ผมทั้งเจ็บก้น เจ็บกระดองใจ ทั้งมีข้อสงสัยที่ไม่ได้รับคำตอบ แต่ด้วยความไม่อยากถูกปรามาศโดยคนหน้าสวย ผมตัดสินใจเรียกเวสต์มาปรึกษาเรื่องการเข้าร่วมประชุมที่ว่าอย่างรวดเร็ว
"มันคือการประชุมของภาคีดวงดาวนับแสนจากดาราจักรนับหมื่นทั่วจักรวาลที่มีวิวัฒนาการในระดับที่มีอัลฟ่าและเทคโนโลยีข้ามจักรวาลขอรับ ด้วยผลงานที่ผ่านๆมาของท่านไนท์ทำให้ดาวเฟลม่าของเราได้รับยอมรับเป็นหนึ่งในสมาชิกชั้นสูงของวงแหวนแรก มีสิทธิเสนอมติ ออกความเห็น คัดค้านและโหวตเลือกในทุกเรื่อง"
ให้ฟังอีกกี่ครั้งก็ไม่น่าเชื่อว่าท่านไนท์ที่นั่งดูดาว นอนเล่นกับผมมาตลอดจะมีผลงานระดับจักรวาลกับเขาด้วย ถึงกับได้อยู่วงแหวนเดียวกับอาเบลคนนั้น ต้องนับว่าท่านไนท์ไม่ธรรมดาเลยสินะ
แต่ครั้งนี้ประธานถึงกับออกปากให้ผมไปนั่งเงียบๆเลยทีเดียว ท่าจะไม่ชอบหน้าผมจริงๆ
"ไปงานประชุมผมควรจะทำอะไรบ้างน่ะ เวสต์"
"จุดประสงค์ของงานพบปะส่วนใหญ่คือการหาพันธมิตรจากดาราจักรอื่นๆ เจรจาตกลงการค้า ขอความร่วมมือในด้านใดด้านหนึ่ง หรือสอดส่องดูความเคลื่อนไหวของศัตรู ท่านนิกอยากไปด้วยเป้าหมายใดเป็นหลักล่ะขอรับ"
ผมเอียงคอคิดหนัก อย่างผมจะให้ไปเจรจา หรือสอดส่องศัตรูก็คงไม่ไหวล่ะมั้ง
"งั้นเราเป็นพันธมิตรกับใครบ้างเรอะตอนนี้"
"ถ้าต่างดาราจักรก็มีอยู่แค่หนึ่งเดียวคือ สหพันธ์ดวงดาว ABELL ขอรับ"
แหงงั้นล่ะ ผมแอบตกใจกับพันธมิตรอันน้อยนิดของท่านไนท์ ไหนท่านว่าท่านเป็นที่นิยมไม่ใช่เรอะ?
"แล้วดาวโฌฌอนล่ะ?"
"ท่านไนท์รู้จักชาร์เลส ชาร์ลเป็นการส่วนตัว ไม่ได้ทำผ่านการเจรจาทางการทูต จึงไม่มีการทำสัญญาพันธมิตรอย่างเป็นลายลักษณ์ขอรับ"
ทำไมล่ะ? ท่านไนท์ก็สนิทกับพี่ใหญ่มากไม่ใช่เรอะ หรือว่าพี่ใหญ่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าพวกเขาสนิทกัน?
"ถ้าท่านนิกต้องการหาพันธมิตรเพิ่ม การประชุมนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ข้าน้อยจะจดรายชื่ออัลฟ่าและดวงดาวที่น่าสนใจไว้ให้ท่านพิจารณาเลือกอีกทีหนึ่ง..."
เวสต์ยังพูดไม่ทันจบ...
ตูม!!
