วีรภัทราที่หนีออกมาแล้วก็คิดว่า ไม่ควรที่จะกลับบ้านตอนนี้ เพราะไม่งั้นป้านุชจะต้องส่งเธอกลับมาหาอัคราวิชญ์เช่นเดิมแน่ เลยตัดสินใจติดต่อไปหาณัฐชานนท์ เพราะรู้ว่าเขาเต็มใจที่จะฟังและช่วยเหลือ แม้ในใจจะกังวลว่าจะทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่ไหม แต่นี่คือหนทางเดียวที่จะหนีพ้นในเวลานี้
"วีมีอะไรหรือเปล่าครับ" ณัฐชานนท์รับสายและถามกลับอย่างแปลกใจ
"คือวีอยากให้คุณนนท์ช่วยหาตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศให้หน่อยค่ะ ที่สำคัญอย่าบอกคุณคินน์นะคะ" วีรภัทราพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องณัฐชานนท์และไม่ลืมที่จะย้ำเรื่องสำคัญในตอนท้ายด้วย
"ได้ครับ จะไปกี่วันครับ" ณัฐชานนท์ตอบรับอย่างไม่สงสัย เพราะเขารู้เรื่องมาจากอัคราวิชญ์แล้ว แต่ไม่คิดว่าวีรภัทราจะติดต่อมาหาเขาด้วยตัวเอง โดยที่เขาไม่ต้องตามหา
"ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ" วีรภัทราตอบกลับอย่างสับสนในใจ
"งั้นผมจองตั๋วไว้ให้ก่อนนะครับ ถ้าวีเปลี่ยนใจก็บอกมานะ" ณัฐชานนท์คิดหาข้อสรุปให้วีรภัทราด้วยการจองตั๋วแบบเที่ยวเดียวก่อน หากเธอเปลี่ยนใจจะเลือกวันกลับจะเปลี่ยนการจองได้ง่ายกว่า
"ค่ะ" วีรภัทราตอบตกลง
หลังจากนั้นวีรภัทราก็มาขึ้นเครื่องบินตามที่คุยกับณัฐชานนท์ไว้ ส่วนอัคราวิชญ์ที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย ก็ได้รับการติดต่อกลับมาจากพริมา เขาโดนต่อว่าอย่างหนักที่ไม่เชื่อใจวี และเขาก็สวนคำถามกลับไปเลยว่า
"รู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ" อัคราวิชญ์ถามออกไปด้วยความสงสัย ทำให้เขาได้รู้ความจริงว่า
"พริมรู้เรื่องมาจากคุณนนท์ค่ะ" พริมาตอบตามความจริง
"อ๋อ... แล้วคุณติดต่อวีได้ยังครับ" อัคราวิชญ์ตอบสั้น ๆ และถามกลับเรื่องที่เขาอยากรู้มากที่สุด
"ยังเลยค่ะ แต่..." พริมาตอบปฏิเสธไป แต่ก็ลังเลที่จะบอกความลับอย่างหนึ่งที่รู้มา
"แต่อะไรครับ คุณรู้อะไรก็รีบบอกมาเถอะครับ" อัคราวิชญ์รู้สึกได้ว่าพริมาจะต้องรู้อะไรแน่ ๆ จึงถามกลับด้วยความร้อนใจ
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง" พริมาตอบปฏิเสธอีกครั้ง แถมยังพูดทิ้งท้ายไว้ให้สงสัยต่ออีก
"ทำไมถึงบอกตอนนี้ไม่ได้ครับ" อัคราวิชญ์ถามกลับทันที
"ไม่ใช่ว่าบอกไม่ได้ค่ะ แต่คุณควรจะรู้จากปากของเจ้าตัวมากกว่าค่ะ" พริมาพยายามอธิบายกลับให้อัคราวิชญ์เข้าใจ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เข้าใจอะไรจริง ๆ
"ทำไมล่ะ ผมอยากรู้ตอนนี้ ไหนคุณบอกว่าติดต่อวีไม่ได้ไง แล้วคุณรู้ได้ไงว่าวีต้องการจะบอกอะไร" อัคราวิชญ์พูดกลับมาเป็นชุด
"ไม่ใช่พริมไม่อยากช่วยคุณอัคราวิชญ์นะคะ แต่พริมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเพื่อนพริมเช่นกันค่ะ" พริมาพูดด้วยความเห็นใจทั้ง 2 คน
"แล้วที่พริมรู้ก็ไม่ได้มาจากวีหรอกค่ะ พริมก็แค่เดาความคิดของวีแค่นั้นค่ะ" พริมาพูดตามความรู้สึกที่นึกแทนวีรภัทราให้อัคราวิชญ์ฟัง
"ก็ได้ครับ ผมก็ได้แต่หวังว่าจะมีโอกาสได้แก้ตัวบ้าง" อัคราวิชญ์พูดไปตามความรู้สึกจริง ๆ โดยไม่ปิดบังเพื่อนสนิทของวีรภัทราเลยแม้แต่นิดเดียว
