Chereads / Nick & Nite / Chapter 10 - ตอนที่ 9 อัลฟ่าฝึกหัด

Chapter 10 - ตอนที่ 9 อัลฟ่าฝึกหัด

ผมตื่นเช้ามาอย่างสดใส แต่การตื่นมาเจอใครบางคนข้างๆเป็นเรื่องที่ไม่ชินเอาเสียเลย

ผมไม่มีเพื่อนร่วมห้องมานานแล้ว ปกติเวลาอยู่กับท่านไนท์ เขาก็จะเฝ้าผมจนผมคล้อยหลับไป และตอนที่ตื่นมา เขาก็จะหายไปไหนไม่รู้ ผมจึงไม่เคยตื่นมาเจอใครข้างๆมาก่อน

มูนอนอย่างเรียบร้อย มันยังคงหลับปุ๋ย จริงๆโอเมก้าไม่จำเป็นต้องนอนเยอะ แต่เราแค่ไม่มีสัญชาตญาณในการทำอะไรอย่างอื่น นอกจากทำงาน กินและนอน ทำให้กิจกรรมมันค่อนข้างมีให้เลือกจำกัด ถ้าไม่ถูกเรียกไปใช้งาน ก็จะนอนนานๆ หรือกินไปเรื่อยๆ

ผมคิดจะปลุกมู แต่คิดอีกที ผมชอบที่จะตื่นขึ้นมาเองมากกว่าถูกเรียกเหมือนกัน ผมเลยปล่อยให้มูนอนต่อไป แล้วก็ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงาน

งานที่ผมค้างเอาไว้...

ทางเดินทอดยาวออกไปสู่ห้องโถงเดิม ผมสัมผัสก้อนความคิดที่ซับซ้อนได้ในนั้น

อ่า เป็นเวสต์สินะ ยังคงตื่นเช้ากว่าผมตลอด เขามาเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมผมก่อนไปพบจักรพรรดิอาเบล

"อรุณสวัสดิ์ เวสต์"

"…"

อุ๊ก ผมอุตสาห์คิดตั้งนานว่าจะทักทายนายว่าอะไรดีหลังจากเรื่องเมื่อวาน นายกลับเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยินซะงั้นเรอะ

"ข้าน้อยเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว เชิญท่านที่โต๊ะเสวย"

เขาพูดจบก็เดินนำไปทันที ให้ผมยืนเกาหัวอย่างงุนงง มายังไงวันนี้ถึงได้พูดคำราชาศัพท์กับผมล่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามไปต้อยๆ ไม่งั้นผมจะหลงทาง

"เมนูเช้านี่เป็นอะไรน่ะ เวสต์"

"…"

นี่เป็นเพราะผมให้อิสระมากเกินไปจนนายคิดจะไม่ตอบก็ทำเฉยใส่ผมได้แล้วเรอะ หือ? เริ่มจะกำแหงท้าทายอำนาจของอัลฟ่าแล้วใช่มั้ย

ขณะผมกำลังคิดว่าจะพูดกับเขาเรื่องอะไรดี หรือว่าจะทดลองออกคำสั่งเพี้ยนๆให้เขาทำตามดี เสียงสดใสก็แทรกเข้ามา

"ท่านนิกก"

เป็นอีสต์นั่นเอง ผมรู้โดยที่ไม่ต้องหันไปเลย

"เป็นยังไงบ้างขอรับบ ท่านนิก สำเร็จด้วยดีหรือไม่?"​ ท่าทางเขากระตือรือร้นมากจนแทบกระโดดโลดเต้น

นี่นายวิ่งมาเพื่อถามเรื่องนี้เรอะ ว่างมากเลยสินะ ผมเหล่มองอีสต์ที่กำลังยืนหอบฮั่ก แล้วยักไหล่

"ก็ดีนะ"

"ก็ดี?" อีสต์ขมวดคิ้วกับคำตอบของผม วินาทีต่อมาก็เผยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

