พอถึงโรงพยาบาล อัคราวิชญ์ก็รีบอุ้มวีรภัทราไปห้องฉุกเฉินเพราะเธอเริ่มปวดท้องมากขึ้น เขายืนรอฟังอาการอย่างกระวนกระวายใจด้วยความเป็นห่วง เสียงของเหล่าพยาบาลต่างตะโกนกันอย่างเซ็งแซ่ เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้าออกห้องฉุกเฉินทำเอาเขากังวลไปหมดเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้าง จนกระทั่งพยาบาลเดินมาแจ้งว่า
"เดี๋ยวจะพาคนไข้ย้ายไปห้องพักผู้ป่วยวีไอพี ตามที่คุณแจ้งไว้นะคะ" พยาบาลเดินออกมาพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"ครับ" อัคราวิชญ์ตอบรับได้เพียงเท่านั้น เพราะตอนนี้ใจเขาไปจดจ่ออยู่กับวีรภัทราเป็นหลัก
เมื่ออัคราวิชญ์เดินเข้ามาในห้องพักก็เห็นวีรภัทรานอนหลับอยู่ พร้อมทั้งมีหมอและพยาบาลตรวจเช็ครอบสุดท้ายก่อนออกจากห้อง โดยหมอแจ้งให้เขาทราบถึงอาการที่น่าเป็นห่วงของเธอ ทำให้เขาทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงอย่างทุกข์ใจ
หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง วีรภัทราก็ตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการมึนงงและพยายามจะลุกขึ้นนั่ง อัคราวิชญ์ที่เห็นแบบนั้นจึงจับตัวเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
"วีนอนลงก่อนเถอะนะ หมอเพิ่งแจ้งว่าร่างกายวีอ่อนเพลียมาก ต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ นะ" อัคราวิชญ์พูดพลางจับมือวีรภัทราเบา ๆ พอเธอได้ยินคำพูดของเขาที่อธิบายให้ฟังเสร็จ ก็ยอมกลับลงไปนอนแบบเดิม
"วี ผมมีเรื่องจะคุยด้วย" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แถมยังแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา จนวีรภัทราเริ่มรู้สึกกังวล เพราะเธอไม่คิดว่าเรื่องพวกนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
"คุณ... คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับวีเหรอคะ" วีรภัทราพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะกลัวว่าอัคราวิชญ์จะพูดเรื่องหย่ากับเธอ
"ผมขอโอกาสได้ไหมวี ผมอยากดูแลคุณกับลูกให้ดีที่สุด" อัคราวิชญ์พูดความในใจที่ชัดเจนออกไป
"คือว่าวี..." วีรภัทรากำลังลังเลว่าควรจะตอบอัคราวิชญ์ยังไงดี ณัฐชานนท์ก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
"คุยอะไรกันอยู่เหรอ" ณัฐชานนท์ที่เห็นท่าทางอึดอัดของคนทั้งคู่ จึงทักออกไปอย่างสบาย ๆ
"ไม่มีอะไรค่ะ" วีรภัทรารีบบอกปฏิเสธ ทำเอาอัคราวิชญ์หันกลับไปมองหน้าเธอทันที
"มี เกี่ยวกับนนท์ด้วย" อัคราวิชญ์ที่เห็นว่าวีรภัทราไม่กล้าพูดต่อหน้าณัฐชานนท์ก็รู้สึกฉุนเฉียว จึงพูดสวนขึ้น โดยไม่สนใจว่าเธอจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่
