เขาคือเบต้าอันดับสองของดาวเฟลม่า
นามนั้นคือเซาส์อีส ชื่อมาจากทิศ เหมือนชื่อเต็มของเจ้าอันดับหนึ่งว่า นอร์ทเวสต์
แม้ว่าจะเป็นเบต้าเหมือนกัน ระดับต่างกันแค่เลขหน่วยตัวเดียว แต่หน้าที่ของพวกเขากลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ปัญหาความสัมพันธ์ต่างดาวและความสงบสุขของประชาชน คือหน้าที่ของเวสต์เบต้าอันดับหนึ่งที่ครบสมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง เป็นผู้ดูแลมานมนาน ส่งต่อภารกิจนี้จากรุ่นสู่รุ่น
ส่วนตัวเขาเบต้าอันดับสอง กลับมีหน้าที่อันกระจิดริดคือดูแลทุกข์สุข ความสะดวกสบาย สุขภาพจิตและสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ทั้งในนอกศูนย์บัญชาการ
พูดง่ายๆก็คือนอร์ทเวสต์คือคนปกครองฝ่ายทหารและพลเรือน ส่วนเซาท์อีสคือตำแหน่งของผู้ดูแลฝ่ายในก็ว่าได้
เป็นอำนาจที่แตกต่างอย่างชัดเจน คนหนึ่งดูแลทั้งการทหารประชาชน และใกล้ชิดองค์ราชาอยู่เสมอ ส่วนอีกคนมีหน้าที่ดูแลลงโทษข้าราชการให้อยู่ในกฎระเบียบเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจอะไรอยู่ในมือเลย องค์ราชาก็แทบไม่เคยสนใจเขา
ที่เบต้าทั้งสองสายไม่เคยมีปัญหากันมาก่อนก็เพราะว่า พลังของตราประทับที่สะกดให้พวกเขาปราศจากความริษยา ให้ทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อดาวเฟลม่าเพียงอย่างเดียว
บรรพบุรุษถูกฝังความคิดมาเช่นนั้น และจะดำรงอยู่แบบนี้เรื่อยไป อันดับสอง ไม่เคยต้องอิจฉาอันดับหนึ่ง เพราะในสมองของพวกเราไม่มีคำคำนี้
จนกระทั่งเมื่อตราประทับอ่อนแอลง ความคิดใหม่ที่พวกเขาไม่เคยมีมาก่อนก็ย่างกรายเข้ามาสู่จิตใจของเบต้าอันดับสอง และประชาชนดาวเฟลม่าทุกๆคน
…
'สาวงาม สาวงาม เหล้าดีแท้ แค่นี้ก็สบายเหลือเกินแล้ว เย้ยย ท่านนิก'
"หืม?"
เสียงความคิดที่ตกใจพาให้ผมที่กำลังเดินดุ่มๆในทางมืดๆตกใจไปด้วย
"นั่นใครน่ะ?" ผมเอ่ยถามขณะตั้งใจสัมผัสดูว่าใกล้ๆนี้มีใครอยู่บ้าง และผมก็พบว่ามีคนอยู่สี่คนใกล้ๆ เป็นระดับเบต้าธรรมดาทั่วไป กับอีกคนที่ออร่าดูมีความพิเศษกว่าหน่อย แต่ไม่เท่ากับเวสต์
'ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่อีสต์ ว้าก ทำไงดี'
"สวัสดีอีสต์" เจ้าตัวตอบมาให้เองแบบนี้ ผมก็เลยทักกลับไปอย่างงงๆ ส่วนหนึ่งเพราะแปลกใจที่ไม่เคยรู้จักเบต้าชื่อนี้มาก่อน
'ละเละเทะขนาดนี้ พวกเจ้ารีบออกไปเร็วท่านนิกมาตรวจงาน'
เปล่า ผมไม่ได้มาตรวจงาน ผมตอบในใจด้วยความเคยชินเวลาอยู่กับไนท์ แต่แล้วก็นึกได้ว่าอีสต์ที่เป็นเบต้าคงไม่ได้ยิน
เบต้าสองสามคน รีบถอยไปตามคำสั่ง เหลือแค่คนชื่ออีสต์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ผมเดินเลี้ยวหัวมุมมืดเข้าไปแล้วก็พบกับเขา
เซาท์อีสต์ เบต้าอันดับสองที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน
"ข้าน้อยขอทำความเคารพท่านนิก อัลฟ่ารุ่นที่47 แห่งดาวเฟลม่า ขอจงทรงพระเจริญหมื่นๆปี"
ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้มหัวติดพื้น เอ่ยถ้อยคำด้วยเสียงฉะฉานอย่างไม่น่าเชื่อว่าเสียงความคิดที่ดูบ้าๆบอๆเมื่อกี้จะเป็นของเขา แต่แถวนี้ก็ไม่มีใครแล้ว เพราะงั้นมันก็เป็นของเขาน่ะแหละ
