Chereads / Nick & Nite / Chapter 9 - ตอนที่ 8 มู

Chapter 9 - ตอนที่ 8 มู

"ต่อจากนี้เขาชื่อมู"

อีสต์กับเวสต์มองหน้ากันแว่บหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร พวกเขารู้ดีว่าโอเมก้าปกติไม่มีชื่อ แต่ผมก็ไม่ใช่คนแรกที่ตั้งชื่อให้โอเมก้า ดังนั้นทั้งสองจึงยังนิ่งเฉย

ระบบการจัดการโอเมก้าแต่ละดาวแตกต่างกันก็จริง แต่พื้นฐานส่วนใหญ่มักไม่แตกต่าง โอเมก้าเป็นระบบขั้นต่ำสุด เป็นทาสรับใช้ ทำงานได้ทุกอย่างตามที่เจ้านายสั่ง โดยมีประกาศิตสูงสุดคืออัลฟ่า และเบต้าลดหลั่นตามลำดับชั้นลงมา ยกเว้นแต่สัญชาตญาตตามธรรมชาติได้แก่การดื่มกิน ขับถ่าย นอนหลับ ที่มันสามารถทำได้เมื่อจำเป็นถ้าไม่มีคำสั่งห้าม

การระบุตัวตนของโอเมก้าให้แตกต่างจะใช้เลขรหัสประชาชน ตัวอักษร หรืออักษรภาพ เพื่อสะดวกในการเรียกใช้หรือแจกจ่ายออกไป ไม่เคยมีใครมีชื่อที่ชัดเจน

ดังนั้นแม้ 'มู' จะไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ เพราะความรู้ด้านภาษาของผมมันต่ำต้อย แต่ผมก็อยากจะตั้งชื่อให้เขา เหมือนที่ท่านไนท์ตั้งให้ผม

ผมนั่งเท้าคางมองมูที่นั่งมองจานข้าวอย่างอดทน มูน่าจะเป็นโอเมก้าทหารล่ะมั้ง ดูจากพละกำลังและโครงสร้างภายนอก แต่ตอนนี้เมื่อไม่ถูกคุกคาม มูก็ลดขนาดลงมาเหลือตัวสูงกว่าผมนิดเดียว การเป็นโอเมก้าทหารทำให้เสียพลังงานเยอะ มันจึงต้องเก็บออมพลังงานอย่างง่ายๆด้วยการลดการเผาผลาญพลังงานจากเซลล์จำนวนมากของร่างกาย ด้วยการลดจำนวนและขนาดของเซลล์ลงให้เล็กที่สุดที่มันจะปลอดภัย สีหน้าเองก็เฉื่อยชาลง ตาปรือพร้อมจะสัปหงกได้ตลอดเวลา

แม้ในใจมันจะหิวและง่วงนอนขนาดไหน แต่ต่อหน้าผู้มีอำนาจสั่งการ ถ้ายังไม่มีคำสั่ง มันจะไม่ยอมแม้แต่จะขยับ เพราะนี่คือวินัยและความอดทนอดกลั้นที่เป็นคุณสมบัติอันโดดเด่นของโอเมก้าทหาร

"กินสิ"

พอผมบอก มูจึงเริ่มขยับเข้ามาหาจานข้าวช้าๆ ท่าทางเงอะงะเป็นที่สุด

"ท่านนิก..."

เวสต์กับอีสต์ยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารด้วยความคิดแตกต่างกัน อีสต์กระสับกระส่ายว่าจะโดนลงโทษหรือไม่ ส่วนเวสต์กำลังตึงเครียดที่ผมพามูออกมาและไม่ยอมลงตราประทับ

ผมปฏิเสธที่จะตีตรามู...ด้วยเหตุผลเดียวกับที่บอกไปตอนแรก

เวสต์ดูไม่พอใจ อันที่จริงเขาดูไม่พอใจที่ผมไม่ตีตราใครทั้งนั้น รวมทั้งตัวเขาด้วย เพราะงั้นนี่อาจจะเป็นรสนิยมของเวสต์คนเดียว ผมจะทำเป็นไม่สนใจแล้วกัน

"อร่อยมั้ย?" ผมถามมูที่ฟาดอาหารหมดไปครึ่งจานแล้ว ทั้งที่ตอนแรกยังดูชักช้าอยู่เลย

"???"