"ถ้าเกี่ยวกับผม ก็พูดมาได้เลย" ณัฐชานนท์พูดพร้อมวางท่าอย่างคนไม่เดือดร้อนอะไร จนอัคราวิชญ์ที่เห็นก็ได้แต่หมั่นไส้อยู่ในใจ ส่วนวีรภัทราที่ใจหล่นลงตาตุ่มเพราะกลัวว่าทั้ง 2 คนจะทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องของเธอ จึงรีบพูดขึ้นมา
"คุณคินน์คะ วีตกลงค่ะ แต่ว่ามีข้อแม้เล็กน้อย" วีรภัทรารีบชิงตอบคำถามก่อนหน้าที่อัคราวิชญ์ถาม
"ได้ครับ ข้อแม้คืออะไรครับ" อัคราวิชญ์หันไปยิ้มบาง ๆ ให้วีรภัทราเพราะดีใจที่เธอตอบตกลง
"ข้อแม้คือ วียังคงอยู่ที่เดิม ถ้าคุณคินน์อยากจะทำอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ วีก็ไม่ติดอะไรค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ตกลงทำตามนี้ ก็ถือว่าเรื่องที่คุยกันไว้ไม่เคยเกิดขึ้น" วีรภัทราพูดยื่นคำขาดออกมา
"แต่ว่า..." อัคราวิชญ์ที่ตอนแรกดีใจกับคำตอบ ก็ต้องดีใจเก้อเพราะเขาไม่ชอบใจกับตัวเลือกที่วีรภัทราให้มามากนัก
"ทำไมคะ ถ้าคุณไม่อยากทำ ก็ไม่เป็นไรนะคะ" วีรภัทราที่เห็นอาการลังเลของอัคราวิชญ์ เธอเลยเสนอทางออกที่จะไม่เป็นการบังคับอีกฝ่ายออกไป
"ไม่ครับ ผมอยากทำ ผมทำได้ ตกลงครับ" อัคราวิชญ์เปล่งเสียงออกมาอย่าหนักแน่นเพื่อให้วีรภัทรามั่นใจในตัวเขาให้ได้ แม้วันนี้เธอจะยังไม่เชื่อใจเขาก็ตาม
"ค่ะ" วีรภัทราตอบกลับด้วยเสียงเรียบนิ่ง
"ไหนมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับผม ทำไมไม่บอกมาล่ะ" ณัฐชานนท์ที่เห็น 2 คนกำลังคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนจะรู้กันแค่ 2 คน ก็ยิ่งทำให้เขาอยากรู้มากขึ้นไปอีก
"ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ผมจะกลับไปดูแลวีในฐานะสามีเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นนนท์ควรจะรู้นะว่าต้องอยู่ตรงไหน ห้ามมาวุ่นวายกับวีอีก ต่อให้วียังคงจะพักที่คอนโดนนท์ก็ตาม" อัคราวิชญ์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพูดออกไปอย่างใจเย็นให้ได้มากที่สุด
"ที่สำคัญ วีครับ ผมขอให้คุณไม่อนุญาตให้นนท์มาดูแลวีได้หรือเปล่าครับ" อัคราวิชญ์หันกลับมาสบตากับวีรภัทราด้วยสายตาที่เว้าวอน แล้วก็พูดขอร้องเธอไป หลังจากที่เมื่อกี้จ้องด้วยสายตาข่มขู่ณัฐชานนท์ไปเพราะไม่อยากให้เพื่อนตัวเองมาล้ำเส้นอีก
"ค่ะ วีรับปากค่ะ" วีรภัทราที่มองกลับไปกลับมาระหว่างอัคราวิชญ์และณัฐชานนท์อยู่ ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดายเพราะเธอไม่ต้องการให้มีปัญหากันอีก
ณัฐชานนท์ที่รอฟังคำตอบจากวีรภัทรา ไม่ต่างจากอัคราวิชญ์ พอได้ยินคำตอบที่มาจากเธอพร้อมสายตาที่แน่วแน่ ก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ตรงข้ามกับอัคราวิชญ์ที่ยิ้มแป้นออกมาอย่างคนเก็บอาการดีใจไม่อยู่
