หลังจาก Check-in เรียบร้อย ซึ่งจูลได้จองห้องพักเลขที่ 301 เอาไว้และระบุอย่างชัดเจนว่าต้องเป็นห้องนี้เท่านั้น ซึ่งห้อง 301 นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นห้องเห็นที่วิวใกล้แม่น้ำที่สุด และสามารถเห็นวิวรอบด้านในบริเวณนั้นได้อย่างชัดเจนที่สุดอีกด้วย แต่ราคาคืนนึงก็สูงหลักหลายพันปลายๆต่อคืน เรียกว่าเป็นห้องที่เกือบแพงที่สุดรองลงมาจากห้องสวีทเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าราคาไม่ถูกเลยสำหรับโรงแรมขนาดกลางค่อนไปทางเล็กแบบนี้
โรงแรมแห่งนี้ทั้งโรงแรมมีห้องเพียง 30 ห้อง และมีจำนวน 4 ชั้น ในแต่ละชั้นมีห้องพัก 10 ห้อง ยกเว้นชั้นล่างที่เป็นลอบบี้และร้านอาหาร ตัวอาคารหลักห่างจากแม่น้ำเพียง 10-20 เมตร เท่านั้น ซึ่งมีลานหญ้ากึ่งสวนหย่อมเล็กๆคั่นไว้ เป็นที่สำหรับแขกนั่งพักผ่อนชมวิวได้ เกรดของโรงแรมนี้ที่ไม่น่าจะเกิน 4 ดาว มีการตกแต่งที่ดูเรียบง่ายไม่ได้หรูหราแต่อย่างใด ข้อดีข้อเดียวที่คนทั่วไปรู้สึกได้จากโรงแรมนี้ คือมันอยู่ติดแม่น้ำมากกว่าโรงแรมอื่นๆในระแวกนี้ และมีห้องพักที่ใกล้น้ำที่สุดทำให้เวลาเปิดหน้าต่างออก จะได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่เนืองๆ ซึ่งห้องที่ว่าคือห้อง 301 นี้เอง
ซึ่งแม้ห้อง 201 ซึ่งเป็นห้องสวีทห้องเดียวของโรงแรมนี้จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แต่กว่าครึ่งของแนวระเบียงจะมียอดต้นไม้บดบังวิวบางส่วน ซึ่งดูเหมือนเป็นความตั้งใจของโรงแรมเพื่อช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพัก เมื่อมองย้อนเข้ามาจากด้านล่าง อาคารบ้านเรือนและถนนระแวกนั้น
. . .
หลังจากเอาของวางในห้อง จูลหยิบหูฟังมาใส่และเปิดเพลงฟังก่อนที่จะหยิบสมุดขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงไป
.
.
.
## Music Start (เพลง คิด[แต่ไม่]ถึง)
. . . . " คิดอยู่ทุกวัน คิดอยู่ทุกคืน คิดว่าสักวัน ตัวฉันคงถูกลืม " . . . .
.
.
.
จูลใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องและมักนั่งริมหน้าต่างฝั่งที่ชิดแม่น้ำเสมอๆ เหมือนเป็นกิจกรรมประจำทุกวัน . . . ตื่น 10 โมงกว่า นั่งเล่นริมหน้าต่าง เที่ยงๆลงไปทานข้าวร้านอาหารชั้นล่าง เมื่อทานเสร็จก็กลับขึ้นมาบนห้อง และช่วงบ่ายแก่ๆหรือช่วงเย็นๆเมื่อแดดเริ่มร่มก่อนฟ้ามืด เธอก็มักจะมานั่งที่โต๊ะที่อยู่ชิดขอบตลิ่ง ที่เป็นสวนหย่อมของโรงแรม พร้อมกับสมุดและหนังสือในทุกครั้ง แต่ดูเหมือนเธอจะมานั่งชมวิวพลางเล่นโทรศัพท์และปล่อยความคิดของตนเองมากกว่าที่จะสนใจอ่านหรือเขียนหนังสือ . . .
เธอจะนั่งอยู่แบบนั้นจนกว่าจะมืดจนมองวิวรอบข้างไม่เห็น เธอทำแบบนี้อยู่ทุกวันติดต่อกันนานนับสัปดาห์จนพนักงานทุกคนล้วนจำกิจวัตรของเธอได้ เพราะแขกที่พักในโรงแรมช่วงนี้ก็ไม่ได้มีมากนัก และมีเธอเพียงคนเดียวที่อยู่ติดต่อกันมานานเกินสัปดาห์แบบนี้ . . . จะมีเพียงแค่บางวันเท่านั้นที่มีตลาดนัด หรือถนนคนเดินใกล้ๆจัดขึ้น เธอถึงจะออกไปนอกโรงแรม นอกจากนั้นแล้วเธอแทบจะใช้ชีวิตไม่อยู่บนห้องก็มักมานั่งริมน้ำแบบนี้ทุกวัน
. . .
ผ่านมา 22 วัน นับจากวันแรกที่เข้าพัก วันนี้ท้องฟ้าดูเปิด สดใสกว่าทุกวันที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่มาพักรอบนี้ จูลก็ยังคงพักอยู่ห้องเดิมและทำกิจวัตรเดิมๆซ้ำๆแบบนั้น และดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้สนใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับใครเป็นพิเศษเท่าไหร่ พนักงานโรงแรมที่เธอเจอทุกวัน เธอก็ทำแค่ยิ้มให้เวลาเดินผ่านกันเท่านั้น
.
.
.
## Music End
. . . . " ถ้าเธอนั้นจะไม่กลับมา อยากให้รู้ว่าทุกๆช่วงเวลา ไม่เคยไม่คิดถึงเธอเลย " . . . . ##
.
