Chereads / Nick & Nite / Chapter 21 - ตอนที่  20 ห้องลับ

Chapter 21 - ตอนที่  20 ห้องลับ

จดหมายถึงชาร์ลไม่มีคนรับ เบต้าอันดับหนึ่งแจ้งมาว่าชาร์ลไม่ได้อยู่ในดาว เขาไปประจำกองหน้าในเขตภาคีซึ่งเป็นความลับ เหมือนพวกเขาจะมีเบาะแสบางอย่างของสัตว์ประหลาดนั่นแล้ว

ส่วนผมก็ยังออกไปไหนไม่ได้ เพราะถูกกักบริเวณในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการล่าอัลฟ่า

ล่าอัลฟ่า...จนตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม ท่านไนท์ต้องทำแบบนั้น

ดวงดาวรู้หรือเปล่า? ทำไมแม้ผมจะหลับตาและพยายามดึงความทรงจำส่วนนี้ของท่านไนท์ออกมาเท่าไร กลับพบแต่ความว่างเปล่า

ท่านไม่ต้องการให้ผมรู้งั้นเรอะ?​ หรือแม้แต่ดวงดาวก็ไม่อยากบอกผม

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวและไม่มีประโยชน์ ผมล้มตัวลงนอน หลับตาไล่ความคิดที่ยุ่งเหยิง ผมไม่เคยต้องคิดอะไรมากมายแบบนี้มาก่อนเลย ไม่ชินเลยจริงๆ

คนตัวโตกว่าที่ม้วนตัวอยู่ในฟูกนอนรีบเข้ามาตะครุบพื้นที่ว่างข้างๆผม แล้วหลับตาพริ้มเลียนแบบจนทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้

"มู ทำอะไรของนายน่ะ"

เวสต์ยุ่งมากในการคุมความสงบของประชากรที่ตราประทับอ่อนลง จึงลากอีสต์ไปช่วยงานด้วย ทุกคนไปทำงานจริงจังเลยทิ้งมูไว้กับผมที่ไม่มีอะไรทำจริงจัง

เมื่อหนึ่งโอเมก้าและหนึ่งอัลฟ่าอยู่ด้วยกันตามลำพังจะมีอะไรให้ทำนอกจาก...

นอน

หรือใช้คำสวยๆว่าสามัคคีกันกลิ้งเกลือก และล้างผลาญเสบียงกลังในวังหลวงเท่านั้นเอง ก็จะให้อัลฟ่าและโอเมก้าที่ไร้สัญชาตญาณและประสบการณ์ทำอะไรได้มากกว่านั้นล่ะ

มูกินจุมากทีเดียว ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันเอาปริมาณอาหารมากมายขนาดนั้นไปเก็บไว้ที่ไหน พอกินเสร็จก็ทำตาปรือมองผมสักพักราวกับจะขออนุญาตพักผ่อน และพอผมพยักหน้าเท่านั้นแหละ มันก็ฟุบตัวลงฟูกที่ใกล้ที่สุดทันที

มู...

ผมมองเด็กหนุ่มมอมแมมที่หลับอย่างเป็นสุขตามคำสั่งด้วยความรู้สึกหลากหลาย

เมื่อไม่มีดาวให้กลับไป เขาคิดหรือรู้สึกอะไรบ้างมั้ย หรือการคิดถึงบ้านเกิดเองก็ไม่ใช่คุณสมบัติที่โอเมก้าอนุญาตให้มีได้?

ผมถูกไนท์สร้างขึ้นที่นี่ คงไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นได้ และไม่รู้เหมือนกันว่ามูควรจะรู้สึกอย่างไร

อ่า ผมว่างเหลือเกิน เพราะไม่อาจไปร่วมรบอะไรกับเขาได้ ถึงไปก็อาจเป็นตัวถ่วงให้จักรพรรดิแปรปรวนเตะส่งกลับมาอีก จึงได้แต่บอกให้ศูนย์บัญชาการรายงานสถานการณ์ของกองหน้ามาเป็นระยะ แต่ทั้งตัวประหลาดและข่าวของชัยชนะล้วนยังอยู่ในเงามืด

อาเบลไม่ว่าง ชาร์ลก็ยุ่ง เวสต์กับอีสต์ก็ทำงาน มูก็...อืม ให้เขานอนไปเถอะ

นอนเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ภาพของห้องแห่งหนึ่งก็ว่าบเข้ามาในหัวผมอย่างไม่มีที่มาที่ไป...

