ไม่ว่าเมื่อไรการคุยกับเวสต์ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผม โดยเฉพาะเวลาที่ยืนเผชิญหน้ากันสองต่อสองแบบนี้ยิ่งต้องเรียกว่างานช้าง แตกต่างจากเวลาเล่นหัวตบมุขกับอีสต์เป็นระยะทางหลายล้านปีแสงเลย
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่พวกเขาก็เป็นเบต้าที่หัวดื้อเหมือนๆกัน หรืออาจเป็นเพราะว่าเวสต์ดูมีความรู้ ท่าทางภูมิฐานกว่า หรือเป็นจากบรรยากาศกดดันที่เขาแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่สิ มันมีอะไรมากกว่านั้น สิ่งที่ผมอธิบายไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่ถูกเวสต์จ้องมอง ผมเหมือนมีความกลัวบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน...ลึกๆ
ยิ่งเป็นอัลฟ่านานเท่าไรและยิ่งระลึกถึงช่วงเวลาที่ผมเป็นโอเมก้าที่อยู่ข้างๆท่านไนท์ได้มากขึ้น ความรู้สึกนี้ก็เหมือนยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้นเวสต์จะแวะเข้ามาบ่อยครั้ง เพื่อพูดคุยเรื่องงานปกครองต่างๆกับราชา และหลายครั้งที่ผมต้องถูกสายตาเย็นชาคู่นี้เหลือบมอง ผมไม่ได้ถือสา ผมเข้าใจถึงระเบียบธรรมเนียมการปฏิบัติต่อชนชั้นต่างๆดี แต่ผมก็ไม่ได้ลืม ร่างกายนี้ก็ไม่ได้ลืมเช่นกัน นี่อาจเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้รู้สึกสบายใจนักที่ต้องอยู่กับเวสต์
"ตกลงว่านายมีอะไรจะบอกผมงั้นเรอะ" ผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อนด้วยการเอ่ยถาม เพราะเจ้าคนท่ามากที่บอกว่ามีเรื่องด่วนจะบอก พออีสต์กับมูออกไปแล้วกลับเงียบงันเป็นคนใบ้ไปเสียอย่างนั้น
นายต้องการอะไรกันแน่ ฮึ?
"ท่านนิก" ในที่สุดมหาดเล็กผู้เคร่งขรึมก็ยอมเปิดปากแล้ว ผมดีใจจนอยากโห่ร้อง
ผมถามไปเป็นนาทีแล้ว นี่นายเพิ่งจะเรียบเรียงคำพูดจบเรอะ?
"ท่านนิก ภาคี สั่งกักบริเวณท่านภายในเขตดวงดาว ห้ามท่านเดินทาง หรือใช้สะพานข้ามดาราออกไปไกลกว่าเขตนี้เป็นอันขาด"
กักบริเวณ? ผมตะลึง นี่มันทำได้ด้วยหรือ? ผมก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งนะ ทำไมพวกเขาทำกับผมแบบนี้
"พวกเขาชี้แจงเหตุผลมาว่าท่านอยู่กับผู้บุกรุกในตอนนั้นด้วย เป็นผู้ต้องสงสัยที่อาจร่วมมือกับมัน"
อะไรนะ?
"สั่งกักบริเวณเป็นโทษขั้นต่ำ จนกว่าจะมีการสอบสวนที่ชัดเจน ข้าน้อยขอให้ท่านใจเย็นๆ นิ่งเฉยรอดูท่าทีของภาคีไปก่อน"
"ทำไมพวกเขาต้องทำขนาดนี้ด้วย" ไม่สิ ต้องถามว่าจักรพรรดิแปรปรวนคนนั้นคิดอะไรอยู่ต่างหาก เพราะนี่ต้องเป็นความคิดของเขาแน่นอน
"ข้าน้อยคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงในอดีตของท่านไนท์ ทำให้หลายฝ่ายคิดว่าเขาอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้บุกรุกที่ไล่ล่าอัลฟ่าในครั้งนี้..."