"ขอบคุณ ลุกขึ้นได้แล้ว ตามสบายเถอะ" ผมรีบบอก เนื่องจากไม่ชินกับการที่มีคนทำความเคารพแบบนี้เท่าไร เวสต์คุกเข่าว่าหนักแล้ว หมอบกราบก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ท่านไนท์ยังไม่เคยให้ผมทำอะไรแบบนั้นเลย
เบต้าอันดับสองดูลังเลเล็กน้อยที่จะทำตาม แต่สุดท้ายเขาก็ยอมลุกเงยหน้าขึ้น
ผมและตาสีม่วงเปล่งปลั่ง เครื่องแบบผ้าเนื้อดียับยู่ยี่บางจุด กระดุมคอบนหลุดลุ่ยออกเผยลำคอยาวไปถึงแผ่นอก เหมือนเมื่อครู่เขาอยู่ระหว่างการทำสิ่งไม่เหมาะสมในเวลาราชการ แต่ทรงผมกลับเซตเป็นทรงตั้งตรงเป๊ะไม่กระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย และจากสีหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกผิดอะไรด้วย
ถ้าเทียบกับเวสต์ที่เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่มีแผลเป็นบนหน้า กับชายหนุ่มหน้าสำอางที่ดูผิดระเบียบไปทั้งตัวแบบนี้ทำให้พวกเขาดูเป็นความตรงกันข้ามกันสุดขั้วเลยจริงๆ
'น่ารักจัง'
หา? ผมชะงักความคิดที่จะหักเงินเดือนเขาไว้ชั่วคราว แล้วเงี่ยหูฟังดีๆ
'น่ารักอะไรแบบนี้'
อีสต์เงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าเคลิ้บเคลิ้ม ดูเหมือนว่าเขากำลังชื่นชมร่างอัลฟ่าใหม่ของผมอยู่ ความคิดของเขาล่องลอยออกไปอย่างกู่ไม่กลับแล้ว
'กอดไว้ก็น่าจะอุ่น ถ้าเข้าไปซบก็น่าจะนุ่ม ขอยืมมานอนหนุนซักคืนได้รึเปล่านะ'
"…"
บางทีผมอาจจะไม่ใช่แค่หักเงินเดือนเขานะ ผมไล่เขาออกข้อหาลวนลามอัลฟ่าทางความคิดได้มั้ย
อีสต์ฟุ้งซ่านอยู่หลายวินาทีถึงค่อยสะดุ้งรู้สึกตัวว่าไม่ได้ทำการต้อนรับอย่างสมควร
"ท่านนิก มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้ขอรับ"
"แล้วนั่นนายทำอะไรอยู่น่ะ"
"ก็...พักผ่อนน่ะขอรับ" อีสต์ตอบพลางหัวเราะแห้งๆ เหงื่อแตกเต็มหลัง
'ข้ามาพักผ่อนจริงๆ ไม่ได้โกหก พักกับสาวๆสวยๆ ในมุมมืด อุ๊บ'
ผมหรี่ตาอ่านเข้าไปในใจ แล้วเห็นรอยแยกข้างใน ตราประทับของอีสต์เองก็อ่อนลงแล้ว เช่นเดียวกับคนอื่น และด้วยตำแหน่งเกี่ยวข้องกับฝ่ายในของอีสต์จึงเป็นตำแหน่งที่มีคนมาติดสินบนมากที่สุดในทุกๆเรื่อง
แสดงว่าที่เวสต์หัวเสียอาจเป็นเพราะแบบนี้ก็ได้ ผู้คนที่ตราประทับอ่อนลงเริ่มติดสินบนเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีสต์เองก็รับสินบนอย่างสบายใจ เพราะเขาคือคนกำหนดกฏเกณฑ์ของฝ่ายในโดยที่เวสต์ไม่อาจยุ่งเกี่ยว ทั้งการติดสินบนก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วย การจะไม่มีบทลงโทษก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
อีสต์คงรู้สึกถึงอำนาจที่ตัวเองไม่เคยมีมาก่อน ผมเข้าใจที่มาที่ไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ในเมื่อนี่คือทางที่ผมเลือก ผมก็ยังไม่อยากไปควบคุมบังคับอะไรตอนนี้ ผมยังอยากรอดูว่าวิถีชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไปเช่นไร อาจเลวร้ายอย่างที่เวสต์บอก หรืออาจจะไม่ใช่
'ทะท่านนิกจ้องข้าขนาดนี้ หรือว่าท่านนิกจะชอบข้าเข้าซะแล้ว?'