มูกำลังงุนงง สีหน้าและความคิดของมันไปด้วยกันเสมอ โอเมก้าไม่อาจโกหกได้

ถ้าบอกให้กินโอเมก้าจะกิน ถ้าบอกให้เดินโอเมก้าจะเดิน แต่ถ้าถามว่าอร่อยมั้ย หรือรู้สึกอย่างไร โอเมก้าจะตอบว่า

"ไม่ทราบขอรับ"

รสชาติความอร่อยนั้นเป็นอย่างไร ผมเองก็เพิ่งมาทราบภายหลัง เพราะโอเมก้าไม่มีความจำเป็นต้องรู้รสชาติ รู้แค่ว่าสิ่งใดอันตรายกินไม่ได้ หรือกินประทังชีวิตได้ก็พอแล้ว

คุณสมบัติพื้นฐานของโอเมก้าคือพวกมันต้องเลี้ยงง่าย โตได้เร็ว ทนต่อการใช้งาน สิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็น

"กินต่อเถอะ"

ผมรับสั่งเสร็จ มูก็กินจนเกลี้ยงชาม แล้วหันมาจ้องผมตาแป๋ว ใบหน้าเลอะเทอะ ชวนให้เอ็นดูจนผมต้องเช็ดปากให้

"มองผมทำไมมู"

มันคิดอยู่นานทีเดียว จะบอกว่าคิดคงไม่ถูก เซลล์สมองของมันประมวลผลช้ามาก ความคิดมันว่างเปล่า จนกระทั่งกลุ่มก้อนที่ไม่ปะติดปะต่อค่อยๆก่อรูปร่างขึ้นเป็นภาพ และแปลเป็นประโยคคำพูด สมองจึงค่อยสั่งการให้ขากรรไกรและลิ้นมันขยับตาม ทั้งหมดนั่นใช้เวลากว่า ห้านาที จึงสำเร็จ

"ท่าน น่า กิน"

เวสต์แทบจะปรี่เข้าไปซัดมูให้กระเด็น เมื่อเขาพูดประโยคนี้แล้วจ้องผมตาเป็นประกาย

แต่คำตอบนี้ทำให้ผมนึกถึงคำตอบของผมเองในตอนนั้น แล้วแอบขำ ที่ท่านไนท์อมยิ้มก็เพราะมันน่าเอ็นดูแบบนี้หรือเปล่า แล้วผมพูดแบบนั้นออกไป เพราะอะไรนะ?

"ผมน่ากินยังไงเรอะ? หือ"

มูนิ่งไป พยายามค้นหาคำตอบ กรอกตาไปรอบๆ ขมวดคิ้วเข้าออกหลายสิบครั้ง นานจนรากจะงอกแล้ว

"เพราะท่านน่าจะอร่อย"

ความคิดก็เรียบง่ายเป็นเส้นตรงเสียจนน่ารัก แถมยังรู้จักเอาคำศัพท์ที่เพิ่งได้ยินมาใช้ แม้มันจะโง่และเชื่องช้าแต่ไหวพริบมันไม่ได้แย่

ผมหยุดหัวเราะไม่ได้เลย

เทียบกับความคิดยุ่งเหยิงของเบต้าแล้ว ผมชอบแบบนี้มากกว่า อาจเพราะมันทำให้ผมนึกถึงตัวเองในอดีต

"ท่านนิก" เวสต์ที่ยืนดูมานานด้วยความอดทน ในที่สุดก็หาจังหวะแทรกประเด็นเข้ามาได้

"ให้ประชากรของดาวอื่น มีจำนวนเพิ่มขึ้นบนดาวของเราไม่ใช่สิ่งที่ดี และอีกอย่าง ประชากรของดาวออลเรียยิ่งไม่ใช่ตัวเลือกที่สมควร ท่านนิก โปรดทบทวนอีกครั้งหนึ่ง"

อะไรนะ??

"นายหมายถึงอะไร?"

"ข้าน้อยย่อมพูดถึงการดำรงเผ่าพันธ์ุ"

หืม? เห็นหน้างงๆของผม เวสต์ก็ถอนใจ

"ท่านนิก ท่านรู้หรือไม่ว่าการเพิ่มจำนวนประชากรทำได้อย่างไรบ้าง"

"ไม่ใช่สร้างขึ้นมาเลยเรอะ?" ก็ในเมื่ออัลฟ่าสามารถเสกทุกอย่างในดาวได้ดังใจนึกขนาดนี้

เวสต์ส่ายหน้า

"การดำรงเผ่าพันธ์มีอยู่สองวิธีขอรับ หนึ่งคือการเพิ่มจำนวนประชากร วิธีนี้จะได้ประชากรที่เหมือนเดิมออกมา ทั้งโอเมก้าและเบต้าจะสามารถช่วยท่านดำรงเผ่าพันธ์ุด้วยวิธีนี้ แต่วิธีที่สอง ซึ่งมีแค่อัลฟ่าของดวงดาวเท่านั้นที่ทำได้ คือการดัดแปลง

