ใครๆก็คิดว่าเขาคือคนที่สยบนักล่าอัลฟ่าในตำนานได้ ทำให้ระดับดาวของเขาจากวงแหวนอันดับสามพุ่งขึ้นมาไกลถึงวงแหวนแนวหน้า ทั้งๆที่ชาร์ลไม่คิดว่าตัวเองมีฝีมือหรือความสามารถอะไรเป็นพิเศษเลย
มันเป็นแค่โชคดีในวันนั้นเท่านั้นเอง...
"เฮ้ย แกน่ะ"
มีแขกมาเยือนที่ดาวโดยไม่คาดคิด เป็นคนที่เขาไม่ได้อยากเจอ ไม่ได้รู้จักเป็นพิเศษ ไม่แม้แต่จะเคยแนะนำตัวด้วย
เรียกว่าเป็นแค่เพื่อนของเพื่อนอีกทีเท่านั้น แต่ก็ต้องรับหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากปฏิเสธการมาเยือนครั้งนี้ ดาวของเขาอาจจะไม่เหลือแม้แต่ซาก
"ข่าวที่ว่าอิกไนท์กำเนิดใหม่เป็นความจริงเรอะ"
คนแรกและเป็นคนเดียวที่มาถามเขาคือ จักรพรรดิอาเบลผู้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เจ้าตัวเปิดสะพานข้ามดารามาด้วยตัวเองทันทีที่ทราบข่าวเพื่อมายืนยันกับเขา ดูเหมือนข่าวนี้จะทำให้จักรพรรดิอาเบลเดือดร้อนไม่ใช่น้อยเลย เพื่อนเขามันสำคัญขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?
"อืม" ชาร์ลจะตอบอะไรได้นอกจากพยักหน้า
"แกรู้เมื่อไร..."
"เมื่อกี้ ตอนประกาศทางการของดาวออกมา"
คนฟังเหมือนไม่เชื่อเท่าไร จักรพรรดิอาเบลยังคงจี้ถามต่อไป
"มันไม่ได้ไปหาแกเมื่อวานก่อนเรอะ?"
ชาร์ลเลิกคิ้วประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเพื่อนเขาทำอะไร ไปที่ไหน จะไม่รอดหูรอดตาขององค์จักรพรรดิที่อยู่ไกลออกไปเป็นล้านปีแสงเลยนะ
"มา แต่ก็นั่งกินขนมไปเรื่อยเปื่อยไม่เห็นบอกอะไรเลย" ชาร์ลบอกตรงๆ ยอมรับว่าเขาเองก็ตกใจกับข่าวกะทันหันเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
"แกรู้มั้ยว่าทำไมมันถึง..."
ผู้มาเยือนถามออกมาได้ครึ่งประโยคก็เปลี่ยนใจ องค์จักรพรรดิสะบัดมือเปิดสะพานข้ามดาราด้วยสีหน้าพร้อมจะกลับไปฆ่าคน
"ฮึ ช่างหัวมัน" อัลฟ่าที่น่ากลัวที่สุดในจักรวาลทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะกลับไป
ชาร์ลกะพริบตาปริบๆ คล้อยหลังไปสักพัก เขาก็ค่อยๆนึกย้อนไปถึงการมาเยือนเมื่อวานก่อน หรือว่าไนท์มาเพื่อบอกลากันนะ? แต่ตัวเขาก็ไม่ใช่คนหัวไวนัก ทำไมไม่บอกมาตรงๆเลย แต่ด้วยนิสัยของเจ้านั่น คงคิดจะแกล้งให้คนอื่นตกใจเล่นล่ะมั้ง
ชาร์ลคิดขำๆ ไม่วิตกกังวลอะไรเลยสักนิด เพราะสำหรับเขา การกำเนิดใหม่ของเพื่อนไม่ใช่เรื่องต้องร้อนใจอะไรเลย ยังไงไนท์ก็คือไนท์ แต่มันจะเดือดร้อนถ้าเพื่อนของเพื่อนเกิดอยากระบายอารมณ์ใส่ดาวของเขาน่ะสิ
เพราะงั้นอิกไนท์ เอ็งไปทำอะไรจักรพรรดิอาเบลไว้ก็กลับมารับผิดชอบด้วย อย่าให้เดือดร้อนคนอื่น เข้าใจนะ เขาอยากขอไว้แค่นี้แหละ
หลังวันนั้นสองสามวัน ชาร์ลรอจนอะไรๆเข้าที่เข้าทางแล้ว ตัวเขาจึงค่อยติดต่อขอไปพบบ้างเพื่อไม่ให้สะดุดตาคนอื่นมากเกินไป
และเพียงแค่ก้าวออกจากสะพานข้ามดาราในก้าวแรก