อีสต์ยืนบิดตัวไปมา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับตัวเอง ทำเอาผมเริ่มเพลียกับการอ่านใจเขาละ
"แล้วไม่ทราบว่าท่านนิกมาที่นี่ทำไมหรือขอรับ? มีอะไรให้ข้าน้อยช่วยขอรับ"
"ไม่มีอะไร ผมแค่มาดู"
"ดูคุก? ท่านนิกหานักโทษคนไหนอยู่หรือขอรับ"
"...ก็เปล่าหรอก แค่ผ่านมา"
เหอ? อีสต์ทำหน้างง แต่เขาก็รู้กาลเทศะโดยไม่ถามอะไรยุ่มย่าม และเลือกที่จะทำหน้าที่ไกด์นำทางให้ผมด้วยใจพร้อมบริการสุดๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดี เพราะผมเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากมาที่นี่ในวันนี้
อาจเพราะอีกไม่นานจะเป็นวันรับศึกสำคัญแล้ว ผมจึงอยากมาเห็นที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย
ห้องพักแห่งแรกของผม
ในวันเริ่มต้นศักราชของอัลฟ่ารุ่นที่ 46 ราชาอิกไนท์ขึ้นเถลิงบัลลังค์อำนาจ ตัวแทนจากดาวต่างๆทั่วดาราจักรต่างมาพร้อมกับของขวัญล้ำค่าที่มอบแด่อัลฟ่าคนใหม่ อันประกอบด้วยแร่ล้ำค่า อาวุธพิศดาร ตำราเก่าแก่ และบางครั้งก็คือเหล่าทาสหายาก
ทาสโอเมก้าร่างเล็กๆนั่งอยู่บนพื้น มันไม่จำเป็นต้องถูกล่ามโซ่ ไม่จำเป็นต้องเฆี่ยนตี แววตาของมันเลื่อนลอย ความคิดกระจัดกระจายเหมือนหมอกเมฆ
โอเมก้าพันธ์ุพิเศษที่สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อันแสนธรรมดา บทบาทของธรรมชาติที่พวกมันต้องแบกรับ
วันหนึ่ง ดาวดวง ณ ขอบดาราจักรได้ค้นพบว่าตัวเองไม่มีทรัพยากรใดๆที่ล้ำค่าพอจะไปทำการค้ากับดาวดวงอื่นได้เลย นอกจากขายประชากรของตัวเองแลกกับกำไรมหาศาล
พวกเขาทำการเพาะพันธ์ุโอเมก้าพันธ์ุพิเศษขึ้นมา ตัดต่อพันธุกรรมให้โดดเด่น สร้างคุณสมบัติให้ทนทาน พร้อมด้วยคุณสมบัติอื่นๆที่ส่งเสริมหน้าที่ของมัน เพื่อส่งทั้งเป็นของขวัญที่อัลฟ่าดาวอื่นๆชอบใจ และส่งขายเป็นสินค้า เพราะลูกที่ออกมาจากโอเมก้าพันธ์ุนี้ จะไม่ใช่เผ่าพันธ์ุของมัน แต่ขึ้นกับเผ่าของอีกฝ่ายทำให้เหมาะจะนำมาดำรงเผ่าพันธ์ุ และสามารถส่งเป็นของขวัญให้ใครก็ได้ ส่วนภายนอกจะดัดแปลงให้มีลักษณะแบบใดก็แล้วแต่ความชอบ
"น่ารักจนรังแกไม่ลงเลยนะ นิก"
ผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมท่านไนท์ถึงพูดแบบนี้ แต่พอคิดดูอีกทีมันก็ชัดเจนมากทีเดียว
เพราะผมคือโอเมก้าพันธ์ุพิเศษ เป็นของขวัญเพื่อช่วงเวลาพิเศษของอัลฟ่า
…
"อันนี้เป็นคุกด้านในสุดแล้วนะครับ ท่านนิก"
ผมมองพิจารณาคุกตรงหน้าอยู่นาน จนอีสต์เริ่มเหงื่อตก เขาเริ่มคิดหวาดระแวงว่า 'ท่านนิกมาดูคุกเพื่ออะไรกันนะ และหวังว่าคุกนี้จะไม่ใช่สำหรับเบต้าที่ทำผิด อู้งาน โดดเวรใช่มั้ยนะ?'