รหัสพันธุกรรม เพื่อให้เกิดวิวัฒนาการ การทำเช่นนั้นจะสามารถบอกได้ว่าหน้าตาหรือคุณสมบัติของชีวิตนั่นเมื่อเกิดมาเป็นอย่างไร แต่จะกำเนิดออกมาได้หรือไม่ กลับขึ้นอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าขอรับ"

ทั้งที่สามารถสร้างดินฟ้าอากาศได้ตามใจอยาก แต่อัลฟ่ากลับไม่อาจทำให้การมีชีวิตเกิดขึ้นได้เอง ทุกอย่างต้องดำเนินผ่านกระบวนการที่กำหนด และแม้ผ่านกระบวนการแล้ว การสร้างบางครั้งก็ไม่สำเร็จอย่างนั้นเรอะ?

"ส่วนคู่หรือผู้ร่วมกระบวนการที่ว่านั้น อัลฟ่าจะเลือกใครก็ได้ สำหรับประชากรในดวงดาวแล้วถือเป็นเกียรติสูงสุดของคนคนนั้นและตระกูล อัลฟ่าจะประทานชื่อให้คนคนนั้นขอรับ"

ผมเบิกตากว้าง เริ่มเข้าใจอะไรๆมากขึ้น มีบางสิ่งที่เส้นด้ายของพระเจ้าไม่อนุญาตให้อัลฟ่าทำได้สินะ มิน่าพวกเขาถึงตกใจกันที่ผมตั้งชื่อให้กับมู เหมือนที่ท่านไนท์ตั้งชื่อให้ผม

การสร้างประชากรหน้าใหม่ที่มีพันธุกรรมพัฒนาจากเดิม มีโอกาสได้ประชากรที่มีคุณภาพมากกว่าการให้เบต้าหรือโอเมก้าดำรงเผ่าพันธ์ุกันเองและออกลูกหลานที่หน้าตาพันธุกรรมเหมือนๆเดิมสินะ

ผมพอจะเข้าใจล่ะ แต่ปัญหาน่ะมีอยู่ว่า...

มันต้องทำยังไงเรอะ? ผมทำไม่เป็นหรอกนะ ไอ้กระบวนการที่ว่าเนี่ย ไหนใครบอกว่าอัลฟ่าจะมีสัญชาตญาณไง สร้างลูกหลานยังไง ดำรงเผ่าพันธ์ยังไง ท่านไนท์ไม่เห็นเคยบอกผมเลย

แล้วถ้าผมไม่ลงมือ ก็จะไม่มีลูกหลานกันใช่หรือเปล่า ไม่สิมีได้ ปล่อยให้เบต้าโอเมก้าขยายพันธุ์กันเองก็จบ แค่ไม่ต้องมีพันธ์ุใหม่ออกมาเท่านั้นเอง

"การดำรงเผ่าพันธ์ุของอัลฟ่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นการแก้ไข ระดับเซลล์ ระดับดีเอนเอ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เผ่าพันธุ์มีการพัฒนาขึ้นไล่ทันดวงดาวอื่นๆ"

เหมือนเวสต์จะรู้ว่าผมคิดอะไรนะ ถึงได้ดักคอแบบนี้ แต่ก็ไอ้ขั้นตอนนี้แหละที่ผมไม่รู้ว่าทำอย่างไร

"แต่ว่าท่านไนท์ก็ไม่ได้บอกผมว่าไอ้ขั้นตอนนี้มันทำยังไงนะ แล้วผมจะไปขยายเผ่าพันธ์ุให้ใครได้ล่ะ"

ผมตอบตรงๆ คราวนี้เป็นสองเบต้าที่ทำหน้าตกตะลึง

"เอ่อ ไม่ได้บอก หรือ ทำอะไรให้ดูเลยเรอะ?" อีสต์ถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ

"อืม" ผมส่ายหน้า "ถ้าท่านไนท์ทำผมจะไม่ท้องไปแล้วเรอะ ด้วยกระบวนการดำรงเผ่าพันธ์ุอะไรนั่น"

"…"

อันนี้ทั้งสองคนคงลืมนึกไปจริงๆ หรือพวกเขาแค่นึกว่าท่านไนท์ทำแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จล่ะ