"ค่ะ งั้นก็แค่นี้ก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" พริมาขอตัวกับอัคราวิชญ์ และวางสายไป
"ครับ หากมีอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวี โทรมาหาได้เลยนะครับ" อัคราวิชญ์พูดทิ้งท้าย
"ได้ค่ะ" พริมาตอบตกลงทันที
หลังจากที่ณัฐชานนท์ติดต่อกับวีรภัทราได้ เขาก็ไม่คิดที่จะกลับมาเจออัคราวิชญ์อีกเลย เพราะเขาอยากใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปดูแลเธออย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เรื่องเดินทาง ที่พัก ไปจนถึงชีวิตประจำวัน ซึ่งตอนแรกเธอก็แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยที่เขาอยากเดินทางไปกับเธอด้วย แต่เพราะเขาให้เหตุผลว่าเป็นคนจัดการให้เธอทุกอย่าง ทำให้เรื่องต่าง ๆ ราบรื่นได้ เธอก็รู้สึกว่าจะปฏิเสธไปก็ทำไม่ถูกต้อง เพราะเขาช่วยเหลือเธออยู่แท้ ๆ
ณัฐชานนท์ใช้เวลาอย่างมีความสุขกับวีรภัทราได้ 8 วัน เขาก็จำเป็นจะต้องเดินทางกลับมาประเทศไทยอย่างกะทันหัน เพราะด้วยงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่เขาเป็นเจ้าของดูแลอยู่นั้นมีปัญหาเล็กน้อย ก็เลยถือโอกาสไปหาอัคราวิชญ์ที่บริษัท คินน์รู้สึกแปลกใจกับสีหน้า ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขา ดูเพื่อนมีความสุขมากกว่าปกติ ทุกครั้งที่คุยกันก็จะมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
"ช่วงนี้ดูเปลี่ยนไปนะ เกิดอะไรขึ้นกับนนท์หรือเปล่า" อัคราวิชญ์ถามด้วยความงุนงงในอาการของเพื่อนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
"เปล่านี้ แค่...มีความสุขดี" ณัฐชานนท์ตอบปฏิเสธไป แต่สีหน้าก็ยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
"อืม... แล้วแต่นนท์ละกัน" อัคราวิชญ์ตอบกลับไป พลางส่ายหัวให้กับณัฐชานนท์ด้วยความไม่เข้าใจในตัวเพื่อน
หลังจากณัฐชานนท์จัดการปัญหาที่บริษัทตัวเองเรียบร้อย ก็รีบเดินทางกลับไปหาวีรภัทราที่ญี่ปุ่นต่อภายในวันรุ่งขึ้นทันที เพราะอยากกลับไปเจอเธอเร็ว ๆ ส่วนวีรภัทรานั้นที่อยู่คนเดียวมา 1 คืนกลับรู้สึกสบายใจที่ไม่มีเขาอยู่ แม้ความเป็นอยู่ในด้านอื่น ๆ อาจจะทำให้เธอทำตัวไม่ถูก และก็ไม่คุ้นเคยกับมันบ้าง แต่ก็มีความสุขดี
เช้าวันรุ่งขึ้นวีรภัทราตื่นขึ้นมาทำอาหารง่าย ๆ ให้ตัวเองและลูกน้อยที่อยู่ในท้องกิน แต่ก็กินได้ไม่มากเพราะอาการแพ้ท้องยังมีอยู่เยอะ ระหว่างที่เธออ้วกในห้องน้ำอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา แต่เธอหมดแรงที่จะลุกไปดูว่าเป็นใครก็เลยนั่งแหมะอยู่กับที่ ส่วนณัฐชานนท์ที่เข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะจะได้อยู่กับเธอ ก็เรียกชื่อเธอพลางเดินหาไปทั่วบ้านจนมาเจอเธอนั่งหมดแรงอยู่ในห้องน้ำ เลยช่วยอุ้มเธอพาไปนั่งที่เตียงในห้องนอน เธอตกใจมาก จึงรีบโวยวายออกมาว่าจะทำอะไร เขาก็เพียงแค่บอกว่าจะช่วยพาไปส่งที่ห้องนอนให้เฉย ๆ พอเขาเดินออกไป เธอก็แอบถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งอก