"หรือรับสินบน?" ผมเอ่ยต่อ ทำเอาอีสต์หน้าซีด อ้าปากพะงาบๆแต่ไม่มีเสียงลอดออกมา
เวสต์เริ่มเปลี่ยนไป...
อีสต์ก็เริ่มเปลี่ยนไป...
เบต้าทุกคนกำลังเริ่มเปลี่ยนไป ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น หรือจะกลายเป็นสิ่งอื่นใด ก็ไม่ใช่สิ่งที่อัลฟ่าจะคาดเดาได้อีกแล้ว
เหมือนตัวผมเอง ท่านไนท์ก็คงไม่รู้เช่นกันว่าผมจะกำเนิดขึ้นมาใหม่ในรูปแบบไหน จะยังเชื่อฟังคำของท่านอยู่อีกมั้ย
"จงเป็นอัลฟ่าที่แตกต่าง นิก ทำได้ใช่มั้ย"
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นอะไร รู้เพียงแต่ว่า...
ผมแปลงเป็นร่างโอเมก้าและก้าวเข้าไปในที่อยู่เดิม คุกที่ท่านสร้างให้ผม...เพื่อปกป้องผมที่ไม่มีความคิดจะปกป้องตัวเอง
พวกเราไม่ได้ไร้ความรู้สึก
เราเจ็บปวดเป็น ตลอดมาเราแค่ทนกับความเจ็บปวดโดยไม่อาจต่อต้านเท่านั้นเอง
ในเวลานี้ ผมคิดถึงชีวิตเดิมๆที่มีท่านไนท์อยู่ข้างๆเหลือเกิน
…
"ทะท่านนิก ทำอะไรน่ะขอรับบบ" อีสต์กระโดดเหยงถอยไปเกือบสิบเมตรทันที
เมื่อร่างเล็กๆ ที่สูงเพียงห้าฟุตได้ปรากฎขึ้นในซี่กรง โอเมก้าราคาแพงลิบที่ใครๆก็อยากได้ไว้ครอบครอง การคงอยู่ของมันเหมือนมีอำนาจทำลายล้างสติสัมปัชญญะของเบต้าทุกคน
'ใจเย็นไว้' ผมได้ยินเสียงอีสต์ปลอบตัวเอง 'ถ้าข้าพุ่งเข้าใส่ท่านนิกตอนนี้ นอกจากจะไม่ได้ผุดได้เกิดใต้ดวงดาวแล้ว เวสต์จะตามไปซ้ำไม่ให้แม้แต่อนุภาคหลงเหลือแน่นอน'
อีสต์กำลังนึกดีใจที่ระหว่างเขากับตัวผมมีลูกกรงกั้นอยู่
'ตะแต่ว่าแววตาเศร้าสร้อย เชิญชวนให้อยากกระโดดเข้าไปปลอบโยน แล้วกดท่านนิกไว้กับพื้น... เอ้ย ไม่ใช่แล้ว โธ่ ท่านนิกจะเล่นแผลงๆอะไรก็ไม่ควรแกล้งกันแบบนี้นะ เดี๋ยว อัลฟ่าอ่านความคิดเบต้าได้นี่หน้า อ้ากก ข้าตายแน่'
แรกๆผมก็ไม่ค่อยชินกับการกระทำฉับพลัน และความคิดที่จู่ๆก็โพล่งออกมาของอีสต์เท่าไร แต่หลังๆก็เริ่มรู้สึกว่าสนุกมากทีเดียว อีสต์เหมือนเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งที่ขาวสะอาด นี่ผมคิดแบบนี้กับอีสต์จะผิดมั้ย
ผมถอนหายใจแล้วเหลือบมองอีสต์ที่เกาะกำแพงไว้ราวกับคนกำลังจมน้ำ ผมเคยอยู่ในร่างนี้ตอนสั่งการกับเวสต์ เวสต์ก็ยังพูดคุยกับผมได้ค่อนข้างปกติ แต่อีสต์ดูไม่เป็นผู้เป็นคนเท่าไร แปลว่าการตอบสนองต่อฟีโรโมนของโอเมก้าพันธ์ุนี้ขึ้นกับเบต้าแต่ละคน แต่ละระดับล่ะมั้ง