"สะสวัสดีครับชาร์ล...ยินดีที่ได้พบ"
เด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งกำลังคอยต้อนรับเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ สีหน้าไม่มั่นใจแบบนั้น เขาไม่เคยเห็นจากไนท์เลยสักครั้ง
แต่น่าประหลาดที่เขากลับไม่คิดว่ามันเลวร้ายสำหรับการเป็นอัลฟ่า ที่จริงแล้วชาร์ลรู้สึกถูกชะตาไม่น้อย เขาคิดว่าไนท์คนใหม่น่ารักดี เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ไม่เลวสำหรับเพื่อนที่ทำตัวน่าปวดหัวมาตลอด เขาตั้งใจว่าจะคอยสั่งสอนให้ไนท์คนใหม่ไม่ออกนอกลู่นอกทางแบบเดิมเด็ดขาด นี่น่าจะเป็นการช่วยจักรวาลให้สงบสุขทางอ้อม
ไนท์เรียกเขาว่าพี่ใหญ่ เขาชอบคำเรียกนี้ เขาอยากจะปกป้องไนท์บ้าง และนี่เป็นโอกาสที่ดี แต่เขากลับทำพลาดอย่างร้ายแรงในงานประชุมภาคีครั้งล่าสุด
พลาด...ที่ปล่อยให้ไนท์มาเข้าร่วมประชุม
"ไม่ใช่ว่าเอ็งตั้งใจจะไม่ให้ไนท์เข้าร่วมงานประชุมหรอกเรอะ?" เขาเอ่ยถามประธานที่ประชุมเมื่อเห็นว่าไนท์เองก็ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน
จักรพรรดิแค่นเสียงเฮอะ "มันดื้อด้านอยากมาให้ได้ เดี๋ยวได้เจอดีก็รู้เอง"
ชาร์ลถอนใจอย่างไม่มีทางเลือก เขาไม่อยากให้เพื่อนมาเจอกับสนามการเมืองที่หนักหน่วงกดดันเลย ไนท์คงไม่พร้อมสำหรับเวทีเช่นนี้ และก็เป็นดังคาด หลายฝ่ายรอเวลาเล่นงานไนท์อยู่แล้วจากความแค้นในอดีต และผลประโยชน์ในอนาคต อาเบลไม่อาจออกหน้าให้ไนท์ได้ รวมทั้งเขาเองก็เช่นกัน
ไนท์ถูกโยนออกไปอยู่วงแหวนระดับสามทันที และตอนนั้นเองคนที่ไม่ควรพูดคุยด้วยมากที่สุดก็เดินเข้าไปหาไนท์ที่กำลังนอนน้ำลายยืดอยู่บนโต๊ะ
เวอร์ชูว...
ชาร์ลรู้สึกมือตัวเองเย็นเฉียบ อยากเข้าไปลากไนท์ออกมาจากคนพรรค์นั้น ชื่อเสียงของเวอร์ชูว ไม่ค่อยเป็นที่รู้โดยทั่วไปเท่าไร แต่สำหรับคนวงในแล้ว พวกเขารู้ดีว่าดาวบริวารของมันกำลังทำอะไร
เวอร์ชูว และกลุ่มปีกสันติภาพไรโซเรีย
บุรุษผู้นี้ไม่ใช่อัลฟ่าที่ถูกเสนอชื่อให้เข้ามานั่งร่วมในวงแหวนวงแรกก็จริง แต่ใครๆก็รู้ว่าคนที่เป็นหัวหน้าจริงๆของกลุ่มปีกสันติภาพคือใคร
สายสันติภาพตัวจริงไม่ได้ไม่น่าคบหรอก แต่สายแอ๊บสันติภาพต่างหากที่น่ารังเกียจ
เขาจำได้ว่าไนท์คนก่อนก็พูดไว้แบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าไนท์คนใหม่จะจำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้ และเขาผิดเองที่ไม่ได้เตือนไนท์ก่อนมาที่นี่
อาเบลเองก็เห็นแล้วว่าใครเข้าไปคุยกับไนท์ สีหน้าประธานเย็นชามากขึ้นทันที คนที่กำลังเสนอความเห็นอยู่ถึงกับพูดติดอ่างเพราะคิดว่ารังสีสังหารนี้ส่งมาให้ตัวเอง
แต่เคราะห์ดีที่เวอร์ชูวมาคุยไม่นานแล้วก็จากไป ชาร์ลถึงพอจะโล่งอกและหันกลับมาสนใจการประชุมได้ แต่พอหันไปอีกที ไนท์ก็หายไปเสียแล้ว...