ประตูห้องก็ถูกทลายเข้ามาโดยผู้บุกรุกที่มีหน้าตามอมแมม ตากระจ่างใส เขากวาดตาเข้ามาในห้องและหยุดที่ผม ก่อนจะถลาเข้ามากอดเอวผมไว้แน่น
"มู? เป็นอะไรมา"
ตัวสั่นงกๆ ท่าทางดูน่าสงสารมาก จนผมต้องตบหลังปลอบประโลมคนที่ตัวใหญ่กว่า
"ไปไหนแล้ว เจ้าโอเมก้านี่" เสียงอีสต์นั่นเอง เขาถลาตามเข้ามาในห้องแล้วหยุดพักหอบพลางปาดเหงื่อที่ชุ่มโชก "หนีมานี่เอง อ๊ะ ท่านนิก"
'โอ้ว เช้านี้ก็ยังน่ารักเหมือนเเดิมเลย'
เสียงในหัวเขาดูเริงร่าขึ้นมาทันที ผมกรอกตาแล้วเอ่ยถาม
"นายทำอะไร วิ่งตามจับมูทำไม" ผมเห็นท่าทางหวาดกลัวของมูและคิดว่าเขากำลังถูกรังแก สัญชาตญาณการปกป้องก็ทำงานทันที โอเมก้าจะถูกรังแกในสายตาผมไม่ได้เด็ดขาด
"เอ่อ" อีสต์อ้ำอึ้งเกาหัวพลางเหลือบมองไปที่เวสต์ เบต้าอันดับหนึ่งจึงยืนขึ้นก้าวออกมา
"ข้าน้อยฝากให้อีสต์ช่วยอบรมโอเมก้าจากดาวออลเรียให้เหมาะสมกับท่านเอง ท่านนิก"
"อบรมอะไร"
"ก็เรื่องทั่วๆไปขอรับ ท่านนิก มารยาทบนโต๊ะอาหาร การแต่งตัว การทำความเคารพ แต่พอข้าน้อยจะให้อาบน้ำ มันก็วิ่งหนีออกมาเลย"
พออีสต์อธิบายจบ ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า มูถูกจับแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี ทำให้เขาดูไม่เหมือนทาสอีกแล้ว ท่าทางเหมือนสุภาพบุรุษขี้อาย ดูเงอะงะอย่างน่าเอ็นดู แต่เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยตอนนี้ทำให้เขาเหมือนสุภาพบุรุษที่กำลังโดนปล้นทรัพย์มากกว่า
ขณะกำลังพิเคราะห์ผลความพยายามของอีสต์ สายตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับรอยจางๆที่โผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อ เมื่อจับแขนมูขึ้นมาพลิกดูก็พบว่ามันเป็นรอยแผลเป็นที่บาดลึก เป็นเส้นๆตามแนวหลังลำตัวและแขนขา
"รอยแผลนี่คืออะไร"
อีสต์หน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายแล้วรีบตอบ "นี่รอยเดิมขอรับ...ท่านนิก"
"รอยเดิม? ผมหรี่ตา ดูยังไงก็รอยเฆี่ยนตีแน่นอน แถมจำนวนก็ไม่ใช่น้อยๆ มีทั้งเก่าและใหม่ คนละช่วงเวลา ไม่ใช่แผลที่เกิดในวันสองวันแน่
"ตั้งแต่เมื่อไร"
อีสต์รีบหันไปขอความช่วยเหลือจากเวสต์อีกครั้ง
ผมหันไปสบตาเวสต์ที่สงบนิ่ง
"รอยพวกนี้มีก่อนที่เราจะซื้อมันมา และเกิดช่วงที่อยู่ในคุกขอรับ"
เวสต์ตอบตรงๆด้วยความสงบ ไม่ปัดความรับผิดชอบ ทั้งยืนรอรับผิดถ้าผมคิดจะลงโทษ แต่ในเมื่อมันเป็นกฎมาก่อนหน้านี้จะให้ผมลงโทษพวกเขาที่ทำตามกฎก็ไม่ถูกเสียทีเดียว
"งั้นต่อจากนี้ไปผมขอสั่งยกเลิกกฎเฆี่ยนตีโอเมก้า"
อีสต์เผยสีหน้าตกใจเมื่อผมพูดจบ ส่วนเวสต์ยังคงนิ่ง ผมไม่ชอบสีหน้าที่เหมือนเดาได้ล่วงหน้าเลยว่าผมจะทำอะไร
"ทำไม? หรือว่าผมไม่สามารถทำได้เรอะ?"
"ท่านสามารถทำได้ เพียงแต่..."
ผมจ้องหน้าเวสต์ เตรียมรับฟังข้ออ้างใดๆก็แล้วแต่ที่เขาอยากจะยกมาอ้าง
"มันจะมีประโยชน์อะไรในการทำแบบนั้นหรือท่านนิก?"
ผมหูฝาดไปหรือเปล่านะ...เวสต์หมายความว่า การเฆี่ยนตีมีประโยชน์กว่าอย่างนั้นเรอะ?
