Chereads / #OPPSTE (ออพ-โพ-สิท) / Chapter 4 - Chapter 3 : เรื่องมหัศจรรย์

Chapter 4 - Chapter 3 : เรื่องมหัศจรรย์

ในตู้โบกี้รถไฟ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นขบวนเส้นทางมุ่งหน้าไปภาคเหนือ จูลวันนี้เธอแต่งตัวดูสบายๆแต่ก็เป็นของแบรนด์เนมเกือบทั้งชุด ชุดเดรสยาวถึงเข่าลายดอกสีน้ำเงิน ใส่กางเกงยีนส์สีอ่อนขายาวด้านใน และรองเท้าผ้าใบสีขาวรุ่นลิมิตเต็ด แว่นกันแดดคอลเลคชั่นใหม่ที่เพิ่งออก ลุคที่ดูหวานแต่ก็คล่องตัวที่เหมาะแก่การเดินทาง ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบ Slow Life และชอบปล่อยตัวเองไปกับจินตนาการไปกับธรรมชาติระหว่างการเดินทาง ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลัวความสูง แต่เธอก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองในการไม่ชอบเดินทางโดยเครื่องบินด้วยเช่นกันหากไม่จำเป็น การเดินทางไกลด้วยการนั่งรถไฟ หรือรถยนต์เพื่อดูวิวทิวทัศน์บรรยากาศระหว่างทางมักจะช่วยให้เธอได้ผ่อนคลาย และเพราะเธอไม่ชอบการขับรถด้วยตัวเองระยะทางไกลๆ ฉะนั้นการเดินทางด้วยรถไฟดูจะเป็นสิ่งที่เธอโปรดปราณที่สุดเวลาที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดคนเดียว

วันนี้ผู้โดยสารดูจะค่อนข้างเบาบางมีที่นั่งว่างค่อนข้างมากในตู้โบกี้นี้ ที่นั่งเหมือนจะว่างเกือบครึ่งตู้ ปกติควรจะมีผู้โดยสารหลายสิบคน แต่วันนี้มีเพียงไม่ถึงสิบคนซึ่งก็นั่งกระจายตัวกันออกไปทั้งสองฝั่งเกือบจะเป็นแบบสลับฟันปลา จูลซึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างทางด้านซ้ายเมื่อมองจากทางหัวขบวน ฝั่งตรงข้ามเธอเป็นที่นั่งว่างเธอจึงวางถุงผ้าที่ใส่หนังสือมาอ่านระหว่างเดินทาง เธอหยิบแว่นกันแดดสีเข้มขึ้นมาใส่เพราะเหมือนแสงจะเข้ามาจากหน้าต่างด้านนี้เยอะกว่าอีกด้าน แว่นที่ใหญ่และกระจกเลนส์ที่มืดเข้มทำให้มองแทบไม่ออกว่าเธอลืมตาหรือหลับตาอยู่ . . . เธอหยิบหนังสือเล่มนึงออกจากถุงผ้ามาวางไว้ด้านข้างเหมือนเผื่อไว้เตรียมอ่านระหว่างทาง

. . .

ขบวนรถไฟค่อยๆออกจากสถานีผ่านช่วงที่เป็นในตัวเมือง มุ่งหน้าออกสู่ชานเมืองและออกสู่นอกเมืองซึ่งเป็นท้องทุ่งนาสองข้างทาง สลับกับป่าไม้และเนินเขาเป็นช่วงๆ บรรยากาศแบบนี้ที่ซึ่งสามารถช่วยให้จูลได้ปลดปล่อยจินตนาการและความเครียดสิ่งต่างๆที่พบเจอมาก่อนหน้านี้ เธอเอื้อมมือหยิบกระบอกใส่ยาขนาดเล็กขึ้นมาทาน พร้อมดื่มน้ำจากขวดโดยไม่มีหลอดใดๆ เธอวางกระบอกใส่ยาและขวดน้ำไว้ข้างตัว และได้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อทันที เธออ่านหนังสือสลับกับมองออกไปนอกหน้าต่างชมทิวทัศน์ระหว่างทางเป็นช่วงๆ นี่ดูเหมือนเป็นช่วงเวลาหาความสุขง่ายๆระหว่างการเดินทางของเธอ

หญิงสาวที่นั่งถัดไปหยิบ iPod ขึ้นมาเปิดเพลง แม้เธอจะใส่หูฟังแต่เสียงเพลงก็ดังเล็ดรอดออกมา

.