"แสดงว่ามันคงแย่มากสินะ ท่านนิก ไม่เป็นไร ครั้งหน้าท่านก็เลือกใหม่ก็ได้ เจ้าโอเมก้ามันไม่ค่อยรู้งานหรอก อย่างน้อยๆเรื่องสำคัญแบบนี้ ท่านน่าจะเลือกแบบ...ระดับเบต้าอะไรแบบนี้ อะแฮ่มๆ"

อะไรแย่มาก? ผมก็บอกว่าดีอยู่นี่ไง มันจะแย่ได้ยังไง อยู่กับมูแสนจะสบาย ไม่ได้นอนเต็มอิ่มกับใครมานานแล้ว

เมื่อผมชักสีหน้าไม่เห็นด้วย อีสต์ก็เหมือนจะเดาได้ว่าผมไม่พอใจ จึงรีบแก้ตัวทันที

"อ่า ก็เรื่องแบบนี้ ถ้าพูดแค่ว่าก็ดี มันมักจะแปลว่าเข้ากันไม่ค่อยได้น่ะ ท่านนิก แล้วเมื่อคืนมันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างล่ะขอรับ"

"มันจะต้องเกิดอะไรขึ้นงั้นเรอะ?" จะต้องมีแสงวิ้งวับ คลื่นลมมรสุมอะไรเกิดขึ้นในกระบวนการนั้นหรือไร

อีสต์ยิ้มเหมือนรู้ทันว่าผมแค่นอนหลับไปเฉยๆ ยังไม่ได้ทดลองเริ่มกระบวนการที่ว่าเลยซักนิด

"อะแฮ่ม ท่านนิก เรื่องนี้สำคัญมาก เป็นสิ่งที่ชี้เป็นชี้ตายอนาคตของดวงดาวเลยนะครับ เพราะงั้น ถ้าท่านยังไม่มั่นใจ ท่านสนใจข้าน้อยแทนมั้ยล่ะขอรับบ"

ถึงกับเสนอตัวมาตรงๆ ทำเอาผมกะพริบตาปริบๆ กับความใจกล้าของอีสต์

"ข้าน้อยน่ะ นอกจากจะหน้าตาดี ว่าง่าย เรี่ยวแรงกำลังพอดี กล้ามเนื้อฟิตเปรี้ยะ ผิวสัมผัสก็นุ่มลื่นดูแลด้วยโลชั่นอย่างดี อาบน้ำอบสมุนไพรวันละสามครั้ง เพื่องานสำคัญเช่นนี้ข้าน้อยยินดีเสียสละเพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่นะขอรับท่านนิก" อีสต์ว่าพลางโฆษณาตัวเองเสร็จสรรพ พร้อมยิ้มประจบอย่างนอบน้อมมาให้

แล้วไอ้ความคิดที่ว่า 'จะได้กอดท่านนิกทั้งคืนแล้ว อิจฉาไปซะเจ้าคนปากหนัก' คืออะไร หือ? ไม่เห็นมีเรื่องบ้านเมืองในหัวนายเลยสักนิด

"เท่าที่ฟังๆดู...คุณสมบัติของนายก็ดูไม่ได้ต่างจากเวสต์หรือเบต้าทั่วๆไปนะ เพราะฉะนั้น..." ผมพยายามปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม ประโยคนี้แปลว่าจะเบต้าคนไหนก็เหมือนๆกัน ผมจะเลือกมูที่แตกต่างก็ไม่ผิดนี่หน่า แต่ทันทีที่ผมพูดจบ อีสต์ก็อ้าปากพะงาบมือไม้สั่น สีหน้าเหมือนคนใจสลาย

"ทะท่านนิก ท่านจะเลือกเวสต์งั้นเรอะ?"

หา?