"ถ้าหากท่านไม่พอใจรอยแผลของเขา ท่านในฐานะอัลฟ่าก็สามารถลบมันออกได้ทันที ทำให้เสมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นเลยก็ได้ ท่านจะแก้ความทรงจำที่ไม่ดีออกไป ให้เขาลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมาก็ทำได้"
ผมอึ้งกับคำตอบของเวสต์ และก็ตกตะลึง นี่คือพลังของอัลฟ่า พลังที่เปลี่ยนได้ทุกอย่างบนดวงดาว แต่พลังนั้นกลับไม่ได้มีไว้เพื่อช่วย หรือแก้ไข กลับมีไว้เพื่อกลบเกลื่อนปิดบังสิ่งที่เคยเกิดขึ้นอย่างนั้นเรอะ!
"เหมือนกับว่าถ้าผมตัดแขนตัดขาพวกนายไป ผมพอใจจะต่อเข้าไปเมื่อไรก็ได้สินะ"
ผมถามด้วยเสียงเย็นชาเป็นครั้งแรก แต่เวสต์ก็ไม่สะทกสะท้าน เขาอธิบายอย่างราบเรียบต่อไปเหมือนอ่านหนังสือให้ผมฟัง
"นั่นก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของท่านอย่างแท้จริง ท่านนิก ส่วนเรื่องการเฆี่ยนตี ที่ข้าน้อยบอกว่าไม่มีความจำเป็นก็เพราะว่า โอเมก้าไม่อาจขัดคำสั่งเบต้าได้อยู่แล้ว และในการตั้งโปรแกรมของเบต้าก็ไม่มีการตั้งกฎให้เฆี่ยนตีโอเมก้าได้ เบต้าไม่อาจทำร้ายคนอื่นได้ด้วยอารมณ์ ตราบเท่าที่พลังของตราประทับไม่ได้อ่อนลง จะไม่มีใครสามารถทำตามใจชอบได้ และตอนนี้พลังของตราประทับก็ไม่ได้อ่อนลงถึงขั้นนั้น..."
คำตอบนี้ยิ่งทำให้ผมตกตะลึง เพราะมันแปลว่าคนคนเดียวบนดาวที่ทำร้ายคนอื่นตามใจชอบได้ เฆี่ยนตีผู้อื่นตามอารมณ์ได้...
"อัลฟ่างั้นเรอะ?"
เวสต์มองนิ่งๆไม่พูดอะไรอีก คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว เวสต์ถึงบอกว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะยกเลิกการเฆี่ยนตี เพราะอย่างไรคนที่จะลงมือได้ก็มีแค่คนเดียว
งั้นแสดงว่า รอยแผลพวกนี้คงเกิดก่อนที่มูจะมาที่ดาวนี้ เป็นอัลฟ่าของดาวดวงอื่นเป็นคนทำ...เพราะท่านไนท์ไม่มีวันทำแบบนี้หรอก ขณะอยู่กับผม ท่านยังไม่เคยแม้แต่จะตบยุงสักตัว
ผมได้ข้อสรุปแล้วว่ามันต้องเป็นอัลฟ่าของดาวอื่นแน่นอนที่อยากทำร้ายมูอย่างไม่มีเหตุผล เพียงเพื่อสนองความสนุกสนานของตัวเอง
เวสต์ไม่ตอบอะไรเพิ่มเติม เขานิ่งเงียบ จนผมเอะใจบางอย่าง ดูเหมือนว่าการเป็นอัลฟ่าจะช่วยให้ผมพอจะฉลาดขึ้นมาบ้าง
"นายหาตัวโอเมก้าที่หายากแบบนี้มาเพื่ออะไรเรอะ เวสต์?"
สีหน้าของเวสต์ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย "นี่เป็นคำสั่งของท่านไนท์ ท่านได้ยินเรื่องของโอเมก้า ขณะที่เดินทางไปเยือนดาวเพื่อนบ้าน"
"และท่านไนท์พามูกลับมาเพราะอะไร? ในเมื่อนายบอกเองว่าท่านไนท์ก็ไม่เคยคิดจะเอามูมาใช้ดำรงเผ่าพันธ์ุ"
"จริงๆแล้วการศึกษาคุณสมบัติ และการสร้างรหัสพันธุกรรมของเผ่าพันธ์ุโบราณ ไม่ใช่เหตุผลของท่านไนท์ แต่เป็นเหตุผลของคนอื่นขอรับ ท่านไนท์จึงเก็บโอเมก้าตัวนี้ไว้เพื่อเป็นของบรรณาการ สำหรับคนคนนั้น"
"ใครกั..."