.

.

## Music Start (เพลงเรื่องมหัศจรรย์)

. . . . " บนโลกนี้มีคนเป็นล้านคน ทุกคนมีเป็นล้านใจ ฉันก็ไม่ใช่ใครก็แค่คนหนึ่ง โลกเราดูช่างกว้างใหญ่ ท้องฟ้าดูช่างกว้างไกล เธอแปลกใจบ้างมั้ย " . . . .

.

.

.

ตลับใส่ฟิลม์ถ่ายภาพสีดำ กลิ้งมาใต้ที่นั่งใกล้ขาของจูลโดยที่เธอไม่ทันได้สังเกต ด้วยเสียงดังรอบข้างภายในขบวนรถ และประกอบกับเป็นช่วงจังหวะที่เธอกำลังมองเหม่อดูทิวทัศน์ภายนอก

ชายปริศนา : " ขอโทษครับ ขออนุญาตเก็บของใต้ที่นั่งคุณได้รึป่าวครับ "

น้ำเสียงสุภาพและอบอุ่นของชายปริศนา พร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่น่าประทับใจ หลังประโยคแรกที่ชายปริศนาเอ่ยทัก จูลซึ่งไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะกำลังเหม่ออยู่ ก็เหงยหน้าขึ้นไปสบตากันพอดี แต่ในมุมมองนี้เห็นเพียงแค่สายตาของจูลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แสดงประกายออกมาแม้จะยังมีแว่นกันแดดคั่นอยู่ และเหมือนมีสัญญานอะไรบางอย่างทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงักเล็กน้อย . . . โครงหน้าที่ได้รูปสวยดั่งสัดส่วนทองคำแม้จะไม่เห็นชัดเจนทั่วทั้งใบหน้าแต่ก็บ่งบอกได้ถึงความสมบรูณ์แบบเหมือนภาพวาดและชวนหลงใหลได้ไม่ยาก ทรงผมที่ยาวกว่ารองทรงเล็กน้อยมีรากไทรที่ดูเข้ากันได้สมบรูณ์แบบกับรูปหน้าและศีรษะ . . . จูลที่มองหน้าชายปริศนาแต่ถึงแม้จะมองตรงๆหรือใกล้เพียงใดก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน ยิ่งถ้าเป็นคนอื่นมองแล้วยิ่งห่างไกลคำว่าชัดเจนลงไปอีกแต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแปลกแยกแต่อย่างใด โดยเฉพาะดวงตาและส่วนบนของใบหน้าตั้งแต่จมูกขึ้นไป ที่ไม่มีใครสามารถเห็นชัดเจนได้เลย . . . แต่ในส่วนร่างกายนั้นดูเห็นชัดเจนเป็นปกติ สัดส่วนรูปร่างที่สูงโปร่ง ภายใต้เสื้อผ้าที่ดูเรียบง่าย มีกล้ามเนื้อที่เฟิร์มชัดเจนแต่ไม่ได้ใหญ่โตจนเกินพอดี เป็นรูปร่างของนักกีฬาที่ที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบหุ่นในอุดมคติของทุกคน

จูล : " อ่อ . . . ได้ค่ะ เชิญเลยค่ะ "

จูลขยับขาเบี่ยงหลบเล็กน้อย เพื่อให้ชายปริศนาสามารถก้มลงหยิบของได้สะดวก และในระหว่างนั้นเธอก็ได้ถอดแว่นออก . . ชายปริศนาค่อยๆก้มลงไปเก็บกล่องฟิล์มขึ้นมา