"ถะถึงคุณสมบัติข้าน้อยจะสู้ไม่ได้ แต่ข้าน้อยมีความจริงใจนะขอรับ" อีสต์เริ่มน้ำตาปริ่ม สองตาแดงก่ำ ขณะที่ในใจเหมือนคนแบกความแค้นไว้พันปีกำลังกัดผ้าเช็ดหน้าอย่างรุนแรง

"พูดเรื่องอะไรของนายน่ะ? เมื่อกี้ผมแค่เปรียบเทียบนะ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"

"ข้าน้อยจะไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก" ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายจบ อีสต์ก็ตะเบ่งเสียงก้องแล้วหันหลังวิ่งหนีไปในทางเก่า ในหัวมีแต่เสียงคำสาปแช่งใครคนหนึ่งดังก้องไปหมด

เอ่อ...แต่ละคนพอตราประทับเริ่มหมดฤทธิ์ก็เริ่ม...ศัพท์วัยรุ่นเขาใช้คำว่าอะไรนะ อีโมแตก? อืมนั่นแหละ เริ่มอีโมแตกกันทีละนิดทีละหน่อย จนผมเริ่มปวดหัวแล้ว

ผมหันกลับมาก็เจอเวสต์ที่ยังคงยืนนิ่งรออย่างมีมารยาท ไม่แม้แต่จะแทรกบทสนทนาไร้สาระของผมกับอีสต์

เลย อ่า แต่เวสต์ก็เป็นคนที่ถูกพาดพิงนี่หน่า แปลว่าเขาก็ได้ยินทั้งหมดที่อีสต์เพ้อเจ้อไปเอง

"เมื่อกี้ผมแค่เปรียบเทียบให้อีสต์เข้าใจน่ะ นายก็อย่าคิดมากเลยนะ" ผมเลือกบอกตรงๆเพื่อที่จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดไปอีกคนหนึ่ง

"…"

เอ่อ ทำไมวันนี้เวสต์ถึงดูเย็นชากว่าทุกวันนะ หรือผมคิดไปเอง

"เชิญทางนี้ขอรับ"

เวสต์เปิดเข้าประตูที่สุดปลายระเบียง ห้องที่เต็มไปด้วยเอกสาร ภายในเรียบง่ายเพียงแค่หนึ่งโต๊ะเก้าอี้และโซฟายาว

"เชิญนั่งขอรับ" เบต้าอันดับหนึ่งผายมือไปที่โซฟานุ่มที่มีโต๊ะรับแขกเล็กๆวางไว้ด้วยสำรับอาหารหอมกรุ่น เป็นขนมปังกับสตูเนื้อ ทานคู่กับซุปเห็ดควันลอยฉุย

"ข้าน้อยต้องขออภัยที่ต้องให้ท่านมารับประทานอาหารในห้องคับแคบอันนี้ แต่ข้าน้อยเกรงว่าเราจะไม่มีเวลามากพอ..."

"นี่คือห้องทำงานของนายเรอะ?"

"ขอรับ"

เวสต์รับคำแล้วเลื่อนเอกสารกองโตมาให้

"รายละเอียดพื้นฐานของจักรพรรดิอาเบลและสหพันธ์ดาว ABELLทั้งหมดอยู่ในนี้..."

ผมเงยหน้ามองกองกระดาษบันทึกทั้งเก่าและใหม่ แล้วคิดว่าไม่มีวิธีย่อยเอกสารพวกนี้แล้วยิงเข้ามาในเซลล์สมองผมเลยเรอะ

"มีขอรับ" เวสต์ตอบประหนึ่งอ่านใจผมได้อีกแล้ว "แต่นี่เป็นรูปแบบการบันทึกข้อความแบบเก่า เพื่อป้องกันการถูกจารกรรมข้อมูล ท่านไนท์เลือกใช้วิธีนี้เพราะข้อมูลในตำราไม่สามารถจารกรรมได้โดยง่ายเหมือนข้อมูลในระบบ"