มันเป็นภาพของประตูผนังหินสลัก มีลวดลายอ่อนช้อยฝังลึกลงไป ในร่องเหล่านั้นมีของเหลวไหลเวียนอยู่เหมือนลาวาร้อนในแก่นโลก ราวกับหัวใจที่หล่อเลี้ยงด้วยเส้นเลือดคดเคี้ยวจำนวนมหาศาล

ห้องนี้คืออะไร?

ผมไม่เคยเห็นสถานที่แห่งนั้นมาก่อน แต่เพราะอะไรไม่รู้ ผมกลับรู้ว่ามันอยู่ในดาวดวงนี้

แปลว่านี่คือความทรงจำของอัลฟ่ารุ่นก่อน? ท่านไนท์มาชี้ทางให้ผมแล้ว!

ผมดีดตัวลุกขึ้น แล้วผมก็เห็นท่านไนท์ ภาพของเขาสะท้อนตามกระจกริมทางเดิน ท่านไนท์ในอดีตกำลังเดินไปช้าๆตามระเบียงของพระราชวัง ผ่านหน้าสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ขาวแล้วหายเข้าไปในมุมมืด

'ท่านไนท์'

ผมวิ่งตามไปอย่างไม่ต้องคิด แต่ยิ่งผมวิ่ง เงาสะท้อนของท่านไนท์ก็ยิ่งเคลื่อนที่ไปเร็วขึ้น

ตุบ ตุบ ตุบ

ตอนนี้ผมไม่ได้กลัวว่าจะไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่กำลังกลัวว่าคนในความทรงจำจะหายไปโดยที่ยังสัมผัสไม่ได้ ไม่ทันได้มีโอกาสพูดคุยหรือเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคา

แต่วิ่งเท่าไรก็ไม่ทัน ไขว่คว้าอย่างไรก็จับเอาไว้ไม่ได้ เพราะเงาของท่านไนท์ที่ผมเห็นก็คือเงาของผมเองที่สะท้อนในกระจก

อัลฟ่าที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว

เส้นทางกระจกสิ้นสุดแล้ว ผมยืนหอบตัวโยนจนต้องย่อตัวลงกุมเข่าไว้พักหายใจ เมื่อมองไปรอบๆก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่เคยใกล้ชิด

"…"

มีแต่เงาของผมที่ทาบทับลงไปยังประตูผนังหินสลักอันเดียวกับในภาพฝัน แต่มันทั้งสูงและใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก ผมแหงนหน้าเกือบเก้าสิบองศาเพื่อมองไปจนสุดขอบบนของประตูหิน

ห้องนี่คืออะไรกัน? มันซ่อนอยู่ในพระราชวังโดยที่เบต้าระดับสูงสุดอย่างเวสต์ก็ยังไม่เคยเอ่ยถึง ผมที่อยู่ใกล้ชิดท่านไนท์มาตลอดก็ไม่เคยเห็น ดังนั้นผมจึงรู้ได้ทันทีว่ามันคือสถานที่เฉพาะของอัลฟ่า ผู้เป็นหนึ่งเดียวกับดวงดาวเท่านั้นที่มีสิทธิมาเยือน

ผมทาบฝ่ามือลงไปพยายามจะผลักมันให้เปิดออกตามวิธีที่สมควรทางขนบธรรมเนียม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าคุณสมบัติเดียวที่ห้องนี้ต้องการคือการเป็นอัลฟ่า งั้นถ้าผมยกเท้าเตะก็น่าจะเปิดประตูบานนี้ได้เหมือนกันรึเปล่า

วูบ

เคราะห์ดีที่ผมไม่ได้ทดลองทำอย่างนั้น เพราะฝ่ามือผมทะลุผ่านไปทันที ผมเสียการทรงตัว แล้วล้มพลั่กเข้ามาด้านหลังประตูที่ไม่ได้มีไว้ให้ผลัก...แต่มีไว้ให้ผ่าน