ภาพของปีศาจที่ยิ้มเหมือนเทพบุตรแว่บเข้ามาในหัว ชาร์ลมองหาเวอร์ชูวไปรอบๆแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาเช่นกัน
ชาร์ลเริ่มร้อนรน เขาไม่สามารถจะปลีกตัวไปได้ เข็มเวลาที่ผ่านไปทุกวินาทีทำให้ใจเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆด้วยความกังวล ไนท์คนใหม่ใช้พลังอัลฟ่าไม่ได้ดีนัก จักรพรรดิอาเบลบอกเขาแล้ว และดูท่าทางจะไม่ทันคน ไม่น่าจะเอาตัวรอดในสถานการณ์ยากลำบากได้
สีหน้าประธานเองก็ดูมืดครึ้มขึ้นด้วย ไม่รู้ว่าใช่เหตุผลเดียวกับเขารึเปล่า แต่กระนั้นการประชุมก็ยังไม่จบเสียที
จนกระทั่งมีสัญญาณอันตรายเข้ามา รหัส 03 จากภายในพื้นที่สถานีอวกาศเซทราเรียส ประธานที่พร้อมยิงลำแสงจากดวงตาได้โอกาสเลิกประชุมทันที และบอกให้ทุกคนตามไปยังเป้าหมาย
พวกเขาไปถึง อัลฟ่าคนอื่นๆตกใจกับสัตว์ประหลาดที่มาปรากฎตัวในเขตสถานีอวกาศ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนกกลับเป็นเวอร์ชูวที่ยืนอยู่ข้างๆไนท์
"เจ้าสายสันติภาพลวงโลกนั่น เกะกะสายตาจริงๆ"
อาเบลสบถด่าอย่างไม่ไว้หน้า หลังบังคับส่งไนท์กลับไปที่ดาวแล้วเริ่มเก็บกวาดปัญหา อัลฟ่าส่วนใหญ่ทยอยกลับกันไปหมดแล้ว เวอร์ชูวและดาวบริวารของเขาก็หายไปกันหมด
อาเบลสั่งการให้มีการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายและจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจเพื่อตามหาร่องรอยของสัตว์ประหลาดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดตลอดเวลา
"ไนท์รู้จักกับมันตั้งแต่เมื่อไรกัน?" ท่านประธานคำรามถามในลำคอ ความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้า
"นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นไนท์คุยกับมัน" ชาร์ลพูดจบก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอบผิดไป เขาน่าจะผลักระเบิดที่อยู่บนหัวตัวเองไปให้เวอร์ชูวตรงๆด้วยการตอบว่าข้ามักเห็นมันไปเยี่ยมไนท์บ่อยๆในห้องส่วนตัว น่าเศร้าที่เขาไม่ใช่คนโกหกที่ดีเท่าไร โอกาสโยนระเบิดให้คนอื่นจึงหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย
อาเบลแค่นเสียงเฮอะ เหมือนไม่เชื่ออยู่แล้วว่าสองคนนั้นเพิ่งเคยรู้จักกัน
"เจ้านั่นรู้จักคนไปทั่ว โดยเฉพาะพวกน่ารังเกียจ"
"บางทีนั่นอาจเป็นเรื่องของมุมมอง...หรือบางทีไนท์อาจไม่ได้ถือสาเรื่องนั้น"
โอ๊ะ เขาตอบผิดอีกแล้ว เพราะทันทีที่พูดจบจักรพรรดิก็หันขวับมาจ้องเขาด้วยดวงตาที่แทบจะเปล่งรังสีทำลายล้างออกมา แต่คนอย่างชาร์ลก็ประจบใครไม่เป็นอยู่ดี เขาตอบตรงๆตามความเห็นของตัวเองเท่านั้นเอง
"งั้นเราขอถามอะไรแกหน่อย"
"?" ชาร์ลพยักหน้า
"แกน่ะเคย..." อาเบลพูดเสียงเบาลง จนชาร์ลต้องเอียงหัวเข้ามาใกล้ขึ้น
"…กับไนท์...รึเปล่า?"
