Chereads / สุดแสงสีหม่น / Chapter 26 - ความจริงที่เก็บงำมานาน

Chapter 26 - ความจริงที่เก็บงำมานาน

ก่อนหน้าที่อัคราวิชญ์จะแอบเอาของบำรุงครรภ์ไปให้วีรภัทรา เขาก็ได้รับจดหมายจากลลิตา เขาใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะเปิดจดหมายฉบับนี้ได้เพราะเขารู้สึกผิดต่อนันทิชามาก เขาเลยกลัวไปซะทุกอย่าง สุดท้ายความอยากรู้ที่อัดแน่นในใจเขามีมากพอที่ทำให้เขาตัดสินใจนั่งเปิดอ่านจดหมายในห้องรับแขกของบ้าน ข้อความของจดหมายบ่งบอกถึงความน่ารักในตัวเธอที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา

"พี่คินน์ เบสตี้เองนะคะ" คำขึ้นต้นที่เคยทำให้หัวใจเขาพองโตเสมอ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกแตกต่างออกไป ยังไงก็ไม่รู้

"วันที่พี่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้คงเป็นวันที่เบสตี้ไม่อยู่ด้วยแล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นไปตามกฎแห่งกรรม มีเกิดก็ต้องมีดับ เพียงแค่ว่าเวลาของเบสตี้อาจจะเร็วกว่าใครหลาย ๆ คน พี่อย่าได้โทษตัวเองเลยนะคะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่เลยค่ะ พวกเราแค่เลือกทางที่อยากจะไปไม่ได้ก็เท่านั้นเอง แต่เราเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ยังมีอยู่ให้มีความสุขได้นะคะ หากวันไหนพี่เจอคนที่อยากจะใช้ชีวิตด้วย เบสตี้จะดีใจมาก ๆ ค่ะ เบสตี้อยากให้พี่มีความสุขจริง ๆ นะคะ เบสตี้พูดจากใจเลยค่ะ"

"ในช่วงเวลาที่เบสตี้หายตัวไป ไม่ใช่ว่าเบสตี้อยากจะปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวนะคะ แต่เบสตี้รู้ดีว่าพี่จะต้องพยายามยื้อไว้เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเบสตี้ไม่ต้องการค่ะ ไม่ใช่เบสตี้ไม่รักพี่คินน์นะคะ แต่ว่ามันทรมานมากเลยค่ะ เบสตี้ไม่คิดว่าตัวเองจะทนไหว จึงได้ขอร้องพี่นนท์ให้ปิดบังไว้ พี่คินน์อยากไปโกรธพี่นนท์เลยนะคะ เบสตี้ขอโทษสำหรับการตัดสินใจที่คิดถึงแต่ตัวเองแบบนั้นนะคะ ขอบคุณและรักเสมอค่ะ เบสตี้"

เมื่อข้อความทั้งหมดผ่านสายตาอัคราวิชญ์ ทำเอาเขาสะอื้นออกมา เขาได้แต่ตั้งคำถามว่าทำไมกัน คนที่เขารักถึงไม่ไว้ใจเขามากพอที่จะพึ่งพิงเขา มันปวดหนึบอยู่ในใจ พยายามปัดความคิดมากของตัวเองออกไปเท่าไรก็ไม่หายสักที เขาจึงตัดสินใจว่าจะไปคุยกับณัฐชานนท์ให้รู้เรื่องภายในไม่กี่วัน เพราะวันนี้เขารู้สึกหนักอึ้ง และต้องการเวลาคิดทบทวน แต่คิดยังไงก็ยังมีเรื่องคาใจอยู่ เขาจึงเปลี่ยนบรรยากาศขึ้นไปที่ห้องฟังเพลงชั้น 3 และไม่ลืมที่จะจิบไวน์ไปด้วย เพราะทุกครั้งที่ต้องใช้ความคิดเยอะ ๆ เขามักจะต้องหาเครื่องดื่มที่ช่วยให้เขาผ่อนคลายเสมอ