กลัวมีใครมารู้ข้อมูลของจักรพรรดิอาเบลสินะถึงได้พยายามปกป้องเอาไว้

"ไม่ใช่กลัวคนอื่นจะมารู้ข้อมูลนี้หรอกขอรับ แต่เป็นจักรพรรดิอาเบลเองจะสืบมาเจอข้อมูลของตัวเองในระบบแล้วทำลายทิ้งต่างหากขอรับ"

ผมพยักหน้า..ท่านไนท์รอบคอบขนาดนี้ จักรพรรดิอาเบลคงไม่ใช่ทำลายแค่เอกสารใช่มั้ย แต่เป็นทำลายทิ้งทั้งดาวอะไรแบบนั้นหรือเปล่า?

ผมเอื้อมไปคว้าเอกสารมาชุดหนึ่ง ลองเปิดดูคร่าวๆเพื่อสำรวจแขกผู้มีเกียรติคนนี้ ก็พบว่าเพียงแค่หน้าแรกที่เป็นสารบัญก็ทำให้ผมสั่นพั่บๆได้แล้ว

บทที่หนึ่งว่าด้วยการกำเนิดของดวงดาว Abell001 และดาวบริวาร 342 ดวง

ดาวเหมืองแร่ Abell290 แหล่งแร่กัมมันตรังสี และโลหะที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล

ดาวหลัก Abell343

การสร้างฐานทัพแห่งแรก และฐานบัญชาการบนดาวบริวาร 210 ดวง

เครือข่ายพันธมิตร และความสัมพันธ์ทางการทูตในภาคี

ความสามารถและพลังสตริงของจักรพรรดิอาเบลแต่ละรุ่น

เทคโนโลยี และอาวุธในคลังของจักรพรรดิ

และอีกเยิ่นยาว ผมรีบเปิดผ่านหน้าสารบัญแล้วยิ้มปลอบใจตัวเองหนึ่งยก

นี่สินะคุณสมบัติของประธานภาคี เขาเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆเลยจักรพรรดิอาเบลคนนี้

ยิ่งพลิกไปดูรายละเอียดในหน้าถัดๆไปผมก็ยิ่งเครียดจนปวดกระเพาะจี้ดๆ ไม่แปลกใจเลยถ้าจักรพรรดิอาเบลจะอยากทำลายคนที่ครอบครองข้อมูลพวกนี้เอาไว้ แต่มันยิ่งทำให้สงสัยว่าคนแบบเขาจะมาทำอะไรกับดาวเล็กๆสุดขอบจักรวาลของผมกัน และท่านไนท์ไปรู้จักคนคนนี้ได้ยังไง แถมยังเที่ยวไปโมเมเอาเองว่าเป็นแฟนอีก!! ท่านไม่กลัวพวกเราจะกลายเป็นเศษธุลีในอวกาศเรอะ?

ผมส่งคำถามนี้ให้มหาดเล็กผู้รอบรู้ เวสต์ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็กรองสมมุติฐานที่ดีที่สุดออกมาให้ผมจากสมมุติฐานนับร้อยพันในหัวเขา

"นานมาแล้วขอรับ พวกเขาเคยร่วมมือกันจัดการกับ 'สิ่งมีชีวิตไร้นิยาม' ที่เร่ร่อนในอวกาศ คอยบุกทำลายดวงดาวที่ไม่มีอัลฟ่าปกป้อง หลังจากนั้นท่านไนท์ก็เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกชั้นสูงของภาคี พวกเขาถึงเริ่มสนิทกัน ทั้งหมดนี้คือตามที่ข้าน้อยได้ยินมา"

"สิ่งมีชีวิตไร้นิยาม?" ทำไมถึงมีแต่เรื่องที่ผมไม่รู้เรื่องโผล่ออกมาเรื่อยๆเลยล่ะ ทำเอาผมรู้สึกโง่ขึ้นทุกวินาทีที่คุยกับสารานุกรมเคลื่อนที่ตรงหน้า