คำถามมันฟังได้แค่กระท่อนกระแท่น เลยไม่แน่ใจว่าคนระดับจักรพรรดิต้องการจะสื่ออะไร ทำให้เขาต้องถามซ้ำ เพราะไม่อยากตอบผิด
"ท่านหมายถึงอะไรนะ?"
"สำหรับแก ไนท์คืออะไร? เกี่ยวข้องกับแกยังไง?"
ชาร์ลเลิกคิ้ว เมื่อประโยคคำถามถูกเปลี่ยนกะทันหัน แต่ในเมื่อคำถามแรกเขาฟังไม่ได้ศัพท์ งั้นก็ตอบเฉพาะคำถามที่สองก็พอสินะ
ไนท์คืออะไร? สำหรับเขานี่เป็นคำถามที่ตอบไม่ยาก
ตั้งแต่แรกที่ได้ยินเรื่องราวของอิกไนท์ คลอร์วจากประกาศเตือนภัยพิบัติ จนแรกพบ เขาก็คิดมาตลอดว่าเจ้านี่มันบ้าสิ้นดี ไม่เต็มบาทสุดๆ ทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พูดเรื่องอะไรที่คนอื่นไม่เข้าใจและก็เต็มไปด้วยความพิศวง แต่ทั้งๆอย่างนั้นทั้งอาเบล ทั้งเวอร์ชูวกลับถูกดึงดูดด้วยคนคนนั้นอย่างประหลาด
แม้แต่เขาเองก็เช่นกัน เพราะวันที่เขาได้เจอไนท์ คือวันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวเขา
เขาเคยคิดว่าเขาคืออัลฟ่าที่แข็งแกร่งที่สุด เขาเทิดทูนความแข็งแกร่งนั้น เขามีชีวิตอมตะเท่าดวงดาว เป็นเขาที่ชี้นำทุกอย่าง
แต่เมื่อได้พบกับไนท์มันก็ทำให้เขารู้ว่าเขาคิดผิดอย่างมหันต์
มันมากับความมืด ความบ้าคลั่ง และพลังที่เหนือกว่า เหยียบย่างลงมาแล้วสยบทุกสิ่งไว้แทบเท้า
มันน่าเจ็บใจที่เขาแพ้ แต่มันกลับเปิดโลกของเขาอย่างที่สุด
เขาได้เห็นเส้นทางของอัลฟ่าที่ไปได้ไกลกว่านั้น ไม่ใช่แค่ดวงดาวของตัวเองอีกต่อไป เส้นทางนี้ยังไม่สิ้นสุด มันไปได้ไกลกว่าขอบเขตของดาราจักร ไกลกว่าซุปเปอร์คลัสเตอร์ที่มหาศาลที่สุด อาจจะไกลไปถึงขอบเขตของพระเจ้าตามตำนานก็เป็นได้
มันทำให้เขามีเป้าหมาย มีคู่ต่อสู้ที่คู่ควร ความแข็งแกร่งที่เขาแสวงหายังคงสามารถก้าวผ่านไปได้อีกขั้น เรื่องราวจากนี้จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ชาร์ลได้ตระหนักในเรื่องนี้อย่างที่สุดแล้ว
อัลฟ่าแห่งดาวโฌฌอนยิ้มบางๆ กลั่นกรองทุกอย่างออกมาด้วยความหนักแน่นชัดเจน
"ไนท์เป็นเพื่อนอัลฟ่าคนแรกของข้า และเป็นคู่แข่งที่ข้าตั้งใจจะเอาชนะให้ได้ในวันหนึ่ง"
การพบไนท์ทำให้เขาได้พบโลกใบใหม่ พบเส้นทางให้ก้าวเดินต่อ และจนตอนนี้เขาก็ยังประหลาดใจไม่หาย ที่มันทำให้เขาได้เพื่อนอัลฟ่าคนแรกด้วยเช่นกัน
"แต่ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ใช่เพื่อนอัลฟ่าคนแรกของเขา" ชาร์ลเอ่ยต่อ และจ้องใบหน้างดงามของจักรพรรดิด้วยคำถาม
"และถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด คนคนนั้นคือท่านใช่หรือเปล่า? เพื่อนอัลฟ่าคนแรกของไนท์?"