อยู่ดี ๆ อัคราวิชญ์ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่านันทิชาเคยเปรย ๆ บางเรื่องกับเขาอยู่ ในทำนองว่าวันหนึ่งตัวเธอไม่อยู่แล้ว เขาจะไปมีใครใหม่ก็ได้ พอเขาตระหนักได้ก็รู้ใจตัวเองทันทีเลยว่า ความหวั่นไหวที่มีต่อวีรภัทรา มันไม่ใช่แค่ความจำเป็นที่ต้องอยู่ด้วยกัน แต่เป็นเพราะความดีและสิ่งที่เธอเอาใจใส่เขาต่างหากล่ะที่ชนะใจเขา จนตอนนี้เขาได้รักเธอไปแล้วหมดหัวใจ หลังจากที่เขาตอบตัวเองได้แล้ว เขาก็เริ่มปรับตารางการทำงานของตัวเอง ไม่พอแค่นั้นเขายังหาหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ทุกเล่มมาอ่านเพื่อที่จะดูแลเธอได้

ผ่านไป 2 วันนับจากวันที่อัคราวิชญ์ได้อ่านจดหมาย เขาใช้เวลาในการตั้งสติและคิดทบทวนมาอย่างดี ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางไปหาณัฐชานนท์ยังที่ทำงานของเพื่อนโดยไม่แจ้งล่วงหน้าเพื่อที่จะคุยแบบเปิดใจและตรงไปตรงมาให้ได้มากที่สุด หากวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาก็พร้อมที่จะยอมรับผลและความเป็นจริงทั้งหมด นั่นคือปณิธานของเขาก่อนที่จะเดินทางไปฟังเรื่องราวจากเพื่อน

เมื่ออัคราวิชญ์ขึ้นลิฟต์ไปถึงห้องทำงานส่วนตัวของณัฐชานนท์ในชั้น 20 เขาก็ไม่แม้แต่จะยืนรอให้เลขาหน้าห้องเดินเข้าไปแจ้งเพื่อนเขาก่อนเลย พอเขาเปิดประตูเข้าไปก็เจอเพื่อนที่นั่งดูแบบเฟอร์นิเจอร์ที่จอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขายืนมองหน้าเพื่อนอย่างไม่วางตาขณะที่นนท์กำลังจดจ่อกับงานอยู่ พอนนท์เห็นท่าทางของคินน์ที่มาด้วยสีหน้าบึ้งตึงเหมือนหงุดหงิดอะไรมา ก็ถึงกับงุนงง แต่ก็ยังลุกเดินไปหาคินน์ แล้วพากันไปนั่งที่โซฟาสำหรับรับแขกที่อยู่อีกด้านหนึ่งในห้องทำงานของเขา นนท์พยายามแสดงสีหน้าและใช้น้ำเสียงที่ผ่อนคลายออกไปเพื่อลดความตึงเครียดลง แล้วถามหยั่งเชิงเล็กน้อย

"ลมอะไรหอบมาเหรอ" ณัฐชานนท์ถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่ก็ลอบสังเกตอัคราวิชญ์ตลอดเวลา

"มีเรื่องจะคุยด้วย" อัคราวิชญ์พูดเข้าประเด็นทันทีด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์

"ว่ามา" ณัฐชานนท์เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังมากขึ้น เพราะเห็นอาการของอัคราวิชญ์ที่ดูไม่ยอมคุยดี ๆ ด้วยแล้ว

"ทำไมในจดหมายของเบสตี้ถึงบอกว่านนท์รู้เรื่องตอนที่เธอหายตัวไป" อัคราวิชญ์ถามอย่างตรงไปตรงมา

"อ๋อ..." พอณัฐชานนท์ได้ยินคำถามจากอัคราวิชญ์ ก็เข้าใจได้ทันทีว่า ทำไมคินน์ถึงมีท่าทีแบบนี้ตอนเดินเข้ามา

"ตอบมา" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงดุดันใส่กลับเพราะร้อนใจ อยากรู้เรื่องทั้งหมด

"อืม... จริง ๆ แล้วตอนที่ผมช่วยตามหาเบสตี้ให้คินน์ ผมหาเจอเธอตั้งแต่วันแรก ๆ แล้ว แต่เธอขอไว้ว่าไม่ให้บอกคินน์ ผมเลยบอกอะไรคินน์ไม่ได้" ณัฐชานนท์เริ่มเล่าย้อนกลับไปในวันที่เจอนันทิชานอนป่วยที่โรงพยาบาล

"แล้วก็ปล่อยให้ผมฟูมฟายอยู่คนเดียวเหมือนกับคนบ้าเนี่ยนะ" อัคราวิชญ์โวยวายกลับ

"ผมก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นหรอก" ณัฐชานนท์แก้ตัวกลับไป

"งั้นเหรอ แทนที่คุณจะปล่อยให้ผมเป็นแบบนั้น ทำไมไม่แอบบอกผม หาวิธีสิ นนท์เก่งเรื่องนี้ไม่ใช่หรือไง" อัคราวิชญ์พูดด้วยอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่าน

"ขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนั้น แต่เพราะเห็นว่าเบสตี้ขอร้องมาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดมากขนาดนั้น และยังบอกอีกว่า เป็นโรคทางพันธุกรรมที่รักษาไม่ได้ ทำให้ผมต้องทำตามไปโดยปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ" ณัฐชานนท์พูดด้วยความเศร้าเพราะยังจำสีหน้าของนันทิชาได้แม่นยำ

"เวลาผมเห็นหน้าคินน์หรือเบสตี้ ผมก็อึดอัดนะ ไม่ใช่อยากจะปล่อยให้เป็นแบบนั้น แต่ผมรับปากเบสตี้ไปแล้ว คุณก็ควรที่จะเห็นใจผมด้วย ไม่ใช่ผมละเลยเบสตี้นะ ผมก็พยายามหาหมอที่เก่ง ๆ ให้มาคอยดูแลเธออย่างดีเลยนะ แต่ถึงยังไงก็คงเปลี่ยนแปลงความผิดนี้ไม่ได้หรอก ผมรู้ดี ขอโทษจริง ๆ นะ" ณัฐชานนท์ก้มหัวอย่างรู้สึกผิดจากใจจริง

"อืม... จริง ๆ ผมก็ไม่พอใจและโกรธนนท์มากแหละ แต่พอฟังเรื่องนี้จากนนท์และคำอธิบายในจดหมายของเบสตี้รวมกันแล้ว ผมก็พอเข้าใจเหตุผลได้บ้างแหละ แต่ผมแค่โกรธตัวเองที่มองไม่เห็นความผิดปกตินั้น ไม่ได้จะโทษนนท์อยู่ฝ่ายเดียวหรอก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เพราะการตัดสินใจของเบสตี้ด้วย" อัคราวิชญ์พูดด้วยอารมณ์ที่เย็นขึ้น ส่วนณัฐชานนท์ก็ได้แต่พยักหน้าด้วยความเข้าใจในตัวเพื่อนดี

"แล้วยังมีอะไรปิดบังผมอีกหรือเปล่า" อัคราวิชญ์ถามแหย่กลับไป เพราะใจจริงอยากมาถามเรื่องวีรภัทรามากกว่า

"ไหน ๆ คินน์ก็มาที่นี่เพื่อต้องการให้ทุกอย่างชัดเจน ผมเองก็ไม่อยากจะปิดบังอะไรอีกแล้ว" ณัฐชานนท์เปลี่ยนน้ำเสียงและท่าทางกลับมาพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง

"ผมก็อยากให้นนท์ชัดเจนมานานแล้วล่ะ" อัคราวิชญ์พูดอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก

"ผมอยากได้ของขวัญจากคินน์อย่างหนึ่งเพื่อตอบแทนที่ผมช่วยคินน์เรื่องเบสตี้ คินน์ให้ผมได้ไหมล่ะ" ณัฐชานนท์ขอกันแบบโต้ง ๆ ไม่มีกั๊ก

"ได้สิ นนท์ก็ช่วยเรื่องนี้มาเยอะจริง ๆ นั่นแหละ" อัคราวิชญ์ตอบกลับอย่างไม่ลังเล

"ผมขอวีได้ไหม" ณัฐชานนท์พูดขอภรรยาเพื่อนอย่างไม่อ้อมค้อม

"อะไรนะ ผมได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า" อัคราวิชญ์ถามทวนอีกครั้ง

"ผมขอเป็นคนดูแลวีเอง จะได้ไหม" ณัฐชานนท์ย้ำคำตอบให้ได้ยินอย่างชัด ๆ

"เดี๋ยวนะ มาขอกันง่าย ๆ แบบนี้ ไม่ใช่แล้วนนท์ คุณคิดอะไรอยู่กันแน่" อัคราวิชญ์พยายามพูดเพื่อให้ณัฐชานนท์ได้ลองคิดดูใหม่ และตอนนี้เขาก็กำลังเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนเขาเป็นคนแบบนี้

"ผมพูดจริง ผมรอเวลานี้มานานมาก ตั้งแต่ที่คินน์หนีไปทำงานที่ต่างประเทศ อย่าคิดว่าผมไม่รู้เหตุผลจริง ๆ ของคินน์นะ ผมรู้ทุกอย่างแหละ" ณัฐชานนท์พูดอย่างมั่นอกมั่นใจกับการเลือกในครั้งนี้