แล้วแบบนี้ผมควรทำยังไงต่อไป ในห้องสมุดจะมีข้อมูลพวกนี้บ้างมั้ย? พวกกระทู้ถามตอบแบบ จะเป็นอัลฟ่าต้องดำรงเผ่าพันธ์ยังไงเรอะครับ ไม่มีบ้างเรอะ ทำไมไม่มีใครคิดเขียนไว้ให้อัลฟ่ารุ่นหลังบ้างเลยล่ะ ไม่กลัวสูญพันธ์ุในยุคที่อัลฟ่าไม่เป็นงานอย่างผมบ้างหรือไง

เห็นผมทำหน้ายุ่งกลุ้มใจ อีสต์ก็เอ่ยปลอบโยน

"เอาหน่าท่านนิก บางทีสัญชาตญาณอาจจะพาไปก็ได้ ถ้าท่านเป็นอัลฟ่ายังไงก็ทำได้แหละ เพียงแค่ต้องเลือกคืนแรกให้ถูกคนเท่านั้น อะแฮ่ม โดยเฉพาะถ้าเป็นระดับเบต้าขึ้นไปก็จะดีที่สุด เพราะในหลักสูตรพวกเราน่ะ ได้เรียนรู้กระบวนการขั้นพื้นฐานมาแล้ว ส่วนที่ท่านนิกทำก็คือการต่อยอด...ตรงจุดนั้น"

พูดอะไรเยิ่นยาวน่ะ สรุปก็คือให้ผมหาใครสักคนมาลองหาขั้นตอนที่ว่าก็พอแล้วใช่มั้ย?

ผมหันไปทางโอเมก้าที่นั่งกินข้าวตาแป๋ว

"งั้นมูก็ได้นะ"

"ไม่ได้!!"

เป็นครั้งแรกที่เวสต์กับอีสต์มีความเห็นเหมือนกันและแสดงความเห็นพร้อมกันจนน่าตกใจ

"ทำไมไม่ได้ล่ะ?"

มูออกจะน่ารักไม่เป็นพิษเป็นภัยขนาดนี้ คงช่วยให้ผมรู้สึกปลอดภัยในคืนแรกสุดๆ ไม่ต้องกลัวทำผิดท่าแล้วจะหน้าแตกอะไรแบบนั้น

"ท่านนิก อย่างน้อยก็ควรเป็นประชากรของดาวเรา หรือถ้าดีที่สุดควรเป็นระดับเบต้าขึ้นไป...โปรดพิจารณาใหม่เถิดท่านนิก เอาแบบใกล้ๆตัวแถวนี้ก็ได้นะขอรับบบ"

อีสต์กล่าวอย่างนุ่มนวล ฉีกยิ้มแบบเต็มใจบริการ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงห้ามคนต่างด้าวล่ะ ในเมื่อถ้าเทียบกันดีๆ ผมเองก็เป็นคนต่างด้าวด้วยเหมือนกันนะ

"ชาวดาวออลเรียที่ล่มสลาย อาจจะมีพลังของแม็กซิมัสเหลืออยู่ก็ได้นะ ที่ท่านไนท์พามูมาก็เพราะว่าต้องการจะสร้างเผ่าพันธ์ุที่แข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่เรอะ"

ผมควรจะสืบทอดเจตนารมณ์ของท่านไนท์ เพราะงั้นพวกนายเลิกขัดคอผมได้แล้ว

อีสต์เลิกโต้เถียง ส่วนเวสต์ที่เอ่ยเรียบๆด้วยวาจาคมกริบ

"ท่านยังไม่จำเป็นต้องคิดไปถึงขั้นนั้นหรอกท่านนิก..."

"หมายความว่าไง"

"อย่างท่านน่ะขอแค่ให้ผ่านคืนแรกไปได้ก็นับว่าช่วยเหลือดาวของเรามากพอแล้ว"

คำพูดนี้เหมือนหมัดตรงสวนเข้าหน้าผมจังๆเลย ดูแคลนกันสุดๆจนผมนี่รู้สึกว่าถูกท้าทาย

"นายคิดว่าผมจะทำเรื่องง่ายๆแบบนี้ไม่ได้เรอะ"

"แล้วท่านทำได้?"

