ท่านไนท์เคยบอกผมว่า...ในการประชุมมีขาประจำหลากหลายแบบ ซึ่งเราในฐานะหนึ่งในอัลฟ่าแนวหน้าต้องทำความรู้จักและรับมือให้ถูกต้องไม่งั้นเราอาจถูกแทงข้างหลังจนสิ้นชีพไม่รู้ตัวได้
ขาประจำกลุ่มใหญ่มีดังนี้
สายละครชีวิต : หัวหลักในการเรียกร้องขอความร่วมมือ ตั้งหัวข้ออภิปรายฟุ่มเฟือย สายนี้จะไม่พางานไปไหนถ้าขาดอีกสายหนึ่งสนับสนุน
สายทำงานเป็น : เป็นกลุ่มที่ถ้ามีน้อยกว่า 20% เมื่อไรการประชุมจะล่มไม่เป็นท่า
สายคัดค้าน : ใครมีความคิดสร้างสรรค์อะไรนอกลู่นอกทางขึ้นมา จักต้องเจอมารคอหอยจำพวกนี้เสมอ
สายอนุรักษ์นิยม : ผู้ยืนกรานในการอยู่กับที่ ไม่ต้องพัฒนาไปไหน บางเวลาจะกลายเป็นพวกสายคัดค้าน ผู้ที่คิดทำอะไรผิดธรรมเนียมประเพณีเข็ดขยาด
สายบริจาคจิตอาสา หรือชื่อเพราะๆว่าสายสันติภาพ : งานหลักของพวกเขาคือการเสียสละเพื่อส่วนรวม ขออาสาสมัครออกไปช่วยเหลือดาวที่อยู่ในโซนสงคราม และตั้งกองอาสาต้านแนวอุกกาบาต เป็นต้น
และสายที่ท่านไนท์ยกให้เป็นสายที่น่ารังเกียจที่สุด และมีเยอะที่สุดในจำนวนที่ไม่ทราบแน่นอน ก็คือ สายแอ๊บ...
ท่านไนท์นิยามง่ายๆว่าเป็นกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ที่แอบสวมหน้ากากเกาะไปกับกลุ่มต่างๆ ตามแต่ละช่วงเวลา วันไหนสายใดให้ผลประโยชน์ได้มากก็เกาะโหวตไปกับเขา บางเวลาถ้าเสียผลประโยชน์ก็จะกลายร่างเป็นสายคัดค้านหรืออนุรักษ์นิยมขึ้นมาทันทีด้วยใบหน้าที่แข็งแกร่งกว่าแกนดาว
ที่เจอได้บ่อยคือ สายแอ๊บสันติภาพ และสายแอ๊บละครชีวิต เพราะเป็นสองสายที่อ้างคุณความดีและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาเรียกร้องเอาประโยชน์ได้ง่ายๆ
ส่วนพวกสายเล็กสายน้อยอื่นๆที่เป็นไม้ประดับก็เช่น
สายวิจัย สายขุดแร่ สายนักสะสมของหายาก : พวกนี้อยู่เครือๆเดียวกัน เน้นวิชาการเป็นหลัก ใครจะตีกันไม่ใช่เรื่องของพวกเขา เจรจาตกลงอะไรด้วยไม่ยาก เพราะมีสิ่งที่ต้องการชัดเจน
สายประจำ ในที่นี้มีความหมายตรงตัวว่า สาย เป็นประจำ และมักเป็นพวกเดียวกับสายหลับใน สายมาเพื่อกินฟรี สายขาดเสมอ หรือสายอินดี้ ซึ่งแปลว่าข้าจะทำอะไรก็เรื่องของข้าอย่ายุ่ง เป็นต้น
"แล้วไนท์ล่ะ เป็นสายไหน"
เมื่อผมถามกลับไปแบบนั้น ผมจำได้ว่ารอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าท่านไนท์กลายเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่หาดูได้ยาก เรียกให้เส้นผมของผมลุกชัน เขาลูบคางตัวเองเหมือนระลึกความหลัง
"อืม ผมน่ะเรอะ คงเป็น...สายเอาแต่ใจ หรือเปล่านะ?"
