ผมกุมขมับ พยายามไล่ภาพในอดีตของอัลฟ่าที่ผมนับถือออกไป ท่านไนท์ที่ดูเจ้าสำราญคนนั้นเป็นคนที่ผมไม่ชินเอาซะเลย ไหนจะเพื่อนสนิท ไหนจะคนที่แอบอ้างว่าเป็นแฟน ดูเหมือนว่าการเป็นท่านไนท์คนใหม่คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผมอดกลืนน้ำลายและลอบใจเต้นตึกตักตลอดเวลาที่รอคอยไม่ได้ เพราะไม่รู้เลยว่าชาร์ลคนนั้นจะรู้สึกอย่างไรกับผม
เหงื่อแตกท่วมหลัง ใจสั่นพลิ้วอย่างหนักจนเหมือนจะเป็นโรคหัวใจ
ผมมองเข้าไปในกระจกที่แขวนตกแต่งริมผนัง สบกับดวงตาสีดำขลับที่คุ้นเคยก็พอจะช่วยให้สงบใจลงได้บ้าง
ก่อนมารอที่เรือนรับรองเวสต์แนะนำให้ผมออกแบบรูปร่างอัลฟ่าของผมเอง และใช้มันในการทำงานด้านการทูต รูปร่าง อัลฟ่าของผมควรจะเป็นแบบไหนผมก็นึกไม่ออกหรอก แต่ลอกแบบจากท่านไนท์มาครึ่งๆ แล้วผสมกับตัวผมเองเหมือนเลือกสูตรทำอาหาร
ผมยืนหมุนไปหมุนมาหน้ากระจกอย่างร้อนรนแล้วสุดท้ายก็ได้ออกมาเป็น ร่างอัลฟ่าแบบสำเร็จรูปในสิบห้านาทีร่างนี้
สีผมจากขาวกลายเป็นสีดำดั่งรัตติกาลเช่นเดียวกับดวงตาที่ซ่อนประกายของท่านไนท์ ส่วนใบหน้าก็ก้ำกึ่ง มีความคล้ายท่านไนท์สามในสี่ แต่ก็นับว่าดูดีได้อยู่บ้าง ส่วนที่ต่างอย่างชัดเจนคือ ความสูงที่ผมลดเหลือแค่สามในสี่ส่วนเช่นกัน เพราะผมไม่ชอบร่างสูงๆมันทำให้ผมมองพื้นแล้วตกใจ
ผมมองตาตัวเองในกระจกแล้วยิ้มอ่อน รอยยิ้มที่คล้ายท่านไนท์อยู่สามในสี่กำลังให้กำลังใจผมล่ะ
ผมพร้อมแล้ว
ตุบ
ไม่ขาดคำ เสียงรองเท้าบูท และปลายเสื้อโค้ตหนาหนักสีแดงเลือดนกก็ถูกทิ้งลงมากระทบพื้นพร้อมร่างของบุรุษสูงใหญ่ที่เหยียบยืนอย่างมั่นคง เกิดแรงสะเทือนเบาๆเป็นระลอกจนฝุ่นรอบๆตลบฟุ้ง
ผมตกใจ แต่ก็รีบตั้งสติหรี่ตาเพ่งมองเข้าไปในภาพมัวๆตรงลานหินหน้าเรือนรับรอง แล้วภาวนาอย่าให้แขกผู้นี้อารมณ์เสียจากสภาพอากาศแห้งที่ผมยังควบคุมไม่ได้เลย แต่เคราะห์ดีที่ฝุ่นไร้มารยาทกระจายตัวอยู่ไม่นานก็สลายตัวไป