"ตรงตามคำเรียกเลยขอรับ ท่านนิก มันเป็นตัวประหลาดที่ปรากฎขึ้นโดยไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป จู่ๆก็เข้ากลืนกินดาวและโจมตีอัลฟ่าที่เข้าใกล้ มันทำร้ายอัลฟ่าไปหลายคน จนภาคีต้องรวมกำลังไปปราบเพื่อยุติภัยคุกคาม"

"แล้วท่านไนท์เป็นฮีโร่ในการปราบมันงั้นเรอะ" ผมเริ่มตื่นเต้น ท่านไนท์นี่สุดยอดอย่างที่ผมคิดไว้เลย เขาไม่ใช่แค่อัลฟ่าที่เก่งกาจของผม แต่เป็นฮีโร่ของจักรวาลด้วยงั้นเรอะ

แต่เวสต์กลับส่ายหน้า "ท่านไนท์แพ้มันกลับมานอนซมที่ดาวเฟลม่าตั้งแต่ช่วงแรกๆเลย ท่านนิก"

อ้าว ทำเอาผมแทบทรุด

"แต่เพราะท่านแพ้ครั้งนั้น ท่านไนท์เลยรู้จุดอ่อนของมัน ทำให้พอภาคีออกล่ามันครั้งถัดไปก็สามารถทำลายมันได้สำเร็จ จักรพรรดิอาเบลเป็นคนลงดาบประหารมันในครั้งนั้น ช่วยจักรวาลไว้ได้ จากนั้นเขาจึงได้รับโหวตเป็นผู้นำภาคีคนปัจจุบันต่อไป"

อุ๊ก แบบนี้เรียกว่าท่านไนท์โดนแย่งบทบาทไปเต็มๆเลยสิ

"ท่านไนท์ไม่เจ็บใจแย่เรอะ"

"เรื่องนั้นข้าน้อยก็ไม่แน่ใจเท่าไร แต่ข้าน้อยก็ไม่เห็นท่านไนท์จะสนใจอะไรในตอนนั้นเลย เหมือนท่านตั้งใจให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว" เวสต์เอ่ยด้วยสีหน้าไตร่ตรอง

หรือว่าท่านไนท์ตั้งใจยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับจักรพรรดิคนนั้นแทน? อืม ทำไมผมเริ่มรู้สึกว่าโลกเป็นชมพูจางๆล่ะ หรือความสัมพันธ์ของคนนั้นเริ่มต้นขึ้นช่วงนี้กันนะ

"เวสต์ แล้วท่านไนท์เคยต่อสู้กับอัลฟ่าคนอื่นหรือเปล่า"

เวสต์ประมวลข้อมูลในหัว คลื่นความคิดอันซับซ้อนของเขาเหมือนเส้นไหมนับร้อยพันถักทอเป็นใยแมงมุม ส่งเสียงซ่าๆตลอดเวลา ทำให้ผมเดาได้ว่าเขากำลังเรียบเรียงข้อมูลที่จะบอกผมอยู่ อาจจะกำลังหาคำอธิบายง่ายๆมาอธิบายอัลฟ่าโง่ๆอย่างผมอยู่ล่ะมั้ง

"ท่านไนท์เคยปะทะกับอัลฟ่าดาวอื่นมาก่อนขอรับ ในอดีตมีอัลฟ่ากำเนิดขึ้นในดาราจักรเดียวกับเรา ในระยะทางที่ไม่ไกลเกินไป ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน พวกเขาสู้กันในอวกาศที่พวกเราประชาชนไม่อาจเข้าถึง เรารู้แค่ข่าวชัยชนะของท่านไนท์ หลังจากนั้นท่านเองก็ไม่ได้ไปปกครองดาวดวงนั้น แต่ปล่อยให้ดวงดาวเลือกอัลฟ่าคนใหม่เอง"

"ดวงดาวเป็นผู้เลือกอัลฟ่า?"