วันนั้นผมไม่เข้าใจว่าท่านไนท์หมายถึงอะไร แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว...เมื่อย่างก้าวแรกเข้ามาสู่งานประชุมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวาล
การประชุมภาคีจัดขึ้นที่สถานีอวกาศเซทราเรียส ที่ลอยอยู่อยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างซุปเปอร์คลัสเตอร์*สองแห่ง หากมองออกไปนอกหน้าต่างจะพบว่ารอบตัวในรัศมีกว่าร้อยล้านปีแสง ไม่มีเทหวัตถุใดๆ ลอยอยู่เลย เพราะถูกแรงดึงดูดของสองซุปเปอร์คลัสเตอร์ดึงไปหมด เหลือแค่สถานีอวกาศนี้ที่มีระบบต้านแรงดึงดูดลอยเคว้งคว้างอยู่ตามลำพัง
พวกเราเดินทางไปด้วยสะพานข้ามดาราตามพิกัดที่ระบุในเทียบเชิญ เพราะสถานีจะเคลื่อนไปรอบๆพื้นที่ว่างตรงบริเวณใดก็ได้ในรัศมีร้อยล้านปีแสงที่ว่า
เมื่อเข้าไปถึงโซนรับรองสมาชิก กลางโถงห้องมีแผนผังสามมิติของสถานีอวกาศพร้อมคำอธิบายพื้นที่ใช้สอยต่างๆให้ผู้มาใหม่อย่างผมฟัง ผมสำรวจแผนผังอย่างสนใจ และเพียงแค่เห็นจุดเล็กๆแทนสิ่งมีชีวิต ผมก็ตะลึงงันกับขนาดใหญ่โตของมัน ทั้งยังเพียบพร้อม ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จะนึกออก และอาวุธป้องกันตัวครบครันดั่งยานรบ
สถานีเป็นของส่วนกลางสำหรับสมาชิกทุกคนก็จริง แต่พวกที่ไม่ได้ออกทุน ลงแรงสร้างหรือ ไม่เก๋าจริงก็อย่าไปทำกร่างมากจะปลอดภัยกว่า เพราะถ้าไปสะดุดเท้าของเหล่าคนใหญ่คนโตบนนั้นเข้า จะลำบากมิใช่น้อย
เมื่อถึงเวลาตามกำหนดในบัตรเชิญ ทุกคนก็ตรงเข้าห้องจัดประชุม
ผมเงยหน้ามองโต๊ะประชุมที่กึ่งกลางโถง โต๊ะไม่ได้วางอยู่บนพื้นเหมือนแถวดาวเฟลม่า แต่ทุกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตามแนววงแหวนสามอันที่พาดซ้อนกัน ทแยงซ้ายอัน ทแยงขวาอัน ส่วนที่เหลือไกลออกไปจะเป็นที่นั่งตามวงแหวนขนาดใหญ่รอบนอก วงแหวนทั้งหมดวนรอบใจกลางทรงกระบอกโปร่งแสงที่ทำหน้าที่เป็นตัวฉายข้อมูล
ผมคลำทางหาชื่อ อิกไนท์บนโต๊ะแล้วรู้สึกโชคดีที่อยู่ในวงแหวนแนวราบ ไม่งั้นถ้าต้องนั่งกลับหัวกลับหางร่วมประชุมผมคงเวียนหัวแย่ ผมไม่รู้ว่าคนที่อยู่บนวงแหวนแนวทแยงมองภาพตรงกลางเป็นยังไง ขอแค่ไม่อ้วกลงมาเป็นใช้ได้
มองดูเผินๆแล้วทุกสิ่งในการประชุมดูลงตัว ที่นั่งก็นุ่มสบายไม่เวียนหัว อาหารก็มีบริการให้พร้อม แต่กลับมีเรื่องที่น่ากลัวอย่างหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้สึกตัว ก็คือ คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของวงแหวนเดียวกับผม
จักรพรรดิอาเบล...
ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ประธานโต๊ะประชุมกำลังใช้ดวงตางามๆสีทับทิมมองข้ามมาอย่างไม่สบอารมณ์ อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องรีบนั่งยืดหลังตรง สงบจิตสงบใจ และเริ่มภาวนาด้วยคาถาคุ้มครองแปดทิศที่อีสต์แอบส่งให้ผมก่อนออกมา แม้มันจะดูงมงายแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจเลยล่ะนะ
ม่านสีออโรร่าโรยตัวลงมา อย่างน้อยทรงกระบอกโปร่งใสนี่ก็พอจะทำหน้าที่เป็นม่านบังตาให้ผมได้ ผมไม่เห็นอาเบล ขอแค่ไม่เห็นก็สบายใจไปกว่าครึ่ง อาเบลเองก็เลิกจ้องผมแล้วหันไปสนใจรายงานตรงหน้าเช่นกัน
นาฬิกาอะตอมที่บอกเวลาอย่างเที่ยงตรง บอกว่าการประชุมเริ่มแล้ว...
เลขาประจำการประชุมยืนขึ้นรายงานหัวข้อทั้งหมดที่จะอภิปราย และสมาชิกในวงแหวนวงในก็เริ่มแสดงความคิดเห็นต่อหัวข้อนั้นๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นหัวข้อเรื่องที่ผมฟังไม่รู้เรื่องเลย จำนวนประชากรที่เหมาะสม กฎเกณฑ์ที่จะขอความร่วมมือจากสมาชิก ขอบเขตความช่วยเหลือ จำนวนกองทัพในครอบครอง อาณาเขตของอัลฟ่าแต่ละดาวที่ห้ามบุกรุกกัน ข้อตกลงการแบ่งปันดาวทรัพยากร และอีกหลายๆเรื่อง...
พอฟังไปได้สักพัก ผมก็เริ่มเข้าใจท่านไนท์มากขึ้น...ว่าสายเอาแต่ใจที่ท่านพูดถึงนี่แปลว่าเป็นสายอินดี้ที่มาสายประจำ กินฟรี และหลับในสินะครับ หลายคนเริ่มย้ายไปสายเดียวกับท่านแล้วล่ะ ผมรู้สึกว่าความรู้สึกนับถือท่านไนท์ของผมแอบสั่นคลอนไปเล็กน้อย
เล็กน้อยจริงๆนะ
"เอาล่ะ ข้าว่าเราคุยไร้สาระมาพักหนึ่งแล้วนะ ทำไมถึงไม่เข้าเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อนล่ะ?"
อัลฟ่าต่างดาวหน้าตาเหมือนหมาป่าเอ่ยขึ้นเนิ่บๆ เห็นได้ชัดว่าความอดทนของเขาที่น่าจะมีน้อยนิดอยู่เดิมได้หมดลงแล้ว
"ข่าวที่ว่าท่านรวบรวมกองทัพคุกคามดาวทรัพยากรของดาราจักรข้างเคียงอย่างนั้นเรอะ?" อัลฟ่าหน้าตาเหมือนกล่องประดับด้วยหนวดและเคราดกครึ้มถามกลับ
"เหลวไหล ใครๆก็รู้ว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริง ข้าเตรียมกองทัพไว้ด้วยเหตุผลเดียว ที่พวกท่านทั้งหลายก็รู้ดีอยู่แล้ว..." ชาวหมาป่าโต้กลับอย่างขุ่นเคือง
อะไรอ่ะ ผมไม่เห็นรู้เลย แต่เพราะทุกคนทำหน้าเคร่งเครียด ผมจึงรู้ได้ทันทีเลยว่ามีแต่ผมที่ตกข่าว ทั่วทั้งห้องประชุมเงียบกริบราวกับถ้อยคำนี้เป็นคำต้องห้ามเหมือนชื่อจักรพรรดิอาเบลบนดาวเฟลม่า
"ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยขออนุญาตรายงานข่าวล่าสุดของเรื่องนี้ให้ท่านทั้งหลายฟัง ข่าวของสิ่งมีชีวิตไร้นิยาม หรือที่หลายๆท่านเรียกว่า 'เทเนบริส แคนนิส' สัตว์ประหลาดที่ล่าดวงดาวเมื่อหลายเดือนก่อน และความเสียหายที่พวกมันก่อขึ้น..."