ชายปริศนา : " ขอบคุณครับ . . . ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนเวลาพักผ่อน "

จูล : " อ่อ . . . ไม่เป็นไรค่ะ "

ชายปริศนา : " แว่นสวยดีนะครับ . . . รองเท้าก็สวย รุ่น limited ด้วย " เหมือนเขาชวนคุย ถามแบบแก้เขิน

ชายปริศนา : " คุณเป็นนักเขียนหรอครับ "

จูลทำหน้าฉงนเล็กน้อยสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง และเหมือนเขาจะรู้จากสีหน้าของเธอ จึงชี้ไปที่ปกหลังหนังสือเล่มที่เธอถืออยู่และตอนนี้มันปิดโชว์ด้านหลังที่มีรูปผู้แต่งพอดี จูลพยักหน้าเล็กๆแทนคำตอบ และแอบเขินเล็กน้อย

ชายปริศนา : " แปลกดีนะครับ เพิ่งรู้ว่านักเขียนอ่านหนังสือตัวเองด้วย "

จูลยังคงทำได้แค่อมยิ้มแบบเขินๆไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

ชายปริศนา : " อ่อ . . . คงเหมือนนักร้องที่ฟังเพลงตัวเอง ก็ไม่แปลกอะไรเนอะ ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท "

จูลยังคงอมยิ้มแทนคำตอบต่อไป แต่จากสายตาของเธอมันแสดงออกเป็นนัยว่า แอบสนใจชายปริศนาคนนี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

จูล : " เป็นช่างภาพหรอคะ? "

จูลเอ่ยถามกลับแก้เขินเพราะเห็นตลับฟิลม์ที่เขาหยิบขึ้นมา และกล้องที่วางอยู่ที่นั่งอีกด้านของโบกี้ซึ่งอยู่ตรงข้ามเยี้องกับที่นั่งเธอพอดี

ชายปริศนา : " ไม่ใช่ . . . ไม่ใช่ครับ แค่ลองฝึกถ่ายเล่นๆเฉยๆ พอดีเห็นช่วงนี้เขากลับมาฮิตถ่ายฟิลม์กัน พอดีพี่ที่รู้จักให้ยืมมาลอง "

ทั้งสองคนยังคงสนทนากันต่อเล็กน้อยเป็นช่วงสั้นๆ เหมือนเป็นการทำความรู้จักกันเบื้องต้น แต่ก็ไม่ได้ถามชื่อหรือแลกเปลี่ยนคอนแทคกันแต่อย่างใด จนโทรศัพท์ของชายปริศนาดังขึ้น

ชายปริศนา : " งั้นไม่รบกวนละครับ ขออนุญาตไปรับสายก่อน "

จูลพยักหน้ารับ และทั้งสองคนก็แยกย้ายต่างกลับที่นั่งของตนเอง

.

.

.

## Music End

. . . . " คือเรื่องมหัศจรรย์ที่สุด ที่ฉันเคยได้เจอ เธอ ฮืมม คือเรื่องมหัศจรรย์ " . . . . ##

.

.

.

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ชายปริศนายังนั่งเล่นโทรศัพท์ ดูเหมือนกำลังแชทกับเพื่อน หรืออ่านข่าว บทความสลับกับหยิบกล้องขึ้นมาปรับค่าเป็นพักๆ เหมือนเด็กกำลังทดลองของเล่นใหม่ ในขณะที่จูลนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนเดิม แต่ก็มีบ้างที่แอบชำเลืองมองมาที่ชายปริศนา

ทิวทัศน์ช่วงนี้เป็นทุ่งหญ้าที่เริ่มมีเนินเขาเตี้ยๆสลับและดวงอาทิตย์กำลังตกมันดูสวยมากในความคิดของจูลในขณะช่วงเวลานั้น . . . ชายปริศนาที่กำลังถือกล้องอยู่ในตอนนั้น จึงแอบถ่ายภาพจูลในมุมที่เธอกำลังเหม่อมองออกไปด้านนอกโดยที่เธอไม่รู้ตัว