หลังจากทุกคนในห้องคุยเรื่องนี้จบ ก็พอดีกับที่พริมาเปิดประตูเข้ามา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในภาวะตึงเครียดก่อนหน้านี้ ผ่อนคลายสีหน้าลงทันที ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากจะปิดบังพริม แต่ว่าแต่ละคนก็มีเหตุผลในตัวเอง สำหรับวีนั้นกลัวเพื่อนจะเป็นห่วง ส่วนคินน์ก็ไม่อยากโดนตอกหน้าหาว่าเป็นสามีที่ใจแคบ และนนท์ก็ไม่ชอบให้พริมมายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของเขา
"มีอะไรกันหรือเปล่า เห็นทำสีหน้าแปลก ๆ กันทุกคนเลยค่ะ" พริมาทักขึ้นมาเพราะแต่ละคนพยายามเก็บอาการกันอยู่
"ปะ...เปล่าหรอก" วีรภัทรารีบพูดขึ้นจนไม่ได้ระวังการออกเสียงที่ทำให้พริมาขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย
"แน่นะ" พริมาถามย้ำกับวีรภัทรา
"อืม..." วีรภัทราตอบกลับ พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากได้รับคำยืนยันจากวีรภัทราว่าไม่มีอะไรก่อนหน้านี้ พริมาก็เอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงขึ้นมา
"แล้ววีเป็นไงบ้าง" พริมามองวีรภัทราด้วยสายตาที่เป็นห่วง พลางแตะไหล่เพื่อนเบา ๆ
"ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก" วีรภัทราตอบด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพราะพริมามองข้ามเรื่องเมื่อกี้ไปได้
"หมอว่าไงบ้าง ลูกยังอยู่ดีใช่ไหม" พริมารัวคำถามใส่วีรภัทรา วีดีใจมากที่เพื่อนเป็นห่วงแต่ยิ้มออกมาได้เพียงเล็กน้อย ส่วนอัคราวิชญ์กับณัฐชานนท์ก็เขยิบไปนั่งที่โซฟา เพื่อปล่อยให้วีได้ใช้เวลากับเพื่อนได้อย่างเต็มที่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้นั่งติดกันเพราะความบาดหมางที่มีอยู่ในใจ
"หมอบอกว่าลูกปลอดภัยดี ช่วงนี้เราคงพักผ่อนไม่เพียงพอจริง ๆ นั่นแหละ แต่เราไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ช้ำในเล็กน้อย เราก็ต้องระวังตัวอย่าให้ล้มอีก" วีรภัทราพูดอธิบายไปตามความจริง
"โล่งอกไปทีนะ" พริมาถอนหายใจออกมาอย่างไม่ปิดบังเพราะกังวลว่าหลานจะเป็นอะไรไป ถ้าไม่ใช่เพราะกัลย์กมลมาทำร้ายกัน วีรภัทราคงไม่ต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้หรอก แค่คิดความแค้นก็ลุกโชนขึ้นในใจของพริมทันที
"ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ณัฐชานนท์ที่เห็นจังหวะขอตัวได้ จึงพูดแทรกขึ้นมากลางบทสนทนาของ 2 สาว
วีรภัทราเลื่อนสายตาไปมองหน้าณัฐชานนท์ แล้วตอบกลับอย่างเฉย ๆ ว่า "อ๋อ... ค่ะ"
ณัฐชานนท์ที่เห็นความเฉยเมยผ่านสายตาของวีรภัทรา ก็ทำให้เขาลุกขึ้นเดินคอตกออกจากห้องไปด้วยความเสียใจ ส่วนพริมาที่พอมองความรู้สึกของเพื่อนออก จึงขอตัวกลับบ้านเช่นกัน แล้วยิ่งได้รู้ถึงความตั้งใจที่อัคราวิชญ์อยากจะแก้ตัวกับวี ก็อยากเปิดโอกาสนั้นเพื่อให้เพื่อนได้มีเวลาปรับความเข้าใจกับสามี
เมื่อเพื่อนของทั้งคู่ออกจากห้องพักคนไข้ไปแล้ว อัคราวิชญ์ที่นั่งสังเกตมานาน ก็เริ่มชวนวีรภัทราคุย
"วีหิวไหมครับ" อัคราวิชญ์เริ่มถามด้วยคำถามง่าย ๆ ก่อน