เลขาประจำการประชุมเอ่ยขึ้นเมื่อความสนใจของสมาชิกมุ่งไปที่เรื่องนี้ ผมรีบเงี่ยหูตั้งใจฟังเป็นครั้งแรก ดีใจที่มีคนคิดจะอธิบายให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที
ชื่อและภาพสามมิติของดวงดาวสี่ดวงฉายขึ้นบนหน้าจอ พร้อมพิกัดยาวเหยียด
"นี่คือรายชื่อดวงดาวที่ถูกบุกรุก และได้รับความเสียหาย..."
[ดาวออร์ค, ดาวฟอร์นาส ; ดาราจักรโคมา]
[ดาวเวลเว็ท, ดาวยูเนส ; ดาราจักรซอมบรีโร]
นี่มันหมายความว่า ตอนนี้มีตัวประหลาดอะไรไม่รู้ออกเดินทางไล่กินดาว และฆ่าอัลฟ่าประจำดาวอยู่งั้นเรอะ?
เพราะอัลฟ่าก็คือหัวใจของดวงดาว
"รวมทั้งหมด มีอัลฟ่าและดาวสี่ดวงตกเป็นเหยื่อ ทั้งหมดยังไม่ได้เป็นสมาชิกของภาคี และอยู่ไกลออกไปในดาราจักรล้าหลังขอรับ" เลขาสรุป
"งั้นก็ไม่แปลกที่พวกมันจะโดนเล่นงาน และไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ แล้วสัตว์ประหลาดนั่นไปไหนแล้วล่ะ" อัลฟ่าหน้ากล่องประดับหนวดถามต่อ
ภาพดาวทั้งสี่เคลื่อนออก ปรากฎเส้นเชื่อมต่อแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของมัน แต่ปลายทั้งสองด้านกลับหายไป ราวกับว่าจู่ๆมันก็ปรากฎขึ้นกลางจักรวาลโดยไม่มีที่มา และตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ที่ไปในอวกาศของมันแล้ว
"เส้นทางเดินทางของมันสะเปะสะปะ เราแกะรอยมาได้เท่านี้ ก่อนที่มันจะหายเข้ากลีบเมฆไปอีกครั้งขอรับ"
ที่ประชุมเริ่มมีเสียงพูดคุยดังขึ้น หลายฝ่ายต่างแสดงมุมมองของตัวเองต่อเรื่องนี้ ภาพรวมคือการถกเถียงกันว่า สิ่งประหลาดนั่นจะเป็นภัยคุกคามต่อสมาชิกมากแค่ไหน และภาคีควรจะจัดการกับมันอย่างไร ต้องจัดทัพไปตามล่า ต้องวางกำลังช่วยเหลือสมาชิกที่อ่อนแอ หรือว่า ยังไม่จำเป็นต้องทำอะไร...แค่รอดูท่าทีของสิ่งประหลาดนั้นไปก่อน
เกินครึ่งเห็นด้วยกับข้อหลัง เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า มันคืออะไร มีจุดประสงค์อะไร การลงทุนลงแรงไปก่อนอาจได้ผลที่ไม่คุ้ม หลายดาวจึงเลือกเตรียมกองทัพป้องกันตัวเองไว้ยามฉุกเฉินแทน
เริ่มไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้ว หนังตาผมเริ่มคล้อยต่ำ แต่แล้วเมื่อหัวข้อนี้ใกล้ผ่านไป ก็มีเสียงเกริ่นดังขึ้นอีกหัวโต๊ะ
"พูดถึงการล่าอัลฟ่า...คงมีแค่คนเดียวกระมั้งที่บอกพวกเราได้ว่าเหตุผลและวิธีการนั้นคืออะไร?"
เป็นอัลฟ่าหน้าตาเหมือนขนมพุดดิ้งเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่น้ำเสียงกลับดึงความสนใจของทุกคนได้ รวมทั้งผมที่กำลังหลับในด้วยเช่นกัน ผมหันไปพินิจพิจารณาความน่ากินของเขาได้ครู่เดียว แต่แล้วพอเขาพูดจบ ทุกสายตากลับหันมามอง...
เอ๋ มองผมงั้นเรอะ?