ตัวเขาใหญ่มากทั้งที่ในความทรงจำตัวเขาไม่ได้ต่างจากไนท์เท่าไรเลยด้วยซ้ำ แต่ตรงหน้าผมตอนนี้ กลับเป็นชายร่างยักษ์ ที่สูงจนผมเกรงว่าเขาจะผ่านประตูหน้าเข้าไปในเรือนรับรองไม่ได้ ซ้ำยังล่ำบึกไปทุกส่วนดั่งนักรบกล้า กล้ามแขนที่เห็นเป็นลำๆชัดเจนมีเส้นเลือดปูดโปนจนน่าเชื่อว่าสามารถฉีกผนังเรือนรับรองได้เหมือนฉีกกระดาษเยื่อไผ่ษาระ ช่างไม่น่าเชื่อเลยว่าปลายนิ้วแบบนี้จะสามารถจับปากกาแท่งน้อยและเขียนอย่างวิจิตรงดงามบนกระดาษที่บอบบางแบบนั้นได้
ชุดของอัลฟ่าดาวโฌฌอนยังเป็นผืนผ้าหนาหนักแบบเดิม เสียงลากชายเสื้อโค้ตดังครืดคราดจนเหมือนเขาแบกหินไว้บนบ่าเพื่อฝึกวิชา ส่วนสีผมสีส้มก็ยังสดใสไม่ต่างจากในอดีตเท่าไร แต่ที่ต่างคือหัวตัวอะไรไม่รู้ที่ประดับบนบ่าของเขา เป็นศีรษะของสัตว์ประเภทหนึ่งที่ทำสีหน้าเหมือนกำลังกรีดร้องขอชีวิตในวาระสุดท้าย เอ่อ หรือนี่จะเป็นวิธีการขู่ขวัญแบบหนึ่ง?
ผมขอตัวช่วยด้วยการกดเรียกเวสต์กลับมาก่อนได้มั้ย ไม่ได้สินะ งั้นช่างมัน ตายเป็นตาย ผมต้องเอ่ยปากแล้ว
"สะสวัสดีครับชาร์ล...ยินดีที่ได้พบ เหวอ"
อัลฟ่าดาวโฌฌอนยกผมเหมือนหยิบชิ้นขนมปังขึ้นจากตะกร้า อันที่จริงผมว่า เขาเอานิ้วก้อยนิ้วเดียวเกี่ยวคอเสื้อผมก็คงยกขึ้นได้เหมือนกัน
"จำได้ใช่มั้ยไนท์ว่าครั้งก่อนเอ็งรับปากอะไรข้าไว้"
ชาร์ลสะบัดผมหยิกฟูให้พ้นจากใบหน้า แล้วหรี่ตามองรอคำตอบ ผมได้แต่เหงื่อตกรีบส่ายหน้าเป็นพัลวล
เขาเลิกคิ้ว ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมา เช่นเดียวกับดวงตาสีเหลืองของหัวสัตว์มีขนบนบ่าของเขา แล้วชาร์ลก็ทำหน้าประหลาดใจ พลางเกาหัว
"ทำไมวันนี้รู้สึกว่าเอ็งไม่ค่อย 'แอ๊บ' เลยนะ"
แอ๊บ? ผมกะพริบตาปริบๆ คำนี้แปลว่าอะไร แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ ขาร์ลก็ยกฝ่ามือหนาใหญ่ขึ้นเหมือนสัตว์ร้ายจะตะปบเหยื่อ
และ...ลูบหัวผม?