"นิดหน่อยค่ะ" วีรภัทราตอบเสียงอ้อมแอ้ม
"อยากทานเลยไหมครับ เดี๋ยวผมโทรแจ้งให้" อัคราวิชญ์ถามวีรภัทราด้วยความใส่ใจ
"ก็ได้ค่ะ" วีรภัทราตอบกลับด้วยเสียงที่อ่อนลง
"ครับ" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเพราะดีใจที่วีรภัทรายอมคุยด้วย
พออาหารอ่อน ๆ มาถึง อัคราวิชญ์ที่อยากดูแลวีรภัทรามานาน จึงรีบจัดแจงและหยิบช้อนตักอาหารป้อนให้เธอ แต่เขากลับโดนเธอปฏิเสธเสียงแข็ง
"วีทำเองได้ค่ะ" วีรภัทราที่วางตัวไม่ถูก จึงรีบห้ามอัคราวิชญ์ไว้ ทำให้เขาทำหน้าเจื่อนลง ในหัวเขาได้เข้าใจไปแล้วว่าที่เธอยอมตกลงให้เขาดูแลก็เพราะยอมกันแล้ว แต่กลับไม่ใช่เพราะเห็นท่าทีที่เธอแสดงออกกับเขาตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
"ก็ได้ครับ" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ ออกไป และเขาก็ต้องกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิมเพราะถูกวีรภัทราสั่งด้วยการชี้ให้เขาไปนั่งไกล ๆ
หลังจากวีรภัทราจัดการอาหารมื้อนี้เสร็จ เธอก็กลับมาทำตัวอึดอัดกับอัคราวิชญ์อีกครั้งเพราะตอนนี้เธอไม่มีอะไรให้จดจ่อเหมือนกับตอนกินข้าว ทำให้เขาที่กำลังมองเธออยู่เกิดความประหม่าขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ละทิ้งเธอไปไหน แต่ตัดสินใจเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเลขาส่วนตัวเพื่อจัดการเรื่องงาน
"คุณช่วยจัดตารางงานใหม่ให้ผมด้วย ถ้าวันไหนที่ผมไม่จำเป็นจะต้องเข้าบริษัท กรุณาแจ้งล่วงหน้า เพราะผมมีสิ่งที่ต้องทำตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป" อัคราวิชญ์พูดคำสั่งอย่างชัดถ้อยชัดคำ
วีรภัทราที่นั่งฟังอยู่ก็ลอบสังเกตเห็นท่าทางจริงจังของอัคราวิชญ์ด้วยความสนอกสนใจโดยไม่รู้ตัว เธอเผลอมองเพลินจนเขาสังเกตเห็น ก็หลุดยิ้มออกมาอย่างดีใจ เพราะเขาไม่ได้เห็นแววตาเธอแบบนี้มานาน พอเธอรู้ตัวว่าถูกเห็นเข้าก็รีบหลบตา แล้วหันไปมองทางอื่นแทน
พออัคราวิชญ์คุยธุระเสร็จก็เดินเข้ามานั่งข้างเตียงที่วีรภัทรานั่งอยู่ เขานั่งมองและเริ่มคุยกับเธออย่างจริงจัง จนเธอไปไม่เป็น และไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไง มีเพียงแค่ความรู้สึกสับสนผสมปนเปกันไปหมด
"ถึงผมจะมาดูแลวีด้วยความเต็มใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมยอมรับในตัวคุณขนาดนั้นนะ เพราะผมเห็นแก่ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย" อัคราวิชญ์ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดแบบนี้ออกไป แต่เพราะความกลัวที่อยู่ในใจของเขาบีบบังคับให้เขาต้องอ้างเรื่องผู้ใหญ่ขึ้นมาเพื่อไม่ให้วีรภัทราหนีไปไหนได้อีก และเขาก็รู้ว่าตัวเองทำผิดกับเธอไว้มาก แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอจะยอมกลับมาอยู่กับเขาไหม ส่วนเธอที่นั่งฟังอยู่ก็จุกในอกอย่างบอกไม่ถูก