"ขอรับ ถ้าพูดให้ถูกต้องตามตำนานคือองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้เลือก ท่านมอบเส้นด้ายแห่งโชคชะตาให้คนคนหนึ่งบนดาวที่มีความเหมาะสมจะเป็นอัลฟ่า ส่วนคุณสมบัติใดนั้น ข้าน้อยเองก็คงตอบไม่ได้"

พระเจ้า...ตัวตนที่ลึกลับและสูงส่ง กับสัตว์ประหลาดที่ไร้คำนิยาม...

ผมเหม่อลอย ไม่ทันรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมอง จนเสียงของเวสต์ดังขึ้นข้างๆ

"ท่านนิก ไม่ใช่ว่าท่านควรจะละทิ้งรูปลักษณ์นี้ไปได้แล้วหรือขอรับ?"

เวสต์เอ่ยถามเรียบๆ แต่แววตาเขาเหมือนกำลังตำหนิผมอยู่ ผมจึงเพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่ตื่นนอนมาผมก็อยู่ในร่างโอเมก้ามาตลอดเลย เพราะมันไม่มีผมกระทบอะไรกับมูที่เป็นโอเมก้าเหมือนผม มิน่าอีสต์ถึงได้ดูมือไม้สั่นตอนพูดกับผมเมื่อครู่

ผมเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อแล้ว แต่ผมก็ส่ายหน้า

ร่างโอเมก้าทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยและสงบในภาวะที่ตึงเครียด แม้ตอนนี้ผมจะเป็นอัลฟ่าแล้ว สามารถปั้นตัวเองให้เป็นอย่างไรก็ได้ จะเสกร่างกายที่สมส่วนสูงใหญ่ หรือมีคุณสมบัติพิเศษมากมายก็ได้ แต่ร่างเล็กๆนี้ มีความหมายมากกว่านั้น

'นิกเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว'

เสียงอ่อนโยนนี้คอยปลอบโยนเสมอเวลาที่ผมคิดว่าตัวผมนั้นไม่ดีพอ ผมจึงเป็นโอเมก้าที่ไม่ได้ถูกดัดแปรงอะไรเลย เพราะท่านไนท์พอใจที่ผมเป็นอย่างที่ผมกำเนิดมา

"ผมอยู่ในร่างนี้ สบายดี แต่นายไม่ชอบงั้นเรอะ?"

ผมเอ่ยถามเวสต์ตรงๆ

"…"

ความคิดเวสต์เป็นคลื่นขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะราบเรียบเป็นหน้าขนมปังทาเนยเหมือนเดิม ทำไมคำถามง่ายๆของผม นายต้องทำเป็นเมินด้วยล่ะ? ผมหรี่ตาไม่พอใจ กำลังคิดจะบุกเข้าไปจับหัวเวสต์มาเขย่า เบต้าปากหนักก็เอ่ยออกมาในที่สุด

"ร่างของท่านไม่เกี่ยวว่าข้าน้อยชอบหรือไม่ ร่างของท่านคือสิ่งที่ท่านเองเป็นผู้เลือกและสถานการณ์ที่เหมาะสม แต่ไม่ว่าท่านจะเป็นแบบใด ท่านก็คืออัลฟ่าของพวกเรา คืออัลฟ่าของดาวเฟลม่าไม่เปลี่ยนแปลง"

ตอบได้ทั้งชัดเจนและคลุมเครือในเวลาเดียวกัน นี่ถ้าผมเป็นโอเมก้าอยู่คงงงงวยไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมเดาได้ว่าเบต้าอันดับหนึ่งจงใจพูดให้คลุมเครือด้วยเจตนาอื่นมากกว่า

"ทำไมนายต้องตอบอะไรให้ซับซ้อนด้วย ตอนที่ผมถามอีสต์ เขายังตอบง่ายๆเลยว่าชอบ..."