.
.
จูลถอดหูฟังออกตอนเพลงจบพอดี ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาปกติที่จูลจะมานั่งที่โต๊ะริมแม่น้ำที่ประจำของเธอ พร้อมด้วยหนังสือและสมุด แต่วันนี้มีสิ่งที่แตกต่างออกไป . . . " อยู่นานเป็นเดือนเลยหรอครับ " เสียงที่คุ้นหูทักมาในขณะที่จูลกำลังนั่งพักสายตา หันหลังให้กับต้นกำเนิดของเสียงนั้น เธอพลันหันมาทันทีที่ประโยคจบลง . . . ชายปริศนาในชุดลำลองเสื้อยืดสีดำพื้น กางเกางยีนส์ รองเท้าแตะที่ดูเรียบง่าย
ชายปริศนา : " ไม่คิดว่าจะพักที่นี่นานขนาดนี้ จะอยู่ถึงวันไหนครับเนี่ย "
จูล : " อ่อ . . . ค่ะ "
คำตอบที่ดูเหมือนจะไม่ใช่คำตอบ มักจะออกมาจากจูลเสมอๆ
ชายปริศนา : " ที่นี่ช่วยให้เขียนหนังสือได้เยอะขึ้นมั้ยครับ "
เขาพลางเหลือบมองไปเห็นหนังสือและสมุดที่วางอยู่ใกล้ๆ
จูล : " อ่อค่ะ . . . ก็ช่วยได้นะ ริมน้ำแบบนี้ช่วยให้เราสบายใจและคิดอะไรออกมากขึ้น "
จูล : " ก็คิดว่าคงจะอยู่อีกสักพัก จนกว่าจะเขียนตอนนี้จบ . . . ก็ยังไม่แน่ใจว่ากี่วันเลยค่ะ "
ชายปริศนาแอบคิดอยู่ในใจว่า ผู้หญิงคนนี้คงรวยมากเลยนะที่เสียค่าโรงแรมเป็นแสนๆแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ได้แต่ยิ้มกับคำตอบที่ได้รับกลับมา
จูล : " แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยหรอก มันก็แพงอยู่ " (จูลตอบกลับเพิ่ม เหมือนรู้ความคิดผ่านสีหน้าของชายปริศนาที่แสดงออกมา)
จูล : " แล้วทำไมถึงเข้ามาที่นี่ได้ล่ะ คงไม่ใช่แค่เดินมาเช็คว่าเรายังอยู่รึป่าวใช่มั้ย "
ชายปริศนา : " ไม่ใช่ ไม่ใช่ . . พอดีวันนี้เป็นวันเกิดเพื่อน เขาชวนมากินข้าวที่นี่พอดี นี่เพิ่งกลับกันไปเองเมื่อกี้ พอดีเราเห็นเธอนั่งอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่รึป่าว เลยลองเดินมาดูใกล้ๆ "
จูล : " อ้อ . . . บังเอิญจังเลยนะคะ "
ชายปริศนา : " ครับ พอดีบ้านเขาอยู่ใกล้ๆนี้เอง หลังนั้นน่ะครับ ที่มีต้นไม้ออกดอกเหลืองๆอยู่หลังบ้าน "
ชายปริศนาพลางชี้ไปที่บ้านหลังนึงซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก มองได้เห็นชัดเจนพอดีจากระยะและช่วงโค้งของแม่น้ำ
ชายปริศนา : " เออใช่ เกือบลืม . . . คืนนี้ว่างมั้ย พอดีเดี๋ยวจะมีจัดปาร์ตี้เล็กๆกันที่บ้าน หลังนี้แหละ . . . ถ้าสนใจมาแจมซัก 2-3 ทุ่มก็ได้นะ "
จูล : " อืม . . . " (แสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย)
ชายปริศนา : " งานเล็กๆน่ะครับ กันเองมีไม่ถึงสิบคน เพื่อนๆพี่ๆแค่นั้น คนอื่นๆก็มีพาแฟน พาคนนอกมาเหมือนกัน เป็นปกติสำหรับพวกเรา "
จูล : " งั้นเดี๋ยว 2-3 ทุ่ม ไปก็ได้ค่ะ "
ชายปริศนา : " โอเค . . . มุมนี้เห็นแต่หลังบ้านอาจดูเหมือนเดินไกลนะ แต่จริงๆเดินไม่ถึงร้อยก้าวก็ถึงแล้วมั้ง ให้เราเดินมารับมั้ย? "
จูล : " ไม่เป็นไรๆ เราเดินไปเองได้ "
ชายปริศนา : " โอเค . . . งั้นเดี๋ยวบอกทางให้ พอดีมันมีเข้าซอยด้วยนิดนึง . . ถ้าเดินไปออกจากหน้าโรงแรมไปทางซ้าย ให้ผ่านซอยแรกไป แล้วเลี้ยวเข้าซอยที่สองนะ . . ผ่านบ้านไปสองหลังทางซ้ายมือจะมีซอยเล็กๆอีกอัน เลี้ยวเข้าซอยนั้น ก็ถึงแล้วหลังแรกเลยรั้วสีขาวๆ . . . แต่น่าจะมีรถจอดอยู่ด้านหน้า 2-3 คันแหละหาไม่ยาก "
หลังจากอธิบายทางจบทั้งสองคนก็แลกเบอร์โทรไว้ ซึ่งความจริงแล้วน่าจะแลกกันตั้งแต่ครั้งก่อนแต่ด้วยความเก้ๆกังๆของทั้งสองคน ตอนนั้นจึงยังไม่ได้แลกไว้