"อะไรทำให้นนท์มั่นใจได้ขนาดนั้น วีเคยบอกว่าอยากไปอยู่ด้วยกันเหรอ" อัคราวิชญ์พยายามยื้อด้วยเหตุผล ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ก็รู้สึกแย่มาก ๆ อยู่

"ก็... ไม่เคย แต่ในเมื่อทุกครั้งที่วีมีปัญหากับคินน์ วีก็มาหาผมตลอด" ณัฐชานนท์พูดเข้าข้างตัวเอง

"นนท์ อย่าเพิ่งคิดไปเอง ถ้าปากเขายังไม่เคยพูดว่ารักหรือเลือกที่จะอยู่กับนนท์สักครั้งเดียว ก็ถือว่ายังไม่ใช่อยู่ดี" อัคราวิชญ์ยกเหตุผลขึ้นมาพูด

"จะช้า จะเร็ว ยังไงวีก็เลือกผม ถ้าเขาเลือกคินน์คงไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์นี้พังลงหรอก" ณัฐชานนท์พยายามเถียงไม่เลิก

"ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีปัญหาอยู่แล้ว แค่ตอนนี้ใจวียังไม่พร้อมจะคุย และผมเองก็ด้วย นนท์จะมาสรุปเองแบบนี้ไม่ได้นะ" อัคราวิชญ์ชี้ให้เห็นถึงความจริง

"จะยังไงก็ช่าง ผมจะพาวีไปอยู่ด้วย" ณัฐชานนท์ยังตื้อไม่เลิก

"นนท์อยากเป็นชู้เหรอ เรา 2 คนจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะ ต่อให้แยกกันอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่านนท์จะเข้ามาแทรกได้เลย" อัคราวิชญ์พยายามเตือนณัฐชานนท์ออกไปอย่างอารมณ์เสีย

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมหาทนายมาช่วยทำเรื่องให้วีฟ้องหย่าเอง" ณัฐชานนท์กำลังคิดว่าตัวเองเหนือกว่าอัคราวิชญ์

"นนท์ช่วยคิดถึงความเป็นจริงและมีเหตุผลมากกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ ผมว่าคุณต้องตั้งสตินะ" อัคราวิชญ์พยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ควันออกหูแล้ว

"ผมไม่สนหรอก ที่ผ่านมาคินน์ไม่เคยสนใจความรู้สึกวีด้วยซ้ำ จะมาทวงสิทธิ์ตอนนี้ มันไม่ตลกเกินไปหน่อยเหรอ" ณัฐชานนท์ซัดคำพูดแรง ๆ กลับไป

"นนท์รู้ได้ไงว่าผมไม่สนใจ ผมสนใจวีตลอดเวลาแหละ เพียงแค่วีไม่เคยสังเกตต่างหาก" อัคราวิชญ์เถียงกลับอย่างยอมไม่ได้ เพราะเขารู้สึกเหมือนกำลังโดนกล่าวหาแบบไม่ยุติธรรมอยู่

"อย่ามาพูดโกหกเพื่อให้ผมยอมแพ้กับเรื่องนี้เลย คินน์ยอมรับความจริงและปล่อยวีมาให้ผมเถอะ" ณัฐชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อในคำพูดเพื่อนอีกต่อไปแล้วเพราะกำลังหลงมัวเมากับเรื่องวีรภัทราอยู่

"ผมไม่ได้โกหก นนท์นั่นแหละที่หลงวีจนปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลขนาดนี้ได้ยังไง" อัคราวิชญ์ก็พูดอย่างเหลืออดแล้วเช่นกัน

"ผมมีสติดีและคิดมาอย่างรอบคอบแล้วด้วย ผมรักวีจริง ๆ ในเมื่อคินน์ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็ปล่อยวีมาเถอะ จะอยู่กันให้ทรมานทำไม" ณัฐชานนท์พยายามยืนกรานในความคิดตัวเอง

"ไม่ ลูกผมทั้งคน จะปล่อยได้ยังไง" อัคราวิชญ์แสดงท่าทีไม่ยอมแพ้กับเรื่องนี้

"เรื่องลูกผมดูแลให้ได้ อย่างดีเลยด้วย คินน์ไม่ต้องกังวลหรอก" ณัฐชานนท์พูดแบบไม่สนใจความรู้สึกอัคราวิชญ์กลับไปเพราะตอนนี้ได้แต่คิดถึงวีรภัทราเท่านั้น