ล่าอัลฟ่า? คำคำนี้อีกแล้ว
"นายรู้มั้ยว่าอัลฟ่าล่าอัลฟ่าหมายถึงอะไร"
ชาร์ลและอาเบลไม่อธิบาย ผมไม่กล้าถามอาเบลอยู่แล้ว ส่วนชาร์ลก็ยังไม่มีโอกาสได้คุย จึงหวังมาถามเอาจากสุดยอดเบต้าของดาวเฟลม่า
"เรื่องนี้ข้าน้อยคงทำให้ท่านผิดหวัง เพราะข้าน้อยเข้ามารับตำแหน่งต่อจากนอร์ทเวสต์รุ่นก่อนในช่วงที่เรื่องทั้งหมดจบไปแล้ว และท่านไนท์ก็ไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย"
เวสต์รับใช้ท่านไนท์มาร่วมหลายสิบปี ในขณะที่อัลฟ่ามีอายุขัยได้ไม่จำกัด จึงไม่แปลกที่เวสต์จะไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด
"เท่าที่ข้าน้อยได้ยินมาจากรายงานของดาวอื่นๆที่มีการบันทึกไว้ พวกเขาบอกว่า ตอนนั้นภาคียังมีขนาดเล็กๆ และมีอำนาจไม่ถึงครึ่งของตอนนี้ หลายๆดาราจักรยังไม่สงบ มีสงครามภายในปะทุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะสหพันธ์ดาว ABELL ที่ตอนนั้นกำลังสู้กันเพื่อเลือกตำแหน่งจักรพรรดิสูงสุด
ในตอนนั้นอิกไนท์ คลอร์ว ฉายานักล่าดวงดาว เป็นอัลฟ่าตัวปัญหาที่ทำภาคีปวดหัว รุ่นก่อนเล่าให้ข้าน้อยฟังว่า ดาวเฟลม่าไม่มีกองทัพส่วนตัว หรือเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่พวกภาคีกลับไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้ เพราะดาวของเราไม่ปรากฎในแผนที่จักรวาล ท่านไนท์สามารถเปิดสะพานข้ามดาราที่ใหญ่พอที่จะเดินทางไปทั้งดวงดาว"
โอ้ นั่นอลังการมาก ท่านไนท์
"แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมมันถึงเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ล่ะ"
"ท่านไนท์สยบอัลฟ่าไปมากกว่าสิบดวงดาว และชาเลส ชาร์ล แห่งดาวโฌฌอน คืออัลฟ่าคนสุดท้ายที่อิกไนท์ คลอร์วไปเยือน"
ผมกลืนน้ำลาย พี่ใหญ่เองก็เคยสู้กับท่านไนท์มาก่อน เขาเคยถูกล่าด้วยหรือเปล่านะ
"ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นคือการต่อสู้ที่ดุเดือด หรือการเจรจาที่ได้ผล เพราะหลังจากวันนั้น อิกไนท์ คลอร์วก็ยอมมอบตัว และเข้าพบผู้นำภาคีพร้อมกับชาร์ล"
นี่ยิ่งน่าตกใจ พี่ใหญ่ใช้อะไรล่อเรอะ? หนังสือตำนานแม็กซิมัส?
"ภาคีตกลงเจรจาสงบศึก ท่านไนท์เปิดเผยความลับบางอย่างให้กลุ่มวงแหวนอัลลัสรู้ จากนั้นท่านก็ได้รับการอภัยโทษ ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่าอัลฟ่าที่หลงผิดคนนี้ได้กลับตัวกลับใจแล้ว หันมาทำคุณประโยชน์ให้ภาคี และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวนแรกอัลลัส
ท่านไนท์เป็นสมาชิกด้วยกรณีพิเศษ สัญญาจะเปิดเผยตำแหน่งดาวเฟลม่า และปฏิบัติตามกฎของภาคี ดาวของพวกเราจึงเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าจะมีสมาชิกอีกหลายคนไม่เห็นด้วยก็ตามที่ท่านไนท์ได้รับอภัยโทษง่ายเกินไปก็ตาม"
"ท่านไนท์คงแลกเปลี่ยนความลับอะไรบางอย่างไป" เหตุผลที่อัลฟ่าคนอื่นๆยอมเจรจาด้วย ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยก็คือคนที่ไม่ได้รับโอกาสให้เข้าถึงความลับนั้น