ผมตื่นตกใจ ทั้งๆที่ตั้งใจจะทำตัวเป็นสายหลับในเนียนๆแบบท่านไนท์ แต่กลับตกเป็นจุดสนใจแบบนี้ ใครมันจะไปกล้าหลับได้
แล้วทำไมพวกเขาต้องสนใจผมด้วยล่ะ เกิดอะไรขึ้น ผมทันฟังแค่ประโยคเดียวเท่านั้นเอง
ล่าอัลฟ่า??
"ได้ยินมาว่าอิกไนท์เพิ่งชำระชีวิตใหม่ใช่มั้ยนะ" เสียงชาร์ลเอ่ยขึ้น ทำให้ผมสังเกตเห็นเขาเป็นครั้งแรก เขานั่งอยู่ในวงแหวนแนวราบเช่นกัน กำลังทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่รู้จักผม ไม่มีการทักทายอะไรทั้งนั้น นี่เป็นเพราะว่าเราไม่ได้เป็นพันธมิตรกันด้วยลายลักษณ์อักษรหรือเปล่า
เสียงซุบซิบดังระงม ใครบางคนเปรยขึ้นมาอีก
"ในเวลาแบบนี้ อิกไนท์คิดยังไงถึงได้ละทิ้งตัวตนของตัวเองไปกัน"
ทุกสายตาหันมามองผมอีกครั้ง กดดันให้ผมตอบ แต่เล่นถามแบบนี้จะให้ผมไปตามท่านไนท์มาตอบยังไงล่ะ ถามเองก็ตอบเองไปสิจะมองผมทำไม
"พวกท่านไม่รู้หรือว่ามันเป็นวิธีหลบหนีข้อกล่าวหาที่แยบยลแค่ไหน" ชายหน้าตาเหมือนปลาหมึกบนดาวเฟลม่าพูดจีบปากจีบคอขึ้นมา พลางชี้ปลายหนวดข้างหนึ่งมาที่ผม
"หรือไม่ก็เป็นการตัดความเกี่ยวข้องกับกลุ่มสัตว์ประหลาดที่กำลังอาระวาดอยู่?"
"หรือว่าเป็นข้อต่อรองของใครบางคน?"
หลายคนเหลือบมองไปที่หัวโต๊ะ ที่นั่งของจักรพรรดิรูปงามผู้เป็นประธาน
หืม? ยังไงนะ เรื่องนี่เกี่ยวอะไรกับอัลฟ่าแปรปรวนคนนั้นด้วยเรอะ?
"อิกไนท์ไม่มีข้อกล่าวหาอะไรทั้งนั้น กฎหมายตราขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ส่วนเหตุผลคงต้องไปงัดจากหัวกลวงๆของมันเอง ป่วยการจะมาคาดเดา..."
อาเบลเอ่ยเรียบๆอย่างชัดเจนและไร้ความรู้สึก
"นั่นสินะ เขาคงนับว่ามีคุณประโยชน์ต่อจักรวาลของเรามากในฐานะอัลฟ่าที่ทำให้ทั้งจักรวาลรู้ว่าอัลฟ่าก็สามารถอยู่เหนืออัลฟ่าได้" เจ้าปลาหมึกยังคงทับถมเรื่องที่ผมไม่รู้เรื่องต่อไป
บรรยากาศกดดันขึ้นจนผมจุกในลำคอ คนพวกนี้พูดเรื่องอะไรกันน่ะ?