หลังจากที่ณัฐชานนท์ไปส่งวีรภัทราเสร็จแล้ว เขาก็ออกมาเตรียมอาหารอ่อน ๆ ให้อย่างตั้งอกตั้งใจ ขณะที่เขากำลังคนโจ๊กอยู่ในหม้อ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น จากนั้นเขาก็รับโทรศัพท์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทันได้สังเกตว่าเธอเดินออกมาจากห้องนอนแล้ว และกำลังเดินผ่านหลังเขาไป ในตอนที่เขากำลังวิดีโอคอลกับอัคราวิชญ์อยู่
"คินน์ วิดีโอคอลมาทำไมกัน" ณัฐชานนท์ถามออกไปอย่างแปลกใจ
"ก็มีเรื่องจะถาม" อัคราวิชญ์ถามส่ง ๆ ไป
"มีเรื่องอะไรก็ว่ามา" ณัฐชานนท์พูดขณะที่วางมือถือลงที่โต๊ะเตรียมอาหารที่อยู่ด้านหลังเขา
"ก็แค่... วีได้ติดต่อนนท์ไปบ้างไหม" อัคราวิชญ์ถามอ้อม ๆ กลับไป
"ไม่นะ ทำไมเหรอ" ณัฐชานนท์ตอบกลับอย่างไม่ลังเลใจ ก่อนที่จะปิดเตา และหันมาหยิบมือถือคุยต่อ
"เหรอ งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วแหละ แค่นี้นะ" อัคราวิชญ์ที่แกล้งตอบกลับไป ทั้ง ๆ ที่เขาเห็นวีรภัทราเดินผ่านเมื่อกี้ ก็รู้ซึ้งทันทีว่าเพื่อนเขาโกหก แล้วแบบนี้จะมีอะไรอีกไหมนะที่ณัฐชานนท์โกหกเขา
ช่วงเวลาที่อัคราวิชญ์กำลังทบทวนว่าเขาควรจะคุยกับเพื่อนเขาตรง ๆ ไปเลยเรื่องวีรภัทรา หรือจะยอมมองข้ามเพราะความเป็นเพื่อนกันมานานดี ก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อมาจากเบอร์เบอร์ที่ไม่ได้เห็นมานาน เขาชั่งใจอยู่สักพักก่อนที่จะรับสายนั้น
"สวัสดีครับ อัคราวิชญ์พูดสายอยู่ครับ" อัคราวิชญ์รับสายด้วยน้ำเสียงปกติ
"สวัสดีค่ะ ฉัน ลลิตา ลูกพี่ลูกน้องของพี่เบสตี้นะคะ" ลลิตาแนะนำตัวด้วยความตื่นเต้น ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย
"ครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ" อัคราวิชญ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
"คือ...ลิตาเจอจดหมายฉบับหนึ่งของพี่เบสตี้ที่เขียนถึงคุณอัคราวิชญ์ค่ะ จะให้ลิตาส่งไปให้คุณได้ที่ไหนคะ" ลลิตาพูดอธิบายเรื่องที่ต้องคุยอย่างช้า ๆ ออกไป
"งั้นส่งมาที่...." อัคราวิชญ์บอกที่อยู่ของตัวเองเสร็จสรรพ หลังจากนั้นก็ขับรถกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเอาของไปฝากวีรภัทราเช่นเคย
หลังจากวางสายไป อัคราวิชญ์ก็ยังรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงมาเจอจดหมายของนันทิชาเอาป่านนี้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป บางทีอาจเป็นเพราะที่บ้านเธอยุ่ง ๆ และเพิ่งจัดข้าวของเรียบร้อยก็เลยมาเจอจดหมายพวกนี้ละมั้ง
ในที่สุดก็ผ่านไป 15 วัน วีรภัทราตัดสินใจกลับประเทศไทย เพราะอยากให้ลูกเติบโตที่บ้านเกิดของเธอ แต่เธอก็ยังคงไม่กลับบ้านอัคราวิชญ์อยู่ดี เพราะเธอยังอยากใช้เวลาในการจัดระเบียบความคิด จึงทำให้ณัฐชานนท์ต้องช่วยหาที่พักใหม่ให้เธอ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเธอในทุกเรื่องตอนนี้ สุดท้ายเธอก็ย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดที่เขาเลือกให้ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาเป็นหุ้นส่วนที่นี่