อันที่จริงก็ไม่เชิงถามตรงๆหรอก แต่แค่แปลจากความคิดของอีสต์เมื่อวาน ผมว่าอีสต์น่ะไม่ได้รังเกียจอะไรร่างโอเมก้าของผมเลย เห็นมั้ยมีแต่นายนั่นแหละที่มีปัญหา

"อีสต์ตอบว่าอย่างนั้นหรือ..." นัยตาสีฟ้าเรียวคมยิ่งหรี่เล็กลง ทำให้แผลเป็นโก่งโค้งขึ้นตามรูปมนของคิ้ว เหมือนเขากำลังคาดโทษอีสต์ไว้ในใจ ผมจึงรีบเอ่ยเสริม

"อีสต์ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เขาแค่บอกว่าชอบผมเท่านั้นเอง ผมดีใจนะ" ดีใจที่เขาไม่รังเกียจร่างโอเมก้าของผม ซึ่งผมก็แปลเข้าข้างตัวเองว่า เขาไม่รังเกียจที่ผมเคยเป็นโอเมก้ามาก่อน เหมือนเบต้าบางกลุ่มที่ต่อต้าน

"…"

เวสต์ไม่ออกความเห็นอะไรอีก เขาถอนหายใจ

"ท่านนิก แล้วเมื่อคืนนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ..."

ผมแทบสำลัก เพราะไม่คิดว่าเขาจะย้อนถามเรื่องนั้นด้วยเลยไม่ทันตั้งตัว ได้แต่อ้อมแอ้มตอบเบาๆ

"ก็ไม่คืบหน้าเท่าไร แต่เดี๋ยวผมก็หาทางได้เองน่ะแหละ"

ผมตอบด้วยเหงื่อเย็นๆไหลเต็มหลัง จะไปหาทางอะไรกันล่ะ ผมไม่รู้หรอกว่ามันต้องทำอะไรยังไงบ้าง ผมต้องรอนานแค่ไหนสัญชาตญาณอัลฟ่าของผมมันถึงจะตื่นขึ้นมาล่ะ

"ถ้าหากว่า..." เวสต์เอ่ยช้าๆ เหมือนกำลังย้ำให้ผมเข้าใจ "ท่านคิดว่าโอเมก้าตนนั้นไม่เหมาะสมที่จะดำรงเผ่าพันธ์ุเมื่อไร ก็ขอให้ท่านบอกลักษณะที่ต้องการมา เป็นคำจำกัดความสั้นๆสักสองสามข้อก็ได้ขอรับ เช่นรูปร่าง สีผิว ตา ความสูง แล้วในฐานะของมหาดเล็ก ข้าน้อยจะจัดหาลักษณะที่ท่านต้องการมาให้ขอรับ หรือถ้าท่านต้องการเลือกเองก็ขอให้รับสั่งมา ข้าน้อยจะให้ทุกคนออกมาเตรียมต้อนรับท่านที่ห้องโถงกลางพระราชวัง"

ผมตาเบิกกว้าง ถึงกับจัดหาให้ได้เลย หรือเรียกมาให้เลือกก็ได้ ท่าทางเขาคงอยากให้ผมเลือกตัวเลือกที่ดีกว่าทาสแรงงานต่างด้าวที่ใสซื่อมากเลยสินะ แต่ผมไม่มีสเป็กหรอก ผมแค่ชอบที่มูมีความคิดเรียบง่าย อยู่ด้วยแล้วสบายใจเท่านั้นเอง

ผมเหล่มองมหาดเล็กที่พยายามจะรีดคำตอบจากผม แล้วคิดอะไรดีๆได้

"งั้นถ้าผมเลือกนายล่ะ?"