"แต่ว่านะท่านอาเบล ไม่ใช่ว่าท่านยืนยันแล้วหรือว่าสามารถกำจัดสิ่งมีชีวิตไร้นิยามไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว เหตุใดมันจึงยังโผล่มาอาระวาดได้อีกครั้งล่ะ"
ทั้งวาจาและสายตาที่เจ้าปลาหมึกนั่นใช้มองอาเบลดูยังไงก็ไม่บริสุทธิ์เลย ผมขอเตือนไว้นะว่านายอย่ามองแต่รูปลักษณ์ภายนอกแล้วเผลอหลงใหลเชียว เพราะนายกำลังหาเรื่องทำตัวเองตาบอด
แต่อาเบลไม่ไยดี เขาตอบอย่างเยือกเย็นเช่นเดิม
"เรากำจัดมันได้ แต่เรายังไขปริศนาที่มาของมันไม่ได้ การที่เราพบมันเพียงตัวเดียวเมื่อตอนนั้น ไม่ได้แปลว่ามันมีแค่ตัวเดียว"
"และการที่เราได้ยินว่ามันถูกกำจัด ก็อาจจะไม่ได้แปลว่ามันสาบสูญไป มันอาจแค่ถูกจองจำไว้ที่ไหนสักแห่ง? หรือจริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการทดลองนอกรีตบางอย่าง ?" เจ้าปลาหมึกตั้งคำถามที่ชวนให้ทั้งโต๊ะประชุมเริ่มซุบซิบความเห็นของตัวเองกันดังๆ
"ท่านประธาน ข้าตัวแทนดาราจักรทั้งปวงขอบังอาจกล่าวด้วยความหวังดีว่า ท่านกับเพื่อนๆของท่านคงไม่ได้กำลังทดลองวิจัยอะไรไร้ความรับผิดชอบแล้วปล่อยให้สมาชิกคนอื่นๆตกเป็นผู้รับเคราะห์อยู่กระมัง?"
"…"
แม้ผมจะไม่ใช่พวกเดียวกับอาเบล ยังอดรู้สึกเหม็นหน้าเจ้าปลาหมึกปากบอนนี่ไม่ได้เลย เห็นชัดเลยว่ามันตั้งใจตั้งคำถามกับอำนาจของอาเบล แถมพูดไปยิ้มเยาะไปแบบนี้มันน่าเอารองเท้าฟาดปากนัก แต่เดี๋ยวนี้ผมกลายเป็นคนนิยมความรุนแรงไปตั้งแต่เมื่อไร หรือว่าสาเหตุที่จักรพรรดิอาเบลซาดิสถ์ก็เพราะว่าต้องคอยฟาดฟันกับพวกปากเหม็นนี้ทุกวันนะ
อืม ตรงจุดนี้ ผมเริ่มเห็นใจอาเบลขึ้นมาบ้างแล้ว
พอหลายฝ่ายเริ่มถามเรื่องที่ไม่มีข้อเท็จจริงกันมากๆเข้า ผมก็นึกว่าจักรพรรดิอารมณ์แปรปรวนคนนี้จะโกรธจนกระทืบเท้า แต่อาเบลกลับเพียงกระตุกยิ้มมุมปาก
"มีความจำเป็นอะไรที่เราต้องเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นล่ะ? ในเมื่อตอนนี้แค่สิ่งที่เรามีในกำมือก็เป่าดาราจักรท่านให้สาบสูญไปได้อยู่แล้ว"
อูว ผมร้องได้คำเดียวว่า แร๊ง ทำเอาชายหน้าเหี่ยวคนนั้นซีดไปเลย แต่ผมนี่อยากจะปรบมือให้ดังๆ พวกนายควรจะหัดสงบปากสงบคำแบบผมบ้าง ดาวของพวกนายจะได้อยู่ร่วมกับพวกเราไปนานๆ
"แล้วเรื่องของอิกไนท์ที่กำเนิดใหม่...กับตำแหน่งที่เหมาะสม"
อาเบลแค่นเสียงเฮอะอย่างรำคาญ เหลือบมองมาที่ผมด้วยหางตา
"นี่เป็นหัวข้อที่ไร้สาระ จะให้มันไปนั่งตรงไหนก็ตามสะดวก ยังไงมันก็ไร้ประโยชน์เหมือนเดิมน่ะแหละ"
คราวนี้แรงแบบจุกไปเลย นายชังน้ำหน้าท่านไนท์ขนาดนั้นเลยหรอ
ส่วนคนที่รอคำอนุมัติจากประธานหัวโต๊ะมานาน เมื่อสบโอกาสก็เริ่มลงมีดสับผมทันที
"งั้นการประชุมครั้งนี้ เราจะเริ่มจากการพิจารณาความเหมาะสมของตัวแทนที่มีสิทธินั่งในวงแหวนอัลลัส ขอให้แต่ละดาราจักร เสนอชื่อตัวแทนที่เหมาะสมของตนด้วย"