อัคราวิชญ์ที่พยายามสืบเรื่องวีรภัทรากับทางพริมาตลอดระยะเวลาที่เธอหายตัวไป เพราะเขาไม่เชื่อว่าเธอจะไม่เล่าเรื่องตัวเองให้เพื่อนฟัง จนวันหนึ่งที่เลิกงานเร็วก็ได้ติดตามพริมไป จนไปเจอเข้ากับที่พักที่ตอนนี้เธออาศัยอยู่ เขาแอบยืนมองพริมเดินเข้าไปในห้องพักวีอย่างสับสนอยู่นาน เนื่องจากเขาไม่เจอเธอมา 20 วันแล้วนับตั้งแต่เธอหนีไปจากเขา แต่แทนที่เขาจะพุ่งเข้าชนเพื่อไปคุยกับเธอให้รู้เรื่องกลับกลายเป็นว่า เขาต้องการเวลาเพิ่มขึ้นเพราะไม่อยากทำผิดพลาดแบบรอบก่อน จึงเริ่มคิดแผนที่จะทำให้เธอยอมยกโทษให้เขา ด้วยการเข้าไปตีสนิทเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้ โดยอ้างว่ามาง้อเมียกลับบ้าน ซึ่งเขาก็เห็นใจมากและพร้อมช่วยเหลือทุกอย่างเพราะอยากเห็นทุกครอบครัวมีความสุขอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนที่เขามีภรรยาคอยอยู่เคียงข้างในทุกวันนี้
ในช่วงที่อัคราวิชญ์สืบข้อมูลวีรภัทราอยู่ เขาก็ไม่ลืมที่จะไปหาข้อมูลจากโรงพยาบาลที่เธอพักครั้งล่าสุด เพราะเขาไม่คิดว่าแค่ไม่กี่ครั้งจะทำเธอท้องได้ แต่พอได้รับคำยืนยันจากหมอเจ้าของไข้ เขาก็ต้องยอมจำนนกับข้อเท็จจริงที่ได้รับอย่างปฏิเสธไม่ได้ แทนที่เขาจะซาบซึ้งหรือดีใจกับการมีลูก แต่เขากลับหนักใจมากกว่าเดิม เพราะเขาไม่แน่ใจในความรู้สึกเธออีกแล้ว หากเป็นก่อนหน้านี้เขาก็คงจะเดาได้ว่าเธอรู้สึกยังไง เพราะตั้งแต่ที่เธอพูดความในใจออกมาในตอนนั้น ก็ทำให้เขาไม่มั่นใจในตัวเองอีกเลย
หลังจากอัคราวิชญ์ผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้แล้ว เขาก็คอยหมั่นแวะเอาของบำรุงครรภ์ไปฝากวีรภัทราผ่านทางเจ้าหน้าที่ แต่พอเกิน 2 ครั้งก็ถูกเธอถามด้วยความระแวงเพราะใครจะมาใจดีกับเธอได้ขนาดนี้ แม้เจ้าหน้าที่จะอ้างว่าเป็นเพื่อนเธออย่างที่เขาสั่งไว้ก็ตาม เพื่อนคนไหนจะมีน้ำใจซื้อของมาฝากเธอได้เยอะแยะขนาดนี้ พอคินน์รู้เรื่องที่เธอสงสัยจากเจ้าหน้าที่ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนไปขอร้องพริมาแทน เขาตัดสินใจโทรหาพริมาในช่วงเย็นหลังเลิกงาน
"สวัสดีครับ ผมอัคราวิชญ์ ขอโทษที่โทรมารบกวนเวลาหลังเลิกงานนี้" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจอย่างที่ไม่เคยทำ
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณอัคราวิชญ์มีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าคะ" พริมาตอบกลับอย่างเฉยชาพลางถอนหายใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง เพราะเบื่อหน่ายในการกระทำของสามีเพื่อน
"คือผมอยากให้คุณช่วยอ้างว่าเป็นคนส่งของบำรุงครรภ์ไปให้วีที่คอนโดหน่อยครับ" อัคราวิชญ์พูดตรงประเด็นทันที
"ยังไงนะคะ อย่าบอกว่าคุณแอบเอาของไปให้เพื่อนพริม" พริมาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่ได้ยิน
"ใช่ครับ ผมเอง ผมขอร้องคุณพริมา ช่วยผมหน่อยนะครับ" อัคราวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างไม่วางท่าอีกต่อไป
"ทำไมพริมต้องช่วยคุณอัคราวิชญ์ด้วยล่ะคะ" พริมาสวนกลับทันที ด้วยกลัวว่าเพื่อนจะเจ็บใจเพราะเขาอีก
"ผมรักวีจริง ๆ นะครับ ผมถึงอยากแก้ตัว" อัคราวิชญ์พูดอธิบายออกไป
"งั้นคุณก็พิสูจน์ให้เห็นหน่อยสิคะ ว่าคุณรู้สึกตามที่พูด" พริมาพูดท้าทายกลับไป
"ได้ครับ คุณพริมาอยากให้ผมทำอะไร บอกมาได้เลยครับ" อัคราวิชญ์ตกลงว่าจะทำตามเงื่อนไขทันที
พออัคราวิชญ์ตอบตกลงทันที ทำให้พริมารู้สึกได้ถึงความจริงใจที่เขาต้องการจะบอก เลยตอบเขากลับไปว่า