"…"

ความคิดของเวสต์ถึงกับขาวโพลนไปชั่วขณะหนึ่งเลย สีหน้าดูอึ้งทึ่งไปอย่างน่าดูชมจริงๆ ผมหัวเราะในใจ แต่พลันสีหน้าเขากลับกลายเป็นจริงจัง จ้องผมเขม็ง จนผมหายใจสะดุด

"ถ้าท่านพูดเช่นนี้ ข้าน้อยก็ยินดีรับบัญชา"

พอถูกตอบตกลงกลับมาแบบนี้ ผมกลับไปไม่เป็นเลย จะให้บอกว่าไม่ใช่ ผมแค่แหย่นายเล่นกับคนที่ทำหน้าจริงจังขนาดนี้ ผมก็พูดไม่ออก

แต่เวสต์ก็เหมือนจะรู้ทัน เขาหลุบตาลง แล้วเอ่ยอย่างเสียงกดต่ำ

"ท่านนิก ท่านไม่ควรจะล้อเล่น การเลือกคืนแรกของอัลฟ่าถือเป็นเรื่องสำคัญ หากท่านต้องการเพียงเล่นๆ ก็ให้ไปบอกอีสต์เถอะขอรับ"

สายตาที่จ้องมามีแววตำหนิรุนแรง จนผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ทั้งรู้สึกผิด แต่ก็ทั้งมีความผิดหวังบางอย่างเล็กๆ

ผมตระหนักได้ว่า 'สิ่งนั้น' ไม่มีอยู่ในเวลาที่เวสต์พูดถึงการดำรงเผ่าพันธ์ุ บางสิ่งขาดหายไปในกระบวนการที่ว่า สิ่งนั่นที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ากำลังมองหาอะไร เพียงแต่ตอนนี้มันไม่มีอยู่ และการได้รู้ว่ามันไม่มีอยู่ ก็ทำให้จิตใจของผมหดหู่ลงหลายส่วนอย่างไม่มีสาเหตุ

ยิ่งพอผมมองอีกที ที่ตรงนี้ก็มีเพียงความสงบนิ่งของเบต้าผู้ยอดเยี่ยม ก็ยิ่งเหมือนมีน้ำเย็นสายหนึ่งสาดเข้าใส่หน้า

"หากท่านไม่มีข้อสงสัยอะไรในวันนี้ เรื่องการต้อนรับจักรพรรดิอาเบลไว้ข้าน้อยจะลงรายละเอียดในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอรับ ข้าน้อยไม่รบกวนท่านแล้ว เชิญท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย"

เวสต์ก้าวออกจากห้องไปทิ้งให้ผมอยู่กับความสงสัยเหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ตัวหนึ่ง

มันคือความโกรธเรอะ? หรือคือความหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์? มันคล้ายจะมีบางอย่างแตกต่างออกไป บางอย่างที่ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร

ความรู้สึกเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับผม ยิ่งความรู้สึกของคนอื่น ผมก็ยิ่งไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

เดิมทีด้วยพลังของการตีตรา เบต้าไม่เคยโกรธอัลฟ่าได้ โอเมก้าเองก็ไม่เคยโกรธเบต้าและอัลฟ่าเช่นกัน พวกเราหรือพวกเขาไม่สามารถโกรธ หรือไม่พอใจผู้ที่มีระดับสูงกว่าได้ นั่นคือกฎที่ไม่อาจละเมิด

แต่ตอนนี้เมื่อตราประทับอ่อนลง ผมจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ตอนนี้เวสต์โกรธอยู่หรือเปล่า แท้จริงแล้วเวสต์รู้สึกอย่างไร ผมก็ไม่รู้เลย หรือนี่คือเหตุผลที่ผมรู้สึกว่าบางสิ่งหายไป

ผมถึงบอกว่าการอ่านความคิดมูน่ะสบายใจและทำให้ผมนอนหลับฝันดีกว่าเยอะเลย เพราะมูบอกความต้องการของตัวเองออกมาตรงๆ ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนชวนให้งุนงงแบบเบต้าบางคนที่ทำให้ผมหนักใจทุกครั้งที่เผชิญหน้า