หรือเป็นเพราะว่าเวสต์ถือเป็นระดับท็อป ไอคิวสูงปี้ด ความสามารถในการควบคุมและสั่งการคนอื่นก็ดีเยี่ยม เป็นสายบัญชาการของแท้ การควบคุมตัวเองเลยสูงกว่าอีสต์ และคงจะรวมผลของตราประทับที่อ่อนพลังลงด้วย อีสต์ตอนนี้จึงดูย่ำแย่มาก
แต่อย่างไรผมก็ไม่ค่อยหวั่นอยู่แล้ว เพราะผมคืออัลฟ่าแล้วนะ ใครเข้ามายุ่มย่ามสุ่มสี่สุ่มห้า ได้ถูกฝังใต้ดวงดาวแน่นอน
"%^&0W$-# ? "
ผมได้ยินเสียงที่แตกต่างออกไป เป็นภาษาที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ผมเข้าใจได้ว่ามันเป็นความเจ็บปวด...นักโทษหรือ? คุกนี้ร้างไปสักพักแล้วไม่ใช่เรอะ? ตั้งแต่ที่ท่านไนท์พาผมออกไป แล้วนั่นคือเสียงของใคร
"นั่นใครในกรงแยกเรอะ อีสต์"
ผมสัมผัสได้ว่ามีสิ่งชีวิตหนึ่งอยู่ในกรงที่ลึกเข้าไป เมื่อเดินตามเข้าไปก็เห็นรูปลักษณ์ของมันชัดเจนขึ้น มันดูมีเอกลักษณ์โดดเด่นเตะตายิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตไหนที่ผมเคยเห็นมาก่อน
สิ่งที่ถูกล่ามและกำลังถูกเฆี่ยนตีนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ เส้นผมสีทองหมองๆกระจัดกระจายไร้ระเบียบปิดบังผิวสีกาแฟและดวงตาสีเปลือกไม้ของมันไว้บางส่วน มันไม่ได้ใส่เสื้อผ้า และยืนหลังโก่งๆอยู่ในกรง มีเพียงเสียงคำรามลอดไรฟันออกมาเป็นบางครั้ง ทั้งหมดส่งเสริมให้มันดูเป็นพวกไร้อารยธรรมจากดาวล้าหลังชัดเจนขึ้น
มันเป็นโอเมก้า ผมบอกได้ทันทีเพราะมันกำลังยืนโง่ๆให้ถูกทำร้าย ผมสัมผัสพลังชีวิตที่อ่อนแรงได้ รวมทั้งกระแสความคิดของมันที่เป็นเส้นตรงเด๊ะ ตอนนี้มันคิดเพียงแต่เจ็บปวด หิว อยากนอนเท่านั้น แต่กลับไม่มีความคิดจะสู้เอาตัวรอดเลย แม้แต่สัญชาตญาณอันเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของโอเมก้า ก็ยังมีข้อบกพร่องอีกหรือ
ไม่ใช่สิ ไม่ได้บกพร่องหรอก โอเมก้าไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่จะทำการบกพร่องด้วยตนเอง แต่มันถูกสร้างมาเป็นแบบนี้ต่างหาก ถูกสร้างมาให้บกพร่อง
"นายกำลังทำอะไรกับมัน?"