ผมยังถามไม่ทันจบคำ ก็บรรลุได้ด้วยตัวเอง
คนที่เพิ่งจะสะบัดเส้นผมสีเงินกลับดาวไป....
เวสต์พยักหน้า
"จักรพรรดิอาเบลรุ่นแรกได้ทำลายดาวออลเรียไป เรื่องต่างๆในอดีตก็น่าจะจบไปแล้ว แต่ใครๆก็รู้ว่าอาเบลแทบทุกรุ่น มีความแค้นฝังลึกต่อเรื่องราวของแม็กซิมัสมาก ตอนนี้ก็ยังออกตามล่าตั้งค่าหัวประชากรดาวออลเรียที่เหลือรอด หรือทรยศดาวแม่ของตัวเองอพยพไปมีชีวิตใหม่...ข้าน้อยคิดว่าท่านไนท์ก็แค่เผื่อเอาไว้กรณีที่ไม่อาจร่วมมือกับจักรพรรดิอาเบลได้"
"ร่วมมืออะไร?" ไม่ใช่ว่าเพื่อจีบคนหน้าสวยนั่นหรอกเรอะ?
"เรื่องนี้ท่านไนท์ไม่ได้บอกข้าน้อยไว้"
ผมถอนใจ ผมอยู่กับท่านไนท์มาตลอด แต่กลับยังมีหลายเรื่องของท่านที่ผมไม่รู้เลย ขอบเขตการรับรู้และสติปัญญาที่จำกัดของโอเมก้าทำให้ผมไม่อาจเข้าใจความคิดอ่านของท่านไนท์ในตอนนั้นได้
ท่านไนท์กำลังทำบางอย่างที่ผมยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาไม่ได้บอกผมเพราะผมโง่เกินกว่าจะเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ผมสามารถเข้าใจได้แล้ว และสิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดก็คือ การที่มีคนมาทำอะไรลับหลังผม โดยไม่คิดจะบอกอะไรผม
"เวสต์"
"ขอรับ"
"ต่อจากนี้ห้ามนายทำอะไรโดยพลการโดยไม่บอกผมก่อนเด็ดขาด นายต้องแจ้งแก่ผมทุกเรื่อ ทั้งเรื่องที่ไนท์สั่งนายไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องที่นายจะตัดสินใจทำ ขอให้บอกผมเสมอ เข้าใจมั้ย"
เวสต์มีสีหน้าเรียบเฉย เขาหลุบตาลงแล้วเอ่ยอย่างชัดเจน
"ข้าน้อยต้องขอปฏิเสธความหวังดีของท่านขอรับ"
"อะไรนะ?" ผมตะลึงงันหันกลับมามองเวสต์อย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาจะปฏิเสธตรงๆแบบนี้
มหาดเล็กผู้ใกล้ชิดกับอัลฟ่าที่สุดโค้งศีรษะลงต่ำคล้ายจะรับโทษ แล้วกล่าวอย่างนุ่มนวล
"ข้าน้อยจะทำเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดต่อดาวเฟลม่า นี่คือคำปฏิญาณที่นอร์ทเวสต์ให้ไว้กับองค์ราชาทุกๆรุ่น เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งนี้ และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป"
เวสต์จ้องมา เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตาเขา ผมก็เห็นภาพในอดีตของผู้ที่ยืนอยู่บนบัลลังก์กับข้ารับใช้ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า
ท่านไนท์...