ซ่า

เสียงน้ำไหล อากาศเย็นๆโชยมา พร้อมกลิ่นหอมเหมือนขนมปังอบใหม่

พื้นแฉะไปด้วยน้ำใสที่เย็นฉ่ำ รอบๆเป็นชั้นหนังสือที่มีน้ำตกเล็กๆไหลผ่านลงมา กองหนังสือวางจมน้ำอยู่หลายตั้ง แต่มันกลับไม่เปียก ผมหยิบขึ้นมาและพบว่ามันคือเรื่องราวของแม็กซิมัสตำนานที่ท่านไนท์หลงใหล มีหลายเล่มเป็นเล่มที่ผมเคยเห็นท่านไนท์พกออกไปอ่าน และอีกหลายเล่มที่ผมอ่านไม่ออกเพราะไม่ใช่ภาษากลางของภาคี

เหนือขึ้นไปในห้องแทนที่จะเป็นเพดานเหมือนปกติ แต่กลับเป็นท้องฟ้าที่มองเห็นเนบิวล่าฝุ่นแก๊สที่หลงเหลืออยู่ของหมู่ดาวออลเรีย ผมไม่เคยลืม นี่เป็นท้องฟ้าแบบเดียวกับที่ท่านไนท์ชี้ให้ผมดูทุกๆคืน

ตรงกลางชั้นหนังสือนับสิบ คือทรงกลมที่เลียนแบบดาวเฟลม่าทุกอย่าง ผมก้มมองก็เห็นสภาพของพื้นผิวดาวทั้งหมด เนินสูงต่ำ ภูเขา ทุ่งหญ้า บ้านเมือง และดวงจันทร์ที่โคจรไปรอบๆดาวเฟลม่า ผมสามารถขยายหรือหดภาพ เพื่อดูภาพรวมหรือสัมผัสบรรยากาศในแต่ละสถานที่ได้เพียงแค่แตะนิ้วลงไป

ที่นี่คือ...สถานที่ที่เป็นของอัลฟ่า แก่นกลางของดวงดาว ห้องแห่งความลับของราชา

อัลฟ่าทุกรุ่นคงใช้เวลาส่วนตัวที่นี่ สำรวจดวงดาวและความเป็นไปของราษฎร ผมนึกภาพท่านไนท์ยืนอยู่ตรงนี้ แล้วมองดูประชากรของตัวเองด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ผมก็อดยิ้มตามไม่ได้

ผมสำรวจไปรอบๆอย่างตื่นเต้น วิ่งไปทางนู้นทีทางนี้ที ย่ำลงในน้ำใสๆ แล้วปีนขึ้นไปดูบนหลังชั้นหนังสือเผื่อว่าจะเจอความลับอะไรซ่อนอยู่

แล้วสักพักหนึ่งผมก็สะดุดตากับชุดน้ำชาชุดหนึ่งที่ส่งควันลอยฉุยออกมาอย่างประหลาด ผมเอื้อมไปแตะแล้วสะดุ้งโหยงกับเสียงของชาร์ลที่โพล่งออกมา

"เอ็งชอบกินชาเรอะ เห็นกินแต่ชาจืดๆนี่ตลอด"

"ผมไม่ได้ชอบกินชาหรอกครับชาร์ล" เสียงท่านไนท์ว่า

"อ้าว ก็เห็นเอ็งกินอยู่ตลอด"

"ผมชอบกินน้ำชาเฉพาะตอนอยู่กับชาร์ลเท่านั้นแหละครับ"

"ถุย!"

ผมปล่อยมือแล้วเสียงก็หายไป ชาร้อนยังคงตั้งอยู่ที่เดิมบนโต๊ะคละด้วยของแปลกประหลาดสามสี่ชิ้นเรียงอย่างเป็นระเบียบ ให้ความรู้สึกว่าเป็นของที่เจ้าของห้องให้ความสำคัญ และดูแลไม่ให้มีหยดน้ำหรือคราบสกปรกอะไรมาเปรอะเปื้อน

ผมรู้ได้ทันทีว่านี่คือของขวัญที่เวสต์เคยบอกไว้ ของขวัญเมื่อตอนที่ท่านไนท์ขึ้นเป็นราชา ของแสดงความยินดีจากดาว อื่นๆ จำนวนที่ได้มาคงมหาศาลแต่บางชิ้นท่านไนท์คงขายไป บ้างคงมอบให้คนอื่น มีแค่ของคนสำคัญที่ถูกเก็บเอาไว้ที่นี่