"ข้าน้อยเองก็เชื่อว่ามันเป็นความลับการใช้พลังของอัลฟ่าที่เหนือการเข้าใจของระดับอื่น ข้าน้อยเดาว่า มันคือเงื่อนไขของ 'มิติเอกเทศ' ที่อัลฟ่าทุกคนต้องการรู้"
'มิติเอกเทศ' เป็นพลังแขนงหนึ่งในการใช้ขั้นสูง เหมือนกับการสร้างดวงดาว แต่เป็นการสร้างมิติขึ้นซ้อนมิติอีกทีหนึ่ง ในพื้นที่ของจักรวาล มันเป็นเรื่องยากเพราะจักรวาลแม้ดูว่างเปล่า แต่จริงๆแล้วที่พื้นที่เหล่านั้น มีสสารมืดจับจองอยู่ ผู้ที่จะแทรกมิติของตัวเองเข้าไปได้ก็คือคนที่ควบคุมสสารมืดในพื้นที่นั้นๆให้กลายเป็นพลังในมิติเอกเทศของตัวเองได้นั่นเอง
พลังที่ทำให้ท่านไนท์เหนือกว่าอัลฟ่าคนอื่นๆ ทำให้เขาสามารถล่าอัลฟ่าคนอื่นได้อย่างไร้ผู้ต้านทาน และถูกคนอื่นๆเหม็นหน้าไปทั่วจักรวาล พอสบโอกาสก็ไม่ลังเลเลยที่จะโหวตผมออกจากวงแหวนทันทีที่หมดประโยชน์
"ภายหลังท่านไนท์เข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิอาเบลด้วย และหลายคนเชื่อว่าที่ท่านไนท์นั่งอยู่ในวงแหวนวงในได้ทั้งที่ไม่ได้มีกองกำลังอะไร ก็เพราะว่าเป็นคนช่วยหนุนหลังจักรพรรดิอาเบลคนปัจจุบันที่ตอนนั้นเป็นอัลฟ่าอันดับสี่ที่กำลังจะแพ้ ให้กลับมาชนะศึกคัดเลือกจักรพรรดิด้วย"
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมจักรพรรดิอาเบลจึงต้องเดินทางมาทักทายถึงดาวเฟลม่าขนาดนี้ แต่หลังๆเขาเริ่มไม่เห็นหัวท่านแล้วนะ เหยียดมองแต่ละทีเหมือนผมเป็นวัชพืชเลย
"รวมทั้งในสงครามกำจัดสัตว์ประหลาดที่ออกมาล่าอัลฟ่าเป็นครั้งแรก หรือ 'เทเนบริส แคนนิส' (หมาล่าเนื้อจากความมืด) ตามคำเรียกขานของภาคี จักรพรรดิอาเบลก็ปราบมันได้จากความช่วยเหลือของท่านไนท์"
โอ้ว อันนี้เหมือนเคยได้ยินมาแล้วสรุปว่า สิ่งมีชีวิตไร้นิยาม ตัวกินอัลฟ่า เทเนบริส แคนนิส และเจ้าหน้าดำนั่นคือสิ่งเดียวกันสินะ
"ส่วนในครั้งนี้พอมีสัตว์ประหลาดแบบเดิมกลับมาอาระวาดอีก หลายฝ่ายจึงสงสัยท่านไนท์ว่าเกี่ยวข้อง จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าบริสุทธิ์"
พอจักรพรรดิแปรปรวนคนนั้นเลิกถือหางผม ทุกคนก็พร้อมจะโหวต หรือใส่ความกันทันทีเลยสินะ...ภาคีนี่น่ากลัวกันจริงๆ ผมว่าผมลาออกไปดีกว่า ก่อนจะถูกแทงข้างหลัง
"แล้วท่านไนท์ล่าอัลฟ่าเพราะอะไรเรอะ?"
เวสต์ส่ายหน้าอีกครั้ง
"ข้าน้อยไม่ทราบ ไม่มีเบต้าคนใดรู้ หรือเข้าใจในเรื่องนี้"
คำตอบนี้ทำให้ผมนิ่งงัน ความคิดของอัลฟ่า...เบต้าย่อมไม่อาจเข้าใจได้ งั้นคนเดียวที่ตอบได้ก็คือ...
ชาร์เลส ชาร์ล
ผมรู้สึกเหลือเชื่อมากๆที่พี่ใหญ่ คือคนหยุดท่านไนท์ ทั้งๆที่ดูเป็นคนที่ถูกท่านไนท์ทำให้หัวหมุนอยู่ตลอดเวลา พี่ใหญ่ทำได้ยังไงนะ? ผมเก็บความสงสัยไว้ ครั้งหน้าคงต้องลองตะล่อมถามจากพี่ใหญ่ว่าเขาใช้ท่าไม้ตายอะไรในศึกครั้งนั้น
พอพูดถึงคนรู้จักของท่านไนท์แล้ว ผมก็นึกถึงอีกคนหนึ่ง
"แล้วเวสต์ นายรู้จักเวอร์ชูวหรือเปล่า?"