"ผมจะทำให้ดู"

ผมเอ่ยจบก็ยืนจ้องตอบด้วยแววตามุ่งมั่นยืนต้านทานคลื่นลมกรรโชกที่พัดออกมาจากด้านหลังเวสต์อย่างไม่หวั่นเกรง

"นั่นสิๆ ข้าน้อยว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ ถ้าท่านนิกอยากจะลอง" อีสต์ที่หันหางเสือเร็วรีบเสริมอย่างเอาใจเต็มที่ ยิ้มกว้าง แต่เมื่อโดนสายตาเฉือดเฉือนของเบต้าอันดับหนึ่งเข้าไป เขาก็รีบหุบยิ้มทันที แล้วรีบไปหลบอยู่หลังผม

ฮึ่ม ผมยังไม่ยอมแพ้หรอก ผมจะเลือกมู ผมคืออัลฟ่า ใครจะทำไมผมได้? ผมก็อยากเห็นมหาดเล็กอันดับหนึ่งนี่ลองดีเหมือนกันนะ

แต่เวสต์ทอดถอนใจออกมาในที่สุด ใบหน้าหล่อเหลาดังรูปสลักของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย

"ท่านจะทำอะไรก็ตามประสงค์ของท่านเถิด ท่านนิก แต่โปรดอย่าลืมว่า จักรพรรดิอาเบลจะเสด็จมาในอีกสองวันแล้ว"

เมื่อเห็นว่าขัดผมไม่ได้ ก็ชิงเปลี่ยนเป็นเรื่องอันตรายเพื่อมาขู่ขวัญผมแทนงั้นเรอะ จะบอกว่านี่ไม่ใช่เวลามาสนใจนักโทษสินะ

"ผมรู้แล้ว งั้นนายก็เป็นคนรับผิดชอบเตรียมการต้อนรับให้ดีล่ะ ผมจะไปฝึกบทเรียนอัลฟ่าอื่นๆในวันพรุ่งนี้"

อุ เวสต์โดนไล่ซะด้วย อีสต์เกือบหลุดยิ้มออกมา แต่พอโดนคลื่นอำมหิตที่แผ่ออกมา เขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างจนยิ้มเย้ยไม่ออก ได้แต่หลบอยู่ด้านหลังผมจนเวสต์ขอตัวลาออกไป

"อ่า ถ้าหมดเรื่องหมดราวแล้ว งั้นข้าน้อยก็ขอตัวก่อนด้วยคนนะขอรับบ ท่านนิก"

อีสต์รีบเอ่ย แล้วรีบร่อนหนีไปในทางตรงกันข้ามกับเวสต์ แต่พอนึกได้ว่าตัวเองมีหน้าที่จัดการเก็บกวาดคุก ก็ทำหน้าเหมือนกลืนของขม สะอื้นไห้ก่อนจะเลี้ยวไปทางเดียวกับเวสต์อยู่ดี

ผมส่ายหน้า มองเบต้าแต่ละคนที่เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเหนื่อยใจ นี่ผมคิดถูกหรือเปล่านะที่ไม่ประทับตราพวกเขา

สักวันหนึ่งอาจจะมีปัญหาอย่างที่เวสต์เตือน อาจจะกลายเป็นแบบแม็กซิมัสในบทเรียน

แต่ผมน่ะ...

"มู ไปนอนกันเถอะ"

โอเมก้าตัวน้อยทำสีหน้าเบิกบาน แล้วก็ม้วนตัวกลม ทำท่าจะนอนตรงพื้นทันที

"ไปนอนบนเตียงนั่นสิ" ผมต้องชี้นิ้วสั่ง มันจึงจะปีนขึ้นไปบนเตียง แล้วซุกร่างเข้าไปในผ้าห่ม

นิ่ม สบาย นอน..

ความคิดทั้งหมดของมูหยุดไปเมื่อมันเข้านิทรา โอเมก้าชั้นต่ำสุดก็เป็นเช่นนี้ มันไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เติมแต่งสิ่งใด

ไม่มีความหวาดกลัว ไม่กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย

ถ้าผมเป็นคนเถื่อน มันคง...

ถ้าท่านไนท์เป็นคนเถื่อน ผมเองก็คง...

ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดถึงวันนั้นที่ไม่สามารถรู้สึกได้ว่า เนบิวล่าบนท้องฟ้าที่ถูกชี้ให้ดูนั้น 'สวยงาม' แค่ไหน ผมทำได้เพียงแค่พยายามจ้องแสงตรงนั่นและจดจำไว้เท่านั้นเอง

"สักวันหนึ่งผมอยากให้นายได้เห็น ท้องฟ้าอย่างที่ผมได้เห็นในวันนี้จริงๆ มู" ผมเอ่ยพลางยกสองมือขึ้นเหมือนจะโอบท้องฟ้าเอาไว้

"...ว่ามันงดงามแค่ไหน"

มูผงกหัวปรือตาขึ้นมองตามผมไป และมันก็ทำเหมือนที่ตอนนั้นผมทำ

คือพยายามจดจำจุดแสงบนผ้าสีดำเอาไว้เท่านั้นเอง