ผมเพิ่งเข้าใจว่าวงแหวนแต่ละอันมีชื่อเรียกเฉพาะ และถือเป็นการแบ่งเกรดของอัลฟ่าแต่ละคนไปในตัวด้วย
แน่นอนว่าที่นั่งในวงแหวนแนวราบคือที่นั่งระดับวีไอพี เป็นอัลฟ่าระดับบิ๊กบอสของแต่ละดาราจักร คนที่นั่งวงนี้นอกจากจะได้ยลความงามของประธานภาคีในระดับสายตาแล้ว จะมีสิทธิพิเศษในการออกเสียงก่อน และเสนอหัวข้ออภิปรายได้ ส่วนวงแหวนรอบนอก และวงแหวนแนวทแยงคือที่นั่งของอัลฟ่าไม้ประดับ เป็นดาวเล็กดาวน้อยที่กำลังพัฒนา เหล่าอัลฟ่าหน้าใหม่ที่เพิ่งได้รับสิทธิให้มาร่วมฟังการประชุม เป็นต้น พวกเขาจะมีสิทธิโหวตแค่บางหัวข้อเท่านั้น
ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องแย่งชิงกันขนาดนี้ เดิมทีผมคิดว่าพวกเขาแค่อยากได้ที่นั่งแนวราบกัน จะได้ไม่ต้องเวียนหัวเวลามองท่านประธานพูด
หลังจากทำการโหวตเพียงรอบสั้นๆ ดาราจักรอื่นล้วนเลือกคนเดิม เพราะในช่วงนี้มีแต่ดาวอิกไนท์นี่แหละที่มีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ ทำให้แรงสนับสนุนเดิมหายเกลี้ยง เห็นชัดเลยว่าหัวข้อนี้จงใจเลือกขึ้นมาเพื่อเขี่ยผมออกจากวงโคจร!
ขอโทษด้วยท่านไนท์ ผมไม่น่าบากหน้ามาให้ตำแหน่งท่านหลุดไปเลย แต่ผมไม่ได้เสียดายเท่าไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องทนนั่งจ้องหน้าท่านประธานใกล้ๆ ผมไปนั่งนอกวงดูอุกกาบาตชนกันในการประชุม ย่อมบันเทิงกว่าไหนๆ
พอจบการละเล่นย้ายเก้าอี้ดนตรี ทุกคนก็เริ่มกลับมาถกปัญหาเดิม ถึงวิธีที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการกำจัดสัตว์ประหลาดที่กำลังอาระวาดอยู่
"ทำไมถึงไม่ยิง 'เอซิสอาย' ใส่ที่ที่มันกบดานอยู่เลยล่ะ"
"โฮ่ นี่ถ้ามันแวะผ่านไปแถวดาวเจ้า ก็ให้เรายิงได้เลยใช่มั้ย"
ประธานเอ่ยเป็นคำขู่กลายๆ จนคนที่คิดเสนอความคิดยิงกราดแมลงสาบอวกาศเงียบกริบไปในบันดล
"ตั้งกองทัพของพวกเรา ไปบดขยี้มัน"
"น่าสนใจไม่เลว ว่าแต่ท่านคิดจะส่งทหารของท่านเข้าร่วมในกองทัพเท่าไรหรือ?"
ชาร์ลลูบผมสีส้มของตัวเองพลางถามลองเชิง แต่ก็ไม่มีใครตอบ
พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าการตั้งกองทัพเป็นเรื่องยุ่งยาก และมีปัญหาไม่สิ้นสุด แต่ละดาวควรส่งมาเท่าไร ใครจะเป็นคนนำทัพหลัก ใครสนับสนุน รายละเอียดปลีกย่อยเหล่านั้นล้วนยากจะแบ่งกันลงตัว ไม่มีใครอยากลดทอนพลังอำนาจของตัวเองด้วยการส่งกองทัพมาเป็นของส่วนกลางหรอก
หลังทุ่มเถียงกันนาน ก็ยังไม่มีคำตอบเป็นเอกฉันท์ และดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับผมหรือท่านไนท์แล้วล่ะ
งั้นผมขอย้ายสายละกันนะ...ยังไงก็อยู่นอกวงและไม่เป็นที่สนใจอยู่แล้ว ย้ายไปสายไหนดี ขอลองสมัครเข้าสายหลับเสมอก่อนแล้วกัน
ราตรีสวัสดิ์ครับ