อีสต์หน้าซีด ในใจเขานึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เวสต์ เบต้าที่เขาเหม็นขี้หน้าย้ำหนักหนาแล้วว่านักโทษห้ามเอาไว้ที่นี่ให้ย้ายไปนอกเมืองทั้งหมด เขาไม่เข้าใจว่าทำไม และเห็นว่ามันลำบากลำบนที่จะขนนักโทษไปทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงยังเก็บบางส่วนไว้ ค่อยๆย้ายไปแบบไม่รีบร้อน และใช้เวลาในราชการเสพสุขบ้าง
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไม
อีสต์ด่าทอเวสต์ในใจ ที่ไม่ยอมบอกมาตรงๆว่าวันดีคืนดี ท่านนิกจะแว่บมาเดินเล่นแถวนี้ และดูเหมือนว่าจะไม่พอใจ...มากๆด้วย
'อ่า เดี๋ยวนะ ท่านนิกรู้ความคิดทุกคนนี่หน่า อ่า ชีวิตข้าคงไม่เหลือแล้ว ตำแหน่งก็คงรักษาไว้ไม่ได้ ลาก่อนพ่อแม่พี่น้อง'
อีสต์เริ่มคร่ำครวญ พยายามคิดอย่างหนักว่าจะเอาตัวรอดจากวันนี้ไปได้ยังไง
'แถมเวสต์ก็จะบึมข้าอีกที่ทำงานผิดพลาด แต่ช้าก่อนถ้าเวสต์จะบึมข้า ก็มีแต่ท่านนิกที่ช่วยได้ไม่ใช่เรอะ อือ ท่านนิกยกโทษให้ด้วย'
อืมๆ จริงๆผมออกจะชอบอีสต์นะ ความคิดความอ่านชัดเจนดี ไม่ซับซ้อนจนอ่านยากแบบเวสต์
"ผมยกโทษให้ แต่บอกมาให้ชัดๆซิว่านี่ทำอะไรกันอยู่"
อีสต์กลืนน้ำลายแล้วรีบตอบทันที
"มันเป็นนักโทษต่างดาวขอรับ ถูกขายทอดตลาดมา เราเชื่อกันว่ามันเป็นทหารเลวของดาวไร้อารยธรรมที่สูญสิ้นไปแล้ว มีไม่มากที่เหลือรอด แต่เวสต์และท่านรุ่นก่อนบอกให้เราจับมันมาวิเคราะห์เพราะมันมีบางสิ่งที่แตกต่าง ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเราได้ โดยเฉพาะพละกำลังของมัน ที่แตกต่างจากโอเมก้าของดาวเราอย่างเห็นได้ชัด ท่านรุ่นก่อนเองก็ต้องการรู้ว่า จะต้องใช้รหัสพันธุกรรมอย่างไรจึงจะสามารถสร้างโอเมก้าที่ทรงพลังเช่นมันออกมาได้ขอรับ"
แปลว่ามันถูกเอามาเพื่อทดลอง? เพื่อเลียนแบบพันธุกรรมเลยต้องมาขังมันไว้ในนี้หรือ
ท่านไนท์...
"แล้วดาวไร้อารยธรรมที่สูญสิ้นนี่หมายถึงอะไร"
"เอ่อ จากแหล่งซื้อขาย พ่อค้าที่นั่นอ้างว่ามันเป็นประชากรของระบบดาวที่ล่มไปแล้ว..."
"ซึ่งพวกเขาคาดว่าเป็นดาว?"
ผมคาดคั้นต่อ ส่วนอีสต์ก็ทำหน้าเหวอ เขาไม่ได้จะโกหกผม อีสต์แค่ไม่ได้สนใจแต่แรกเขาเลยลืมไปแล้ว พอถูกผมกดดันหนักๆ เขาก็พยายามนึกสุดชีวิต และนึกออกในที่สุด
"เป็นดาวออลเรียขอรับ"
ดาวออลเรีย...