"วีก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหมครับ เพราะวีก็คงไม่ได้เต็มใจที่จะให้ผมดูแลอยู่แล้ว" อัคราวิชญ์พูดเองเออเอง โดยไม่สนใจที่จะฟังคำตอบจากวีรภัทราจริง ๆ
"ค่ะ" วีรภัทราที่เงียบไปนานเพราะสับสนกับท่าทีอัคราวิชญ์ที่เปลี่ยนไป เธอไม่เห็นจะเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของเขาเลยสักนิด จึงได้แต่ตอบกลับออกไปเบา ๆ แล้วแอบน้ำตาคลอเบ้าอยู่คนเดียว
"เราเข้าใจตรงกันแล้วนะ งั้นตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะย้ายเข้าไปอยู่คอนโดเดียวกับวีนะครับ" อัคราวิชญ์บอกแผนการแรกออกไปอย่างเป็นเรื่องปกติ
"อะไรนะคะ ทำไมคุณต้องย้ายมาด้วย แค่มาช่วงกลางวันก็พอค่ะ" วีรภัทราตกใจกับคำพูดของอัคราวิชญ์ จึงรีบพูดออกไป
"ทำไมล่ะ หน้าที่สามีก็ต้องดูแลภรรยาตลอดเวลาไม่ใช่หรือไงครับ" อัคราวิชญ์ถามวีรภัทรากลับไปอย่างง่ายดาย จนเธอทำหน้าไม่ถูก
"ก็... ใช่ค่ะ แต่ว่า..." วีรภัทราพยายามนึกเหตุผลที่จะมาอ้างกับอัคราวิชญ์ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ทั้งยังกังวลกับคำพูดล่าสุดที่บอกว่าทำเพื่อผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายอีก แล้วนี่คือสิ่งที่เขาอยากขอแก้ตัวจริง ๆ เหรอ เธอได้แต่คิดอยู่กับตัวเอง
"ไม่มีแต่ เอาตามนี้แหละครับ" อัคราวิชญ์พูดจาเอาแต่ใจตัวเอง จนวีรภัทราก็ได้แต่ยอมจำนนให้เขาได้ทำตามที่เขาต้องการ
อัคราวิชญ์ที่กลับมาเตรียมเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่บ้านหลังจากวีรภัทราหลับไปแล้ว ก็พลันนึกไปถึงเรื่องราวในจดหมายที่นันทิชาย้ำไว้ ให้เขาไปหาคนใหม่ อีกทั้งแม่เขาก็อีกคนที่บอกให้เขาตระหนักถึงคุณค่าของคนที่อยู่ร่วมกัน ต่อให้เขาจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ทุกอย่างที่ทุกคนพยายามบอกเขานั้นมีเหตุผลและควรที่จะทำตาม แต่เขาก็รู้สึกว่า นั่นเป็นแค่ความรู้สึกของเขาแค่ฝ่ายเดียว เขาไม่แน่ใจในความรู้สึกของวีรภัทราด้วยซ้ำ เขาจึงพูดออกตัวไปก่อนเพราะกลัวจะเสียใจ
ส่วนวีรภัทราที่อัคราวิชญ์เข้าใจว่านอนหลับไปแล้ว แต่ความจริงเธอแกล้งหลับเพื่อให้เขากลับบ้าน ก็ลืมตาขึ้นหลังจากเธอได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นและกระเถิบนั่งให้เรียบร้อย จากนั้นเธอก็นั่งจมอยู่กับความคิดว่า ความหมายของคำว่าทิฐิที่ป้านุชบอก มันคืออะไรกันแน่ แล้วยิ่งโดนคำพูดที่ชวนให้เธอคิดมากจากสามีตัวเองก็ทำให้เธอสับสนมากกว่าเดิมไปอีก
"ลูกจ๋า แม่รักลูกมากนะคะ แม่มีหนูคนเดียวนะ เป็นกำลังใจให้แม่ด้วยนะจ้ะ" วีรภัทราพูดอย่างอ่อนโยน พลางลูบที่ท้องไปด้วย จากนั้นน้ำตาเธอก็รื้นขึ้นมา ไม่ใช่เพราะความเสียใจ แต่เป็นเพราะเธอรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวที่อยู่ภายในใจต่างหาก