ด้วยความสงสัย ผมลองยื่นมือไปแตะของชิ้นอื่น แล้วก็ต้องขวัญผวาขึ้นมาทันที เมื่อจักรพรรดิอารมณ์แปรปรวนมายืนอยู่ข้างๆผม ทำให้ผมรู้ว่าเจ้าของสร้อยเส้นงามที่ประดับทับทิมเม็ดโตนี้คือใคร

"ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับ" ท่านไนท์เอ่ย

"เฮอะ แค่ให้ตามมารยาทเท่านั้นแหละ" เจ้าตัวตอบพลางเชิดหน้าเหมือนไม่แยแส

ท่านไนท์ยกอัญมณีขึ้นแตะริมฝีปากเบาๆ

"ผมจะคิดเสียว่าของชิ้นนี้คืออาเบลนะ"

อุ๊ก แม้แต่ผมยังเผลอปิดหน้าเขินแทน ท่านไนท์ ท่านมัน...น่ากลัวจริงๆ ละแล้วคนในสถานการณ์เล่าจะเป็นยังไง

จักรพรรดิอาเบลแสดงสีหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพียงครู่เดียว แล้วใบหน้างามก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

"อย่า...ให้...มัน...มาก...นัก" เขาคำรามอย่างเหลืออด

"ผมไม่ขออะไรมากไปกว่านี้หรอกครับ" ท่านไนท์ว่าแล้วโน้มเข้ามากระซิบเบาๆ

"ขอแค่อาเบลจะยอมผมสักครั้ง..."

'ตายซะ' สายตาอาเบลว่าอย่างนั้น ผมรีบปล่อยมือจากจี้เส้นนั้นทันที ไม่อยากเห็นฉากสยองต่อจากนั้น

อ่า ท่านไนท์ยอดชายผู้หาญกล้าจีบมหาจักรพรรดิที่น่ากลัวได้ แต่ผมว่าผมกระเถิบไปห่างๆจากของขวัญต้องห้ามดีกว่าก่อนที่ผมจะขนหัวลุกและหวาดกลัวจนนอนไม่หลับ

แกร๊ง

ผมถอยหลังไปเหยียบบางอย่างบนพื้น โลหะสองชิ้นที่จมอยู่ในน้ำใต้โต๊ะของขวัญ มันคือนาฬิกาทรายที่แตกหัก เม็ดทรายข้างในหล่นหายไปหมดแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นของขวัญที่ตกจากโต๊ะลงไป แต่มีคนให้อะไรแบบนี้เป็นของขวัญด้วยเรอะ?

โลหะที่หลอมมันขึ้นมาเป็นโลหะชั้นเลิศ กรอบกระจกก็เป็นคริสตัลที่ทนทาน ผมไม่คิดว่าแค่การตกจากโต๊ะเตี้ยๆจะทำให้สิ่งนี้แตกหักได้ แสดงว่ามันหักครึ่งด้วยสาเหตุอื่น

ผมเลิกคิ้วด้วยความฉงนก้มลงหยิบมันขึ้นมา...

แล้วผมก็ได้ยินเสียงของท่านไนท์ เสียงที่ไม่เหมือนปกติ

"เวอร์นายเอาอะไรมาให้ผมน่ะ?"

ท่านไนท์?

ผมสะดุ้งแล้วอ้าปากค้าง เมื่อข้างๆผมเป็นคนที่ผมไม่รู้จัก แต่เขาคือท่านไนท์แน่นอน เป็นท่านไนท์ในรูปลักษณ์ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาดูเด็กกว่าตอนที่เจอชาร์ลหรืออาเบล ผมของเขาก็ไม่ใช่สีดำ แต่กลับเป็นสีเงินสว่างสดใส และดวงตาก็ยังเป็นสีเขียวมรกตอย่างชัดเจนไม่ใช่สีดำประกายเขียวอย่างที่ผมเคยเห็น

จริงอยู่ว่าใบหน้าอ่อนเยาว์ของอัลฟ่าอาจจะไม่บอกอายุที่แท้จริง แต่แววตาของเด็กหนุ่มเลือดร้อนที่เพิ่งได้จับดาบออกศึกแรกต่างหากที่ทำให้ผมแน่ใจว่า ท่านไนท์ตรงหน้าผมคนนี้คือ ท่านไนท์ที่อายุน้อยที่สุดที่ผมได้พบเจอ