อาเบลกระแทกเสียงเฮอะ ไม่ตอบคำ แล้วเปิดสะพานข้ามดาราจากไปดื้อๆ ทิ้งให้ชาร์ลเกาศีรษะตัวเองอย่างงุนงน
ความสัมพันธ์ของไนท์กับคนอื่นๆรอบตัวดูจะคลุมเครือไปหมด ชาร์ลไม่เคยถาม ทำให้สำหรับคนบางคนเขาก็ไม่รู้ว่าไนท์เกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้นยังไง อย่างเวอร์ชูว เป็นต้น เขารู้แค่ว่าคนที่ไนท์เอ่ยถึงบ่อยๆก็คืออาเบล...
ไนท์ชอบจักรพรรดิคนนั้นได้อย่างไร นี่เป็นปริศนาที่ชาร์ลไม่เข้าใจว่าเพื่อนใช้อะไรคิดแทนสมอง และเป็นอีกเหตุผลที่ชาร์ลเชื่อว่าเพื่อนของเขามันบ้าสิ้นดี บ้าตั้งแต่งานประชุมครั้งก่อนที่มันเริ่มพร่ำเพ้อถึงบุคคลอันตรายระดับสิบดาวด้วยแววตาเลื่อนลอย
"ชาร์ล ผมยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักสินะ"
"อะไร"
"นั่นแฟนผม"
"หา??เอ็งว่าไงนะ แฟน?" หน้าชาร์ลเป็นเครื่องหมายคำถามเรียงติดๆกัน
"แฟนผม" เพื่อนตัวดีเอ่ยย้ำและชี้ไปทางหน้าเวที
ชาร์ลกรอกตา มองชายหนุ่มรูปงามที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์หาเสียงในการเลือกตั้งผู้นำภาคีอย่างดุดัน ท่วงท่าและน้ำเสียงของเขาโดดเด่น จนสะกดใจผู้ฟังได้ทั้งห้องโถงรวมทั้งเพื่อนที่นั่งเคลิ้บเคลิ้มอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังฟังถ้อยคำรัก
ชาร์ลมองสภาพของเพื่อนที่เหม่อลอยดังคนโง่งมไร้สติ แล้วอดสงสัยไม่ได้
"อย่าเพ้อฝันไนท์ อย่างเอ็งมีดีตรงไหน จักรพรรดิอาเบลถึงจะยอมลงมาเล่นกับเอ็งได้ล่ะ"
อีกฝ่ายเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า กุมอำนาจใหญ่โต ส่วนเพื่อนตัวดีน่ะเรอะ ขนาดคิดแบบเข้าข้างสุดๆแล้ว สารรูปดูยังไงก็ไม่เข้ากันเลยสักนิด
ไนท์หันมายิ้มหวาน
"ของดีผมอยู่ในที่ลับที่มีแต่อาเบลเท่านั้นที่รู้"
ถุย! เอาไปเลยดอกแรก ชาร์ลประเคนให้
"แล้วชาร์ลก็ไม่ควรใช้ตำแหน่งเพื่อนสนิทมาถามย้ำผมบ่อยๆนะครับ เดี๋ยวผมเผลอนอกใจเผยของลับให้นายรู้ไปจะทำยังไง?"
ถุย เอ้าดอกสอง
ชาร์ลส่ายหน้าไม่อยากสนทนาด้วยแล้ว จึงตบหัวเรียกสติเพื่อนก่อนจะผละกลับดาวของตัวเองไปเมื่อการประชุมใกล้จบ เขามาเพื่อรับรู้ข้อตกลงการค้าหรือการแบ่งปันทรัพยากรที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น ไม่ได้สนใจจะมานั่งส่องหน้าใครเหมือนคนบางคน
จากวันนั้นชาร์ลจึงพอรู้คร่าวๆว่าไนท์กับอาเบลน่าจะมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาต่อกัน แต่ดูแนวโน้มยังไงเพื่อนของเขาก็น่าจะตบมือข้างเดียวแน่ๆ
ชาร์ลก็ไม่เคยรู้ข้อเท็จจริงตรงนั้น จนกระทั่ง ไนท์คนก่อนมาเยือนดาวของเขาในวันสุดท้าย
มันไม่เริงร่าบ้าบอเหมือนวันอื่นๆ นั่นทำให้ชาร์ลรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้แปลกไป มันเดินโซเซเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็กอดเขา แล้วเอาคางเกยบ่าเขาไว้ซะงั้น
"เอ็งอกหักมาเรอะ?" สมมุติฐานเดียวที่เขานึกออกในตอนนี้ได้ คงไม่พ้นเรื่องความรักเรือล่มของเพื่อนยาก
"เปล่าครับ แค่เศร้าๆ"
"อย่างเอ็งเศร้าเป็นด้วยหรือไง" ร้อยวันพันปีจะเห็นทำสีหน้าแบบนี้
"ชาร์ลไม่โกรธหรือเกลียดผมเลยเรอะครับ"
"โกรธเกลียดอะไร? ทำไมต้องถามอะไรมึนๆวะ"
"ก็ผมน่ะ...ชนะชาร์ลนะ แล้วก็ทำร้ายชาร์ล..."