"กลุ่มสันติภาพ? ท่านนิกสนใจจะเป็นพันธมิตรกับพวกเขาเรอะขอรับ?" มหาดเล็กฉายสีหน้ากังวลอย่างชัดเจนเมื่อผมเอ่ยถึงชื่อนี้
ผมรีบโบกมือปฏิเสธ แล้วให้เหตุผลว่า เวอร์ชูวคนนั้นมาทักทายผม ดูคล้ายคนสนิทสนมของท่านไนท์อีกคนหนึ่ง แต่เวสต์กลับส่ายหน้า
"เท่าที่ข้าน้อยทราบมา ท่านไนท์เกลียดกลุ่มสันติภาพมากนะครับ"
"หา จริงเรอะ? ทำไมล่ะ" เขาดูเป็นคนดีอยู่นะ...หรือมีผมที่คิดไปเองคนเดียว
"ท่านไนท์ไม่ได้อธิบายไว้ครับว่าทำไม แต่คนคนนั้นเคยมาที่นี่ ชื่อเขามีอยู่ในรายชื่อแขกกิติมาศักดิ์ของงานหลวงเมื่อหกสิบกว่าปีก่อน"
"เขามาทำไมเรอะ?"
เวสต์เงียบไป ความคิดเขาวุ่นวายจนผมปวดหัวแทน แต่ในที่สุดเขาก็ตอบออกมาสั้นๆ
"มาร่วมแสดงความยินดีกับการขึ้นเป็นอัลฟ่าฝึกหัดของท่านไนท์ เวอร์ชูวนำของขวัญมามอบให้ ข้าน้อยเห็นเขาแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบเห็นอีกเลย จึงไม่คิดว่ามีการติดต่อกับท่านไนท์ขอรับ"
แต่ท่าทางเวอร์ชูวเหมือนรู้จักท่านไนท์ดีกว่าชาร์ลหรืออาเบลอีกนะ เขากล้าเข้ามาทดสอบผมโดยทำเป็นไม่รู้จักท่านไนท์เพื่อดูปฏิกิริยาของผม แตกต่างจากพี่ใหญ่หรือจักรพรรดิแปรปรวนที่แน่ใจว่าผมคือไนท์กำเนิดใหม่ในทันที
เอาเถอะ...ผมปลงตกละ ไม่ว่าเวอร์ชูวจะเป็นใครก็ช่าง ตอนนี้ผมหวังแค่ว่าไม่ใช่ศัตรูก็พอ เพราะแค่เจอกับตัวประหลาดนั่นผมก็เต็มกลืนแล้ว
มันคืออะไรกันแน่? คำถามที่แม้แต่ภาคียังตอบไม่ได้ แล้วทำไม เทเนบริส แคนนิส ถึงได้เรียกหา...คนที่ผมรู้จัก?
"เวสต์ นายคิดว่าเป็นไปได้มั้ยที่...สิ่งมีชีวิตไร้นิยาม...จะรู้จักท่านไนท์"
มหาดเล็กชะงัก
"ทำไมท่านถึงกล่าวเช่นนั้นขอรับ"
"ก็…" บอกดีมั้ยนะ ผมลังเลชั่วครู่ แต่ผมก็ไม่ได้หูฝาดไปคนเดียว เวอร์ชูวเองก็ได้ยินเหมือนผมนะ เพราะงั้นถามเวสต์ที่ใกล้ชิดท่านไนท์ที่สุดอาจจะได้คำตอบก็ได้
"ผมได้ยินตัวประหลาดนั่นเรียกผมว่าไนท์ หลายครั้งเลยด้วย มันถามผมด้วยว่าไนท์อยู่ไหน..."
"นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกขอรับ!!" เวสต์ตอบเสียงดังอย่างผิดปกติ เขาเอ่ยปฏิเสธ แต่ใบหน้าเขาซีดเผือดไปแล้ว
"มีอะไรหรือเปล่าเวสต์ ทำไมต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นด้วยล่ะ"
"ไม่ขอรับ ข้าน้อยสบายดี" เวสต์ตอบพลางหลุบตาลงยืนสงบนิ่ง
ฉับพลันในวินาทีนั้นผมกลับรู้ถึงบางอย่างได้ทันที แม้จะอ่านได้เพียงความยุ่งเหยิงในหัวของมหาดเล็กมากความสามารถ แต่ผมกลับแน่ใจว่า
"เวสต์ นาย…โกหกผมอยู่ใช่มั้ย"
เวสต์กลายเป็นฝ่ายตะลึง ไม่ใช่แค่ตกใจที่ถูกจับได้ แต่ตัวเขากำลังต่างหากที่ตกใจกับตัวเองยิ่งกว่า
ตราประทับอ่อนลงเรื่อยๆแล้ว แม้แต่เขา เบต้าที่คิดว่าตัวเองภักดีที่สุดยังสามารถโกหกอัลฟ่าต่อหน้าต่อตาได้ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
"ขอประทานอภัยท่านนิก ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ แต่ข้าน้อยไม่อาจบอกท่านถึงเรื่องที่ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ ขอเวลาให้ข้าน้อยไปหาข้อพิสูจน์ก่อนเถอะขอรับ"
เวสต์เข้าใจผมผิด และนั่นก็ทำให้ผมเริ่มโกรธแล้ว
"เมื่อกี้ผมน่ะไม่ได้สนใจเรื่องที่นายจะไม่บอก แต่ผมแค่ถามนายว่าเป็นอะไร ถ้านายไม่สบาย ก็บอกว่าไม่สบายสิ ทำไมต้องโกหกว่าสบายดีด้วยล่ะ?"