"ยินดีด้วยกับตำแหน่งอัลฟ่าฝึกหัดนะ ไนท์"

ผู้ที่สนทนากับเขาอยู่ก็คือเวอร์ชูวที่มีรอยยิ้มบางๆ รอยยิ้มธรรมชาติที่ดูอบอุ่นโล่งสบายไม่ใช่งามแบบเทพบุตรแต่เฉยชา เป็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มที่มั่นใจในเป้าหมายของตัวเอง น่าประหลาดที่ในปัจจุบันรอยยิ้มนี้ได้หายไปแล้ว เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ของท่านไนท์ที่เปลี่ยนไป

"นาฬิกานี้จะเริ่มเดินในวันที่นายขึ้นเป็นราชาที่ยิ่งใหญ่แห่งดาวเฟลม่า" ชายหนุ่มว่ากลับนาฬิกาทรายคริสตัลขึ้น แต่ทรายสีขาวก็ยังไม่โปรยปรายลงมาราวกับว่ามันกำลังรอเวลาของเหตุการณ์นั้นให้เกิดขึ้น

ท่านไนท์ดูตื่นตาตื่นใจกับของเล่นชิ้นนี้มาก เขาจับมาเขย่าอย่างไร เม็ดทรายก็ไม่ร่วงลงมา

"นายตรึงมันไว้ด้วยแรงโน้มถ่วงสินะ จนกว่าผมจะเป็นอัลฟ่าเต็มตัว มีพลังของดวงดาวมาหักล้าง เม็ดทรายพวกนี้จึงจะร่วงหล่นลงมา นาฬิกาทรายเรือนนี้ถึงจะเริ่มเดิน" เวอร์หัวเราะเมื่อเพื่อนอ่านทริกง่ายๆของเขาออก แล้วก็ยักไหล่

"ก็ประมาณนั้น" เขาว่าจบก็ถอยฉากไปให้คู่สนทนาเห็นสิ่งที่เขาแอบซ่อนไว้ด้านหลัง ดวงตาสีมรกตสุกใสเปิดกว้างทันที สีหน้าท่านไนท์แสดงความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก

"ส่วนนี่เป็นของแถม เผื่อนายสนใจ ผมเพิ่งลองสร้างขึ้นมาเอง นายคิดว่าไง ไนท์?"

"เวอร์ นายสร้างโอเมก้านี้ได้อย่างไม่มีที่ติเลย!"

เมื่อท่านไนท์พูดจบ ผมก็สะท้านไปทั้งร่าง หันไปมองสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองช้าๆ

ผมบอกได้ทันทีว่ามันเป็นโอเมก้า เพราะดวงตาของมันเลื่อนลอย ผิวสีหิมะ เส้นผมสีทองดวงตาสุกสว่าง ร่างเล็กๆย่อตัวอยู่บนเก้าอี้นอบน้อมและเชื่อฟังทุกสิ่ง ร่างกายมันตลอดจนคุณสมบัติคงจะไร้ตำหนิในทุกส่วน และราคาคงสูงลิบในตลาด

"แน่นอน อันนี้เป็นชิ้นโบแดงเลยนะ ให้นายคนแรก" เทพบุตรเอ่ย สีหน้าเขาภาคภูมิใจและพอใจมากที่เพื่อนชอบของขวัญชิ้นนี้

"ผมได้โอเมก้าพันธ์ุพิเศษตัวแรกจากเพื่อนอัลฟ่าคนแรกของผม คงไม่มีอะไรพิเศษไปมากกว่านี้แล้วล่ะ ขอบใจเวอร์"

ท่านไนท์เข้าไปพิจารณามันใกล้ๆ แล้วยิ้มกว้าง

"ผมตั้งชื่อให้มันได้มั้ย?"

"มันเป็นของนายแล้วนายจะทำอะไรก็ทำสิ"

"งั้นก็..." ท่านไนท์ในวัยเยาว์เท้าคาง ทำหน้ามุ่ยแบบที่ผมเหลือเชื่อว่าเขาเคยทำได้

"เมเรส...เอาชื่อเมเรสแล้วกัน ต่อจากนี้เจ้าคือโอเมก้าของผม จากนี้และตลอดไป!"