ผมเดาไม่ผิดจริงๆ ท่านไนท์สนใจดาวดวงนั้น และประวัติศาสตร์ช่วงนั้นมานานแล้ว ระบบดวงดาวที่พังทลาย ประชาชนบางส่วนที่ทรยศราชาแล้วรอดชีวิต พวกเขาถูกรับตัวไปเป็นประชากรขั้นสองของดาวดวงอื่น ไปออกลูกออกหลานที่นั่น ทว่าก็ไร้ค่ายิ่งกว่าโอเมก้าของดาวนั้นๆ บางส่วนคงออกเร่ร่อนอย่างไร้ที่ให้กลับ ไร้ดาวบ้านเกิด และมาจบด้วยการเป็นทาสเช่นเดิม
เพราะอย่างนี้เวสต์ถึงสนใจหนังสือเรื่องแม็กซิมัสที่ผมถือมาสินะ แต่กลับไม่บอกว่ามีนักโทษคนนี้อยู่ แปลว่าตั้งใจจะตรวจสอบเองก่อน หรือไม่ก็ไม่อยากให้ผมรู้ เวสต์สามารถเก็บความลับจากผมได้ แปลว่าตอนอยู่ต่อหน้าผม เจ้านั่นต้องไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยสินะ ใช้ช่องโหว่ว่าผมไม่ถามก็ไม่บอกสินะ ลูกเล่นเยอะจริงๆ
ผมคาดโทษเวสต์ไว้ก่อน แล้วก้าวเข้าไปในกรง พิจารณาดูมันใกล้ๆ
คำบรรยายจากหนังสือที่ว่าแม็กซิมัสมีผิวสีทอง คงจะหมายถึงเฉพาะอัลฟ่ากับเบต้าที่ใกล้ชิดล่ะมั้ง เพราะโอเมก้าตัวนี้มีผิวสีเข้มเหมือนกาแฟกำลังไหม้ มีสิ่งที่คล้ายในตำราแค่เส้นผมและดวงตาสีทองที่หม่นหมองเท่านั้นเอง
แต่พอเห็นแววตาเหม่อลอยเช่นนี้ ผมก็เจ็บแปล๊บในใจโดยไม่มีสาเหตุ
"ปลดโซ่ออก..."
"ทะท่านนิกจะทำอะไรขอรับ"
"ปลดโซ่ออก!"
"ท่านนิก มันเป็นโอเมก้าทหาร และยังไม่มีตราประทับควบคุมด้วยนะขอรับ"
ผมไม่รอให้อีสต์ทำแต่พุ่งเข้าไปในกรงแล้วสั่งให้โซ่ทั้งหมดสลายไป ร่างสูงใหญ่ที่เป็นอิสระจึงกระโจนเข้าใส่เป้าหมายที่เข้ามายืนในกรงเดียวกับมัน
อีสต์อยู่ห่างเกินไปจะเข้ามาได้ทัน ในใจเขาคิดแต่ว่าเวสต์จะต้องฆ่าเขาแน่ ถ้าผมมีแผลแม้เท่าขี้ผง
"ท่านนิก!"
เบต้าอันดับหนึ่งโผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ เขาซัดพลังจิตกระแทกร่างยักษ์ออกไปจากผม มันกระเด็นไปกระแทกผนังด้านหลังดังผลั่ก แล้วครูดลงไปกองกับพื้นทิ้งรอยเลือดไว้บนผนังเป็นทางยาว
ไซโคไคเนซิส นี่มันสะดวกสบายขนาดนี้เลยเรอะ นี่คือเหตุผลที่เขาตามจับท่านไนท์ที่หนีไปไหนมาไหนได้ทันสินะ
"ท่านนิกโปรดถอยไปก่อน มันอันตราย"
เขายืนตระหง่านระหว่างผมและโอเมก้าตัวเขื่อง สีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเพ่งสมาธิเพื่อบังคับพลังจิตอยู่ เขาสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งตั้งท่าเหมือนจะลงมือซ้ำให้มันดับดิ้น
"เดี๋ยว เวสต์ มันไม่ได้จะทำอะไรผม" ผมร้อนใจรีบห้ามทัพ เพราะเมื่อกี้เข้าใจสิ่งที่มันต้องการจะสื่อแล้ว ถึงมันจะพูดคนละภาษากับผมแต่สายตาเช่นนี้ ผมเองก็เคยทำให้ท่านไนท์เห็นบ่อยๆ
"มันก็แค่...หิวข้าว"
โครก
แล้วดูเหมือนผมก็หิวด้วยเหมือนกัน