"เป็นไนท์คนใหม่สินะ"
เขาเอ่ยด้วยความอ่อนโยน น้ำเสียงช่างแตกต่างจากภาพลักษณ์ดั่งฟ้ากับเหว
"ดีแล้วล่ะที่เอ็งไม่เอาข้อเสียของไนท์คนเดิมติดมาด้วย" ชาร์ลพ่นลมหายใจยาวเหยียด เคาะหัวผมเป็นทีสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าไปในเรือนรับรอง เลือกที่จะทิ้งตัวลงบนโซฟากำมะหยี่ที่ให้สามคนนั่ง แต่กลับรองรับเขาได้อย่างพอดิบพอดีราวนัดแนะกันมา
"นั่งสิ มากินด้วยกัน"
อัลฟ่าดาวโฌฌอนเกี่ยวหูถ้วยชาถ้วยน้อยขึ้นมาจิบอย่างเบามือและเริ่มต้นลิ้มรสเมนูอาหารว่างที่เขาเขียนสั่งมาอย่างครบถ้วน เขาดูอารมณ์ดีขึ้นหลายส่วน
ผมเดินตามไปนั่งฝั่งตรงข้ามแบบกล้าๆกลัวๆ ลูบปอยลมหลายปอยที่ใกล้ไปกำเนิดใหม่ แล้วกลั้นใจถามออกไป
"คุณไม่รังเกียจที่ผมไม่ใช่ไนท์คนเดิมเรอะครับ"
"หืม?" ชาร์ลเลิกคิ้ว "ถามข้าก่อนดีกว่ามั้ยว่าไนท์คนก่อนมีตรงไหนไม่น่ารังเกียจบ้าง"
อ้าว
"แต่ถ้าถามว่าตอนนี้เอ็งน่ารังเกียจมั้ย" ชาร์ลเอื้อมมือมาจับหน้าผมหันไปมา หมุนคอจนครบทุกมุม เหมือนพิจารณาสินค้า
"ก็ไม่เท่าไรว่ะ"
อุ๊ก ผมน่ารังเกียจน้อยกว่าท่านไนท์เรอะ ผมควรดีใจมั้ยนี่
ชาร์ลหัวเราะเฮอะๆ แล้วขยี้รากผมบนหัวผมอีกรอบ
"มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่อัลฟ่าเกิดใหม่มักจะชำระล้างตัวเองให้เกิดในร่างใหม่ไปด้วย ล้างความทรงจำออกจากร่าง แล้วเริ่มต้นใหม่ เพราะงั้นถ้านี่คือสิ่งที่เจ้าบ้านั่นเลือก ข้าก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อย่างไรเอ็งก็เป็นทายาทของไนท์อย่างแน่นอน แค่มองตานี้ข้าก็รู้แล้ว"
เขาชี้ที่ดวงตาของผม ดวงตาที่เป็นสีดำแทรกด้วยประกายมรกตระยิบระยับเหมือนดวงดาวแบบที่ผมเห็นในแววตาของท่านไนท์ทุกค่ำคืน คำตอบนี้ทำให้ความหวั่นเกรงในช่วงแรกของผมถูกปัดเป่าออกไปสิ้น
พี่ใหญ่! ผมขอเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ได้มั้ย ผมกู่ร้องในใจอย่างลิงโลด
"ส่วนตัวข้าก็แค่ประหลาดใจเท่านั้นเอง"
"ประหลาดใจเรอะครับ?"
ชาร์ลกระดกชาจนหมดถ้วย แล้วยกทั้งกาขึ้นกระดกเหมือนการเทใส่ถ้วยไม่ทันใจ เขาดื่มชาจนเมามายได้อย่างอัศจรรย์แล้วพึมพำกับตัวเอง
"ข้าประหลาดใจที่มันตัดใจได้แล้ว หรือไม่มันก็คงทนไม่ได้ ต้องตรอมใจจากไปแบบนั้นล่ะมั้ง?"
เขาจมอยู่ในความคิดตัวเองครู่ใหญ่ จนผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
ชาร์ลดูจะเป็นห่วงท่านไนท์นะ แต่แน่นอนว่าการยกพลังให้กับโอเมก้าก็เป็นอีกเรื่องร้ายแรงหนึ่งที่ห้ามให้คนนอกหรือคนของภาคีรู้เด็ดขาด ดังนั้นผมจึงไม่อาจบอกชาร์ลได้ว่า ผมไม่ใช่ท่านไนท์ที่ชำระล้างตัวเองมากำเนิดใหม่ แต่เป็นอดีตโอเมก้าที่แหกคอก
ผมน่ะ...กำลังหลอกเพื่อนสนิทของท่านไนท์อยู่หรือเปล่า?
กรี้งง
ผมสะดุ้งเฮือก มอกไปรอบๆตัวก็เห็นสัญญาณเตือนภัยเปล่งแสงเป็นสีชมพูเจิดจ้ารอบทิศ ผมคิดว่ามันเป็นสัญญาณเตือนฉุกเฉินจากศูนย์บัญชาการนะ แต่ไอ้สีชมพูแบบนี้มันคือเตือนภัยอะไรกันแน่ หรือแค่ซ้อมหนีไฟอะไรแบบนั้น?