"…"
มหาดเล็กเหมือนลืมมารยาทหน้าที่ไปแล้ว เพราะเขากำลังอ้าปากหุบปากเหมือนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ดวงตาสีฟ้าก็เบิกกว้างราวกับไม่คาดคิดว่าผมจะพูดแบบนี้ออกไป
ผมลุกขึ้นยืนไม่อยากสนทนากับคนตรงหน้าแล้ว ในเมื่อเขาไม่อยากพูดกับผม ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาแล้วเหมือนกัน ผมตั้งใจจะเปิดสะพานข้ามดาราแวะไปหาชาร์ล แต่เวสต์ดูเหมือนจะรู้ทัน เขารีบก้าวมายืนขวางไว้
"ท่านนิก ท่านออกไปไหนไม่ได้"
"ภาคีจะขวางผมได้ก็ลองดู แต่นายเองก็จะขวางผมด้วยงั้นเรอะ?" ผมจ้องตอบ กดดันให้เวสต์ล่าถอย แต่เขากลับไม่ยอม
"ยังไงข้าน้อยก็ให้ท่านไปไม่ได้"
"แล้วนายจะทำยังไงล่ะ?"
ผมท้าทายกลับ อยากรู้นักว่าหลังจากโกหกผมแล้วเขายังจะทำอะไรได้อีก
"วันนั้น..." เวสต์เอ่ยขึ้นโดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าผม ดวงตาสีฟ้าแข็งกร้าวกำลังยืนยันว่าทุกคำพูดของเขาต่อจากนี้คือความจริง
"วันก่อนหน้าที่ท่านไนท์จะยกพลังให้กับอัลฟ่าคนถัดไป วันนั้นท่านก็เดินทางไปพบชาร์เลส ชาร์ล ..."
สีหน้าเขาแสดงความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ระบายออกไปที่ไหนไม่ได้ จึงเริ่มทำให้ผมหวั่นเกรง
"นายคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกัน?"
เวสต์ส่ายหน้า "ข้าน้อยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นในวันนั้น ถ้าข้าน้อยรู้...ข้าน้อยจะไม่ให้ท่านไนท์ไป และวันนี้ข้าน้อยก็จะไม่ปล่อยให้ท่านไป..."
แล้วเวสต์คุกเข่าลงฉับพลัน
"ไม่ว่าจะต้องวิงวอนขอร้อง หรือว่า...จะต้องทำวิธีใดก็ตาม..."
พอสบตาสีฟ้านั้นเข้า ผมก็สั่นสะท้าน เหมือนกับว่าเวสต์...เบต้าที่ไม่เคยออกคำสั่งกับผม กำลังอ้อนวอนและข่มขู่ในเวลาเดียวกัน ผมไม่อาจเดาได้ว่า วิธีอื่นที่เขาหมายถึงคืออะไร ถ้ามันเป็นการลาออกจากหน้าที่ ผมคงลำบากมิใช่น้อย
ผมจึงทิ้งตัวนั่งลงในที่สุด
"ก็ได้ เวสต์ งั้นวันนี้ผมจะพักก่อน"
ชายหนุ่มยันตัวขึ้นอย่างสงบ แล้วโค้งตัวขอลา
"ข้าน้อยจะเชิญท่านชาร์เลสมาให้ท่านพรุ่งนี้ ขอให้วันนี้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยขอรับ ท่านนิก"
ขณะที่เขากำลังเดินออกไป ผมแอบเห็นว่าเขากุมกำไลข้อมือของตัวเองแน่น กำไลเรียบๆสีขาวมุกวงนั้น ทำไมถึงได้สะกิดใจผมนักนะก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่เพียงพริบตาที่เห็นมันผมก็บอกได้เลยว่า มันต้องเป็นของสำคัญของเวสต์แน่นอน