"นายได้รับสิทธินั้น นอร์ทเวสต์" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุดที่ผมเคยได้ยิน
"จากนี้ไปจงเป็นคนที่เจ้าอยากเป็น และจงทำในสิ่งที่เจ้าเห็นว่าดีที่สุด เจ้าจะห้ามข้าก็ได้ จะขวางข้าก็ได้ แต่เพียงแค่จุดมุ่งหมายของเราคือสิ่งเดียวกัน เพื่อดาวเฟลม่า และเจ้าจะเป็นคนของข้าเสมอ"
"รับบัญชา"
ท่านไนท์แตะด้ามคถาประจำตำแหน่งลงบนบ่าของชายหนุ่มที่คุกเข่าให้เขาและแต่งตั้งเวสต์ให้รับตำแหน่งต่อจากรุ่นก่อนที่ชราภาพ ด้วยคำสั่งนี้ นี่คือสิ่งที่เวสต์ยึดถือมาตลอด
ผมกะพริบตาถี่ๆกลับมาสู่ช่วงเวลาปัจจุบัน คนที่คุกเข่าอยู่ยังไม่ยอมไปไหน แต่ก็ไม่ยอมตกลงด้วยเช่นกัน
"งั้นถ้านายเห็นว่าการบอกผมไม่เป็นผลดี...นายก็จะไม่บอกผมงั้นสินะ"
เวสต์ประสานมือไว้ข้างหน้าและก้มศีรษะต่ำ
"ขออภัยท่านเป็นอย่างสูง แต่นี่คือหน้าที่ของมหาดเล็ก หากท่านไม่พอใจก็ขอให้โปรดลงโทษข้าน้อยอย่างที่ท่านเห็นสมควรเถิดขอรับ"
ผมรู้สึกเหมือนใบหน้าด้านชา ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวสิ่งใด รู้เพียงแต่ว่ามีความรู้สึกบางอย่าง มันคือความโกรธงั้นเรอะ เหมือนครั้งที่อาเบลทำลายโอเมก้าต่อหน้าผม ความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนค่อยๆปะทุในหัวผม โอเมก้าไม่เคยมีสิทธิที่จะโกรธไม่ว่าจะถูกกระทำแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้ผมกำลังโกรธอย่างไม่มีสาเหตุอะไรเลย
ผมอยากจะกระชากคอเสื้อคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าขึ้นมาบอกให้หยุดการเอ่ยคำพูดไร้สาระพวกนี้เสียที แล้วรับฟังผมบ้าง
"งั้นนายบอกผมมา สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คืออะไร ของบรรณาการงั้นเรอะ"
เวสต์ส่ายหน้า
"เรื่องของบรรณาการไม่จำเป็นแล้วในตอนนี้ ข้าน้อยจึงฝากไว้ให้อีสต์อบรมไปก่อน"
ว่าจบเวสต์ก็ยิงสัญญาณทางสายตาให้อีสต์พามูออกไป
สีหน้าอีสต์ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจต่อต้านเวสต์ที่มีตำแหน่งสูงกว่าตนได้ เขาแอบประท้วงในใจ คร่ำครวญถึงชะตาเลวร้ายของตัวเองที่ต้องมาดูแลโอเมก้าที่มีปัญหาตัวนี้ เพราะถ้าทำรุนแรงก็โดนท่านนิกหมายหัว จะถนุถนอมเจ้านี่มันก็ไม่เชื่อง ยิ่งถ้าหนีไปได้ เวสต์ก็จะมาเอาเรื่องเขาอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ลากมูจากไปทั้งน้ำตา ขณะที่มูทำตาละห้อยมองกลับมาหาผม
"ท่านนิก..." เวสต์เอ่ยเรียกสติผมให้กลับมาที่เขา
"สิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่สุดตอนนี้คือ ท่านต้องใช้พลังของอัลฟ่าให้ได้เร็วที่สุด เพราะฉะนั้นต่อให้ท่านไม่อยากเรียน ข้าน้อยก็จะบังคับให้ท่านเรียน ต่อให้ท่านหมดแรงล้มลง ข้าน้อยก็จะปลุกท่านขึ้นมาเรียน และถ้าท่านไม่พอใจกับวิธีการของข้าน้อย ท่านก็สามารถลงโทษข้าน้อยได้ หลังจากที่ท่านใช้พลังได้แล้ว ท่านนิก ท่านเข้าใจหรือไม่?"
ผมไม่เคยชอบถ้อยคำของเวสต์ ทุกคำพูดของเขามันแสลงหูผม ผมโกรธ ผมนึกรังเกียจวิธีการพูดเช่นนี้ แต่ว่าสติปัญญาระดับอัลฟ่ากลับอนุญาตให้ผมสามารถเข้าใจได้ว่า เหตุใดเวสต์จึงเอ่ยแบบนี้
มันคือการเตรียมใจของผู้ติดตามที่ภักดีอย่างที่สุด...
ผมอยากจะโกรธเขาแต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมอยากจะไล่เขาออกจากตำแหน่ง แต่ถ้าทำแบบนั้น รอบตัวผมจะเหลือใครให้ใช้สอยกันล่ะ
ผมถอนหายใจยาวอย่างยอมรับในโชคชะตา แบบนี้ผมคงต้องอดทนไปก่อนจนกว่าผมจะเป็นอัลฟ่าที่แข็งแกร่ง
เพราะตอนนี้ผมขาดเบต้าเจ้ากี้เจ้าการคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