ออ นี่มันยังคิดเรื่องเก่าๆอยู่อีกเรอะ? ชาร์ลกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย
"แพ้ก็แพ้ ชนะก็ชนะ ข้าไม่ใช่ขี้แพ้ชวนตี วันไหนข้าชนะเอ็งได้เมื่อไร ข้าก็จะทำอย่างที่เอ็งทำกับข้าเหมือนกัน ถึงตอนนั้นเอ็งก็ไม่มีสิทธิบ่นว่าด่าทออะไรทั้งนั้น แล้วเอ็งไม่ต้องมาอาสาออมมือ ถ้าข้าต้องการชัยชนะข้าจะคว้ามาเอง ถ้าไม่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง สิ่งเหล่านั้นก็ไร้ค่า"
ไนท์ยิ้มอย่างอ่อนใจ แล้วกระชักวงแขนแน่นขึ้น
"ผมน่ะยอมพลีกายให้ชาร์ลวันนี้เลยก็ได้นะครับ"
ถุย ชาร์ลอยากจะสำลึกอากาศ เพื่อนเขาไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ทำไมถึงคิดว่าเขาอยากได้เพื่อนมาดำรงเผ่าพันธ์ุ
"ชาร์ลไม่ต้องเป็นห่วง ผมยินดี ไม่ฝืนใจเลยสักนิดนะครับ"
ไม่ได้ห่วงเว้ย รังเกียจ! ทำไมเข้าใจอะไรยากนัก วันนี้มันไปเมาเห็ดพิษมาจากไหน ถึงละเมอได้ขนาดนี้
"อย่างเอ็งน่ะ ไปเกิดใหม่ทำตัวให้น่ารักกว่านี้แล้วข้าจะเอ็นดูให้ก็ได้"
ตอนนั้นเขาแค่พูดเล่นออกไป ไม่ได้ตั้งใจหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ แต่เหมือนไนท์รอคำนี้อยู่แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลายิ่งกว้างขึ้น และเจ้าตัวก็พยักหน้าอย่างเชื่องช้า
"ตกลงครับ"
"ตกลงอะไรของเอ็ง?"
ไนท์ไม่ตอบแต่หลุบตาลงต่ำ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ชิดจนแทบจะหายใจรดใบหน้า
"แล้วพบกันใหม่นะครับชาร์ล"
ไนท์กลับไปแล้ว ส่วนชาร์ลยังงวงงงไม่หาย ไม่รู้เลยว่านั่นจะเป็นวันสุดท้ายที่เขาได้เจอไนท์คนก่อน
เขาได้แต่สงสัย เหมือนอย่างที่ไนท์สงสัย ในวันที่เขาพ่ายแพ้เขาควรจะโกรธ เขาควรจะเคียดแค้นไนท์หรือเปล่า แต่เขากลับหาความรู้สึกอย่างนั้นไม่เจอเลย
แต่ที่น่าสงสัยยิ่งกว่ากลับเป็นตัวอิกไนท์เอง...
จากศัตรูคู่แค้นของอัลฟ่าทั้งจักรวาล เจ้าของฉายาราชาอำมหิตที่เปิดศึกล่าอัลฟ่าในวันนั้น มาเป็นเพื่อนยากเจ้าของฉายาราชารักสงบจอมอู้ในวันนี้ได้ อะไรเปลี่ยนเขากัน?
ความรักงั้นเรอะ?
คำตอบที่ชาร์ลอยากจะถุยใส่ แต่มันก็เป็นคำตอบเดียวที่เขาคิดออกตอนนี้แล้ว เพราะคนที่จะตอบคำถามเขาได้ก็ไม่อยู่เสียแล้ว เหลือเพียงแค่ไนท์คนใหม่ที่น่าเอ็นดู อย่างที่เขาเคยขอไว้...