ผมตกใจไม่รู้ว่าต้องทำอะไร แต่ชาร์ลกลับยังใจเย็น สงบนิ่ง แล้วถอนใจส่งท้ายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหน่วงกว่าเดิมมาก ดูเหมือนชาร์ลจะเปลี่ยนจากการขากถุยน้ำลายเป็นการถอนหายใจเวลาสนทนากันเสียแล้ว
"พูดถึงก็มาเลยนะ ข่าวนี้ติดจรวดข้ามจักรวาลไปได้ไวจริงๆ"
"ชาร์ลหมายถึงอะไรเรอะครับ"
ผมแอบถามเลียบๆเคียงๆ หวังว่าจะได้คำอธิบาย เพราะตอนนี้อัลฟ่าคนใหม่อย่างผมเจอสัญญาณสีชมพูจนแสบตานี้เข้าไป ก็งุนงงจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
แต่ชาร์ลกลับกรอกตามองบนเหมือนผมถามอะไรที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
"นี่ก็โจทก์เก่าเอ็งไง ไม่สิโจทก์เก่าของไนท์คนก่อน"
นี่ท่านไนท์ไปมีโจทก์อะไรที่ไหนด้วยเรอะ ไม่ใช่ว่าท่านไนท์ออกจะ...เบต้าเขาชอบใช้คำว่าอะไรนะ 'ป๊อบปูล่า'? ในหมู่ดาวต่างๆไม่ใช่เรอะ ท่านเคยบอกว่าท่านเป็นอัลฟ่าที่โดดเด่นและเป็นที่อิจฉาของราชาหลายๆคนเลยนะ
สงสัยคงต้องหมายเหตุไว้สักหน่อยว่านี่เป็นข้อมูลที่ท่านไนท์เล่าให้ผมฟังเอง ไม่ใช่ว่าผมคิดว่าท่านโม้นะ แต่ท่านอาจจะแค่ยังเล่าไม่ถึงโจทก์เก่าที่ว่าก็ได้
ผมพยักหน้ารับรู้ ทั้งๆที่ไม่ได้เข้าใจอะไรมากขึ้น ชาร์ลเองก็อ่านสีหน้าผมออก เขาถอนหายใจเป็นครั้งที่สาม
"เอ็งคนก่อนทำข้าต้องขากเสล็ดทั้งวัน ส่วนเอ็งคนนี้ก็ทำข้าถอนหายใจทั้งวัน เฮ่อ ข้าควรทำยังไงกับเอ็งดีนะ"
ผมหัวเราะแห้งๆ
"เออ เอาเถอะ ข้าจะช่วยด้วยก็ได้ ส่วนเอ็งก็ทำตัวเป็นไนท์ให้เนียนๆล่ะ เพราะโจทก์เก่าของเอ็งอาจจะไม่ได้ยอมรับเอ็งที่กำเนิดใหม่ได้ง่ายๆ"
ในวินาทีนั่นผมดีใจจนบรรยายไม่ถูกเลย แค่พี่ใหญ่บอกว่าจะช่วยผมก็เหมือนเจอทางรอดออกจากหลุมดำแล้ว ผมโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่ เป็นการตอบแทน
"ขอบคุณครับ พี่ใหญ่ "
"พี่ใหญ่?" อัลฟ่าดาวโฌฌอนเลิกคิ้ว
"เอ่อ ผมขอเรียกชาร์ลแบบนั้นได้มั้ยครับ"
"ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกนะ แต่ว่า..."
ชาร์ลเกาหัว รอยย่นบนหน้าผากทบกันหนาขึ้นเหมือนกำลังหนักใจ
"อัลฟ่าดาวเฟลม่ารุ่นที่ 47..."
"ครับ" ผมขานรับอย่างว่าง่าย
"เอ็งน่ะ จำไว้อย่างหนึ่ง..." เสียงของชาร์ลล้ำลึก ดวงตาลุกวาวเหมือนกำลังพูดเรื่องที่สำคัญมาก
"ไนท์น่ะเป็นสายผู้ล่า เขาไม่ทำตัวเป็นเหยื่อแบบนี้ เข้าใจไว้ซะ ถ้าเอ็งอยากเอาตัวรอดได้"
อ่า ผมโดนพี่ชายคนใหม่ดุซะแล้ว