"นนท์หัดยอมถอยให้กับเรื่องที่ไม่ถูกต้องซะบ้างนะ อย่าทำตัวเป็นคนที่ไม่มีหลักการแบบนี้ ถ้านนท์พาวีไป ผมเอาเรื่องแน่ ผมไม่ได้ขู่" อัคราวิชญ์พยายามพูดด้วยเหตุผล แต่พอเห็นท่าทีของณัฐชานนท์ที่ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร จึงทำให้เขาโมโหและพูดแรง ๆ กลับไปแบบไม่ไว้หน้า

"แล้วแต่คินน์เลย" ณัฐชานนท์พูดพลางแสดงสีหน้ายียวนกลับไป

"เดี๋ยวได้รู้กัน ผมเตือนคุณแล้วนะ" อัคราวิชญ์พูดพลางชี้นิ้วใส่หน้าณัฐชานนท์ และก็เดินออกจากห้องทำงานไปอย่างหงุดหงิดใจ ส่วนณัฐชานนท์ที่เห็นอาการเดือดดาลของเขาจากการปิดประตูอย่างแรงใส่หน้า ก็รู้แล้วว่าทนไม่ได้และกำลังพยายามหาทางแก้ปัญหาอยู่

อัคราวิชญ์ที่รู้ตัวว่ากำลังจะเสียวีรภัทราให้ผู้ชายคนอื่น ก็ยิ่งทำให้เขารีบเร่งหาเธอมากยิ่งขึ้น จนไปเจอว่าเธออยู่คอนโดที่ณัฐชานนท์เลือกให้ โดยที่เธอก็ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเปิดโอกาสดี ๆ ให้เพื่อนเขา จนทำให้เขาโดนนนท์พูดจาถากถางใส่ เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งปวดใจ ส่วนเธอที่ใช้ชีวิตคนเดียวอย่างสบายใจ แต่ก็ไม่สบายกายซะทีเดียวเพราะต้องคอยระมัดระวังในทุกเรื่อง ก็เริ่มทำเธอเครียดจนหมอก็เริ่มเตือนให้เธอรู้จักแบ่งเบาภาระไปให้สามีบ้าง แต่ตอนนี้เธออยู่กับสามีที่ไหนกันล่ะ เธอได้งุ่นง่านอยู่ในใจ

เรื่องราวที่อัคราวิชญ์และวีรภัทราทะเลาะกันจนแยกกันอยู่ไปถึงหูคุณหญิงวิไลรัตน์และป้านุช ทำให้ผู้ใหญ่ทั้ง 2 คนต้องหาเวลามาคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกก็ดูเหมือนว่ากำลังปรับตัวกันไปได้ดีอยู่ แต่กลับกลายเป็นว่าตีกันจนบานปลาย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนเริ่มต้นก็คือคินน์ ลูกชายตัวดีของคุณหญิงนั่นเอง ทำเอาคุณหญิงปวดหัวเลยเพราะเขาไม่เคยทำตัวไม่น่ารักขนาดนี้มาก่อน จึงรีบเดินทางมาหาที่บ้านอัคราวิชญ์เพราะเห็นว่าปล่อยให้แก้ปัญหาเองมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น พอทั้งคู่ได้นั่งคุยเปิดใจกัน ก็ทำให้คุณหญิงรู้เลยว่าลูกตัวเองมีอคติต่อลูกสะใภ้แค่ไหน คุณหญิงจึงให้คำแนะนำที่ทำเอาเขาต้องหยุดคิดตาม

"คนเราจะได้รู้จักกันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว กว่าจะรักกันยิ่งยากกว่า แต่รักษากันไว้นั้นยากที่สุดนะลูกคินน์ ลองเก็บไปคิดดี ๆ นะ" คุณหญิงวิไลรัตน์พูดแนะนำพร้อมจับมือให้กำลังใจอัคราวิชญ์ไปด้วย

หลังจากคุณหญิงวิไลรัตน์กลับบ้านไปคำพูดของคุณหญิงยังคงสะท้อนอยู่ในหู และสมองของเขา เขาก็เริ่มคิดขึ้นมาว่า เขาใจร้อนเกินไปหรือเปล่า สิ่งที่เขาทำกับวีรภัทรามันมากไปหรือเปล่านะ คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวเขาไม่หยุด แถมยังมีเรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจมาก ๆ เพราะณัฐชานนท์เอาแต่พูดว่าจะพาตัวเธอไป เขาควรไปขอร้องเธอตอนนี้ดีไหมนะ อย่างน้อยก็ให้กลับมาด้วยกัน