภัทราพูดอย่างเหลืออดกับทุกสิ่งแล้ว
วีรภัทราที่รู้สึกเหนื่อยกับการโต้เถียงที่ไม่มีวันจบ เลยตัดสินใจปล่อยอัคราวิชญ์กลางอากาศ แล้วเดินออกจากห้องพักคนไข้ทันที ด้วยความเสียใจอย่างหนัก เธอตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่หนีกลับบ้านไปเก็บข้าวของ แล้วออกจากบ้านทันทีโดยไม่บอกเขาว่าจะไปที่ไหน
อัคราวิชญ์ที่เข้าใจว่าวีรภัทราจะหนี จึงเดินเร็วไล่ตามเธอไป แถมยังพูดตะโกนไล่หลังเธออีกว่า
"คิดจะหนีเหรอ คุยกับผมให้รู้เรื่องก่อน" อัคราวิชญ์พูดอย่างหงุดหงิดใจ โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังจะเสียวีรภัทราไปแล้วจริง ๆ
อัคราวิชญ์คิดไปเองว่าวีรภัทราจะหนีกลับบ้านมานั่งร้องไห้เหมือนเดิม จึงขับรถกลับมาที่บ้าน แต่พอมาถึงกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ จึงตัดสินใจงัดประตูห้องด้วยกุญแจสำรองเช่นเคย แต่ก็ไม่เจอเธอ เดินหาทั่วบ้านก็ไม่เจอ โทรตามก็ไม่รับสาย ด้วยความร้อนใจ จึงโทรกลับไปหาคุณหญิงวิไลรัตน์ ปรากฏว่าแม่ก็ไม่รู้เรื่องด้วย แถมเขายังโดนคาดคั้นจนแม่รู้เรื่องทั้งหมด เขาก็ได้แต่รับฟังคำตำหนิจากผู้เป็นแม่ เขาร้อนใจไปหมด ไม่รู้จะตามหาได้ที่ไหน สักพักก็คิดออกว่าควรโทรหาเพื่อนเธอ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะยอมบอกไหม ก็ทำได้แค่ลองโทรดู
"สวัสดีครับคุณพริมา" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
"สวัสดีค่ะคุณอัคราวิชญ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ" พริมาถามกลับด้วยน้ำเสียงปกติ
"ไม่ทราบว่าวีได้ติดต่อคุณพริมาไปหรือเปล่าครับ" อัคราวิชญ์ถามคำถามยิงตรงใส่อีกฝ่ายทันที
"ไม่ทราบเลยนะคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ" พริมาถามกลับอย่างงุนงง
"ไม่มีครับ ขอบคุณครับ" อัคราวิชญ์พูดตัดบท และขอบคุณอีกฝ่ายไป ทั้ง ๆ ที่ในใจก็อยากหาวีรภัทราให้เจอ ไม่ใช่แค่เขาอยากจะคุยให้รู้เรื่อง แต่เพราะเขารู้เรื่องลูกจากณัฐชานนท์แล้ว จึงทำให้เขาเป็นห่วงทั้งคู่มาก แต่เพราะทิฐิและอคติที่เขามีมากเกินไป ทำให้เรื่องบานปลายไปได้ถึงขนาดนี้
วันรุ่งขึ้นอัคราวิชญ์ก็ไปตามหาวีรภัทราที่แผนกบัญชีก็ไม่เจอเธอ หัวหน้าทีมบอกว่า เธอลาหยุดยาวเลย เขาเลยไม่รู้ว่าจะต้องตามหาเธอให้เจอได้ที่ไหน เพราะความทรงจำที่เขากับเธอมีก็แค่ที่บ้านหลังนี้และเรื่องทะเลาะกันเท่านั้น เขาได้แต่นั่งซึมอยู่กับตัวเอง และร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายเพื่อนตัวเองที่คอยแวะเวียนมาถามหาเธอด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ได้แต่ให้กำลังใจเขากับความพยายามในการตามหาเธอ แต่แล้วเขาก็ไปได้ยินความลับของเพื่อนที่ไว้ใจที่สุด เขาทั้งเสียใจและผิดหวังอย่างถึงที่สุดจนไม่อาจร้องไห้ออกมาได้ เขาเอาแต่ทุบมือลงบนกำแพงด้วยความโมโห ไม่รู้เลยว่าจะต้องเดินต่อไปยังไงดีกับเรื่องนี้