"พริมช่วยก็ได้ค่ะ แต่...แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ หากคุณอัคราวิชญ์ทำเพื่อนพริมเสียใจอีก พริมจะไม่ช่วยอีกแล้ว ต่อให้คุณเป็นเจ้านายพริมก็เถอะ" พริมาตอบตกลง แต่ก็ไม่ลืมที่จะขู่แทนเพื่อน
"ครับ ขอบคุณมากครับ" อัคราวิชญ์รีบพูดขอบคุณอย่างดีใจ
"ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะคะ" พริมาพูดตัดบท
"ขอบคุณอีกครั้งนะครับ สวัสดีครับ" อัคราวิชญ์พูดย้ำอีกครั้งด้วยความรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
ช่วงเวลาที่วีรภัทราออกมาอยู่คนเดียว ก็พบเจอกับความยากลำบาก ทั้งการแพ้ท้องและการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่สามารถปล่อยตัวสบาย ๆ ได้อย่างเดิม อีกทั้งการที่เธอรับความช่วยเหลือจากณัฐชานนท์นั้น เป็นเรื่องที่ควรจะยอมให้เขาเข้ามายุ่มย่ามและมีบทบาทกับชีวิตเธอมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามันถูกต้องหรือเปล่า แต่แทนที่เธอจะมีเวลาคิดมาก ก็ต้องหันมาดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น เพราะลูกน้อยที่เธออุ้มท้องอยู่นี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบที่ต้องมีมากขึ้น และความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ก็ยิ่งทำให้เธออยากจะโอบกอดไว้
หลังจากที่พริมาได้คุยกับอัคราวิชญ์เมื่อวันก่อน เธอจึงตัดสินใจมาหาวีรภัทราเพื่อดูว่าเพื่อนใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็พบว่า ก็มีความสุขดี แต่แค่เหนื่อยและอ่อนเพลียเท่านั้น
วีรภัทราที่เห็นหน้าพริมาจึงนึกถึงเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา จึงถามเพื่อนกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อมว่า
"แกเป็นคนเอาของบำรุงครรภ์มาฝากให้เราเหรอ" วีรภัทราถามกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่สายตาคอยจับผิดอยู่
"ใช่ ทำไมเหรอ" พริมาตอบกลับไปอย่างไม่หลบตา
"ก็... ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกใจนิดหน่อย" วีรภัทราตอบนิ่งเฉย แต่สายตากลับมีพิรุธเล็กน้อย
"แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าแกกำลังคาดหวังให้เป็นใครคนนั้นอยู่" พริมาพูดแหย่กลับไป
"เปล่าสักหน่อย" วีรภัทราปฏิเสธ แต่หลบสายตาไปทางอื่น เท่านี้ก็เป็นการตอบให้พริมาได้รู้แล้วว่า เธอยังคงรอให้อัคราวิชญ์มาง้ออยู่ แต่ก็ทำเป็นนิ่ง ไม่สนใจเขาแทน ไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ตลกความเป็นเพื่อน
"รักเขาไปแล้วใช่ไหม" พริมาพูดออกมาอย่างเห็นความจริง
"ใช่ที่ไหน อย่ามาคิดเองเออเองนะ" วีรภัทราปฏิเสธอีกตามเคย แต่ในใจสั่นระริก ส่วนพริมาก็ได้แต่ส่ายหัว
"แล้วกับคุณนนท์ นี่ยังไง ทำไมให้เขาเข้ามาดูแลได้ขนาดนี้" พริมาถามถึงสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่
"ก็..." วีรภัทราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบพริมากลับไปยังไง
"แกก็ควรมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนนะ" พริมาพูดเตือนเพื่อนอย่างตรงไปตรงมา
"อืม รู้แล้ว" วีรภัทราพยักหน้าอย่างเข้าใจดี